ปลายทางโพคารา 7 - ปลายทางโพคารา 7 นิยาย ปลายทางโพคารา 7 : Dek-D.com - Writer

    ปลายทางโพคารา 7

    ปลายทางโพคารา ตอนที่ 7

    ผู้เข้าชมรวม

    367

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    367

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ส.ค. 49 / 18:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                                     ปลายทางโพคารา ตอนที่ 7
        
           
      ผมเดินตรง  ผ่านบานประตูด้านหน้า  ขึ้นบันได  ไขกุญแจเข้าห้องพัก  แล้วยืนคว้าง  ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปที่ระเบียง
         เอ.....ทำไรดีหว่า?
         ท้องไม่ได้กินอะไรมากี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ เพราะเมื่อกี้ตอนไปนั่งกินข้าวปากบอกหิวแต่กลับเขี่ยข้าวไปมา  ไม่แตะมันสักนิด  ข้าวสักคำมันก็ไม่อยากกิน ผมนั่งลงบนขอบเตียง........เพราะประตูระเบียงยังเปิดค้าง  เสียงจากด้านนอกดังแว่วมา  เสียงคน  เสียงรถ  ดังมาแล้วห่าง.....หาย......
         โลก...สงบ...เงียบ....ดังเดิม
         แต่โลกตอนนี้ไม่ยักใช่โลกใบเดียวกับเมื่อตอนเช้า  โลกตอนนั้นยังมีความสุขอยู่เลย    ผมนอนขดลงบนเตียงคล้ายสัตว์บาดเจ็บ  ไม่แม้แต่จะอาบน้ำ  เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว  ไม่มีน้ำตาเหลืออีกแล้ว  แม้แต่เวลากระพริบตา..ยังเจ็บ....และถึงพยายามหลับตาก็ไม่สำเร็จ
         “เสือ....มันจะหลบเลียแผลตัวเองเสมอ”     เสียงพ่อก้องอยู่ในหัว  เพราะมันคือคำปลอบทุกครั้งที่ผมเจ็บ  ผมเกิดปีเสือ  พ่อบอกต้องอดทนให้ได้ดั่งเสือ
         ผมแน่ใจและบัดนี้ต้องพูดว่า.....แน่ใจเป็นอย่างยิ่ง  ผมเป็น  “เสือ”  ไม่ใช่หมาที่จะร้องเอ๋ง ๆ  วิ่งหางจุกตูดให้คนเวทนา 
         ขอเวลานิ้ดเดียวน่า......
         ขอเวลาให้ผมเป็น  “เสือ”  เต็มตัวก่อน
         ตอนนี้มันยัง......ครึ่งหมาครึ่งเสือ.....ยังไงก็ไม่รู้
         ผมนอนลืมตาโพลง...ว่างเปล่า  ถ้าจะถามว่านานเท่าใด  คงตอบ 
         “ไม่รู้สิ” 
         ถ้าจะถามว่า  “ไม่หิวหรือ ?”    คงต้องย้อนถามตัวเองไปว่า 
         “ต้องกินด้วยเหรอ ?” 
         “คิดอะไรอยู่น่ะ ?”
         “ไม่ได้คิด”
         แล้วผมก็เผลอหลับไป  ในความฝันอันยุ่งเหยิง  มันหลงทางเดินร้องไห้ไปตามถนนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต  ขรุขระ  ตะปุ่มตะป่ำ  เหมือนเดินตามหาใครก็ไม่รู้  เมื่อตื่นขึ้นในห้องยังมืด  มีเพียงแสงไฟจากถนนเท่านั้นที่เล็ดลอดมา  แสดงว่าหลับไป นิดเดียว  แต่น้ำตายังเปียกแก้ม 
         แย่จังนะ!    ผมนอนร้องไห้
         ผมใช้หลังมือปาดน้ำตา  แล้วเกลือกหน้าไปกับผ้าห่ม  น้ำตาตัวเองต้องเช็ดเอง  อย่าให้ใครเห็น  อย่าให้ใครหยัน  เพราะผมเป็นลูกเสือไม่ใช่ลูกหมาจะได้ร้องเอ๋ง ๆ


         “ไอ้นัท....ไอ้นัท...ห่านี่ตัวร้อนจี๋เลยมึง”  เสียงแว่ว ๆ  เข้าในหูพร้อมกับตัวที่เริ่มสั่นเพราะโดนเขย่า
         นัทลืมตาขึ้นช้า ๆ  โอ้ย มันเป็นไรไปนี่หัวหนักอึ้ง  พยายามอ้าปากจะพูดแต่ริมฝีปากกลับแห้งเสียขนาดนั้น  หากภาพด้านหน้า  “บอย”  มันช่างเลือนลางเต็มที  แขนละพยายามจะยกขึ้นแต่มันกลับหมดเรี่ยวแรงเสียดื้อ ๆ  อย่างนั้นแหละ
         “ได้ไม่การแล้วมึง  ไป  หาหมอ...”  บอยพยามยามดึงเพื่อนที่ไม่ได้สติลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะแบกมันอย่างทุลักทุเล  เพราะคนป่วยตัวโตกว่าคนแบกเสียอีก
         “หนักชิบหาย...ไปทำห่าไรมาว่ะมึง  ป่วยเสียไม่รู้สึกตัวเลย..”   คนเป็นเพื่อนยังไม่วายบ่น 
         แน่นอน..เพื่อนที่คบกันมานานย่อมห่วงหาอาทรกันเป็นธรรมดา  สองคนนี้เหมือนกันจนเพื่อน ๆ  เงยังอดแปลกใจไม่ได้  หลายครั้งที่มันสองคนเถียงกันแทบจะกระทืบกันตาย
         ...แต่....คนนอกอย่าเสนอหน้าเข้าไปไกล่เกลี่ยเด้ดขาด  เพราะมันทั้งสองพร้อมที่จะหยุดการเถียงกันแล้วมากระทืบคนที่เข้าไปก่อนที่จะหันหน้ามาเถียงกันอีก
         “บอยนัทเป็นไร..”  เสียงแหวนดังขึ้นมา  เมื่อบอยลากนัทออกมาผ่านหน้าห้องแหวนที่เปิดประตูทิ้งไว้
         “ไม่รู้ดิแหวน  เรากลับเข้ามาเห็นมันไม่รู้สึกตัวเลย  ตัวร้อยยังกับไฟ  แหวนเราฝากแหวนโทรบอกนกกับมดด้วยนะ  ให้ตามไปทักษิณ  เราจะพานัทไปหาหมอก่อน”  บอยยังมีใจฝากบอกต่อไปยังเพื่อนอีกสองคน
         “ได้ ๆ  แต่เมื่อวานนัทมันยังดี ๆ  อยู่เลย  ตอนเที่ยงยังแวะเอาหนังสือคอมมาให้เราเลย  แต่ว่า..นัทมันยังใส่ชุดเมื่อวานเลยนี่...ให้แหวนช่วยไรอีกมั้ย”
         ผู้หญิงของผู้ชายคนที่ทำเอานัทปางตายยังแสดงน้ำใจออกมา  หากเขารู้ว่าที่นัทเป็นแบบนี้เพราะเรื่องเมื่อวานเขาจะยังมีน้ำใจแบบนี้อีกไหม
         “ไม่เป็นไรหรอกแหวน  ล๊อคห้องให้บอยด้วยล่ะกันนะ..”
         

         ส่งเพื่อนถึงโรงพยาบาลบอยกลับเดินกระสับกระส่ายไปมา  คอยชะเง้อเข้าไปยังห้องฉุกเฉินหากแต่ภายในกลับมีม่านปิดสนิท
         โธ่เว้ย....ทำไมหมอเข้าไปนานนักวะ  คนคอยบ่นกับตัวเองอยู่ในใจ  แม่งเอ้ย มันเป็นไรของมันว่ะ  ตอนวันศุกร์กูชวนไปบ้านกูดันไม่ไป  แล้วจะรู้มั้ยนี่มันเกิดอะไรขึ้น  รู้งี้กุไม่กลับบ้านดีกว่า
         คนที่เดินไปเดินมายังไม่วายโทษตัวเอง
         “เพื่อนแท้”  อย่างน้อยนัทก็ไม่โชคร้ายจนเกินไป  บางครั้งเราต้องแลกบางสิ่งกับอีกบางอย่าง 
         “ไอ้บอย  ไอ้นัทล่ะ  มันเป็นไร”   เสียงเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันถามมาแต่ไกล  เมื่อเห็นเพื่อนเดินไปมาอย่างกับหนูติดจั่น
         “ไม่รู้เหมือนกันยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลย    ตั้งแต่วันศุกร์มึงเจอมันมั่งมั้ย” 
         “ไม่เลย  แต่เมื่อวาน  พี่กฤษแวะไปหากูที่บ้านถามว่านัทมาป่าว  แล้วมึงโทรบอกพี่กฤษยังนี่”
         เพื่อนผู้ยังไม่รู้เรื่องราวบอกตามความจริง  แน่นอนที่สุดถ้าคนเจ็บพูดได้ คนเจ็บจะพูดอย่างไร  แต่เพื่อนที่ห่วงใยย่อมมองหาคนที่เพื่อนสนิทด้วยกันยามเพื่อนตกทุกข์ได้ยาก
         “บอย  มด  นัทเป็นไรไป”  เสียงคนร่างสูงโปร่งถามมาอีกเช่นกัน   สองคนหันไปหาต้นเสียง
         “ยังไม่รู้เลย  ...หมอ...เพื่อนผมเป็นไงบ้าง”  บอยปรี่เข้าไปหาทันทีเมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา
         “คนป่วยปลอดภัยแล้วครับ  คงเพราะพักผ่อนน้อย แล้วไม่ได้ทานอะไรเลย   ร่างกายเลยอ่อนเพลีย  ตอนนี้หมอฉีกยาบำรุงพร้อมให้น้ำเกลือ  เดี๋ยวคงย้ายออกไปห้องพักฟื้นได้แล้ว คงต้องให้น้ำเกลือสักสองขวดถึงจะกลับบ้านได้”
         บุรุษในชุดขาวบอก  พลางยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนที่จะเดินจากไป  ประตูห้องห้องฉุกเฉินเปิดอีกครั้ง ร่างเพื่อนยังคงไม่ได้สติ โยงระยางไปด้วยสายน้ำเกลือ  ทั้งสามเดินตามรถที่เข็นเพื่อนไป

         “น้ำ...หิวน้ำ...”  เสื่อเผ่วจนแทบไม่ได้ยิน  เพื่อนทั้งสามเลยกรูมาทางเจ้าของเสียงที่บัดนนี้น้ำเกลือหมดไปเกือบขวด
         “เฮ้ย...รอดตายแล้วเว้ยเพื่อนเรา...ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกว่ะ”  มดไม่วายทะเล้นทันทีที่เห็นเพื่อนฟื้น
         นกรีบเปิดขวดน้ำ  ใส่หลอดมาจ่อที่ปากเพื่อน
         “ทีละนิดนะมึงเดี๋ยวสำลัก...ดูดเข้าไปนิดแล้วอมไว้ก่อนค่อย ๆ  กลืน  แม่งหลับไปนานเชียวมึง”
         นัททำตามที่เพื่อนบอกอย่างว่าง่าย  นี่กู  กลายเป็นลุกหมาไปแล้วหรือนี่  ความตั้งใจที่จะเป็นเสือมันหายไปไหนหมด 
         “จะให้โทรบอกพ่อกับแม่มั้ยไอ้นัท”  บอยถาม  หากแต่คนป่วยกลับส่ายหน้าไปมา
         “อย่า...อย่า  เดี๋ยวเขาตกใจกันใหญ่  โทรบอกที่บ้านปู่กูก็พอ เดี๋ยวเขาคงบอกกันเองแหละ”   
         เพื่อนที่คบกันมาเนิ่นนานเป็นอันรู้กัน  “บ้านปู่”  ก็บ้านที่มันไม่ยอมไปอยู่  แต่เลือกกลับมาอยู่หอด้วยกัน    นัทอ้างว่าบ้านปู่ไกลดรงเรียนเพราะอยู่กันคนละอำเภอไม่สะดวกในการไปมาโรงเรียนขอกลับไปเฉพาะบางอาทิตย์เท่านั้น

         ประตูห้องพักฟื้นเปิดเข้ามา  สายตาทุกคู่ภายในห้องหันไปทางผู้มาเยือน  แหวนเดินเข้ามามีผลไม่สองสามอย่าง หากแต่คนที่เดินตามหลังมานี่สิ  ทำให้นัทถึงกับต้องหลับตาลงอีกครั้ง  เขาคงมาดูผลงาน 
         ผลงานชิ้นโบว์แดงที่ทำเอาบางคนแทบตาย........
         “อยู่กันครบเลย  นัทเป็นไงบ้างบอย”  แหวนทักทายพลางส่งถุงผลไม้ให้บอย  บอยรับมันแล้วเอาไปวางไว้บนหลังตู้เย็นใบเล็ก ๆ  ก่อนที่จะเอาเก้าอี้มาให้ผู้มาเยือน
         “นี่พี่กฤษแฟนแหวนเองจ้ะ”   เสียงแนะนำมันบาดลึกไปในใจคนหลับตาอีกครั้ง  ก้อนแข็ง ๆ  มันวิ่งมาจุกอกอีก  หากแต่....ตอนนี้นัทกลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะร้องไห้อีกแล้ว  เพราะถ้ามันเป็นสัตว์บาดเจ็บมันคงจะบาดเจ็บเจียนตาย  ต้องนอนนิ่ง ๆ  อย่างเดียว
         “แฟนแหวน  แหมอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”  มดคนทะเล้นที่สุดในกลุ่มเอ่ยออกมา  หากแหวนกลับทำหน้างง.....
         “ไม่ต้องงงหรอกแหวน  พี่กฤษนะพวกเรารู้จัก  แต่เพิ่งรู้ไงว่าเป็นแฟนแหวน  แล้วไอ้คนป่วยนี่มันก้น้องรหัสแฟนแหวนไง  สนิทกันจะตาย  ไม่รู้เลยหรือ”  นกคนพูดน้อยอธิบาย
         แหวนหันหน้ามาทางบอย  บอยพยักหน้ารับ
         “แล้วทีเมื่อวานแหวนแนะนำให้รู้จัก  นัททำเหมือนกับไม่รู้จักพี่กฤษมาก่อนอย่างนั้นแหละ  นี่อำแหวนเหรอ”  แหวนหันไปทางพี่กฤษ  เห็น  “คนทำเรื่อง”  ทำหน้ายิ้ม ๆ  ล้อเลียน   
         “แล้วนัทเป็นไงบ้างบอย  ฟื้นยัง”  เสียงที่นัทไม่อยากได้ยินเอ่ยถามออกมา  เขาถามตามมารยาทหรือถามด้วยความเป็นห่วงกันแน่
         “ฟื้นมาแปบ  หลับไปอีกแล้ว ก่อนพี่มาเมื่อกี้  ว่าแต่พี่มาก็ดีแล้ว  ผมฝากมันแปบนะ  กลับไปหอก่อน  คงต้องเอาเสื้อผ้ามานอนเฝ้ามันที่นี่”  คนไม่รู้เรื่องรู้ราวฝากฝังเพื่อนไว้กับรุ่นพี่
         “งั้นผมก็คงต้องกลับแล้วล่ะ  กุกลับล่ะนะไอ้นัท  รีบหายนะมึง  กลับมั้ยนก”  เสียงมดเอ่ยชวน  นกพยักหน้ารับ
         “บอยงั้นแหวนกลับด้วย  พอดีรายงานยังไม่เสร็จเลย  พี่กฤษ  แหวนกลับกับบอยก่อนนะ  พี่ดูน้องรหัสพี่ไปแล้วกัน  รวมหัวกันอำดีนัก”
         ไอ้บอย  ไอ้มด  ไอ้นก  อย่าทิ้งกูไป  มึงไม่รู้เลยหรือว่ามึงกำลังจะฆ่ากุอีกครั้ง  นัทได้แต่ตะโกนในใจ  หากแต่บัดนี้กลับเหลืออยู่แค่เพียงสองคนในห้องเท่านั้น
         พี่กฤษเอื้อมมือมาแตะที่มือนัท  ใจอยากขยับมือหนีแต่กลัวว่าจะต้องดดนปลุกมาคุยกันอีก  ทางที่ทำได้คือนอนนิ่ง ๆ   
         “นัท......พี่ขอโทษ.....พี่ไม่ดีเองยกโทษให้พี่นะนัท”  เสียงพี่กฤษเอ่ยเบา ๆ
         พี่กฤษดึงมือผมมาแนบกับแก้ม
         “พี่รู้ว่านัทเจ็บ  พี่ไม่ได้ตั้งใจ  พี่ไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้นัทเจ็บ  แต่บางครั้งเรื่องราวบางอย่างมันบังคับ  พี่รักนัท...พี่รักนัทนะ”
         เสียงเหล่านี้มันวกวนอยู่ในหัวสมองผม  มือที่แนบกับแก้มอีกคนเริ่มสัมผัสถึงหยาดน้ำอุ่น ๆ  ที่ไหลมาจากใจอีกฝ่าย
         หากเป็นเมื่อก่อนนัทคงแทบจะดึงพี่กฤษมากอดแนบอยู่กับอก  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่   เรื่องราวทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว
         จบ....คือไม่มีการต่ออีก
         “นัท  พี่รู้ว่านัทฟังอยู่  หัวใจพี่เป็นของนัท  ถึงแม้ตัวพี่จะอยู่กับใครแต่หัวใจพี่เป็นของนัทเสมอ  นัทเจ็บคิดหรือว่าคนอย่างพี่จะมีความสุข  พี่เห็นแววตาของนัทตั้งแต่เมื่อวาน  พี่รู้ว่าพี่ทำลายหัวใจตัวเอง  หัวใจที่นัทมอบให้พี่  พี่ไม่ขอให้นัทยกโทษให้พี่  แต่พี่อยากให้นัทรู้  “นัทคือหัวใจของพี่”  ได้ยินพี่แล้วใช่ไหม  น้องชายพี่ไม่ขอให้นัทกลับมาเหมือนเดิม  เพราะพี่รู้สิ่งที่พี่ทำมันยากเกินที่ใครจะรับได้  แต่นัทรู้ไว้นะ  หัวใจพี่เป็นของนัท”
         หยาดน้ำอุ่น ๆ  ยังคงเต็มมือผม พี่กฤษฟลุบหน้าลงกับมือนัท   
         น่าแปลกที่นัทนอนอย่างสงบนิ่งได้อย่างไม่กระวนกระวายแบบเมื่อวาน  เพราะนัทรู้แล้วถึงมันจะต้องจากกัน  นัทก็แน่ใจได้เสมอว่าเขาได้จากมาอย่างคนที่เต็มไปด้วยความรัก  เสือมันเลียแผลของมันได้แล้ว  และมันต้องอยู่อย่างเสือ!!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×