ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SM Sweet Review รับวิจารณ์นิยาย

    ลำดับตอนที่ #7 : Send: Eighteen The Series เขียนซีรีย์นี้…ให้มีแต่รัก (S)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 58


        

    Eighteen The Series เขียนซีรีย์นี้…ให้มีแต่รัก

    ออกตัวก่อนว่าเราก็ไม่ได้เก่งอะไรมากนะคะ คำวิจารณ์นี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวซึ่งต้องให้นักเขียนพิจารณาด้วยว่าควรนำไปแก้ในสุดที่บอกไปจุดไหนบ้าง และจุดไหนสมควรจะคงเดิมอยู่แล้ว

    นักวิจารณ์ S/M

    ชื่อเรื่อง (8/10) เรารู้สึกว่าชื่อเรื่องนั้นยังไม่ค่อยบอกเนื้อหาเท่าไหร่อ่ะค่ะ ตอนเราอ่านชื่อเรื่องโดยไม่ได้อ่านเนื้อหา เราเข้าใจว่า Eighteen The Series นี่หมายถึงคนเขียนจะเขียนเป็นซีรีส์ เป็นเซ็ตๆ ไรงี้ซะอีก ฮ่าๆๆๆ แต่พออ่านเนื้อเรื่องก็เข้าใจค่ะว่ามาจากชื่อซีรีส์ที่เซอร์ไพรส์แสดง ส่วนข้อความภาษาไทย บ่งบอกดีค่ะว่าเรื่องนี้เป็นแนวรักหวานแหวว แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ดึงดูดพออยู่ดี แต่ถ้าไม่เปลี่ยนเราก็เข้าใจเหตุผลของการตั้งชื่อนี้นะคะ ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้

    การตกแต่งบทความ (3/5) เริ่มจากหน้าบทความ รู้สึกว่ามันขาดสีสันไปหน่อยอ่ะค่ะ นิยายรักหวานแหวว วัยรุ่นๆ แต่งให้มุ้งมิ้งน่ารักนิดนึง ฮ่าๆๆๆ การมีสีสันที่พอดี สำหรับเรานะคะ มันดึงดูดดีอ่ะ ไรต์สามารถแก้ไขปัญหานี้โดยการส่งทำโปสเตอร์/แบนเนอร์ หาธีมมาใส่ หารูปมาแนะนำตัวละคร หรือเปลี่ยนสีข้อความเพื่อเน้นตรงที่สำคัญๆ ก็ได้ค่ะ เราอยากแนะนำให้เขียนเรื่องคร่าวๆ เพื่อเกริ่นนิยายเราที่หน้าบทความ เพื่อให้คนที่กดเข้ามาได้ดูแนวเรื่องก่อนว่าใช่แนวที่ตัวเองอยากอ่านไหม มันจะสร้างความน่าสนใจให้เรื่องด้วยค่ะ การมีเพลงประกกอบก็ดีนะคะ เพลงที่มีเนื้อความเข้ากับเนื้อหานิยายเราจะทำให้นักอ่านปรับอารมณก่อนจะเริ่มอ่านเรื่องของเราได้ดีค่ะ แต่ชอบนะคะที่ในหน้าตอนย่อยทำให้ตัวหนังสือขนาดกำลังพอดีและอ่านง่าย

    บทบรรยาย (15/20) ต้องขอชมว่าคำผิดแทบไม่มีเลยจ้า การบรรยายไรต์ทำได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีบางจุดซึ่งเราคาดว่าอาจพิมพ์ตกไป อ่านแล้วสะดุด ประโยคยาวไป หรือไม่ค่อยสมเหตุสมผล เราขอค่อยๆ นำมาให้ดูเป็นบทๆ ไปนะคะ

    ตอนที่หนึ่ง

    เสียงกรี๊ดจากยัยแบร์เพื่อนสนิท จุดนี้เราคิดว่าควรเว้นวรรคหลังคำว่าแบร์ค่ะ และใส่ ‘…’ ด้วยที่ชื่อตัวละคร

    ไรต์เขียนไว้ว่าเซอไพรส์มีผมสีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีเสื้อสีขาว ซึ่งเราคิดว่า สีน้ำตาลอ่อนมันไม่น่าจะตัดกับสีขาวนะคะ หากสีที่ตัดกัน น่าจะเป็นพวกสีตรงกันข้ามเช่นแดงกับเขียว หรือขาวกับดำค่ะ

    เซอร์ไพรส์มีผิวสีขาวและใส่เสื้อสีเดียวกัน  เราค่อยข้างติดใจกับประโยคนี้ค่ะ เข้าใจว่าเซอร์ไพรส์ผิวขาวมาก แล้วก็ใส่เสื้อสีขาว และเราคิดว่าการที่จะบอกว่า สีเดียวกัน นั้นหมายถึง สีเดียวกันจริงๆ ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ที่สีผิดคนเราจะเหมือนกับสีเสื้อขาวจั๋วเป๊ะๆ นะคะ อาจเปลี่ยนไปใช้คำว่า เหมือนกัน จะดีกว่าค่า

    นอกจากจะเจอเขาผ่านกล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าทีวี...นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับเซอร์ไพรส์แบบไม่ต้องผ่านจอ อย่างแรกคือควรเติมคำว่า จะ เข้าไปตรงกลางระหว่าง ฉัน และ ได้ ค่ะ ปกติแล้วหากขึ้นต้นประโยคมาว่า นอกจากจะ... เราจะต่อว่า ฉันยังได้เจอเขาทาง...อีก อะไรแบบนี้ ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับกรณีนี้เท่าไหร่ เพราะทั้งสองอย่างมีความเกี่ยวข้องกันแต่ขัดแย้งกัน ได้ดูผ่านจอทีวีก่อนหน้านี้ แต่จะได้เจอแบบไม่ต้องผ่านจอตอนนี้ หรือไม่การเรียงประโยคก็อาจมีปัญหานิดนึง อาจเปลี่ยนไปใช้ นอกจากจะเจอเขาผ่านจอทีวีแล้วฉันยังจะได้เจอเขานอกจออีก หรือที่ผ่านมาฉันได้แต่มองเขาผ่านจอทีวี แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะได้พบกับเขาตัวเป็นๆ เสียที แต่ส่วนตัวเราชอบแบบที่สองมากกว่า ฮ่าๆ

    แฟนคลับค่อยๆ เบาลง เบาเสียงเนอะ ตอนอ่านก็สะดุดนิดนึงคิดว่าอาจจะพิมพ์ตกหรืออะไร เพราะอ่านแค่นี้ให้ความรู้สึกว่าเบาลง...เรานึกถึงบางตาลง จำนวนแฟนคลับลด อันนี้คือความคิดอะไรเราก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆๆๆ นั่นแหละค่ะ คือสรุปควรเขียนว่า เบาเสียงลง ดีกว่าเนอะ

    เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับสายตาจากทุกคนนับร้อยชีวิตที่มองมาทางฉัน ตรงนี้เราอ่านแล้วงงๆ กรี๊ดไป...หันมามองไป? เราคิดว่าน่าจะเป็นแบบ คนหันมามองก่อน และเมื่อสิ้นเสียงของเซอร์ไพรส์ คนค่อยหันหน้ากลับไปโฟกัสที่เขาและกรี๊ดออกมามากกว่าหรือเปล่าเอ่ย ทั้งเรายังรู้สึกว่าประโยคนี้แอบสะดุดหน่อยๆ ตรงที่ ทุกคนนับร้อยชีวิต เราว่าตัดเป็นทุกคน หรือชีวิตนับร้อย หรือเปลี่ยนเป็นผู้คนนับร้อยชีวิต อันนี้ฟังดูลื่นกว่านะคะในความเห็นของเรา

    แค่หลงในความรักจนเบลอไปหมด หลงในความรัก...เรารู้สึกแปลกๆ อ่ะค่ะ คือมันก็น่าจะใช้ได้แหละ แต่สำหรับเรา หลงในร่างกาย/ใบหน้าอันหล่อเหลา อะไรแบบนี้อาจจะเมกเซนส์กว่า แล้วความว่ารัก ค่อยเขียนเป็น ด้วยความรัก ไรงี้ก็ได้ค่ะ

    สายตาของเราประสานกันอีกครั้ง จุดนี้น่าจะใส่ ก็ประสานกันอีกครั้ง ดีกว่าค่า

    “เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ ใครใช้ให้แกตะโกนดังอยู่คนเดียวแบบนั้นฮะ” ประโยคนี้แบร์เป็นคนพูดหลังจากที่ไมค์ถูกส่งไปให้นักแสดงอีกหลายคนแล้ว ซึ่งเราคิดว่าถ้าจะพูดแบบนี้กับเพื่อนสนิท เขาน่าจะพูดตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์เลยนะคะ เพราะตอนนี้บนเวทีเขาก็โฟกัสที่นักแสดงคนอื่นๆ ไปอีกหลายคนแล้ว

    เล่นมุข ต้องเป็นมุกนะคะ ตอนใช้เราก็สับสนเหมือนกัน แต่ไปค้นมาแล้ว มุกตลกต้อง ก.ไก่เนอะ

    “ทิน! อย่าบอกนะว่าแกฝันกลางวันไปไกลแล้วอ่ะ” ส่วนนี้น่าจะบอกหน่อยนะคะว่าแบร์เห็นอะไรบนใบหน้าหรือการกระทำของทิน ถึงทำให้พูดออกมาแบบนั้น เช่นแววตาฝันเฟื่อง ท่าทาชูกำปั้นมุ่งมั่น อะไรก็ว่าไป ฮ่าๆ

    ฉันกับแบร์ก็เหมือนถูกคลื่นแฟนคลับซัดเข้าไปทางที่ (ควรเติมคำว่า) ที่นักแสดงทุกคนอยู่ทันที เนื่องจากที่ที่ไรต์ใช้ เป็นคำขยาย แต่จะบอกถึงสถานที่ด้วยก็ต้องเติม ที่ ไปอีกคำค่า

    ฉันค่อยๆ ทรุดตัวลงช้าๆ เราคิดว่านคลื่นแฟนคลับขนาดนั้น ทินไม่น่าจะทรุดตัวลงไปได้นะคะเพราะน่าจะเบียดกันมาก

    ตรงที่ ...กริบ สื่อว่าทุกคนเงียบ แนะนำว่าตัดคำว่า กริบ ออกนะคะ มันทำให้สะดุดและเสียอารมณ์นิดๆ อีกอย่างเราคิดว่าหากเซอร์ไพรส์เป็นลม คนน่าจะกรีดร้องชุลมันมากกว่าจะเงียบนา

    “ทิน!! เซอร์ไพรส์เป็นลม” แบร์เป็นคนพูดใช่ไหมคะเพราะเรียกชื่อนางเอก ซึ่งเราคิดว่าน่าจะมีคนอื่นตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาเป็นลม แทนที่เพื่อนของนางเอกจะตะโกนบอกหลังเขาเป็นลมไปแล้วสักพักนะคะ

    เค้า > เขา (เห็นเรื่องนี้มีเขียนทั้งสองแบบเลยอ่า)

    ตอนที่แบร์ส่งไลน์มาหาทิน บอกว่า ปฏิทินโว้ยๆๆๆ ซึ่งเราคิดว่าหากจะรีบขนาดส่งไลน์มาหลายๆ ครั้ง เขาไม่น่าพิมพ์ชื่อเต็มซึ่งกดยากนะคะ เพราะมันยาว เสียเวลา และยังต้องกด shift เพื่อพิมพ์ ฏ อีก

    ภาพเหตุการณ์ที่เซอไพรส์เป็นลมล้มลงไปถูกฉายซ้ำจนฉันอดใจหายอีกครั้งไม่ได้ เราติดใจประโยคนี้อ่า รู้สึกว่าส่วนแรกกับส่วนที่ขีดเส้นใต้ไว้มันไม่ค่อยต่อกัน หรือไม่ค่อยเข้ากันแปลกๆ อาจเปลี่ยนไปเขียนประมาณว่า ภาพเหตุการณ์ที่เซอไพรส์เป็นลมล้มลงไป แม้จะเคยเห็นแล้วแต่ก็ทำให้ฉันอดใจหายอีกครั้งไม่ได้ ก็ได้จ้า

    เราคิดว่าตรงส่วนสุดท้ายของบททำให้เราค่อนข้างงง เพราะนักเขียนนั้นควรลงทุนกับพล็อตและการเขียนเพื่อที่จะสร้างผลงานออกมาเขียนให้คนอ่านบนเว็บได้ เพราะงั้นเราจึงแปลกใจที่นางเอกจำไม่ได้ว่าตัวเองเขียนอะไรลงไปบ้าง และไม่เอะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที เพราะการกระทำและคำพูดว่าไม่เป็นไร อะไรเทือกๆ นั้นของเซอไพรส์มันเหมือนกันเป๊ะจริงๆ

    อีกอย่างที่อยากแนะนำ หลังจากอ่านบทนี้นะคะ ไรต์น่าจะบรรยายพวกการกระทำ สีหน้า ใบหน้า อะไรของตัวละครได้มากกว่านี้นะคะ เพราะมีหลายที่เลยที่เขาคิดว่าเหมาะจะบรรยายมาก สามารถบอกได้ว่าเมื่อสิ้นเสียงของพระเอก นางเอกหูแดง หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วขึ้น รึ้กร้อนผ่าวบนใบหน้า หรือการกระทำแบบที่ยกตัวอย่างไปเมื่อก่อนหน้านี้ตรงที่แบร์บอกว่านางเอกฝันไปไกล คือสามารถบอกได้ว่านางเอกทำอะไร แสดงท่าทางออกมาแบบไหน ใส่ได้เยอะมากๆ เลยนะและจะทำผู้อ่านเห็นภาพชัดเจนขึ้นมากเลยค่า

     

    ตอนที่สอง

    แบร์บอกกับทินว่ามันแค่เรื่องบังเอิญทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนบอกทินเองว่ามันเหมือนกับนิยายที่ทินเขียน เราว่า...มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะคะ ฮ่าๆๆ

    เรางงว่าแบร์เช็คได้ยังไงว่าเซอร์ไพรส์เลิกกับแฟนวันที่เท่าไหร่อ่ะคะ คือเป็นดารา ถ้าเลิกกับแฟนก็อาจจะมีข่าวออกมาบ้าง แต่คิดว่าคงไม่บอกวันที่เลิกเลย อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ

    แล้วก็ในนิยายของทิน นางเอกเอาหมวกไปให้พระเอก ซึ่งเพิ่งจะเลิกกับแฟน และคำว่าวันก่อนก็บอกว่าในขณะนั้น เขาน่าจะยังเป็นแฟนกับอยู่ เพราะงั้นนางเอกก็ไม่น่าจะส่งของไปให้คนมีเจ้าของนะคะ แต่อันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลำดับอันไหนมันมาก่อนมาหลัง หากผิดพลาดขออภัยด้วยจ้า แต่การที่ทินส่งหมวกไปให้เซอร์ไพรส์ เรารู้สึกไม่ค่อยแปลกใจเลยที่เขาจะใส่ ก็ทินส่งหมวกไปให้นี่นา

    กระชับ > กำชับ

    เมื่อไร > เมื่อไหร่

    บทนี้ตอนที่ทินเดินกลับบ้านกับนิคคอน เราคิดว่าบรรยายได้มากกว่านี้เพื่อให้เห็นภาพค่ะ เพราะมีทั้งทางเดิน ร้านหรือสิ่งก่อสร้างด้านข้าง เสียงของผู้คน บลาๆ บรรยายได้หมดเลยจ้า หรือถ้ามันเย็นจนไม่มีคนก็บรรยายบรรยากาศและอุณหภูมิก็ได้

    โดยรวมแล้วเราว่าโอเคเลยนะคะ นอกจากที่บอกไปเรารู้สึกว่าไหลลื่นดีกว่าจ้า คำผิดแทบไม่มี สุดยอดเลย


    โครงเรื่อง/ความน่าสนใจ (15/20) เป็นเรื่องแฟนตาซีเนอะ จบบทแรกได้ดีเลยค่ะ ทิ้งปมไว้ให้นักอ่านงงต่อ แต่สำหรับเรา มันยังไม่น่าสนใจขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเราเคยดูหนังและอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับการแต่งเรื่องหรือเขียนนิยายแล้วมันเกิดขึ้นจริงๆ มาหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่น Bedtime Story เป็นต้น รวมถึงที่พระเอกเป็นนักแสดงซีรีส์ที่จะเปิดรับนักแสดงใหม่ๆ เพื่อแสดงซีซั่นสอง ทำให้เรานึกถึง Hormones วัยว้าวุ่นด้วยล่ะมั้งคะ ฮ่าๆๆ (อย่าเข้าใจผิดนะคะ เราไม่ได้พยายามจะหาว่าคุณก็อปเขามา อะไรแบบนี้ เราเข้าใจว่าพล็อตมันซ้ำกับเรื่องนู้นเรื่องนี้ได้แน่นอนโดยมีผู้เขียนอาจคิดไม่รู้ตัว เราแค่บอกว่ามันไม่แปลกใหม่สำหรับเราค่ะ)

    ตัวละคร (16/20) ตัวละครเรายังไม่สามารถเม้นต์ให้ได้ละเอียดค่ะเพราะว่าเพิ่งมีแค่สองบทเท่านั้น แต่ก็คิดว่าไรต์ปูนิยายของตัวละครได้ค่อนข้างดีเลย เราสามารถเห็นคาแร็คเตอร์ผ่านการสนทนา แต่มีตัวละครนึงที่เราติดใจ จากที่เดินกลับบ้านด้วยกัน นิคคอนดูเป็นคนพูดน้อยและเงียบ จะพูดก็กวนประสาตหน่อยๆ แต่ไรต์บอกว่านิคคอนเป็นพวกขวางโลก ปากไม่ดี ซึ่งในเรื่องก็มีบางทีที่นิคคอนว่าทิน แต่สำหรับเรามันยังไม่ขนาดนั้นอ่ะค่ะ ตอนที่ทินบอกนิสัยของนิคคอนตอนแรกเราคิดภาพเป็นพวกเกเร พูดมากชอบว่าคนอื่นไปทั่ว อะไรแบบนี้เลยล่ะ

    อีกอย่างคือ ทินบอกว่าไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้พวกแพรี่ ถึงได้โกนแกล้ง แต่เราว่าตัวละครทุกตัวควรมีเหตุผลในการกระทำทั้งหมด การที่จะมากลั่นแกล้งโดยไม่มีเหตุผลมันแปลกๆ อ่ะค่ะ แต่ถ้ามีเฉลยออกมาในบทต่อๆ ไปถึงสาเหตุที่ทำให้แพรี่เกลียดทิน เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

    การดำเนินเรื่อง (17/20) การดำเนินเรื่องถือว่าค่อนข้างดีเลยค่ะ แต่ก็มีบางส่วนที่เราอ่านแล้วรู้สึกมันเอื่อย อ่านไปแล้วอาจทำให้คำเบื่อง่าย ซึ่งอันนี้ต้องออกตัวก่อนว่าอาจเป็นเพราะอารมณ์ของเราในตอนที่อ่านด้วยนะคะ ตรงนี้คิดว่าน่าจะเป็นการใช้ภาษาเข้ามามีส่วนเกี่ยวค่ะ

    ความประทับใจจากนักวิจารณ์ (3/5) ถือว่าค่อนข้างประทับใจเลยนะคะ

    รวมคะแนน (77/100)

     

     


    ชื่อ :

    ชื่อเรื่อง/ลิ้งค์ :
    รู้สึกยังไงเมื่อเห็นผลการวิจารณ์ :
    ให้เครดิตและกดโหวตให้หน่อยน้า :

    มีไรอยากพูดเพิ่มเติมไหมเอ่ย : 
     
     
    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e

    r
        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×