ความรู้สึก
ก็ขึ้นชื่อว่าความรัก ความรักในชีวิตจริงไม่มีอะไรเเน่นอน
ผู้เข้าชมรวม
261
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ผมกับซินเริ่มคุยกันน้อยลง น้อยลง จนกระทั้งความรู้สึกของผมบอกว่า ผมและซินกำลังจะกลายเป็นคนอื่น คนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน หลังจากจบคอนเสิร์ตเนสเล่ผมขับรถไปส่งซินที่บ้าน
“แล้วเจอกันนะนัทดูแลตัวเองดีดีละ”
“ครับ แล้วผมจะโทรหานะ ฝันดีครับ”
นั้นคือประโยคสุดท้ายของการพูดคุยแบบเจอหน้ากันของทั้งผมและซิน และหลังจากนั้นเราโทรคุยกันบ้าง เจอกันบ้างในบางครั้งบางคราว ถึงผมเองจะอยากเจอซินทุกๆวันก็ตาม แต่ด้วยความที่เขามีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวค่อนข้างสูงถึงสูงมาก ซึ่งมันต่างกับผมโดยสิ้นเชิง ไอ้ผมมันคนของสังคม ปาร์ตี้ เพื่อนฝูง จะให้ผมมานั่งวาดรูป ฟังเพลง มองท้องฟ้าไปมาทั้งวันผมทำไม่ได้หรอก ดังนั้นผมจึงเริ่มออกไปตามคำชวนของพี่ๆในวงการ ออกไปกับเพื่อนบ้างตามภาษาคนอยู่ไม่ติดบ้าน แต่เห็นอย่างนั้นผมก็โทรหาซินตลอดนะครับ เพราะรายนั้นถ้าบ้านไฟไม่ไหม้ ขโมยไม่ขึ้น หรือเกิดเหตุร้ายแรง เขาคงไม่โทรหาผมแน่ๆ นอกเสียจากเขาจะคิดถึงผมจนทนไม่ไหวซึ่งมันก็เหมือนกับการรอให้หมาอออกลูกเป็นควายแหละครับ เราคุยกันเหมือนเดิมตามปกติ เป็นผมเองเสียมากกว่าที่ชวนเขาคุย จนกระทั่งเหมือนผมไม่สามารถหาคำใดมาคุยกับเขาได้อีก เรื่องอะไรที่ผมจะคุยต่อไป
เป็นผมเองที่กลัวเขาเบื่อ
เป็นผมเองที่เริ่มโทรหาเขาน้อยลง
และเป็นผมเองที่เริ่มหายไปจากเขา และเหมือนฟ้าจะเล่นตลกกับหัวใจผมหรือสงสารหัวใจที่เหงาเกินไปกันแน่ เขาส่งผู้หญิงคนหนึ่งมาให้ผม เราคุยกันถูกคอ และเขาเป็นคนที่น่ารักคนหนึ่งและที่สำคัญเขาตรงสเป็คผมครับ และมีเหรอครับที่ผู้ชายอย่างผมจะไม่รู้สึกอะไร หลังจากวันนั้นที่เราเจอกันผมก็เจอเธอมากขึ้น บ่อยขึ้น จนวันนี้ผมเรียกสถานนะผมและเธอได้เต็มปากว่าแฟน ใช่ครับ แฟน เธอคือแฟนของผม ผู้หญิงที่เขามาเติมวันเหงาๆของผมให้มีชีวิตชีวา เธอเป็นแฟนผมในขณะที่ผมยังมีใครอีกคนในใจ ผมตัดสินใจโทรหาซินในวันนั้น หลังจากกลับจากกินข้าวกับเธอมา ซินนิ่งเงียบอยู่นานหลายนาทีจนผมใจหาย
“อืมซินรู้แล้ว…แต่ซินรอให้นัทบอกซินเอง”
ในน้ำเสียงซินไม่ได้โกรธผม ไม่มีความไม่พอใจอยู่ในเนื้อเสียงแม้แต่น้อย มีแต่ความว่างเปล่า ว่างเปล่าจนผมกลัว ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมบอกเรื่องซินกับผู้หญิงคนอื่น ผมเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่ชอบผู้หญิงสวย เจ้าชู้กับคนที่เข้ามาเล่นด้วยกับผม แต่ผมยังยืนยันกับตัวเองว่าไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาในพื้นที่ที่ผมเก็บไว้ให้ซินแม้สักคน ซืนคือเพื่อน พี่ชาย น้องชาย และคนที่ผมอยากดูแล แต่ผมกลับเรียกซินว่าแฟนไม่ได้เต็มปากสักครั้ง เหมือนซินมีกำแพงที่หนาและสูงปิดกั้นตัวเองไว้ออกจากผู้คนและผมตลอดเวลา มีหลายครั้งที่ผมคิดว่าผมสามารถทำลายกำแพงนั้นได้สำเร็จแต่วันรุ่งขึ้นกำแพงนั้นกลับก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนผมต้องทำลายมันทุกวัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนผมเหนื่อย….. แต่ผมไม่เคยไม่มีวันไหนที่ไม่อยากรู้สึกทำลายมัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนกำแพงนั้นมันหนาและสูงเกินไปกว่าที่ผมจะทำลายมันได้ รึเปล่า ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ ต่างกับเธอคนนั้นที่เข้ามาหาผมอย่างง่ายดายและสบายใจทุกครั้งที่ผมอยู่ด้วย ทุกวันนี้ผมรับจ้างสอนกีต้าเป็นงานอดิเรกระหว่างรองาน งานของ singular ไม่ใช้งานของ นัท โชวติวุฒิแค่คนเดียว ผมพยายามทำให้ตัวเองยุ่งตลอดเวลาแทนการนั่งอยู่เฉยๆและคิดแต่เรื่องของซิน ทุกวันมีลูกศิษย์หน้าเก่าและหน้าใหม่ให้ผมได้ผบเจอ มันคืออีกอาชีพที่ผมรักและมีความสุขที่ได้ทำมันและทำมันได้ดี เช่นเดียวกับ การเป็นมือกีต้าของวง singular หลายช่วงเวลาที่ผมหยิบกีต้าคู่ใจขึ้นมาและมักเรียบเรียงทำนองที่คิดว่ามันน่าจะใช้ในวงของเราได้ เพลงของเรา แต่ผมก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเพื่อนร่วมวงของผมเลย จนผมคิดว่าถ้าผมไปเจอเขาอีกครั้งผมอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา หรือเป็นผมเองที่คิดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม ผมไม่อยากคิดอย่างนั้น ผมเดาไม่ออกว่าเรื่องราวของเราจะเป็นอย่างไรและไปในทิศทางไหน ตอนนี้ผมเองก็มีแฟน ชีวิตของผมถูกเติมเต็มด้วยเธอในทุกวัน ผมกับซินไม่ได้เลิกกัน และเป็นผมเองที่ไม่รู้ว่าเราเคยคบกันไหม แต่ผมยังรอ รอการกลับไปของเรา ของวง singular เสมอ
ปล. ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างกลับไปเป็นเพื่อนซินเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความรู้สึกดีๆต่อเขาแล้วนะ เพราะผมรู้สึกว่า เพื่อนมันไม่มีทางเลิกเป็นได้เหมือนแฟนรึเปล่า…. ผมอยากมีเขาตลอดไปและอยากมีเขายืนร้องคู่กับผมบนเส้นทางสายดนตรีที่ทั้งเขาและผมรักเหมือนเดิม
บันทึกของนัท singular
ผมวางปากกาลงบนโต๊ะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเขียนบันทึกลงบนสมุดเพื่อระบายความรู้สึกแทนการเล่นกีต้า ผมมานั่งเขียนหลังจากที่ผมโทรไปหาซิน บอกเรื่องราวของผม และ เธอให้ซินฟัง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่นานนานจนผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ผมมองเห็นเมฆเคลื่อนตัวไปมาจนกระทั้งเมฆลอยออกไปจนเห็นดวงดาว ดาวที่สุขสว่างอยู่เพียงดวงเดียวท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย ดาวที่สว่างกว่าดวงไหนๆบนท้องฟ้า…..เหมือนกับซิน
นี่เป็นเวลาที่ผมควรจะพาตัวเองเข้าบ้านแล้วรึเปล่าแต่ผมทำอะไรอยู่ ผมกลับนั่งมองท้องฟ้าพร้อมกับหูฟัง Headphone อันใหญ่ที่ผมใส่ไว้และปล่อยให้ตัวเองล่องลอยเหมือนกับก้อนเมฆหลังจากที่ผมวางโทรศัพท์จากนัท ผมคิดเรื่องของเขาซ้ำไปซ้ำมา ผมเหนื่อยจัง เหนื่อยที่จะต้องคิด ผมมีเวลาว่างเหลือเฟือจากการทำงานที่แสนหนักหน่วงตลอดสองปีที่ผ่านมา ของsingular แต่ทำไมผมกับรู้สึกเหนื่อย และไม่สุขใจเท่ากับเมื่อสองปีก่อนเลย ตอนนี้ผมได้พักแต่ผมกับรู้สึกว่าทุกคืนมันช่างยาวนาน….นานเกินไป ย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของผมมันเหมือนกับฝันที่วิเศษณ์ที่สุดที่ผมฝันไว้แสนนาน ผมได้เดินตามความฝันของตัวเอง ผมกลายเป็นนักร้องที่มีคนมากมายรู้จักและดังชั่วข้ามคืน ผมมีช่วงเวลาที่จะจดจำไปชั่วชีวิต และมีความสุขกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมทุกครั้งที่ผมร้องเพลง นัท เพื่อนร่วมวงของผมเอง แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่ผมคิดว่ามันจะเป็นตลอดไปกลับกลายเป็นไม่ตลอด
ความสุขกลายเป็นความเศร้า
ความรักกลับกลายเป็นเหงาสุดหัวใจ ผมจึงเริ่มรับงานนอกที่เข้ามาติดต่อผมนอกเหนือจากการเป็นนักร้องของวง ผมแต่งเพลงที่ชื่อว่าเยียวยา ตอนแรกที่ผมได้อ่านบทที่ทางนั้นส่งมาให้ ผมกลับเขียนเพลงนี้ได้ออกมารวดเร็ว ผมยอมรับเลยว่าเกือบครึ่งหนึ่งของอารมณ์เพลงผมเขียนออกมาจากความรู้สึกของผมเองล้วนๆผมกลับคิดว่าผมถ่ายทอดความรู้สึกของผมมากกว่าการพยายามที่จะถ่ายทอดตัวละครในเรื่องเสียอีก ผมเขียนเพลงทุกเพลงจากประสบการณ์ที่ผมพบเจอ ผมชอบออกไปมองท้องฟ้า ไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อหาแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง ตั้งแต่เพลง 24.7 เบาๆ ลอง และอื่นๆอีกหลายเพลง บางเพลงใช้เวลาไม่กี่นาทีหรือชั่วโมงในการแต่งเพลง แต่บางเพลงกลับใช้เวลาเป็นปีๆ แต่ผมรู้สึกว่าทุกเพลงที่อยู่ในอัลบั้มของผมไม่ว่าจะเป็นชุดหนึ่ง หรือ สอง มันเหมือนกับการถ่ายทอดช่วงเวลาของเราทั้งสองคนทั้ง ผม และนัท จนกระทั่งอัลบั้มชุดที่สองเพลงแรกที่ผมตั้งใจที่จะปล่อยให้แฟนเพลงได้ฟังคือ นิรันดร์ เพราะผมไม่รู้ว่าเส้นทางสายดนตรีระหว่างผมและนัทมันจะยาวนานสักเท่าไหร่ รวมถึงเรื่องความรักก็ด้วย ตั่งแต่ผมเริ่มรู้สึกพิเศษกับนัท ทุกวันของผมมีแต่ความสุขและพบเจอสิ่งต่างๆมากมาย เหมือนเขาพาผมไปเจอโลกอีกใบที่มีแต่เสียงหัวเราะ แต่นานวัน ความสุขเหล่านั้นมักมาพร้อมกับความหวาดระแวง หวั่นใจ และไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมเองเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องผู้หญิงของนัท ถึงเขาจะพร่ำบอกกับผมเสมอว่า ในพื้นที่ของหัวใจเขา เขาเก็บไว้ให้ผมแล้ว พื้นที่นั้นจะมีแต่ผม แต่ถ้าวันนี้ผมยังอยู่ในพื้นที่ที่นัทให้ผมอยู่ที่เดิมแต่เป็นนัทเองที่ย้ายตัวเอง ไปอยู่ที่ใหม่ ที่ที่ไม่ใช่
ที่ของผม แล้วผมจะทำอย่างไรดี ผมควรจะออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะล๊อคกุญแจขังผมดีไหม?
ยิ่งนัทพร่ำสัญญากับผมมากไหร่เขายิ่งกลับรู้สึกกลัวมากเท่านั้น จนสุดท้ายผมคิดว่าคำว่านิรันดร์มันไม่มีจริง…ไม่มี
และวันหนึ่งนัทบอกกับผมเรื่องผู้หญิงคนใหม่ คนแล้วคนเล่าที่เขาบอกกับผม….แต่ครั้งนี้ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมด้วยอาจเพราะไม่เจอหน้ากัน ไม่ได้มีงานเหมือนที่ผ่านมาเลยทำให้ผมและเขาเป็นกันอยู่ทุกวันนี้ อยู่ในสถานนะ ไหน แฟน คนรู้ใจ คนรัก ผมไม่อาจเดาสถานะตัวเองได้เลยแม้แต่คำว่าเพื่อนผมยังจะใช้กับนัทได้อยู่อีกไหม จุดยืนของผมหรือเขากันแน่ที่เปลี่ยนไป ยอมรับว่าผมรู้สึกเหงาเหลือเกินตอนทัวร์โปรโมทภาพยนตร์ที่ผ่านมา ถึงจะมีแฟนคลับคอยเชียร์และให้กำลังใจผมเหมือนเดิน ผมยิ้ม และร้องเพลงเหมือนทุกครั้ง ผมยังใช้นามสกุล singular ในการโปรโมต ผมร้อง ร้องโดยไม่มีมือกีต้าข้างกาย ผมยอมรับครับว่าผมทำได้ เพราะมันคืองาน คือการร้องเพลง มันคือสิ่งที่ผมรัก แต่ผมแค่รู้สึกไม่อบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ขึ้นเวทีเท่านั้นเอง ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันอาจชินชา จนกลายเป็นด้านชาแล้วก็ได้ ผมสามารถมองท้องฟ้า ดูดาว และเดินเรื่อยเปื่อยได้เป็นวันๆ ผมอยู่คนเดียวผมอยู่ได้ แต่นัทต่างจากผม นัทอยู่ได้และมีความสุขเมื่อมีคนข้างกายซึ่งคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผมอีกต่อไป มันอาจจะเป็นทางที่ถูกสำหรับเขาแล้วก็เป็นไปได้ ผมไม่รู้ว่าอนาคตของวง singular จะเป็นอย่างไร จะมีวงนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ผมตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกับที่ผมตอบไม่ได้ว่านัทและผมอยู่ในสถานนะใด แต่ความรักความผูกผันที่ผมมีต่อเขาและวงมันไม่จางหาย ผมยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เราเป็น singular แต่ผมไม่มั่นใจในความรู้สึกของทั้งเขาและตัวผมเองว่าเมื่อยืนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ผมยังจะมีความสุขเหมือนที่เคยผ่านมาไหม แต่ผมจะพยายามลองดูอีกสักครั้ง เพื่อแฟนคลับ เพื่อผม และเพื่อนเรา
ผมสูดหายใจเข้าช้าๆอีกครั้งเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าบ้าน ระหว่างเดินผมกดมือถือไปเรื่อยเปื่อยเช็คข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างๆ จนกระทั้งผมเจอภาพดิสไลด์ของนัท ภาพของผู้หญิงคนนั้นและตัวนัท ผมเปิดดูรูปนั้นด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ผมไม่โกรธ หรือรู้สึกเสียใจแม่แต่น้อย บางทีผมอาจจะถูกมาเพื่อให้นัทรู้สึกรัก แต่ผมอาจจะไม่ได้ถูกมาเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่กับนัทก็ได้ ผมยังเชื่อในความรักเสมอ
ก็ขึ้นชื่อว่าความรัก
ความรักในชีวิตจริงไม่มีอะไรแน่นอน
ใจมันอ่อนแอแพ้ความรัก
เพิ่งรู้ว่ารักในชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในนิยาย
ใครจะบอกได้ว่าเราควรหยุดพักหรือไปต่อ
อย่าท้อถ้าเธอทำดีที่สุดแล้ว
คงมีสักวันที่ความรักนั้นจะเป็นของเธอ
ผลงานอื่นๆ ของ nanamanimon ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ nanamanimon
ความคิดเห็น