คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 21 : ปราสาททรายหลังนั้น... [100%]
21
ตั้งแต่ที่จำความได้ ฉันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างบ้านชอบออกมาเล่นที่สนามเด็กเล่นเหมือนกับฉันทุกวันเสาร์ ในตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร ชื่ออะไร แต่มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันกำลังเล่นบ่อทรายอยู่นั้นเอง เขาก็ทำลูกบอลกลิ้งมาชนจนทรายที่ฉันอุตส่าห์ก่อให้เป็นรูปปราสาทสวยงามได้พังทลายลงไป
ในตอนนั้นฉันโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นตัวการที่ทำลูกบอลนี่กระดอนมาใส่ปราสาททรายอันสวยงามของฉัน จึงได้แต่นั่งจ้องลูกบอลนั้นไม่ไปไหน และในที่สุด
ตัวการสำคัญก็เดินเข้ามา
เด็กผู้ชายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันอยู่ในเสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลเดินมาหยุดอยู่หน้าลูกบอลที่ฉันกำลังจ้องมองอยู่ด้วยความเคือง เขามองหน้าฉันเพียงแว้บหนึ่งและตั้งท่าจะหยิบลูกบอลไป
“นี่! นายน่ะ จะไปไหน!”
เพราะเสียงแหลมเล็ก ทำให้เขาต้องชะงักและเหลือบขึ้นมามองหน้าฉันอย่างหวาดๆ
“เอ่อ
ผม
”
“นายน่ะทำปราสาททรายของฉันพังนะ! เพราะลูกบอลของนายใช่มั้ยล่ะ!”
เขาลุกลี้ลุกลน ยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความตกใจก่อนจะหันกลับมาบอกกับฉัน
“ผม
ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“งั้นนายก็ช่วยฉันสร้างมันขึ้นมาใหม่ซะสิ!” ฉันตวาดเสียงดังพร้อมกับชี้ไปที่กองทรายที่ก่อนหน้านั้นมันเคยเป็นปราสาทอันสวยงดงามมาก่อน
“ขอโทษนะ แต่ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น” เขาพูดและหันซ้ายหันขวาอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ! นายทำนายก็ต้องรับผิดชอบซะสิ!”
“ผม
ผมต้องไปแล้ว”
“ไม่! นายจะไปไหน! ห้ามไปเด็ดขาด จนกว่านายจะช่วยฉันสร้างมันขึ้นมาใหม่!”
“เซน! อยู่ไหนน่ะ แม่เรียกตั้งนานแล้วนะ หายไปไหนเนี่ยลูกคนนี้
อ๊ะ!” เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น ไม่นานนักฉันก็เห็นเธอเดินเข้ามาหาเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะเซน แม่บอกว่าให้เล่นได้แป๊บเดียวยังไงล่ะ!” เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือลงมาจับข้อมือลูกชาย “เอ๊ะ แล้วนี่ใครเนี่ย”
เธอหันมาจ้องหน้าฉันสักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “อ้าว ลูกสาวของคนข้างบ้านนี่นา”
ฉันไม่เคยเห็นเธอหรอก เพราะว่าตั้งแต่อยู่ที่บ้านนั้นมาก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเท่าไหร่ เพิ่งจะออกมาก็วันแรกนี่ล่ะ
“เป็นเพื่อนกับเซนเหรอจ๊ะ” เธอก้มตัวลงมาถามฉัน
และฉันก็ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้เรื่อง
“อ้าว? งั้นเหรอจ๊ะ เซน กลับบ้านได้แล้วลูก” หลังจากที่เธออุทานขึ้นมาก็หันกลับไปมองหน้าลูกของเธอ
เด็กผู้ชายคนนั้นยืนมองหน้าฉันอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจหยิบลูกบอลไปกอดไว้ในแขน ก่อนที่คุณแม่ของเขาจะจูงมือลูกชายออกไปจากตรงนั้น
ฉันหันไปมองเขาที่กำลังเดินลับตาไปด้วยความโมโห ทำลายข้าวของๆ คนอื่นแล้วไม่ยอมรับผิดชอบนี่ไม่ดีเอาเสียเลย
แต่ในขณะที่เขากำลังเดินไปก็ได้หันหลังกลับมามองหน้าฉัน นั่นเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
ที่ฉันคิดว่าแววตาของเขาเศร้าสร้อยเหลือเกิน
ในวันเสาร์ถัดไป ฉันก็ยังคงมาเล่นที่สนามเด็กเล่นเพียงคนเดียวเช่นเคย และฉันก็เห็นเขาเหมือนเคย เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งกอดลูกบอลอยู่ที่ชิงช้า ขาซ้ายของเขาเตะทรายที่พื้นจนมันฟุ้งขึ้นมา
วันนี้ฉันต้องให้เขามารับผิดชอบกับปราสาททรายของฉันให้ได้
หลังจากที่คิดได้อย่างนั้นแล้วฉันก็เดินตรงดิ่งไปหาเขา “นี่! นายน่ะ คราวที่แล้วยังไม่ยอมสร้างปราสาททรายให้ฉันเลยนะ!”
เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่กำลังยืนเท้าเอวทำจมูกฟุดฟิดด้วยความไม่พอใจ
“เอ่อ
ผมขอโทษ วันนี้ผมจะช่วยเธอสร้างนะ”
“งั้นก็ไปสร้างตอนนี้ซะเลยสิ!” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่กองทรายที่เพิ่งก่อเป็นปราสาทไปได้เพียงครึ่งเดียว
“ผม
ผมสร้างไม่เก่งหรอกนะ”
“ทำไมล่ะ!”
“
”
“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะทำเก่งหรือไม่เก่ง! ยังไงๆ นายก็ต้องมาช่วยฉันสร้างอยู่ดี!” ฉันพูดแล้วเดินฉับฉับไปที่กองทรายนั้นและนั่งลง หลังจากนั้นก็หันมาทำตาขวางใส่เขา “มาช่วยฉันสิ มัวแต่นั่งทำอะไรอยู่ได้!”
อาจเป็นเพราะเสียงแหลมเล็กของฉันทำให้เขารีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรนและนั่งลงข้างๆ ฉัน
“สร้างยังไงเหรอ” เขาเอ่ยถามขึ้น
“หา! นี่นายสร้างปราสาททรายไม่เป็นเหรอ”
“อืม”
“เนี่ย ก็แบบนี้ เนี่ยเห็นมั้ย
เอามือโปะๆ ไปแบบนี้”
“อืม”
ฉันนั่งสอนเขาก่อปราสาททรายเป็นเวลาเกือบชั่วโมง และในที่สุดพวกเราก็ได้รู้จักชื่อซึ่งกันและกัน ฉันบอกเขาว่าฉันชื่อบลู และฉันก็ไม่เคยชอบชื่อของตัวเองเลย แต่เขาบอกว่าชื่อฉันน่ารักดี
ส่วนเขาชื่อเซน ออกจะเป็นชื่อที่ประหลาดเหมือนกัน
“อ๊ะ!”
เขาเผลอเอามือไปชนกับปราสาททรายจนทำให้มันล้มลง ฉันที่เป็นเด็กอยู่ในตอนนั้นก็เกิดอาการโมโหขึ้นมา
“นี่! วันหลังถ้าทำไม่เป็นก็อย่าไปจับมันมากสิ!”
“อืม ผมขอโทษ”
และในวันนั้น ปราสาททรายหลังนั้นก็ไม่เสร็จสมบูรณ์
เหลือเพียงชั้นแรกของปราสาทเท่านั้น ฉันจึงคิดว่าจะปล่อยมันทิ้งไว้แล้ววันเสาร์หน้าจะมาสร้างต่อ
แต่เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้วันเสาร์ต่อมาเกิดฝนตก ปราสาททรายที่ฉันสร้างเอาไว้ก็ได้ถูกชะล้างไปกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง
ฉันได้แต่นั่งมองปราสาททรายหลังนั้นที่กำลังพังลงมาด้วยความเสียใจผ่านกระจกบานใสในห้องนอน น้ำอุ่นๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ฉันใช้มือทั้งสองปาดน้ำตาทิ้งไปและลงไปนอนบนที่นอน
หวังว่าเสาร์หน้าฉันคงจะได้กลับไปสร้างมันต่อ
วันเสาร์ถัดมาอากาศดีมาก แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ที่อยู่ในสนามเด็กเล่นรำไร ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองพระอาทิตย์ผ่านร่องมือทั้งสองข้างด้วยความดีใจ
และในวันนี้ฉันก็ได้พบกับเซนอีกครั้ง เขายั่งคงนั่งแกว่งชิงช้าอยู่เหมือนเคย
“สวัสดีเซน” ฉันกล่าวทักทายเขาก่อน
เซนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองฉัน “อ้าวบลู”
“วันนี้นายต้องมาช่วยฉันสร้างปราสาททรายให้เสร็จนะ” ฉันพูดพลางเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า
ถ้าฝนไม่ตกคงจะไม่มีอะไรมาขัดขวางอีก
“อืม ผมจะช่วยจนเสร็จเลย”
หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมือก่อปราสาททรายด้วยกัน และสิ่งที่ฉันไม่คาดฝัน
สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยก็มาถึง
“เซน! อยู่ไหนน่ะ แม่ตามหาเรานานแล้วนะ เซน! อยู่ไหนตอบแม่หน่อย” เสียงคุณแม่ของเซนดังขึ้นทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวในขณะที่กำลังโกยทรายเข้ามาในมือ
“อยู่ไหนน่ะ! อ๊ะ! เจอแล้ว อยู่นี่ๆ เอง” เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างของพวกเรา “เซนรีบกลับบ้านเถอะ แม่เคยบอกว่าจะให้เวลาลูกเล่นแค่แป๊บเดียวใช่มั้ย”
เพราะน้ำเสียงจริงจังของคุณแม่ ทำให้เขาถอนหายใจและลุกขึ้นยืนปัดทรายที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าออกไปและหันมาบอกกับฉัน
“ไว้คราวหน้าผมจะมาช่วยใหม่นะ”
ในตอนนั้นฉันก็รู้สึกเคืองหน่อยๆ แหละ แต่ทำไงได้ในเมื่อคุณแม่ของเขามาตามถึงที่นี่ ฉันก็ต้องปล่อยเขาไปอยู่ดี
“อื้ม! ไว้คราวหน้านะ”
“งั้นผมไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
เซนโบกมือลาให้ฉันและหันหลังเดินคู่ไปกับคุณแม่ของเขาจนลับสายตาไป
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ปราสาททรายของฉันสร้างไม่เสร็จเหมือนเคย
วันเสาร์ถัดมา
ฉันรีบออกมาจากบ้านด้วยความกระฉับกระเฉงเพื่อจะมาก่อสร้างปราสาทต่อให้เสร็จ ความหวังของฉันในวันนี้คือมันต้องเสร็จสมบูรณ์ไร้ข้อกังขา
วันนี้เซนก็ยังคงนั่งอยู่ที่ชิงช้าอันเดิม ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาแทบจะทันที
“เซน! วันนี้เรามาสร้างปราสาททรายให้เสร็จกันนะ”
“อืม”
ฉันนั่งลงตรงข้ามกับเขาโดยมีกองทรายกั้นอยู่ตรงกลาง พวกเราค่อยๆ โกยทรายขึ้นมาด้วยมือเล็กทั้งสองข้างก่อนจะปล่อยให้มันไหลผ่านร่องมือลงไปจนซ้อนกันเป็นชั้นๆ
“หวังว่าวันนี้คงจะเสร็จเนอะ”
“อืม”
พวกเราต่างคนต่างตั้งใจทำเป็นการใหญ่โดยมีความหวังว่าวันนี้ปราสาททรายจะเสร็จเสียทีหลังจากผลัดมาหลายอาทิตย์แล้ว
แต่แน่นอนว่าความหวังของฉันก็ได้พังทลายลง
“เซน! เซนอยู่ไหน! ได้ยินพ่อมั้ยตอบด้วยลูก!” เสียงของผู้ชายดังขึ้น เขาแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ กำลังตะโกนเรียกเด็กผู้ชายตรงหน้าฉันอยู่ด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
แต่เซนก็ไม่ได้ตอบอะไรจนกระทั่งพ่อของเขาตามตัวจนพบ เขานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าลูก “อยู่นี่ๆ เอง
เซน
ลูกต้องตามพ่อมาเดี๋ยวนี้เลย
”
เซนทำหน้างง แววตาของเขาแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ทำไมเหรอครับพ่อ”
คุณพ่อของเซนมีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้แม้แต่ฉันที่เป็นคนนอกครอบครัวตกใจมาก
“แม่กำลังป่วยหนักอยู่ คุณหมอบอกว่าแม่จะอยู่ได้ถึงสี่ทุ่มของวันนี้เท่านั้น
”
หลังจากที่พ่อของเซนพูดจบ เขาก็ยืนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลง
“แม่เป็นอะไรครับพ่อ! แม่เป็นอะไร!”
คุณพ่อของเซนส่ายหน้า “แม่เป็นโรคร้ายมาหลายปีแล้ว แต่แม่ไม่เคยบอกกับพวกเราเลย”
ฉันเห็นน้ำตาหยดใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเด็กชายที่อยู่ตรงหน้า เขาดูสับสนและเสียใจมาก
“ลูกต้องรีบไปโรงพยาบาลกับพ่อนะ ไปหาแม่เป็นครั้งสุดท้าย”
เขาพยักหน้าตอบรับทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาหาฉันด้วยแววตาเศร้าเสียใจ
“บลู ผมขอโทษนะที่ช่วยสร้างปราสาททรายไม่เสร็จอีกแล้ว”
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก นายรีบไปหาคุณแม่เถอะนะ”
“งะ
งั้นผมไปก่อนนะ”
“อืม”
หลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามคุณพ่อของเขาไป ปล่อยให้ฉันนั่งเปล่าเปลี่ยวอยู่กับกองปราสาททรายที่ยังสร้างไม่เสร็จเหมือนเคย
วันเสาร์ต่อมา
ฉันเดินลงไปที่หน้าบ้านและมองเข้าไปในบ้านของเซนที่ตอนนี้ถูกปิดไว้นานเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มด้วยเมฆฝนพลางคิดในใจว่าจะสร้างปราสาททรายให้เสร็จคนเดียวภายในวันนี้
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ลงมือทำทันที
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฉันก่อขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุด อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะเสร็จ แต่ก็ต้องรู้สึกว่าเม็ดฝนกำลังหยดลงมาใส่ใบหน้าของฉัน
ดวงตาทั้งสองข้างของฉันจ้องกลับไปที่ท้องฟ้าทันที
ฟ้ามืดมาก
และแน่นอนว่าฝนตกลงมาแล้ว
ปราสาททรายที่ฉันอุตส่าห์สร้างจนเกือบเสร็จ เหลือแค่ปักธงเท่านั้นก็ได้สิ้นสุดลง ฉันถูกคุณแม่เรียกตัวให้กลับเข้าบ้าน
“บลู! อยู่ไหนเนี่ยลูก กลับเข้าบ้านได้แล้ว ฝนเริ่มตกหนักแล้วนะ!”
“ค่ะ!”
เพราะขัดคำสั่งของคุณแม่ไม่ได้ ฉันจึงต้องเดินคอตกเข้าบ้านไปอย่างเสียดาย
หลังจากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในห้องนอน และจ้องมองปราสาททรายที่กำลังล้มลงเพราะแรงลมและสายฝนด้วยความเสียใจ
ในที่สุดปราสาทที่ฉันสร้างก็ไม่เสร็จ
คงจะต้องถอดใจได้แล้ว
ฉันจึงล้มตัวลงบนที่นอนและคิดอะไรเพลินๆ จนผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่กำลังยืนรอรถของคุณแม่หน้าบ้านเพื่อจะไปโรงเรียน ฉันก็เหลือบมองไปที่บ่อทรายด้วยความเสียดาย แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า ปราสาททรายได้สร้างขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย!
ฉันรีบวิ่งข้ามถนนเพื่อไปยังสนามเด็กเล่นแห่งนั้น
ปราสาททรายถูกประดับตกแต่งด้วยธงสีน้ำเงินด้านบนที่กำลังโบกไสวอยู่น้อยๆ ฉันก้มตัวและนั่งลงจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งเสียบไว้อยู่ด้านใน
มือขวาของฉันเอื้อมไปหยิบมันออกมาจากปราสาททราย ไม่รอช้าฉันรีบคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาเพื่ออ่านแทบจะทันที
ลายมือขยุกขยุยถูกเขียนลงไปบนกระดาษทำให้อ่านยาก แต่ฉันก็พยายามจะอ่านมันให้ได้
เนื้อความเขียนไว้อยู่ว่า
ถึง : บลู
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมคงต้องย้ายบ้านไปอยู่เมืองอื่นกับคุณพ่อแล้วเพราะว่าคุณแม่เพิ่งจากไปได้ไม่นานและไม่มีใครดูแลบ้านหลังนี้ เพราะว่าผมอาศัยอยู่กับคุณแม่เพียงสองคนเท่านั้น อ้อ
ใช่แล้ว
ผมหวังว่าเธอจะเห็นกระดาษใบนี้และหยิบมันขึ้นมาอ่าน
ปราสาททรายหลังนี้ ผมมาช่วยสร้างให้เมื่อวานตอนกลางคืนคนเดียวจนเสร็จแล้วนะ คงทำให้เธอดีใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ ทรายเปียกน่าดูเลย ฝนคงตกแน่ๆ ตัวผมเปื้อนไปหมด
ผมดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ เพราะที่ผ่านมาผมไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นด้วยเลย
ผมอาจจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วนะบลู และผมอยากจะขอบคุณอีกครั้งที่คอยชวนผมไปสร้างปราสาททราย ผมสนุกมากเลยล่ะ
แต่ถ้าพวกเราได้เจอกันอีกที เธออย่าลืมผมนะบลู สัญญานะ
ลาก่อน
จาก : เซน
เมื่ออ่านจบฉันก็รู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ถึงจะเป็นเด็กอยู่ก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ฉันรับรู้ถึงมิตรภาพแรกที่เกิดขึ้นภายในชีวิต
มือของฉันขยำกระดาษจนยับยู่ยี่ ฉันจ้องมองปราสาททรายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอย่างบอกไม่ถูก
เอามาลงให้เลย แถมๆๆๆๆ
นั่งแต่งเพลิน ฮ่าๆๆๆๆ
หวังว่าจะมีคนคอมเม้นให้นะจ๊ะ ^____^
อดีตของบลูยังไม่จบอยู่แค่นี้จ้า โปรดติดตามตอนต่อไป 55+
ความคิดเห็น