~ สายรับ...เรื่องจริง ~ - ~ สายรับ...เรื่องจริง ~ นิยาย ~ สายรับ...เรื่องจริง ~ : Dek-D.com - Writer

    ~ สายรับ...เรื่องจริง ~

    สายรับ...เรื่องจริง แวะเข้ามาอ่านกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    493

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    493

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 พ.ย. 49 / 19:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องของสายลับ

      อดีตสายลับชาวรัสเซีย และผู้ที่จ้องคอยจับผิด และวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน อย่างหนัก ขณะนี้กำลังต่อสู้ เพื่อที่จะฉุดชีวิตของตัวเองเอาไว้ให้ได้อยู่ในโรงพยาบาลกรุงลอนดอน หลังจากที่เห็นได้ชัดว่า เขาถูกวางยาพิษ

      ไม่ใช่นิยาย แต่รับรองได้ว่า เรื่องนี้ตื่นเต้น ไม่ง่วงแน่นอน

      เดอะ เมล์ของอังกฤษเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า อเล็กซานเดอร์ ลิทวิเนนโก อดีตพันเอกประจำสำนักงานความมั่นคงรัฐบาลกลางหรือเอฟเอสบี ล้มป่วย หลังจากที่เขาได้ไป พบกับ "สาย" ที่บาร์ซูชิแห่งหนึ่งในกรุงลอน ดอน ซึ่งอ้างว่าตัวเขามีข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรม แอนนา โปลิทคอฟสกายา นักข่าวสาวชาวรัสเซียจอมแฉ

      ซันเดย์ เทเลกราฟ หนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งของอังกฤษรายงานอ้างคำพูดเพื่อนสนิทคน หนึ่งของลิทวิเนนโก ซึ่งได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ ในอังกฤษเมื่อปี 2544 ซึ่งเล่าว่า อเล็กซานเดอร์มั่นใจว่า ตัวเขาถูกวางยาพิษ "ตามคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย"

      ลิทวิเนนโก เผ่นหนีมาอังกฤษหลังจากที่เปิดโปงแผนของเอฟเอสบีที่จะลอบสังหารนักธุรกิจใหญ่ของรัสเซีย บอริส เบเรซอฟสกี้ (ขณะนี้ใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษเช่นกัน) ลิทวิเนนโกนั้นไม่ลงรอยกับวลาดีมีร์ ปูติน ซึ่งเป็นหัวหน้าเอฟเอสบีช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ในตอนนั้นลิทวิเนนโกได้รับมอบหมายให้จัดการกับการคอร์รัปชัน แต่ตัวเขารู้สึกว่า ปูตินกลับไม่ยอมทำอะไรมากนักในเรื่องนี้

      ต่อมาลิทวิเนนโกได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง เนื้อหากล่าวอ้างว่าเอฟเอสบีมีส่วนเกี่ยวพันกับการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ติดต่อกันหลายครั้งในปี2542 ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตไปราว 300 ศพ การลอบวางระเบิดในตอนนั้นต่างกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกบฏแบ่งแยกดินแดนเชเชน นับเป็นหนึ่งในหลายเหตุผล ซึ่งนายกฯปูติน (ในขณะนั้น) ได้ส่งกำลังทหารรัสเซียกลับเข้าไปในเชชเนียอีก ครั้งหนึ่ง (สงครามที่ทำให้เขาได้รับความนิยมจากประชาชน และดันให้เขาพุ่งขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2543)

      ส่วนโปลิทคอฟสกายา หอกข้างแคร่ยาวนานของวังเครมลิน จากกรณีส่งทหารไปทำสงครามในเชชเนีย และได้ถูกยิงเสียชีวิตคาอพาร์ตเมนต์ ที่พักของเธอในกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 7 ต.ค. จนทำให้เกิดเสียงสวดยับจากประชาคมนานาชาติ มีรายงานว่าเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งของจารชนลิทวิเนนโก ผู้ที่ล้มป่วยลงไม่นานหลังจากที่เขามีนัดกับสายข่าวลึกลับเมื่อวันที่ 1 พ.ย.

      ซันเดย์ ไทม์ส รายงานว่า ลิทวิเนนโกได้พบกับชาวอิตาเลียนชื่อ "มาริโอ" ที่ภัตตาคารซูชิแห่งหนึ่ง โดยเขาอ้างว่ามีข่าวเกี่ยวกับการตายของ โปลิทคอฟสกายา "ผมสั่งอาหารกลางวัน แต่เขา ไม่กินอะไรเลย" ไทม์สอ้างคำพูดที่ลิทวิเนนโกกล่าว กับสายของเขา "ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นเต้นมาก เขาส่งเอกสารจำนวน 4 หน้าให้กับผม และบอกว่าต้องการให้ผมอ่านโดยทันที มันประกอบไปด้วยรายชื่อของผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งสายลับเอฟเอสบีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมโปลิทคอฟสกายา"

      ลิทวิเนนโกบอกว่า เขาไม่อาจปรักปรำ "มาริโอ" ว่าเป็นคนวางยาพิษเขา

      แต่หากว่าสายลับรัสเซียอยู่เบื้องหลังการวางยาพิษครั้งนี้ ก็จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้พยายามปิดปากพวกที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ บนถนนสายต่าง ๆ ของกรุงลอนดอน ในปี 2521 จอร์จี มาร์คอฟ ผู้มีความคิดแตกแยกชาวบัลแกเรีย ได้ถูกชายคนหนึ่งใช้ "ร่ม" แทงเข้าที่ขา ขณะกำลังเดินข้ามสะพานวอเตอร์ลู ของลอนดอน

      ร่มคันนั้นพ่นกระสุนยาพิษไรซินออกมา มาร์คอฟไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกสามวันหลังจากนั้น นับแต่นั้นมาสายลับเคจีบีแปรพักตร์หลายคนรวมทั้ง โอเลก กอร์ดีฟสกี้ ต่างยืนยันตรงกันว่า หน่วยข่าวกรองโซเวียตเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารเหล่านั้น

      โรงพยาบาลยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ในกรุงลอนดอนยืนยันว่า อาการของลิทวิเนนโกอยู่ในขั้นร้ายแรง แต่ก็ทรงตัว โดยเดอะ เมล์รายงานเพิ่มว่า มียามติดอาวุธคอยดูแล ผมร่วงหมดหัว และมีความยากลำบากอย่างยิ่งในการที่จะพูดแต่ละครั้ง ขณะที่ซันเดย์ ไทม์ส เสริมอาการป่วยของเขาว่า ไตได้รับความเสียหาย อาเจียนตลอดเวลา เม็ดโลหิตขาวถูกทำลายไปเกือบหมด

      ไทม์ส ยังบอกด้วยว่า ยาพิษที่ลิทวิเนนโกโดนเข้าไปนั้นคือ "แธลเลียม" ในปริมาณที่เกินขีดอันตรายที่ร่างกายมนุษย์เราจะรับได้ถึงสามเท่า เดอะ เมล์ สรุปตบท้ายว่า โอกาสที่ลิทวิเนนโกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้มีอยู่ 50-50

      ต้องตามดูกันต่อไปว่า ลิทวิเนนโกจะถูกเก็บสำเร็จหรือไม่ และถ้าเขาตาย ฆาตกรจะถูก กระชากหน้ากากออกมาหรือไม่.

      บทความจากคอลัมน์ สังคมโลก ฉบับวันที่ 22 พฤศจิกายน 2549

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×