คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : วิชาพืชศาสตร์
ตอนที่ 19 วิชาพืชศาสตร์
อาหารมื้อกลางวันของซิลเวียร์ผ่านไปอย่างธรรมดาเหมือนเคย จะต่างไปก็ตรงสายตาอาฆาตแค้นจากรอบด้านซึ่งมักจะส่งมาเสมอๆ ทว่าไม่เพียงแค่เธอจะไม่ใส่ใจเท่านั้น หากนานๆทียังแกล้งไปเกาะแขนหรือพูดคุยอย่างสนิทสนมกับลาเวนสุดที่รักของเหล่าแฟนคลับให้พวกหล่อนโมโหเล่นจนเพลิงโทสะแทบจะเผาพื้นหินทางเดินให้หลอมละลาย (แถมบางทีเธอยังได้ยินเสียงแก้วแตกเป็นใบๆด้วย)
หลังจากเรียนวิชาเวทย์มนต์ภาคปฏิบัติในคาบเช้าเรียบร้อยแล้ว อาวุธของแต่ละคนก็แปรสภาพเป็นกำไลข้อมือบ้าง สร้อยบ้าง หรือแม้แต่เป็นรอยสลักต่างกันไป ของซิลเวียร์นั้นกลายเป็นต่างหูทองประดับอัญมณีสีขาวบริสุทธิ์รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่แทบจะกลืนไปกับเส้นผมสีเงินแพรไหม
กริ๊ง..กริ๊ง..
สัญญาณบอกเวลาเรียนคาบบ่ายดังขึ้น เรียกให้เหล่านักเรียนเริ่มเดินไปยังห้องเรียนของตัวเอง ซิลเวียร์ที่ไม่ได้พกตารางสอนติดมาด้วยหันไปถามบีราเคิลผู้น่าจะเตรียมพร้อมมา
“คาบบ่ายเรียนวิชาอะไรหรอ?”
“อืม..เดี๋ยวนะ วิชา..พืชศาสตร์กับอาจารย์คาร์โลไลน์น่ะ”
“งั้นต้องไปเรือนกระจกสินะ” เธอตอบก่อนจะพากันเดินไปยังที่เรียน
...............................
อาคารเรียนปี 3
เอกสารฉบับหนึ่งถูกส่งจากห้องประธานหอวารีมายังอาคารเรียนเพื่อแจ้งข่าวบางอย่าง ผู้รับเอกสารติดกระดาษบางแผ่นนั้นลงตรงบอร์ดหน้าหอพักหอวารีชั้น 3 อันเป็นที่พักของเหล่าปี 3 แห่งหอวารี มือบางของหญิงสาวผู้ทำหน้าที่ตวัดขึ้นลงสองสามครั้งก่อไอเวทย์สีชมพูจางราวกับหมอกรอบข้อมือขาวของตน กระดาษที่เธอถือค่อยๆลอยขึ้นและติดกับบอร์ดโดยอัตโนมัติเมื่อไอหมอกซึมเข้าสู่เนื้อกระดาษกับผนัง
“เรียบร้อยๆ” เรียวปากสีชมพูอ่อนๆของเธอยิ้มแย้ม เรือนผมสีดำสนิทเลื่อมพรายตัดกับผิวขาวสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหว ท่าทางดูเป็นคนกระฉับกระเฉงว่องไว ที่ต้นขาของเธอมีกริชกับปืนเสียบไว้คนละข้าง ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมกวาดมองผลงานอย่างภูมิใจ ขณะเดียวกันก็อ่านข้อความบนประกาศไปด้วย
เมื่ออ่านจบ‘ลาเซนเทียร์ ราฟไฟล์’ก็ยิ้มขึ้นอีกครั้งแล้วพาร่างเพรียวของตนวิ่งกลับห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ด้วยต้องการแจ้งข่าวสารแก่เพื่อนร่วมห้อง
“ยู..ยู!” เธอร้องเรียกเพื่อนด้วยชื่อย่อของ‘ยูเรนัส บลิซซาร์ด’ ทว่าเด็กหนุ่มนั่งหันหลัง จึงเห็นเพียงเส้นผมสีม่วงที่พาดบ่ามาเท่านั้น เธอจัดการคว้ากระดาษแถวนั้นมาขยำแล้วขว้างไป
ปุ!
เศษกระดาษขยำก้อนทำหน้าที่ของมันอย่างดีด้วยการเรียกเจ้าของแผ่นหลังให้หันมาทันที ซึ่งคนตรงหน้าก็หันกลับมาด้วยแววตาเบื่อหน่ายที่นัยน์ตาสีแดงออกเลือดหมูแสดงอย่างชัดเจน ใบหน้าคมไร้อารมณ์ตามแบบฉบับ อีกาขนสีดำวาวที่เกาะอยู่บนไหล่ใช้ดวงตาสีทับทิมของมันจ้องมองลาเซนเทียร์อย่างคุ้นเคย เธอรีบแจ้งข่าวแก่เพื่อนทันที “นี่ยู!ชมรมที่พวกเราขอตั้งน่ะ ประธานเค้าอนุญาตแล้วนะ”
ยูเรนัสเอียงคอนิดๆอย่างใช้ความคิดแล้วกล่าว “ผมว่าประธานคงไม่ได้อ่านหรอกนะ..ดีไม่ดีอาจจะหลับแล้วละเมอเอาเท้ามาหยิบปากกาเซ็นชื่อให้ก็ได้”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง..” แต่ก็ไม่แน่แฮะ “เถอะน่าๆเย็นนี้ก็ไปรายงานตัวที่ห้องประธานนะ”
“อืม..งั้นผมจะคิดกิจกรรมต้อนรับสมาชิกสนุกๆให้แล้วกัน” เด็กหนุ่มว่า มือเรียวเลื่อนลงไปจับที่ปืนสีเขียวเข้มที่กางเกง ซึ่งลาเซนเทียร์สังเกตได้ เธอลอบยิ้มจางๆกับตัวเอง
สงสัยจะได้สนุก!!
……………………………..
เรือนกระจก - วิชาพืชศาสตร์
เวลา 14.28 นาฬิกา
“เอาล่ะ อย่างที่ครูบอกไปนะคะว่า ‘ต้นเมเลรี่’ นี้มีคุณสมบัติในการสมานแผลหรือการแตกร้าวของวัตถุได้ในกรณีที่ความเสียหายนั้นไม่มากนักและไม่ได้เกิดจากเวทย์มนต์..” อาจารย์คาร์โลไลน์ เมเดล่ากล่าว ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอแลดูอ่อนโยน ดวงตาสีฟ้าใต้กรอบแว่นสีทองมีประกายของรอยยิ้มอยู่จางๆ เรือนผมสีน้ำตาลทิ้งตัวยาวจรดกลางหลัง อาจารย์แลดูสุภาพเรียบร้อยในชุดกระโปรงสีดำและเสื้อเชิ้ตสีม่วงอ่อน
“ดังนั้น ครูขอให้นักเรียนจับกลุ่มกัน 4-5 คน แล้วส่งตัวแทนมารับกิ่งต้นเมเลรี่ไปนะคะ แต่ว่าอย่าเพิ่งทำอะไร รอให้ครูอธิบายก่อน”
พูดจบ ซิลเวียร์ อาริน เอริเคท และบีราเคิลก็หันหน้าเข้าหากันทันที ก่อนจะส่งอารินออกไปรับกิ่งเมเลรี่มา อารินเอาถาดมาแล้ววางกิ่งที่รับมาลงไป เพื่อนๆพากันก้มลงมองอย่างสนใจจนศรีษะเกือบจะชนกัน ซิลเวียร์ยกมันขึ้นมาจ้อง จึงสังเกตเห็นว่ามันเป็นกิ่งสีเขียวอ่อนๆ ตรงปลายแตกยอดออกไปเป็นกิ่งเล็กอีก 2-3 กิ่ง และเมื่อจ้องมองดีๆก็พบว่ามีดอกตูมเล็กๆซึ่งใกล้จะผลิบานด้วย
“ก่อนอื่น..”อาจารย์สาวกล่าวขึ้น “นำกิ่งไปทุบซักเล็กน้อยก่อนนะคะ” แต่ละกลุ่มทำตามที่อาจารย์คาร์โลไลน์อธิบาย โดยหลังจากทุบแล้ว จะมีน้ำเหนียวๆปนออกมาจึงต้องใช้เวทย์ไฟทำ ให้น้ำเหล่านั้นระเหยออกไป จนกิ่งเขียวสดเริ่มแห้งจนค่อนข้างกรอบ สีเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งอารินกับซิลเวียร์ไม่มีเอี่ยวในขั้นตอนเหล่านี้ร่วมกับเอริเคทและบีราเคิลเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเธอกำลังรอ...
“สุดท้ายเพื่อเป็นการทดสอบ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มหยิบแก้วบนโต๊ะมาลองทุบให้ร้าวนะ”
“ฉันทำๆ/ฉันจะทำ!” ซิลเวียร์กับอารินแย่งกันพูด
..ทั้งสองรอขั้นตอนทุบแก้วนี่ล่ะ
แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วอารินก็ไม่สามารถต่อกรกับความน่ากลัวของเพื่อนสาวได้ จึงต้องย้ายข้างไปช่วยเอริเคททดลองการใช้ผงเมเลรี่แทน
“เอาน่าๆอย่าเสียใจไปเลย” บีราเคลกล่าวกับอารินด้วยน้ำเสียงกึ่งเห็นใจกึ่งขำ พลางโรยผงเมเลรี่ลงไปบนแก้วที่ร้าวแล้วพึมพึมคาถา “อิเลสต้า..” ผงสีเขียวละเอียดที่โรยไว้บนแก้วค่อยๆซึมหายลงไปในเนื้อแก้ว รอยร้าวเริ่มจางลงอย่างช้าๆจนแก้วประสานสนิทกันดังเดิม
จากนั้น อาริน ซิลเวียร์ และเอริเคทก็ผลัดกันทดลองไปเรื่อยๆ(แน่นอนว่าซิลเวียร์รับหน้าที่ทุบแก้ว) และเนื่องจากเวทมนต์บทนี้เป็นสายการรักษาซึ่งเป็นคาถาที่ชาวธาตุดินถนัด เอริเคทเองก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นจึงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
“ให้ตายสิ..” ซิลเวียร์เริ่มบ่น “คาถาสายรักษานี่มันยุ่งยากจริงๆ”
“คิดซะว่าถ้ารักษามันได้ก็จะทำลายมันได้อีกเรื่อยๆสิคะ” เอริเคทพยายามโน้มน้าวใจด้วยความพูดที่คิดว่าเข้าท่าที่สุด แต่เมื่อซิลเวียร์เริ่มมีประกายตาแปลกๆแถมยังพึมพำว่า “พังแล้วก็รักษา พอพังอีกก็รักษาใหม่ ฮะๆ” ..เธอก็ชักกังวลว่าพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่านะ?
กริ๊ง..กริ๊ง..
เสียงระฆังแบบมาตรฐานสากลดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกเวลาหมดคาบ พวกซิลเวียร์เริ่มเก็บหนังสือเตรียมออกจากห้องเมื่ออาจารย์คาร์โลไลน์อนุญาต ซิลเวียร์คิดว่าจะกลับหอพักเลย เพราะนี่เป็นวิชาเรียนคาบสุดท้ายแล้ว และเมื่อเดินลงจากตึกเรียนแล้วอารินก็หันไปหาเอริเคทกับบีราเคิล
“ตอนนี้เพิ่งสี่โมงเย็นเอง เราขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยไปโรงอาหารซักห้าโมงครึ่งเป็นไง?”
บีราเคิลตอบทันที “ฉันว่าก็ดีนะ อยากไปเปลี่ยนชุดซะหน่อยด้วย”
เอริเคทกับซิลเวียร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเธอจึงเดินขึ้นหอพักวารีกัน เธอพบป้ายประกาศที่หน้าหอว่าในพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีการเลือกชมรมซึ่งรุ่นพี่เป็นคนตั้ง โดยให้รุ่นน้องปี 1 และปี 2 เดินดู รับฟังการเชิญชวนจากแต่ละชมรมแล้วเลือกเข้าชมรมตามความสนใจ และประกาศติดๆกันลงมาก็เป็นเรื่อง คณะครูและนกเรียนจากต่างโรงเรียนมาศึกษาดูงานในอีก 2 วันข้างหน้า(อันหลังนี้ซิลเวียร์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่)
เมื่อพวกเธอกลับมาถึงห้อง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปที่ต่างๆ แต่ซิลเวียร์นั้นเลือกที่จะเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดไปรเวท ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตแขนตุ้กตากับกางเกงขายาวสีขาวแล้วมานั่งๆนอนๆที่ห้องนั่งเล่นรวม และเมื่อเธอหันไปเห็นบีราเคิลกำลังอ่านหนังสือเล่มบางอยู่ ก็ค่อยๆเลื่อนตัว(ไถลดีๆนี่เองๆ..)ไปหา แล้วถามเกี่ยวกับหนังสือ
“อ่านอะไรหรอ?”
บีราเคิลค่อยๆถอนสายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษ “คู่มือแนะแนวอาชีพน่ะ”
“แนะแนว?..แล้วอย่างฉันล่ะ เหมาะกับงานแบบไหน”
“อย่างเธอหรอ ก็ต้องงานประเภทที่ใช้ความมั่นใจและความหลงตัวเองสูงล่ะมั้ง”
“เอ๋!หลงตัวเอง หมายความว่าไงฮะบีราเคิล”
“ก็เธอชอบพูดประมาณว่า ‘ฉันคือคนที่น่ารักและอัจฉริยะที่สุด’นี่นา” บีราเคิลว่า
ซิลเวียร์รีบแย้งทันที “ไม่ได้หลงตัวเองนะ!ก็ฉันอัจฉริยะจริงๆนี่”
บีราเคิลหันขวับ จ้องเพื่อนสาวตาขวางทันที
..นั่นแหล่ะหลงตัวเองย่ะ!!
.........................................
เมื่อถึงเวลาเย็น พวกเธอก็พากันลงมาที่โรงอาหารหอวารีซึ่งอยู่ชั้นล่างของหอวารี โรงอาหารของหอวารีปูด้วยพื้นสีขาวทำให้ดูสะอาดตา ร้านอาหารมีให้เลือกมากมายหลายประเภท ยังดีที่ทุกคนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบทำให้แต่ละวันไม่มีปัญหา ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันเดินไปมา ซิลเวียร์ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบออกมา
“คนนั้นไง ที่ผมสีเงินๆน่ะ”
“นั่นหรอ คนที่บอกว่าสนิทกับลาเวน”
“คนที่ยืนข้างๆคนผมสีฟ้าไง!”
…………
…….
….
..
ก่อนที่ซักพักจะมีเด็กสาวหลายคนฝากกล่องของขวัญ จดหมายต่างๆให้ลาเวนราวกับเห็นเธอเป็นตู้ไปรษณีย์ และเมื่อมีคนแรกมา..คนอื่นๆก็ตามมาเรื่อยๆ จนอารินต้องเข้ามาช่วยถือของ ซิลเวียร์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ไร้สาระจริงๆ หมอนั่นดูดีขนาดนั้นเชียว?”
เพื่อตัดบทเด็กสาวจึงขอตัวไปซื้ออาหาร โดยเลือกร้านที่มีคนน้อยที่สุด เมื่อใกล้ถึงคิว เธอก็เตรียมตัวสั่งอาหารพลางนึกดีใจที่ร้านนี้ไม่มีใครมาฝากของกับเธออีก
“หนูจะสั่งอะไรจ๊ะ” หญิงสาวเจ้าของร้านเอ่ยถาม
“หนูขอเป็น..” ซิลเวียร์กำลังจะตอบ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าของร้านพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“หนูรู้จักกับลาเวนใช่ไหม ฉันฝากของไปให้หน่อยสิ!”
มะ..ไม่นะ แม้แต่เจ้าของร้านอาหารก็..
ซิลเวียร์ โซมาเลนซ์แข็งเป็นหินไปเรียบร้อยแล้ว
..............................................
ความคิดเห็น