++ เรื่องของการประหารชีวิต ++ - ++ เรื่องของการประหารชีวิต ++ นิยาย ++ เรื่องของการประหารชีวิต ++ : Dek-D.com - Writer

    ++ เรื่องของการประหารชีวิต ++

    ++ เรื่องการประหารชีวิต ++

    ผู้เข้าชมรวม

    1,002

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ย. 49 / 13:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                  การประหารชีวิต


           
              พะเนียดคล้องช้างสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกสถานที่หนึ่งซึ่งใช้เป็นที่ประหารชีวิตนักโทษ

           มีข่าวว่ากรมราชทัณฑ์ดำริที่จะเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิต จากการยิงด้วยปืนมาเป็นฉีดยา ปัจจุบันการประหารชีวิตนักโทษกระทำกันที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรีเพียงแห่งเดียว ส่วนในอดีตไทยเราประหารชีวิตด้วยดาบ มาจนถึง พ.ศ.2477 จึงได้ยกเลิกการประหารชีวิตด้วยดาบ เปลี่ยนมาเป็นการประหารชีวิตด้วยปืน
      รายสุดท้ายที่ทำการประหารชีวิตด้วยดาบได้แก่รายประหารชีวิต นางล้วนในข้อหาฆ่าคนตาย โดยทำการประหารที่วัดหนองจอก ริมคลองแสนแสบ จังหวัดพระนคร
      สำหรับการประหารชีวิตในสมัยก่อน ครั้งรัชการที่ 5 ทำการประหารที่วัดโคก(วักพลับพลาไชย) ซึ่งสมัยนั้นเป็นวัดที่อยู่ในชนบท ห่างไกลจากชุมชน
      แต่ต่อมาก็ได้ย้ายมาทำการประหารที่วัดมักสันริมคลองแสนแสบ และที่วัดภาษีซึ่งอยู่ห่างออกไปในคลองเดียวกัน และที่อื่นๆอีก ทั้งนี้ ก็เพราะวัดเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงจากวัดในชนบทมาเป็นวัดที่อยู่ในชุมชนตามกาลเวลา ไม่เหมาะสำหรับการประหารชีวิตอย่างแต่ก่อน ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อทางการสร้างเรือนจำบางขวางหรือคุกบางขวางขึ้นแล้ว ต่อมาจึงได้ทำการประหารชีวิตที่คุกบางขวางนี้ตลอดมาจนกระทั้งปัจจุบัน สำหรับการประหารชีวิต ในคุกบางขวางนี้ ได้ทำการประหารด้วยปืนเหมือนนานาประเทศส่วนใหญ่ใช้ ส่วนปืนที่ไทยใช้ก็คือปืนกลยี่ห้อแบล็กมันต์ โดยในระยะแรกๆ ทำการประหารชีวิตเวลาเย็น แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเช้ามืด
      ก่อนประหารชีวิต ก็ได้จัดให้พระมาเทศน์ให้นักโทษฟัง เสร็จแล้วก็มีการเลี้ยงอาหารนักโทษ พิธีการดังกล่าวเหมือนอย่างการประหารชีวิตนักโทษด้วยดาบในอดีต
      ย้อนกลับไปดูการประหารชีวิตในสมัยโบราณ ความจริงเมืองไทยเราไม่ได้ใช้ดาบเพียงอย่างเดียว แต่เรายังใช้เครื่องมือประหารอื่นๆ ตลอดจนวิธีประหารอื่นๆด้วย
      จากหนังสือกฎหมายตราสามดวง ซึ่งเป็นหนังสือกฎหมายที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้รวบรวมกฎหมายโบราณครั้งกรุงเก่าและกรุงธนบุรีมาประมวลไว้ด้วยกัน ได้กล่าวถึงการประหารชีวิต และเครื่องมือต่างๆ เช่น จากพระไอยการลักษรโจร กล่าวถึงการลักพระพุทธรูปเอาไปล้างหรือเผาสำรอกเอาทอง หรือเอาพระบท (ผพระคัมภีร์) ไปสำรอกแช่น้ำ หรือเอาไปเผา โทษประหารคือ เอาโจรนั้นใส่เตาเพลิงสูบเผาไฟ
      ถ้าขุดทำลายพระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ จับได้หลายครั้งหลายหน โทษประหารก็คือเอาโจรนั้นไปตระเวนบก 3 วัน ตระเวนเรือ 3 วัน แล้วตัดคอผ่าอกเสีย
      ถ้าทำให้เกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง โทษคือเอาไฟคลอกให้ตาย
      ในพระไอยการกระบดศึก ตอนหนึ่งว่านักโทษที่เป็นกบฏ ประทุษร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัว ปล้นเมือง ปล้นพระนคร เผาจวน เผาพระราชวัง เผายุ้งฉาง คลังหลวง ปล้นวัด เผาวัด ทำทารุณกรรมหยาบช้าต่อพระและชาวบ้าน เช่นเอาปิ้งย่างเผาไฟ หรือเอาแหลนหลาวเสียบร้อนฆ่าบิดามารดาคณาจารย์ พระอุปัชณาย์ เหยียบย่ำทำลามกต่อพระพุทธรูป และตัดมือตัดเท้าตัดคอเด็ก เพื่อเอาเครื่องประดับ จะต้องถูกประหารโดยสถานใดสถานหนึ่งดังนี

      สถานหนึ่ง ให้ต่อยกระบาลให้ศีรษะแยกออก แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดงใส่ลงไปให้มันสมองพลุ่งฟูขึ้น
      สถานหนึ่ง ให้ตัดเพียงหนังที่หน้าจดปากจดหูจดคอแล้วให้มุ่นกระหมวดผมเอาไม้ท่อนสอด ใช้คนโยกข้างละคน เอาหนังและผมออกแล้วจึงเอากรวดทรายหยาบขัดกระบาลศีรษะ ชำระให้ขาวสะอาดเหมือนพรรณสีสังข์(คือให้มีสีขาวเหมือนสีของหอยสังข์)
      สถานหนึ่ง เอาขอเกี่ยวปากไว้ แล้วเอาประทีปตามไว้ในปาก หรือไม่ก็เอาสิ่งคมๆแหวะหรือผ่าปากจนถึงใบหูทั้ง2ข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าไว้
      สถานหนึ่ง ให้เอาผ้าชุบน้ำมัน พันทั้งกายแล้วเอาเพลิงจุด
      สถานหนึ่ง ให้เชือดเนื้อเป็นริ้วๆตั้งแต่ใต้คอจนถึงข้อเท้าแล้วผูกเชือกฉุดคร่าตีด่า ให้เดินเลียริ้วเนื้อหนังของตนจนกว่าจะตาย
      สถานหนึ่ง ให้เอาห่วงเหล็กสวมข้อศอกข้อเข่า แล้วเอาหลักเหล็กสอดตรึงไว้กับพื้นดิน แล้วเอาเพลิงลนให้รอบจนกว่าจะตาย
      สถานหนึ่ง ให้เอาเบ็ดใหญ่ 2 คม เกี่ยวเพิกเนื้อหนังเอ็นใหญ่เอ็นน้อยให้หลุดขาดออกมาจนกว่าจะสิ้นมังสา
      สถานหนึ่ง ให้เอามีดที่มีคมเชือดเนื้อให้ตกออกมาจากกายทีละตำลึงจนกว่าจะสิ้นมังสา
      สถานหนึ่ง ให้แล่และสับฟันทั่วร่างกาย แล้วเอาแปลงหวีชุบน้ำแสบกรีดขุดลอกหนังและเนื้อกับเอ็นเล็กเอ็นน้อยออกให้สิ้น ให้เหลือแต่กระดูก
      สถานหนึ่ง ให้เอาน้ำมันเดือดๆราด รดสาดลงมาแต่ศีรษะ จนกว่าจะตาย
      สถานหนึ่ง ให้เอาฝูงสุนัขซึ่งกักขังไว้ให้อดอยาก กัดทึ้งเนื้อหนังร่างกายกินให้เหลือแต่กระดูก
      สถานหนึ่ง ให้เอาขวานฝ่าอกทั้งที่เป็นเหมือนแหกโครงเนื้อ
      สถานหนึ่ง ให้แทงด้วยหอกทีละน้อยๆ จนกว่าจะตาย
      สถานหนึ่ง ให้ขุดหลุมฝังเพียงเอวแล้วเอาฟางปกลงคลอกด้วยเพลิง พอหนังไหม้ก็ให้เอาเหล็กไถให้เป็นริ้วเล็กริ้วใหญ่ ท่อนเล็กท่อนใหญ่

      ......................................................................

           สรุปแล้ว การประหารชีวิตในสมัยโบราณมีทั้งการทรมานไปด้วยในตัว ซึ่งกว่านักโทษประหารจะตายก็เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส เหมือนตกนรกทั้งเป็น
      วิธีการประหารดังกล่าว เมื่อต้นรัชกาลที่ 5 ก็ยังมีอยู่บ้าง เช่นเมื่อตอนเปลี่ยนรัชกาลใหม่ๆ ได้เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เมื่อเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการได้ทำการสืบจับโดยกวดขัน ในกรุงเทพจับตัวได้ก็ให้ทำการประหารชีวิตภายใน 15 วัน 2 ราย ส่วนที่มณฑลอยุธยา เมื่อจับ "อ้ายอ่วม อกโรย" (ชาวบ้านตำบลอกโรย) ซึ่งเป็นโจรปล้นฆ่าและข่มขืน กับจับ "อ้ายสาย" หัวหน้าโจรคนหนึ่ง ต่อมา เมื่อชาวบ้านเห็นว่าทางการปราบปรามจริง จึงได้เป็นสายพาข้าหลวงตามจับหัวหน้าโจรอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อจับพวกโจรได้แล้ว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จึงขึ้นไปกรุงเก่าพร้อมด้วยผู้พิพากษาในทันที พวกหัวหน้าโจรที่ต้องโทษประหารชีวิต เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์สั่งให้ประหารชีวิตด้วยการเอาขวานตัดหัวให้ขาดเป็น 2 ท่อน ที่หน้าพะเนียดคล้องช้างแห่งหนึ่ง ให้ผ่าอกที่วัดชีตาเห็น (บ้านหักไห่) อีกแห่งหนึ่ง
      การประหารทั้ง 2 แห่งนี้ ได้มีการป่าวร้องให้คนมาดูโดยหวังจะให้คนพาลสยดสยอง เรื่องนี้แม่ใครจะติเตียนว่าทำการประหารอย่างทารุณ แต่ก็ต้องตอมรับว่าได้ผล ด้วยโจรผู้ร้ายตามหัวเมืองสงบโดยทันที ในรัชกาลที่ 5 การประหารชีวิตส่วนใหญ่ใช้วิธีการประหารด้วยดาบ แต่ก่อนจะถูกประหารนักโทษจะต้องถูกเฆี่ยน 3 ยก (90ที)
      ปัจจุบันการประหารชีวิตด้วยปืน ไม่มีการเฆี่ยนเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว เป็นการตายด้วยการยิงสถานเดียว ถึงกระนั้นคนไทยในยุคปัจจุบันก็ยังถือว่าการประหารด้วยปืนเป็นวิธีที่หวาดเสียว สมควรที่จะเปลี่ยนวิธีประหาร เป็นการฉีดยาให้ตายดังกล่าว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×