ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☆ อนาเทอร์เลีย..โรงเรียนมหาเวทย์ ☆

    ลำดับตอนที่ #20 : วิชาพืชศาสตร์

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 54


    ตอนที่ 19 วิชาพืชศาสตร์

     

                    อาหารมื้อกลางวันของซิลเวียร์ผ่านไปอย่างธรรมดาเหมือนเคย จะต่างไปก็ตรงสายตาอาฆาตแค้นจากรอบด้านซึ่งมักจะส่งมาเสมอๆ ทว่าไม่เพียงแค่เธอจะไม่ใส่ใจเท่านั้น หากนานๆทียังแกล้งไปเกาะแขนหรือพูดคุยอย่างสนิทสนมกับลาเวนสุดที่รักของเหล่าแฟนคลับให้พวกหล่อนโมโหเล่นจนเพลิงโทสะแทบจะเผาพื้นหินทางเดินให้หลอมละลาย (แถมบางทีเธอยังได้ยินเสียงแก้วแตกเป็นใบๆด้วย)

     

                    หลังจากเรียนวิชาเวทย์มนต์ภาคปฏิบัติในคาบเช้าเรียบร้อยแล้ว อาวุธของแต่ละคนก็แปรสภาพเป็นกำไลข้อมือบ้าง สร้อยบ้าง หรือแม้แต่เป็นรอยสลักต่างกันไป ของซิลเวียร์นั้นกลายเป็นต่างหูทองประดับอัญมณีสีขาวบริสุทธิ์รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่แทบจะกลืนไปกับเส้นผมสีเงินแพรไหม

     

                    กริ๊ง..กริ๊ง..

     

                    สัญญาณบอกเวลาเรียนคาบบ่ายดังขึ้น เรียกให้เหล่านักเรียนเริ่มเดินไปยังห้องเรียนของตัวเอง ซิลเวียร์ที่ไม่ได้พกตารางสอนติดมาด้วยหันไปถามบีราเคิลผู้น่าจะเตรียมพร้อมมา

     

                    คาบบ่ายเรียนวิชาอะไรหรอ?”

     

                    อืม..เดี๋ยวนะ วิชา..พืชศาสตร์กับอาจารย์คาร์โลไลน์น่ะ

     

                    งั้นต้องไปเรือนกระจกสินะเธอตอบก่อนจะพากันเดินไปยังที่เรียน

     

    ...............................

     

    อาคารเรียนปี 3

                   

    เอกสารฉบับหนึ่งถูกส่งจากห้องประธานหอวารีมายังอาคารเรียนเพื่อแจ้งข่าวบางอย่าง ผู้รับเอกสารติดกระดาษบางแผ่นนั้นลงตรงบอร์ดหน้าหอพักหอวารีชั้น 3 อันเป็นที่พักของเหล่าปี 3 แห่งหอวารี มือบางของหญิงสาวผู้ทำหน้าที่ตวัดขึ้นลงสองสามครั้งก่อไอเวทย์สีชมพูจางราวกับหมอกรอบข้อมือขาวของตน กระดาษที่เธอถือค่อยๆลอยขึ้นและติดกับบอร์ดโดยอัตโนมัติเมื่อไอหมอกซึมเข้าสู่เนื้อกระดาษกับผนัง

     

    เรียบร้อยๆเรียวปากสีชมพูอ่อนๆของเธอยิ้มแย้ม เรือนผมสีดำสนิทเลื่อมพรายตัดกับผิวขาวสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหว ท่าทางดูเป็นคนกระฉับกระเฉงว่องไว ที่ต้นขาของเธอมีกริชกับปืนเสียบไว้คนละข้าง ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมกวาดมองผลงานอย่างภูมิใจ ขณะเดียวกันก็อ่านข้อความบนประกาศไปด้วย

     

    เมื่ออ่านจบลาเซนเทียร์ ราฟไฟล์ก็ยิ้มขึ้นอีกครั้งแล้วพาร่างเพรียวของตนวิ่งกลับห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ด้วยต้องการแจ้งข่าวสารแก่เพื่อนร่วมห้อง

     

    ยู..ยู!” เธอร้องเรียกเพื่อนด้วยชื่อย่อของยูเรนัส บลิซซาร์ดทว่าเด็กหนุ่มนั่งหันหลัง จึงเห็นเพียงเส้นผมสีม่วงที่พาดบ่ามาเท่านั้น เธอจัดการคว้ากระดาษแถวนั้นมาขยำแล้วขว้างไป

     

    ปุ!

     

    เศษกระดาษขยำก้อนทำหน้าที่ของมันอย่างดีด้วยการเรียกเจ้าของแผ่นหลังให้หันมาทันที ซึ่งคนตรงหน้าก็หันกลับมาด้วยแววตาเบื่อหน่ายที่นัยน์ตาสีแดงออกเลือดหมูแสดงอย่างชัดเจน ใบหน้าคมไร้อารมณ์ตามแบบฉบับ อีกาขนสีดำวาวที่เกาะอยู่บนไหล่ใช้ดวงตาสีทับทิมของมันจ้องมองลาเซนเทียร์อย่างคุ้นเคย เธอรีบแจ้งข่าวแก่เพื่อนทันที นี่ยู!ชมรมที่พวกเราขอตั้งน่ะ ประธานเค้าอนุญาตแล้วนะ

     

    ยูเรนัสเอียงคอนิดๆอย่างใช้ความคิดแล้วกล่าว ผมว่าประธานคงไม่ได้อ่านหรอกนะ..ดีไม่ดีอาจจะหลับแล้วละเมอเอาเท้ามาหยิบปากกาเซ็นชื่อให้ก็ได้

     

    ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง..” แต่ก็ไม่แน่แฮะเถอะน่าๆเย็นนี้ก็ไปรายงานตัวที่ห้องประธานนะ

     

    อืม..งั้นผมจะคิดกิจกรรมต้อนรับสมาชิกสนุกๆให้แล้วกันเด็กหนุ่มว่า มือเรียวเลื่อนลงไปจับที่ปืนสีเขียวเข้มที่กางเกง ซึ่งลาเซนเทียร์สังเกตได้ เธอลอบยิ้มจางๆกับตัวเอง

     

    สงสัยจะได้สนุก!!

    ……………………………..

     

    เรือนกระจก - วิชาพืชศาสตร์

    เวลา 14.28 นาฬิกา

     

    เอาล่ะ อย่างที่ครูบอกไปนะคะว่าต้นเมเลรี่ นี้มีคุณสมบัติในการสมานแผลหรือการแตกร้าวของวัตถุได้ในกรณีที่ความเสียหายนั้นไม่มากนักและไม่ได้เกิดจากเวทย์มนต์..” อาจารย์คาร์โลไลน์ เมเดล่ากล่าว ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอแลดูอ่อนโยน ดวงตาสีฟ้าใต้กรอบแว่นสีทองมีประกายของรอยยิ้มอยู่จางๆ เรือนผมสีน้ำตาลทิ้งตัวยาวจรดกลางหลัง อาจารย์แลดูสุภาพเรียบร้อยในชุดกระโปรงสีดำและเสื้อเชิ้ตสีม่วงอ่อน

     

    ดังนั้น ครูขอให้นักเรียนจับกลุ่มกัน 4-5 คน แล้วส่งตัวแทนมารับกิ่งต้นเมเลรี่ไปนะคะ แต่ว่าอย่าเพิ่งทำอะไร รอให้ครูอธิบายก่อน

     

    พูดจบ ซิลเวียร์ อาริน เอริเคท และบีราเคิลก็หันหน้าเข้าหากันทันที ก่อนจะส่งอารินออกไปรับกิ่งเมเลรี่มา อารินเอาถาดมาแล้ววางกิ่งที่รับมาลงไป เพื่อนๆพากันก้มลงมองอย่างสนใจจนศรีษะเกือบจะชนกัน ซิลเวียร์ยกมันขึ้นมาจ้อง จึงสังเกตเห็นว่ามันเป็นกิ่งสีเขียวอ่อนๆ ตรงปลายแตกยอดออกไปเป็นกิ่งเล็กอีก 2-3 กิ่ง และเมื่อจ้องมองดีๆก็พบว่ามีดอกตูมเล็กๆซึ่งใกล้จะผลิบานด้วย

     

    ก่อนอื่น..อาจารย์สาวกล่าวขึ้น นำกิ่งไปทุบซักเล็กน้อยก่อนนะคะแต่ละกลุ่มทำตามที่อาจารย์คาร์โลไลน์อธิบาย โดยหลังจากทุบแล้ว จะมีน้ำเหนียวๆปนออกมาจึงต้องใช้เวทย์ไฟทำ ให้น้ำเหล่านั้นระเหยออกไป จนกิ่งเขียวสดเริ่มแห้งจนค่อนข้างกรอบ สีเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งอารินกับซิลเวียร์ไม่มีเอี่ยวในขั้นตอนเหล่านี้ร่วมกับเอริเคทและบีราเคิลเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเธอกำลังรอ...

     

    สุดท้ายเพื่อเป็นการทดสอบ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหยิบแก้วบนโต๊ะมาลองทุบให้ร้าวนะ

     

    ฉันทำๆ/ฉันจะทำ!” ซิลเวียร์กับอารินแย่งกันพูด

     

    ..ทั้งสองรอขั้นตอนทุบแก้วนี่ล่ะ

     

    แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วอารินก็ไม่สามารถต่อกรกับความน่ากลัวของเพื่อนสาวได้ จึงต้องย้ายข้างไปช่วยเอริเคททดลองการใช้ผงเมเลรี่แทน

     

    เอาน่าๆอย่าเสียใจไปเลยบีราเคลกล่าวกับอารินด้วยน้ำเสียงกึ่งเห็นใจกึ่งขำ พลางโรยผงเมเลรี่ลงไปบนแก้วที่ร้าวแล้วพึมพึมคาถา อิเลสต้า..ผงสีเขียวละเอียดที่โรยไว้บนแก้วค่อยๆซึมหายลงไปในเนื้อแก้ว รอยร้าวเริ่มจางลงอย่างช้าๆจนแก้วประสานสนิทกันดังเดิม

     

    จากนั้น อาริน ซิลเวียร์ และเอริเคทก็ผลัดกันทดลองไปเรื่อยๆ(แน่นอนว่าซิลเวียร์รับหน้าที่ทุบแก้ว) และเนื่องจากเวทมนต์บทนี้เป็นสายการรักษาซึ่งเป็นคาถาที่ชาวธาตุดินถนัด เอริเคทเองก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นจึงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

     

    ให้ตายสิ..ซิลเวียร์เริ่มบ่น คาถาสายรักษานี่มันยุ่งยากจริงๆ

     

    คิดซะว่าถ้ารักษามันได้ก็จะทำลายมันได้อีกเรื่อยๆสิคะเอริเคทพยายามโน้มน้าวใจด้วยความพูดที่คิดว่าเข้าท่าที่สุด แต่เมื่อซิลเวียร์เริ่มมีประกายตาแปลกๆแถมยังพึมพำว่า พังแล้วก็รักษา พอพังอีกก็รักษาใหม่ ฮะๆ..เธอก็ชักกังวลว่าพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่านะ?

     

    กริ๊ง..กริ๊ง..

     

    เสียงระฆังแบบมาตรฐานสากลดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกเวลาหมดคาบ พวกซิลเวียร์เริ่มเก็บหนังสือเตรียมออกจากห้องเมื่ออาจารย์คาร์โลไลน์อนุญาต ซิลเวียร์คิดว่าจะกลับหอพักเลย เพราะนี่เป็นวิชาเรียนคาบสุดท้ายแล้ว และเมื่อเดินลงจากตึกเรียนแล้วอารินก็หันไปหาเอริเคทกับบีราเคิล

     

    ตอนนี้เพิ่งสี่โมงเย็นเอง เราขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยไปโรงอาหารซักห้าโมงครึ่งเป็นไง?”

     

    บีราเคิลตอบทันทีฉันว่าก็ดีนะ อยากไปเปลี่ยนชุดซะหน่อยด้วย

     

    เอริเคทกับซิลเวียร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเธอจึงเดินขึ้นหอพักวารีกัน เธอพบป้ายประกาศที่หน้าหอว่าในพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีการเลือกชมรมซึ่งรุ่นพี่เป็นคนตั้ง โดยให้รุ่นน้องปี 1 และปี 2 เดินดู รับฟังการเชิญชวนจากแต่ละชมรมแล้วเลือกเข้าชมรมตามความสนใจ และประกาศติดๆกันลงมาก็เป็นเรื่อง คณะครูและนกเรียนจากต่างโรงเรียนมาศึกษาดูงานในอีก 2 วันข้างหน้า(อันหลังนี้ซิลเวียร์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่)

     

    เมื่อพวกเธอกลับมาถึงห้อง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปที่ต่างๆ แต่ซิลเวียร์นั้นเลือกที่จะเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดไปรเวท ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตแขนตุ้กตากับกางเกงขายาวสีขาวแล้วมานั่งๆนอนๆที่ห้องนั่งเล่นรวม และเมื่อเธอหันไปเห็นบีราเคิลกำลังอ่านหนังสือเล่มบางอยู่ ก็ค่อยๆเลื่อนตัว(ไถลดีๆนี่เองๆ..)ไปหา แล้วถามเกี่ยวกับหนังสือ

     

    อ่านอะไรหรอ?”

     

    บีราเคิลค่อยๆถอนสายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษ คู่มือแนะแนวอาชีพน่ะ

     

    แนะแนว?..แล้วอย่างฉันล่ะ เหมาะกับงานแบบไหน

     

    อย่างเธอหรอ ก็ต้องงานประเภทที่ใช้ความมั่นใจและความหลงตัวเองสูงล่ะมั้ง

     

    เอ๋!หลงตัวเอง หมายความว่าไงฮะบีราเคิล

     

    ก็เธอชอบพูดประมาณว่า ฉันคือคนที่น่ารักและอัจฉริยะที่สุดนี่นาบีราเคิลว่า

     

    ซิลเวียร์รีบแย้งทันที ไม่ได้หลงตัวเองนะ!ก็ฉันอัจฉริยะจริงๆนี่

     

    บีราเคิลหันขวับ จ้องเพื่อนสาวตาขวางทันที

    ..นั่นแหล่ะหลงตัวเองย่ะ!!

     

    .........................................

     

    เมื่อถึงเวลาเย็น พวกเธอก็พากันลงมาที่โรงอาหารหอวารีซึ่งอยู่ชั้นล่างของหอวารี  โรงอาหารของหอวารีปูด้วยพื้นสีขาวทำให้ดูสะอาดตา ร้านอาหารมีให้เลือกมากมายหลายประเภท ยังดีที่ทุกคนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบทำให้แต่ละวันไม่มีปัญหา ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันเดินไปมา ซิลเวียร์ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบออกมา

     

    คนนั้นไง ที่ผมสีเงินๆน่ะ

     

    นั่นหรอ คนที่บอกว่าสนิทกับลาเวน

     

    คนที่ยืนข้างๆคนผมสีฟ้าไง!”

    …………

    …….

    ….

    ..

     

    ก่อนที่ซักพักจะมีเด็กสาวหลายคนฝากกล่องของขวัญ จดหมายต่างๆให้ลาเวนราวกับเห็นเธอเป็นตู้ไปรษณีย์ และเมื่อมีคนแรกมา..คนอื่นๆก็ตามมาเรื่อยๆ จนอารินต้องเข้ามาช่วยถือของ ซิลเวียร์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไร้สาระจริงๆ หมอนั่นดูดีขนาดนั้นเชียว?”

     

    เพื่อตัดบทเด็กสาวจึงขอตัวไปซื้ออาหาร โดยเลือกร้านที่มีคนน้อยที่สุด เมื่อใกล้ถึงคิว เธอก็เตรียมตัวสั่งอาหารพลางนึกดีใจที่ร้านนี้ไม่มีใครมาฝากของกับเธออีก

     

    หนูจะสั่งอะไรจ๊ะหญิงสาวเจ้าของร้านเอ่ยถาม

     

    หนูขอเป็น..ซิลเวียร์กำลังจะตอบ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าของร้านพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

     

    หนูรู้จักกับลาเวนใช่ไหม ฉันฝากของไปให้หน่อยสิ!”

     

    มะ..ไม่นะ แม้แต่เจ้าของร้านอาหารก็..

     

                    ซิลเวียร์ โซมาเลนซ์แข็งเป็นหินไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ..............................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×