คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ep.1
ปฐมบท.......
นายแพทย์ ณวิญญ์ ฐิติญาณ
เดินออกจากห้องผ่าตัด เข้าไปในออฟฟิศแรกที่อยู่ใกล้ ร่างสูงเพรียวนั่งลงหน้าโต๊ะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์
“บ้านคุณหมอณวิญญ์ค่ะ”
เสียงหวานใสรับสายก่อนเขาจะทันพูด
นายแพทย์หนุ่มยิ้ม สีหน้าอ่อนโยนลงพอๆ กับแววตาดำคมค่อยๆ
ถูกแทนที่ด้วยกระแสหวานๆ
“ขอพูดกับเมียคุณหมอณวิญญ์
ครับผม!” เขาแกล้งบอกไปด้วยเสียงฟังขึงขัง
มีเสียงหัวเราะคิก
ตามด้วยเสียงกังวานสดใส
“เมียคุณหมอณวิญญ์กำลังพูดค่ะ
นั่นหมอพูดมาจากไหนคะ”
เสียงอ่อนหวานตอนท้ายยังปนกระแสหัวเราะ
ณวิญญ์ดึงหมวกหมอผ่าตัดสีเขียวออกจากศีรษะก่อนตอบ
“ห้องพักแพทย์ฝ่ายศัลย์ฯ
ภัสทำอะไรอยู่ ไหนว่าจะออกมารับผมไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน”
“ยังไม่เที่ยงนี่คะ
อีกตั้งชั่วโมงครึ่ง แต่แหม...ภัสชักไม่อยากออกจากบ้านแล้วล่ะ ฝนยังปรอยอยู่เลย
ตกมาตั้งหลายวันนึกว่าวันนี้จะได้เห็นแดดซะที แต่ฟ้าก็ยังฉ่ำ”
“ก็หน้าฝนนี่จ๊ะ มาเถอะ
ผมอยากเห็นหน้าเมียผม วันนี้กว่าจะได้กลับก็คงดึกต้องอยู่เวรแทนหมอประนาถ”
“พูดอย่างกับว่าไม่ได้เจอกันนานงั้นแหละ
หมอเพิ่งออกจากบ้านไปตอนแปดโมงนี้เองนะคะ แล้วนี่ก็เพิ่งจะสิบโมงครึ่งเท่านั้นเอง”
“นั่นมันตั้ง...สองชั่วโมงครึ่งมาแล้วนะจ๊ะภัสจ๋า
ชักน้อยใจแล้วนะเนี่ย เมียผมพูดเหมือนไม่คิดถึงผัวเลย”
“อื๋อ! หมอคะ”
“จ๋า...ว่าไงที่รัก”
“มีใครอยู่ใกล้ๆ
แถวนั้นหรือเปล่าน่ะ”
“ถามทำไมจ๊ะ”
“ก็...เห็นพูดอย่างนั้น”
ณวิญญ์รู้สึกเอ็นดูกับหางเสียงกระดากๆ
“พูดอย่างนั้นน่ะอย่างไหน
ผมก็แค่แสดงความรักทางวาจาที่มีต่อเมีย ทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง”
“เกิดใครมาได้ยิน อายเขาตายเลย”
“อายทำไมกัน
ไม่ได้บอกรักเมียคนอื่นสักหน่อย แล้วหมอ พยาบาล
ที่นี่ต่างก็รู้ทั้งนั้นว่าหมอณวิญญ์รักหลงเมียแค่ไหน
เสร็จงานปุ๊บเป็นต้องรี่กลับบ้านปั๊บ ขนาดเพื่อนๆ หมอด้วยกันชวนไปตีแบตฯ
ที่เคยไปเสมอๆ ตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ยังไม่ไปเลย”
“ที่ไม่ไปขี้เกียจนะซีคะ ทำเป็นมาอ้าง”
เสียงหวานใสค้านมา
“ใครบอกว่าขี้เกียจ
ที่ไม่ไปเพราะจะรีบกลับไปรักเมียต่างหาก อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย
ว่าภัสทำให้ผมกลายเป็นหนุ่มแรงสูงไปแล้ว ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเลยที่คิดถึงภัส”
“พูดอย่างนี้อีกแล้ว!”
“พูดอย่างนี้แหละ
ก็ผมรักภัสนี่นา ทั้งรักทั้งหลงอย่างว่า
แล้วผมก็ยังคิดด้วยว่าตัวเองนี้โชคดีหนักหนา
ที่ได้ผู้หญิงที่เข้าใจในอารมณ์ผู้ชายอย่างภัสมาเป็นเมีย
รู้จักเอาอกเอาใจผัวทั้งบนเตียงและนอกเตียง”
“ก็...ภัสรักหมอนี่คะ”
เสียงตอบกลับมาระคนเขินฉ่ำหวาน “เต็มใจที่จะเรียนรู้ทุกอย่างที่หมอช่วยบอกช่วยสอน
ลำพังตัวเองภัสคงไม่รู้หรอกค่ะว่าผู้ชายต้องการอะไรยังไง”
“งั้นภัสก็เป็นลูกศิษย์ที่วิเศษมากเลย
เพราะทุกครั้งที่เรา...อยู่ด้วยกัน ไม่มีวินาทีไหนที่ผมจะไม่มีความสุข ภัสจ๋า”
“ขา”
“ผมรักภัสมากแค่ไหน
ภัสรู้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ แล้ว...ภัสรักหมอแค่ไหน
หมอรู้มั้ยละคะ”
“รักแค่ไหนจ๊ะ ไหน...ที่รัก
ช่วยบอกที ตั้งแต่รู้จักกัน รักกัน
กระทั่งแต่งงานกันมาสองเดือนกว่าจะสามเดือนเข้าแล้ว
ยังไม่เคยได้ยินภัสบอกรักผัวตรงๆ สักที”
“ต้องบอกตรงๆ ด้วยหรือคะ แค่ที่ภัส...แสดงออกยังไม่พออีกหรือ”
“ยัง น่านะ บอกหน่อยซีว่ารักผัวแค่ไหน”
“แหม...จะให้พูดตอนนี้เลยหรือคะ”
เสียงเกี่ยงคล้ายจะเขินอาย
“ตอนนี้แหละเหมาะ ไหน...บอกนิดซิว่ารักผัวแค่ไหน”
“รักแค่...
ไม่ว่าชีวิตเบื้องหลังความตายจะมีจริงหรือไม่
ความรักที่ภัสมีต่อหมอก็จะคงอยู่
เพราะภัสรักหมอด้วยหัวใจ รักด้วยจิตวิญญาณรักทั้งหมด
ไม่ว่าชาตินี้หรือภพไหนๆ ภัสขอเกิดมาเพื่อเป็นของหมอแต่เพียงผู้เดียว
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภัสจะต่อสู้เพื่อความรักของเรา เพื่อให้ได้อยู่กับหมอ
ตราบนานเท่านาน”
“ยอดรัก!”
เสียงนายแพทย์หนุ่มวัยยี่สิบเก้าติดจะสั่นด้วยความเต็มตื้น
“ภัสก็ช่วยจำเอาไว้ด้วยนะจ๊ะ
ว่าผมเองก็รักภัสอย่างนั้นเหมือนกัน รักสุดหัวใจ รักตลอดไป รักนิรันดร์... ทูดิเอนด์ แอนด์ บียอนด์!”
เขาย้ำด้วยประโยคสากล ... วาระสุดท้าย
และเลยออกไปอีก คือรักจนตาย และตายไปแล้วก็ยังรัก
“ค่ะ ฟอเรฟเวอร์!” หล่อนย้ำคำว่าชั่วนิรันดร์
สามีภรรยายังพูดกันต่ออีกหลายประโยค
ล้วนแต่คำหวานของคู่รักที่แต่งงานกันได้ไม่นาน ยังอยู่ในระยะมธุรสมาส
หรือเดือนน้ำผึ้ง พูดอย่างไทยๆ ก็ต้องว่ายังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน ก่อนจะวางสาย
พร้อมบทสรุปที่ว่า เนตรนภัสจะขับรถเล็กของหล่อน
ที่สามีซื้อให้เป็นของขวัญในวันแต่งงาน มารับเขาไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ณวิญญ์เป็นแพทย์ประจำมากนัก
ณวิญญ์กะเวลาที่ภรรยาสาวจะมาถึง
คือในราวสิบกว่านาทีก่อนเที่ยงเล็กน้อย เดินออกมารอที่ระเบียงด้านหน้าตึกอุบัติเหตุ
ใกล้ประตูใหญ่ทางเข้าออก
บรรยากาศยังฉ่ำไอฝน แม้ว่าฝนจะขาดเม็ด
คงเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน
ขณะโทรศัพท์คุยกัน เนตรนภัสยังบ่นอยู่ว่าฝนไม่หยุดเสียที
ยังลงปรอยๆ ทั้งที่ตกมาแล้วหลายวัน
อากาศค่อนข้างเย็น
ท้องฟ้าไม่ถึงกับมืดครึ้ม แต่ก็ยังไร้เงาแดด
เสียงไซเรนดังมาแต่ไกล ณวิญญ์ต้องถอนใจเฮือก
ฝนตก ถนนลื่น อุบัติเหตุบนท้องถนนมักเกิดขึ้นได้ง่าย
เพียงแค่คนใช้รถใช้ถนนประมาทและขาดความระมัดระวัง
เสียงไซเรนใกล้เข้ามา เจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินพากันตื่นตัวเตรียมรับสถานการณ์
แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินวันนี้ คือ
นายแพทย์ ศิระ ทวีกุล
ณวิญญ์มองเห็นรถพยาบาลฉุกเฉิน
กำลังจะเลี้ยวเข้าประตูหน้าโรงพยาบาลแต่ไกล เตรียมจะเดินหลบทางไปยังด้านข้างของระเบียงยาวด้านหน้าตัวตึก
แต่เหลือบไปเห็นนายแพทย์ศิระ เดินเร็วมามาตามทางเดินจากด้านในพร้อมกับศาสตราจารย์
นายแพทย์ หม่อมหลวง ผดุงเกียรติ ระวี
เขาค่อนข้างสนิทกับอาจารย์ นายแพทย์
หม่อมหลวง วัยหกสิบท่านนี้ นอกจากจะเคยเป็นอาจารย์ของเขามาก่อน สมัยที่เขายังเป็นนักเรียนแพทย์ศาสตร์
ท่านยังเป็นหัวหน้าใหญ่โดยตรงของเขา
โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่
ตำแหน่งสูงสุดคือผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถัดลงมาคือผู้อำนวยการฝ่าย
ซึ่งแบ่งออกเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ ด้วยกัน คืออายุรกรม และศัลยกรรม
และแต่ละฝ่ายก็จะแยกย่อยลงไปอีก มีหัวหน้าแผนกควบคุมโดยตรง
ณวิญญ์ประหลาดใจอยู่บ้าง ปกติแพทย์ระดับอาจารย์หมอท่านนี้
จะไม่ลงมาเดินข้างล่าง หรือแม้แต่ตามวอร์ด
เขารีรออยู่ว่าควรหลบไป หรือรออยู่ก่อน
ก็พอดีมีเสียงเรียก
“ณวิญญ์”
“ครับ อาจารย์” เขาขานรับ รีบยืนตัวตรง
สองสามอึดใจร่างติดจะท้วมของศาสตราจารย์
นายแพทย์ หม่อมหลวง ผดุงเกียรติ ก็เข้าถึงตัว สีหน้าเห็นชัดว่ากำลังเดือดเนื้อร้อนใจ
หมอศิระก็พอๆ กัน
“ผมมีเรื่องจะบอกให้ทราบ”
เสียงนายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์
ที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกกันสั้นๆ ว่า อาจารย์หม่อม
ถูกกลบด้วยเสียงไซเรนจากรถฉุกเฉินที่เลี้ยวเข้าประตูมา พอพ้นประตูเข้ามาแล้วเสียงสัญญาณจึงถูกปิด
เหลือเพียงไฟกระพริบหมุนบนหลังคารถ
“ภรรยาของคุณประสบอุบัติเหตุ
รถที่เธอขับถูกรถเมล์เสียหลักลื่นพุ่งเข้าชน”
สิ่งที่ตามมาหลังจบคำบอกกล่าวที่ได้ใจความ
ไม่ใช่ความเงียบ แต่เป็นเสียงหวึ่งๆ ในสมองของเขา
“เจ้าหน้าที่ในรถฉุกเฉินที่กำลังมาโทรหาผม
หลังจากรู้ว่าผู้ประสบเหตุรายนี้เป็นใคร” เสียงบอกต่อเหมือนแว่วมาแต่ไกลๆ “ผม...เสียใจด้วย ณิวญญ์
เสียใจจริงๆ”
“ไม่...ไม่จริง!”
เขาคิดว่าตะโกนออกไป
แต่ความจริงเสียงติดอยู่แค่ริมปาก ใบหน้าสะอาดคมสันเผือดขาว
รถพยาบาลฉุกเฉินเข้ามาจอดเทียบบันใดด้านหน้า
เปลหามถูกยกลงจากรถวางลงเตียงเข็น
เขาวิ่งถลาลงไปก่อนจะทันมีใครห้าม
ตลบผ้าขาวคลุมตลอดร่าง เฉพาะส่วนที่ปิดใบหน้าของร่างที่นอนเหยียดยาวบนเตียงเข็น
“ไม่...ม...ม...! ไม่นะ! ไม่จริง...”
เสียงแผดก้องขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าสงบนิ่ง
ขมับด้านหนึ่งมีเลือดไหลซึม
ภาพชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงโอบซบร่างแน่นิ่งไร้วิญญาณ
เกลือกกลิ้งใบหน้ากับหน้าขาวสงบนิ่ง
พร้อมเสียงคร่ำครวญสะเทือนใจทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
แต่ใครเล่าจะสามารถยื้อความตายให้คนที่ถึงฆาตได้
แม้แต่หมอที่เก่งกาจสามารถ
<><>
ความคิดเห็น