ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silent's words ♥ เกิดอาการ "ปิ๊ง" เมื่อใกล้เธอ

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 19 : แค่นี้ไม่เจ็บเลยสักนิดเพราะสิ่งที่นายทำให้ มันทดแทนกันหมดแล้ว [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 53


     

     

     

    19

     

     

           หลังจากที่ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับไซเลนท์มาแล้วว่าอยู่ที่บ้าน ฉันก็รีบวางสายและคืนโทรศัพท์มือถือให้บลูทันที

                บลู ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ

                หา!?”

                พ่อบอกว่าหมอนั่นอยู่ที่บ้านของฉัน

                เหรอ อือหึ

                ฉันพยักหน้าหงึกหงักให้เพื่อนที่อยู่ตรงหน้า เธอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าก่อนจะหันมาบอกกับฉัน เชียร์ ฉันคงไม่ไปกับแกหรอกนะ แต่ขอให้แกโชคดีแล้วกัน

                เพราะคำพูดให้กำลังใจของเพื่อนทำให้ฉันยิ้มออก หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันคงจะผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากนั้นฉันก็บอกลาเธอ

                พวกเราแยกกันตรงสี่แยกแห่งหนึ่ง ฉันโบกมือเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน คนขับแท็กซี่เหลือบมองฉันด้วยสีหน้าตกใจเพราะตามตัวของฉันมีแต่ผ้าพันแผลและพลาสเตอร์แปะอยู่ แต่ฉันไม่สนหรอกเพราะว่าฉัน ฉันจะ

                กลับไปเจอเขาคนนั้น!

                ฉันขึ้นไปนั่งอยู่บนแท็กซี่พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มองออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนคนที่ได้แต่คิดฟุ้งซ่าน ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะเป็นยังไงบ้าง แล้วทำไมถึงมาที่บ้านของฉัน ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                เป็นเวลาไม่นานนัก แท็กซี่ก็ขับมาจอดที่หน้ารั้วบ้านของฉัน สถานที่ๆ ก้าวเดินออกมาเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว ฉันควักเงินจากกระเป๋าสตางค์ให้คนขับรถและรีบก้าวขาวิ่งไปที่หน้ารั้วบ้านอย่างรวดเร็ว

                ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่า ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ฉันสังเกตได้ว่าที่ห้องรับแขกมีไฟเปิดอยู่ สงสัยจะมีคนมาที่บ้านอย่างที่คุณพ่อบอกจริงๆ ไม่รอช้าฉันรีบกดออดเรียกทันที

                ไม่นานหลังจากนั้นฉันก็เห็นใครบางคนวิ่งออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก และคนๆ นั้นก็คือคนที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี พี่สาวของฉันนั่นเอง พี่ชายน์!

                พี่ชายน์!” ฉันตะโกนเรียกพี่ที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

                เชียร์! แย่แล้วล่ะ แย่แล้ว!”

                ทำไมคะ ทำไม!” นิ้วมือของฉันสอดเข้ากับรั้วบ้านและจับมันแน่นด้วยความตกใจ พี่ชายน์รีบแก้ล็อกประตูให้ฉันอย่างรวดเร็ว

                เลน เลนเขา…”

                ทำไมคะพี่! แล้วทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!”

                พี่ เอ๊ะ! เชียร์ นี่เราโดนทำร้ายถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย…” พี่ชายน์เปิดประตูให้ฉัน และรีบวิ่งเข้ามากอดไว้แน่น เชียร์ ทำไมถึงบาดเจ็บขนาดนี้…”

                ฉันได้แต่ยิ้มให้พี่และชูสองนิ้วให้เป็นเชิงว่าฉันแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรหรอก

                หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ สู้ตายอยู่แล้วเห็นมั้ยรอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของฉัน แต่กลับทำให้รอยน้ำตาเปรอะเปื้อนที่ใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของพี่สาว

                ฮือ เชียร์ พี่เป็นห่วงเราสุดๆ เลย พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากคุณพ่อ พี่ก็รีบมากับไลท์เลยนะเนี่ย

                เอ๋แล้วคุณพ่อรู้ได้ยังไงคะ

                คือ คุณพ่อเขารู้จากเสี่ยกวงน่ะ แล้วตอนนี้ก็…”

                ตอนนี้ทำไมเหรอคะ!”

                เสี่ยกวงพาเลนมาที่บ้านของเรา เพื่อจะยกเลิกการหมั้นของเชียร์ทิ้งไป…”

                คำพูดของพี่สาวทำให้ฉันตกใจ ทำไม!? เพราะอะไรถึงต้องทำแบบนี้ อย่าเชียวนะ อย่าทำแบบนั้นนะ ฉันไม่ยอมหรอก นี่คือเหตุผลที่ไซเลนท์มาอยู่ที่บ้านของฉันใช่มั้ย เพราะเหตุผลนี้เองน่ะเหรอ

                หนู…”

                เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะเชียร์ขณะที่ฉันกำลังจะเริ่มพูดขึ้น พี่ชายน์ก็รีบตัดบทและพาฉันเดินเข้าบ้านไปทันที

     

                ขาทั้งสองข้างของฉันได้กลับมาเหยียบสถานที่ๆ คุ้นเคยตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านและมองเข้าไปในห้องรับแขก ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันมาจ้องฉันเป็นตาเดียว

                เชียร์!” คุณพ่อรีบวิ่งเข้ามาหาฉันและจับไหล่เอาไว้ ทำไมลูกถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ

                ไหนคุณพ่อบอกว่ารู้ทุกอย่างแล้วไงคะ?

                ที่หนูต้องเป็นแบบนี้เพราะหนูเองค่ะ หนูต้องรับผิดชอบทั้งหมด

                คุณพ่อของฉันถอนหายใจ พ่อคิดว่ามันคงจะช้าไปแล้วล่ะลูก

                สีหน้าของคุณพ่อไม่สู้ดีเท่าไหร่ ส่วนพี่ชายน์ก็ยืนกุมมือฉันแน่น

                หนูคิดว่ามันต้องดีขึ้นแน่ๆ ค่ะ

                ฉันเห็นเสี่ยกวงกับสามีของพี่ชายน์กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟา ส่วนไซเลนท์ก็นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ

                เชียร์ลูกจะทำอะไร ในเมื่อทุกสิ่งมันจบไปแล้ว

                ก็เสี่ยกวงจะให้หนูเซ็นถอนหมั้นใช่มั้ยล่ะคะ แล้วไอ้การหมั้นเนี่ยมันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของคุณพ่อด้วยไม่ใช่เหรอฉันถามพร้อมกับหลับตาลง

                เชียร์…”

                แต่หนูไม่สนเรื่องธุรกิจอะไรนั่นหรอกนะ หนูสนแต่ว่าหนูจะได้ขอโทษเขามั้ย และหนูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งหมด!”

                แต่เชียร์…”

                หนูจะไม่ยอมถอนการหมั้นเด็ดขาดค่ะ!”

                พี่ชายน์กับคุณพ่อมองหน้าฉันและถอนหายใจออกมา

                ลูกจะทำยังไงก็ทำเถอะนะ แต่เสี่ยกวงเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว

                ทำไมล่ะคะ

                ขณะที่ฉันกำลังยืนเถียงอยู่กับคุณพ่ออยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมา มากันครบแล้วใช่มั้ย

                เสี่ยกวงพูดขึ้นพร้อมกับหัมาทางพวกเรา คุณพ่อของฉันหันไปพยักหน้าให้

                หนูเชียร์ หนูมานั่งตรงนี้หน่อย

                เขาเรียกฉันให้เข้าไปหา หลังจากนั้นก็ยื่นปากกามาให้ฉันหนึ่งแท่งและพูดขึ้น

                ลุงอยากให้หนูเซ็นยกเลิกการหมั้นทั้งหมดทิ้งไป

                ฉันไม่ยอมรับปากกานั้นมาและถามเขา หนูขอเหตุผลที่หนูต้องเซ็นถอนหมั้นด้วยค่ะ

                เสี่ยกวงถอนหายใจและวางปากกาลงบนโต๊ะ หนูก็รู้ว่าลูกของลุงโดนพักการเรียนเพราะไปมีเรื่องกัยชาวบ้านเขา แล้วนี่หนูก็โดนลูกหลงไปด้วย…”

                เอ๋อะไรนะ โดนลูกหลง…? มันคืออะไร ฉันไม่เข้าใจ พวกเขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า

                โดนลูกหลงยังไงเหรอคะ หนูไม่เข้าใจ

                อ้าว ก็เจ้าเลนมันบอกว่ามันไปมีเรื่องกับคนอื่นจนหนูที่เดินมากับมันโดนอัดเข้าไปด้วย ไม่ใช่รึไง

                นี่มันอะไรกัน? พวกเขากำลังเข้าใจอะไรผิดงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าหมอนั่นโกหกเสี่ยกวงไปเพราะไม่อยากให้ฉันเสียหาย

                ฉันหันไปมองเขาที่ตอนนี้กำลังนั่งก้มหน้าอยู่โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำเดียว

                นี่นายโกหกเพื่อฉันขนาดนี้เลยเหรอ

                ว่าแล้วฉันก็หันกลับไปหาเสี่ยกวง หนู หนูเป็นคนไปหาเรื่องไอ้พวกนั้นก่อนเองค่ะ แล้วไซเลนท์เขาเข้ามาช่วยหนูฉันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง การโกหกสักครั้งก็คงจะไม่ผิด ถ้าฉันจะโกหกเพื่อตัวเอง และคนที่เป็นห่วงเป็นใยฉันขนาดนี้

                อ้าว แล้วมันยังไงกันแน่เนี่ย

                ไซเลนท์ที่นั่งเงียบอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้นมาบ้าง เปล่าครับ ความจริงผมไปหาเรื่องพวกนั้นก่อนเอง

                แต่คำพูดของเขากลับทำให้คุณพ่อของตัวเองโกรธจัด ก็เป็นอย่างนี้ไงเลยโดนพักการเรียน!” เสี่ยกวงยกมื้อง้างขึ้นมาจะตบหน้าเขา เห็นดังนั้นฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปขวางไว้อย่างลืมตัว

                เพี๊ยะ!

                แรงฟาดจากมือทำให้หน้าของฉันหันไปตามแรงนั้น ทุกคนต่างตกใจเป็นอย่างมากไม่เว้นแม้แต่คนที่ลงมือกระทำก็เถอะ

                หนูเชียร์!”

                ฉันยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเล็กน้อยพอเป็นพิธีและจ้องหน้าเสี่ยกวง

                แค่นี้น่ะมันไม่เจ็บหรอกค่ะ มันไม่เจ็บเท่าที่คุณทำให้ลูกชายของคุณต้องเสียใจหรอก

                เพราะคำพูดของฉันทำให้คนในห้องต่างก็นั่งอึ้งไปตามๆ กัน แม้แต่หมอนั่นก็ตามที เขาหันหน้ากลับมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจ

              จริงๆ นะ แค่นี้มันไม่เจ็บเลยสักนิด เพราะสิ่งที่นายได้ทำให้ฉันน่ะ มันถูกทดแทนกันไปหมดแล้ว!

                หนูจะไม่เซ็นถอนหมั้นค่ะ

                เชียร์…” เสียงของพี่ชายน์ดังขึ้น

                หนูจะไม่ยอม เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่หนูต้องรับผิดชอบ หนูต้องอยู่กับเขาตลอดไป! หนูต้องทำทุกอย่างเขาไม่ผิด ลุงคะ เขาไม่ผิดค่ะ หนูต่างหากที่ผิด

                แต่เชียร์…” คุณพ่อเรียกฉันเบาๆ

                หนู ไม่ใช่หนูคนเดิม หนูไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะคะ ตอนนี้หนูเพิ่งจะมารู้เนี่ยแหละว่าคนที่ทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ มันอยู่ข้างๆ เรานี่เอง! หนูต้องทำเพื่อเขาบ้าง ฉะนั้น กรุณายกเลิกการเซ็นถอนหมั้นทิ้งไปนะคะ ฉันพูดและนั่งคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าเสี่ยกวง พร้อมกับก้มหัวลงจนติดพื้นห้อง

                หนูขอร้องล่ะค่ะ! กรุณายกเลิกการถอนหมั้นทิ้งไป! และลุงก็ห้ามว่าห้ามทำร้ายลูกชายของตัวเองอีก เพราะเขาไม่ผิด เขาไม่ผิดเลยสักนิด! หนูขอร้องล่ะค่ะ!”

                เสี่ยกวงรีบเข้ามาพยุงตัวฉันขึ้นและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก็ได้หนูเชียร์ ลุงเห็นถึงความพยายามของหนูแล้ว ลุงจะยกเลิกการถอนหมั้นทิ้งไปและลุงก้จะไม่ว่าเจ้าเลนอีกเขาพูดและหันไปฉีกกระดาษทิ้งไปและโปรยมันลง

                เห็นมั้ยหนูเชียร์ ลุงยกเลิกทิ้งไปแล้วนะ

                น้ำตาของฉันค่อยๆ เอ่อไหลออกมา

                แล้วสัญญาอีกข้อล่ะคะ

                คุณลุงที่อยู่ตรงหน้าฉัน หันกลับไปมองหน้าของลูกชายตัวเองและถอนหายใจก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉันและยิ้มให้น้อยๆ

                ลุงจะไม่ว่าเจ้าเลนแล้ว

                ค่ะ ขอบคุณมาก ฉันยิ้มกว้างให้เสี่ยกวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ

     

     

                ใครบางคนบอกว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เป็นดั่งพายุฝนได้พัดผ่านไป จะมีสายรุ้งและความสดใสเข้ามาแทนที่เสมอ

                หลังจากที่พี่สาวของฉันและสามีของเธอ หรือพี่ไลท์ ได้บอกลาทุกคนแล้ว พวกเขาเดินเข้ามาหาฉัน

                เชียร์ พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าหนูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้แล้วพี่สาวของฉันพูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวของฉันด้วยความเอ็นดู

                เอ้อ หนูเชียร์ใช่มั้ยครับ

                เอ๋ ค่ะ

                หนูเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะ ฝากน้องชายของพี่ด้วยนะ พี่ไลท์พูดขึ้นแล้วยิ้มให้ฉัน

                อ๋อ ค่ะ

                พี่คะ หนูอยากจะบอกว่าความดีของหนูน่ะ มันยังไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของเขาเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่สามารถทดแทนกันได้จริงๆ

                เออใช่ หนูเชียร์

                คะ

                ทำไมพี่สาวของหนูกินเยอะจังเลยเนี่ย

                พี่ไลท์พูดพร้อมกับหัวเราะขึ้น ทำให้พี่สาวของฉันทำจมูกย่นด้วยความไม่พอใจ แหม ใครจะไปกินน้อยเหมือนแฟนเก่าของคุณล่ะคะ

                อะไรแฟนเก่าครับ ชายน์คุณอย่ามามั่ว

                อ้าว ก็น้องคนนั้นไม่ใช่เหรอไง ที่ชื่ออะไรน้า ที่มาหาคุณบ่อยๆ สมัยก่อนน่ะ

                เฮ้ย! ผมไม่เคยมีใครมาหาเลยนะ มีแค่คุณคนเดียวเนี่ยที่มาหา

                ฮ่าๆ ก็ใช่น่ะสิคะ แฟนคนเก่าของคุณก็คือฉันน่ะแหละ

                คุณพูดอะไรผมงง

                ก็ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณแล้วไงคะ ฮ่าๆ

                เอ่อ แต่ผมว่ามันก็คล้ายๆ กันนะพี่ไลท์พูดขึ้นพลางเอามือเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงง

                โอ้ย! คุณจะไปคิดอะไรมากเนี่ยพี่ชายน์พูดประชดแล้วตีเขาเบาๆ

                ผมไม่คิดก็แล้วกัน ยิ่งคิดยิ่งสับสนเพราะคุณอ่ะ

                ฮ่าๆๆๆๆ ฉันเผลอขำออกมาอย่างอดไม่ได้ ก็พี่ชายน์น่ะชอบปล่อยมุขแป้กออกมาให้พวกเราสามพี่น้องฟังเสมอเลยล่ะ ไม่รู้ว่าพี่ไลท์เนี่ยคอยฟังวันละกี่มุขก็ไม่รู้

                ขำอะไรเชียร์

                ขำพี่อ่ะพี่ชายน์ ฮ่าๆ

                พี่สาวของฉันยืนงอนอยู่ จนฉันต้องเข้าไปง้อ โอ๋ๆ หนูล้อเล่นน่ะ พี่ชายน์น่ารักเสมอแหละค่ะ

                จ้า ฮ่าๆ

                ค่า

                เออ หนูเชียร์ งั้นพวกพี่ขอตัวกลับก่อนนะพี่ไลท์พูดขึ้น

                เอ๋!? กลับแล้วเหรอคุณพี่ชายน์หันไปมองหน้าคนข้างๆ ด้วยสีหน้างงงวย

                ก็ใช่สิครับ ก็คุณบอกผมเองว่าคืนนี้จะไปกินข้าวนอกบ้าน บอกเองลืมเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย

                อ้าว!? ใช่ ฉันลืมไปเลย

                ก็นั่นไง

                ฮ่าๆๆ เชียร์ งั้นพี่ไปก่อนนะ

                ค่า

                ฉันยืนมองแผ่นหลังของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่กำลังเดินขึ้นรถไปพลางคิดว่าสักวันหนึ่ง ฉันก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นเหมือนกันเหรอเนี่ย…?

     

     

     

     

    จบไปอีกหนึ่งตอนจ้ะ -_-; นั่งแต่งเพลินเลย โอ้ๆ

     

    รอกิจกรรมต่อไปนะจ๊ะ ^_____^

     

    อย่าลืม EVENT พิเศษนะจ๊ะ ช่วยกันโหวตหน่อยยยย อยู่ในตอนที่ 17 นะ



    Loma_ p

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×