ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {fic :: exo} You're my Moon~☽ (KaiLu) [END]

    ลำดับตอนที่ #32 : You’re my Moon ☽ :: Special 5 :: Q&A with Kai

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 469
      1
      3 พ.ค. 57

                หลังจากได้เห็นหน้าคุณครูสอนเต้นสุดเท่ห์จากค่ายเพลงดังอย่าง XO Entertainment ในบทบาทการเป็นกรรมการตัดสินการคัดเลือกหาสุดยอดนักเต้นระดับประเทศที่จบลงไปแล้ว วันนี้เราเลยคว้าตัวคุณครูสุดเท่ห์มานั่งคุยกันแบบตัวต่อตัว เจาะลึกทุกเรื่องราวที่จะทำให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาคนนี้กันมากยิ่งขึ้น


     

     

     

     

    Q  : แนะนำตัวหน่อย

    Kai : สวัสดีครับ ผมคุณครูไคจากค่าย XO Entertainment ครับ (ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : แค่นี้เองหรอ?

    Kai : ต้องตอบมากกว่านี้หรอครับ ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนี้มากก่อนเลย ผมก็เลยไม่รู้(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : อ๋า... งั้นเล่าเรื่องของตัวเองหน่อยแล้วกัน

    Kai : ผมเป็นครูสอนเต้นอยู่ที่ค่าย XO Entertainment มาได้ประมาณ 6 ปีได้แล้วครับ ตอนแรกผมออดิชั่นเข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดก่อน แต่ว่าไม่ได้เดบิวต์ ตอนนั้นไปกับเพื่อนที่สนิทมากๆ เราได้ด้วยกันทั้งคู่ ผมกับเขาก็ฝึกด้วยกัน แต่ว่าเขาเก่งกว่าและเหมาะจะเป็นนักร้องมากกว่า ตอนนี้เขาก็ดังสุดๆตามที่หวังเอาไว้ ผมดีใจกับเขามากๆเลย

     

     

     

    Q  : คริสอู๋ ?

    Kai : ไม่ใช่ครับ...

     

     

     

    Q  : บอกได้มั๊ย ?

    Kai : ไม่บอกแล้วกัน เดี๋ยวหลายๆคนจะอิจฉา(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : บอกไม่ได้จริงๆหรอ ?

    Kai : ขอเปลี่ยนคำถามครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : งั้นพูดถึงเพื่อนสนิทบ้าง มีหลายคนบอกว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทกับคริสอู๋ รวมทั้งคริสอู๋ด้วย

              Kai : คริสอู๋บอกหรอครับ(หัวเราะ) เขาเป็นทั้งเพื่อนสนิท ลูกศิษย์ แล้วก็เหมือนเป็นครอบครัวของผมด้วย พอผมตัดสินใจที่จะเป็นครูสอนเต้นไม่เดบิวต์หลังจากนั้น 4 ปีคริสอู๋ก็เข้ามาเป็นเด็กฝึกในค่าย เป็นคนที่ใครๆก็ไม่คิดว่าจะได้เดบิวต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากอายุที่มากกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข(หัวเราะ) สุดท้ายก็เลยสนิทกัน

     

     

     

    Q  : เพื่อนส่วนมากเป็นคนในวงการบันเทิง

    Kai : จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีแค่ในวงการครับ ผมก็มีเพื่อนนอกวงการเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพื่อนที่เรียนมัธยมกับมหาลัยด้วยกันครับ ต่างคนต่างก็ทำงานแตกต่างกันออกไป นานๆถึงจะเจอกันที

     

     

     

    Q  : ถามถึงครอบครัวได้มั๊ย ?

    Kai : ได้ครับ ไม่ได้ปิดบังอะไรนะ(ยิ้ม) พ่อกับแม่ผมทำธุรกิจอยู่อเมริกา ตอนนี้มีผมคนเดียวที่อยู่ที่โซลครับ ผมมีพี่สาว 2 คนครับ แต่งงานกันไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็แยกย้ายกันไปอยู่ตามพี่เขย จริงๆผมเป็นคนหวงพี่สาวมาๆ ได้เจอกันแค่เดือนละ 2-3 ครั้ง จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคำรามใส่พี่เขยอยู่เลย ถ้าดูแลพี่สาวผมไม่ดีผมจะขอคืน(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : เหงามั๊ยที่ต้องห่างกับครอบครัว ?

    Kai : จริงๆก็มีบางอารมณ์เหมือนกันครับที่เหงา แต่ผมเคยชินกับการอยู่ห่างกับครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็ติดต่อกันตลอด เรายังรับรู้ได้ถึงความรักและความห่วงใยของคนในครอบครัว เค้าเรียกว่าอะไรนะครับ สายสัมพันธ์ครอบครัว คงประมาณนั้น(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : พูดถึงเด็กฝึกหัดที่คุณไคกำลังสอนอยู่บ้างดีกว่า?

    Kai : ตอนนี้มีอยู่ไม่กี่คนแล้วครับ มี 3 คน ตอนนี้ก็เดบิวต์เป็นบอยแบรนด์ไปเรียบร้อยแล้ว ผมภูมิใจมากๆเลยทีเดียว เหลืออีกคนที่กำลังจะเดบิวต์เป็นนักร้องเดี่ยว

     



     

     

     

    Q  : ทำไมถึงไม่อยากเป็นไอดอล ?

    Kai : พอได้เห็นคนที่ได้เป็นแล้วผมก็รู้สึกถึงความยากลำบากที่มากกว่าคนอื่น มีกฎมากมายที่ต้องปฏิบัติซึ่งผมคิดว่ามันค่อยข้างจะไม่เป็นอิสระ ผมเลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นครูสอนเต้นแทน

     

     


     

     

    Q  : มาพูดเรื่องส่วนตัวกันบ้างดีกว่า...

    Kai : ได้ครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : สิ่งที่ทำในช่วงที่มีเวลาว่าง

    Kai : ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการซ้อมเต้นครับ มีบ้างที่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆแต่ก็น้อยมากจริงๆ รู้สึกว่าช่วงปีที่ผ่านมานี้แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวกลางคืนเลย(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : ทำไมไม่ออกล่ะ? หรือเพราะว่ามีใครสั่งห้าม?

    Kai : (หัวเราะ) ก็ไม่มีใครห้ามครับ แต่เพราะว่าผมเหนื่อยก็เลยไม่อยากออกไป อยากพักผ่อนให้เพียงพอมากกว่า

     

     

     

    Q  : ถามถึงเรื่องความรักได้มั๊ย?

    Kai : ถ้าตอบได้ผมก็ตอบครับ อย่างที่บอกว่าผมไม่มีอะไรปิดบัง(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : รักแรกเกิดขึ้นตอนไหน?

    Kai : อืมมมมมม... ช่วง ม.ต้นครับ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ สนิทกันไปสนิทกันมาก็เริ่มรู้สึกรัก ก็เลยตกลงคบกัน เราทำอะไรด้วยกันตลอด มีเวลาให้กันแทบจะทั้งวันเพราะว่าเรียนห้องเดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กันด้วย

     

     

     

    Q  : แล้วเป็นยังไงต่อ ?

    Kai : ก็ไม่ยังไงครับ สุดท้ายก็จบกันด้วยดีกลับไปเป็นเพื่อนกัน มีคนเคยบอกว่าถ้ารักแรกสมหวังก็จะไม่ใช่รักแรก... ผมดีใจที่มีเขาเป็นรักแรก เขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นครอบครัว แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะต้องเลิกกันไป แต่อย่างน้อยๆเราต่างก็มีกันและกันในชีวิต เพื่อนที่ดีที่สุด เพื่อนที่ทำให้ผมมายืนอยู่จนถึงจุดนี้ได้

     

     

     

    Q  : ยังรักอยู่มั๊ย?

    Kai : รักครับ แต่แบบเพื่อน ตอนนี้ผมมีรักสุดท้ายแล้ว(ยิ้มเขิน)

     

     

     

    Q  : ตอนนี้มีคนรักแล้ว ?

    Kai : ครับ(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : คนๆนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆที่ได้เป็นคนรักของคุณไค

    Kai : ไม่หรอกครับ(ยิ้ม) เอาจริงๆผมว่าผมต่างหากที่เป็นคนที่โชคดีที่ได้รับความรักจากเขา ผมดีใจที่เขาให้ความรักกับผม พยายามจนผมรักเขาทั้งๆที่ตอนแรกผมไม่ได้คิดที่จะรักเขาเลย คือเราค่อนข้างจะเหมือนกันในบางอย่างซึ่งผมคิดว่าเราคงไปกันไม่ได้ แล้วก็เส้นทางชีวิตของเราแตกต่างกัน คือเหมือนเราทำงานกันคนละสายงาน

     

     

     

    Q  : เขาจีบคุณไคก่อน?

    Kai : ครับ เขาคิดว่าผมเป็นคนน่ารัก(หัวเราะเสียงดังมาก) คือจะพูดยังไงดี เขาอยากให้ผมเป็นฝ่ายมุ้งมิ้งให้เขา ทั้งๆที่แค่มองก็น่าจะรู้แล้วว่าผมไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เขาก็พยายามจะรุกผม ตอนนั้นผมทั้งขำทั้งไม่ชอบเลย แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ สิ่งที่เขาทำมันน่ารัก น่ารักซะจนผมตกหลุมรักเขาในที่สุด

     

     

     

    Q  : คบกันมานานหรือยัง ?

    Kai : เกือบ 2 ปีได้แล้วครับ

     

     

     

    Q  : บอกได้มั๊ยว่าใคร ?

    Kai : อันนี้ไม่รู้จริงๆหรอครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : คนรักของคุณไคเป็นคนแบบไหน ?

    Kai : จริงๆผมไม่มีสเป็คว่าจะต้องเป็นแบบนั้นหรือว่าเป็นแบบนี้ แต่ว่าเราจะรู้ด้วยตัวเองว่าชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก เขาเป็นแบบนั้น คือเราปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นกำหนดความรู้สึกของเรา ผมนับถือความพยายามของเขาซึ่งมันน่ารักเอามากๆ ตอนแรกก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน จนวันที่เขาจูบผม เหมือนมีความรู้สึกสับสนว่าเรารู้สึกยังไงกันแน่ เพราะตอนนั้นผมเองก็ยังตัดรักแรกไม่ขาด

     

     

     

    Q  : เหมือนจะดราม่านะ?

    Kai : ไม่เลยครับ(หัวเราะ) หลังจากนั้นผมก็จบลงด้วยดีกับรักแรก ผมสับสนนี่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเขานะครับ เพียงแต่สับสนว่าถ้าเกิดตกลงว่าใจตรงกันแล้วทั้งคู่ เราสองคนควรอยู่ในสถานะกันแบบไหน ผมหรือเขาใครจะเป็นผู้นำ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี ?

    Kai : ครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : คุณไคเองดูเหมือนจะงานยุ่ง แล้วแบบนี้มีเวลาให้คนรักบ้างมั๊ย ?

    Kai : ให้สลับคำถามครับ(หัวเราะ) เขายุ่งกว่าผมอีก ตอนนี้มีงานหลายอย่างเข้ามา เขาเองก็คิดว่ามันท้าทาบแล้วก็อยากจะลองทำ ปกติแล้วถ้าไม่มีงานอื่นนอกจากการแข่งของเขาก็จะซ้อม เรามีเวลาให้กันน้อยมาก แต่เขาก็ไม่เคยงอแงเลย ผมรู้ว่าเขาเองก็น้อยใจเหมือนกันที่ผมไม่ค่อยไปหา ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ คือเราสองคนโตกันแล้ว การคบกันมันไม่ใช่แค่ว่าเธอต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาเหมือนกับวัยรุ่น เราเองก็คุยกันเรื่องนี้ตลอด

     

     

     

    Q  : แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง ?

    Kai : เรื่องเล็กๆเราไม่ค่อยทะเลาะกันครับ คือถ้าทะเลาะกันก็จะเป็นเรื่องใหญ่เลย คือเราไม่ได้ทะเลาะกันแบบร้องไห้ฟูมฟายหรืออะไรแบบนั้น เราเอาเหตุผลมาพูดกัน ส่วนใหญ่เขาจะเถียงแล้วผมจะเงียบ คอยอธิบายเหตุผลให้เขาฟังมากกว่า แต่ตอนนั้นคบกันมาเกือบปี เคยทะเลาะกันแรงสุดก็เพราะเรื่องผิดสัญญา ผมเองก็ผิดที่บอกความจริงกับเขาไม่ได้ว่าวันนั้นผมไปกับแฟนเก่า คือรักแรกน่ะครับ เขากำลังจะกลับไปทำงานที่ LA แล้วก็อาจจะนานเลยกว่าจะกลับมาเกาหลีอีกที แต่ตอนหลังผมก็บอกเขานะครับว่าไปกับใคร เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร คือเขาไม่คิดอะไรเลย เขาบอกว่ายังไงก็เป็นเพื่อนกัน

     

     

     

    Q  : มีบ้างมั๊ยที่เขาไม่ฟัง ?

    Kai : มีครับ ตอนนั้นเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดจนถึงขั้นเลิกเลย คือมันมีความกดดันหลายทางมากทั้งของเขาเองแล้วก็ของผม แต่ของผมมีน้อยกว่าเขาเยอะ แต่พอผมเห็นเขาเครียด เวลาอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ผมคิดตลอดว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเราต้องมีความสุข แต่ตอนนั้นเขาไม่ คือเหมือนจะเครียดอยู่ตลอดเวลา ผมบอกไม่ให้เครียดเขาก็ไม่ฟัง เอาแต่เถียงว่าไม่เป็นไรทั้งๆที่เขาร้องไห้ เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายผมก็เลยบอกเลิก

     

     

    Q  : แล้วกลับมาคืนดีกันได้ยังไง ?

    Kai : อันนี้เป็นอะไรที่ผมทั้งขำทั้งงงเลยครับ(หัวเราะ) คือเพื่อนเขาที่อยู่ในทีม เรียกว่าเกือบทั้งสโมสรเลยมาหาผมทั้งขู่ ทั้งขอร้อง ตอนแรกก็ขู่บอกว่าให้ไปบอกเขาว่าอย่าลาออกจากทีม ผมก็งง พวกเขาบอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามพูดแค่นั้น แล้วก็ขู่ว่าจะเตะผลเป็นลูกบอลถ้าไม่ไปง้อ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : แล้วโดนเตะมั๊ย ?

    Kai : ไม่โดนครับ(หัวเราะ) หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่าให้ผมฟัง คือเหมือนเทปมันย้อนกลับ แค่คิดว่าเขาร้องไห้มากกว่าตอนที่อยู่กับผมก็เจ็บปวดแล้ว วันต่อมาก็เลยไปง้อเขาเลย

     

     

     

    Q  : ง้อยังไง ?

    Kai : ไปหาที่สโมสร คือเขากำลังซ้อมอยู่ วิ่งไล่ลูกฟุตบอลเหมอๆอยู่กลางสนาม ผมก็วิ่งเข้าไปคว้าเขาเข้ามาจูบเลย ร้องไห้ด้วย(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : ก็กลับมาคืนดีกัน ?

    Kai : ครับ ก็เป็นเหมือนทุกวันนี้(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : ความแตกต่างระหว่างกันและกัน ?

    Kai : ผมเคยคิดว่ามันเป็นปัญหาเอามากๆเลย คือทั้งการดำเนินชีวิต ความคิด แล้วก็สังคม แต่ถึงอย่างนั้นเราต่างก็พยายามที่จะปรับจูนเข้าหากัน ความรักมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : ข้อดีและข้อเสียของคุณไคที่ส่งผลต่อคนรัก ?

    Kai : ข้อดีคิดว่าต้องไปถามกับเขาเองนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมมีข้อดีอะไรสำหรับเขา(หัวเราะ) ข้อเสียของผมคือผมเป็นคนขึ้นๆลงๆ ถ้านิ่งก็จะนิ่งจนเขาคิดว่าไม่ใส่ใจ แต่ถ้าผมแสดงออก ผมก็จะแสดงออกจนเขางงว่าทำไมถึงได้ทำขนาดนี้(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : วางแผนอนาคตเอาไว้ยังไง ?

    Kai : ก็คงจะเป็นครูสอนเต้นต่อไปเรื่อยๆครับ ยังไม่ได้วางแผนอะไรเอาไว้เลย ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่มีจุดหมาย แต่ผมมีจุดหมายในด้านอื่นอยู่แล้ว ตอนนี้พ่อกับแม่ก็อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาลงหลักปักฐานกับใครสักคนแล้ว

     

     

     

    Q  : จะมีข่าวดีมั๊ย ?

    Kai : รอฟังคำตอบจากเขาอยู่ครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : หวังว่าจะได้ฟังข้าวดีนะ

    Kai : ขอบคุณครับ(หัวเราะ)

     

     

     

    Q  : ก่อนจากกันฝากถึงทุกคนที่มีฝันอยากจะเป็นนักเต้นหน่อย ?

    Kai : ก็อยากจะให้น้องๆหรือใครก็ตามที่อยากจะเป็นนักเต้นนะครับ ต้องขยันซ้อมให้มากๆ ศึกษาการเต้นหลายๆแบบจากหลายๆแห่ง ไม่มีสิ่งไหนได้มาง่าย เพราะอย่างนั้นเราต้องพยายามครับ สู้ๆ(ยิ้ม)

     

     

     

    Q  : ส่งท้าย ให้คุณไคพูดอะไรก็ได้ที่อยากจะพูด ?

    Kai : ผมจะพูดอะไรดีล่ะ(หัวเราะ) งั้นฝากบอกถึงเขาคนนั้นก็แล้วกันครับ(ยิ้ม) อาทิตย์หน้าห้ามลืมนัดที่จะไปจีนด้วยกันนะ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย แล้วก็อย่าหักโหมให้มากนัก ผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆดูแลคุณแต่ผมก็เป็นห่วงคุณตลอดเวลา ขอโทษที่อาจจะเป็นคนรักที่เหมือนกับคนอื่นๆไม่ได้ แต่ผมก็รักคุณคนเดียว หน้าที่ทำให้คุณยิ้ม ทำให้คุณหัวเราะมันเป็นของผมคนเดียวนะ อย่าให้ใครมาทำหน้าที่แทนผมตอนที่เราไม่อยู่ใกล้กัน... รัก! นี่ดูไม่เหมือนผมเลยนะ(หัวเราะ)

     

     

     

     

    หวังว่าคงไม่มีใครสำลักความหวานของคุณครูสอนเต้นคนนี้นะ หลังจากที่ได้นั่งคุยกันมาขอบอกเลยว่า คุณครูไคเป็นคนที่มีสเน่ห์และน่ารักมากๆๆๆๆๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเก็บใจเอาไว้ เพราะดูเหมือนว่าหัวใจจะไม่ว่างซะแล้ว แถมยังรักกันม๊ากกกก มาก ทางทีมงานก็ขอให้คุณครูไคมีข่าวดีมาเร็วๆนะ...

     

     

     

    ::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::

     

    คุณครูไคดังแล้วนะคะ พี่ลู่ต้องแอบหวงอยู่แน่ๆ

    #หลงครูไคทำไงดี งื้อออออออออ 5555

     

    ยังมีคนตามติดครูไคกับพี่ลู่อยู่บ้างมั๊ยเนี่ยย

    เหมือนสเปจะเยอะจนเกินไปละ คิคิ

     

     

    ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กันนะคะ ^^

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×