ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #22 : เธอคือ...นางมารร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.15K
      11
      1 เม.ย. 53

    ร่างสูงของบอดี้การ์ดปรากฏกายขึ้นในเช้าของอีกวัน ขณะที่สองสาวกำลังช่วยกันหิ้วถุงช๊อปปิ้งที่เพิ่งไปซื้อมาจากตลาดเข้าร้าน เฉินลองแสดงจุดประสงค์ของเขาทันทีว่ามารับตัวนายหญิงของเขากลับ รัตเกล้าเหมือนจะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่คนนี้ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอสักวัน เพราะมังกรเดียวดายที่เขาพิทักษ์อยู่นั้นนอนอยู่บนห้องของเธอ รัตเกล้าเดินขึ้นไปปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นพร้อมกับจัดเก็บเสื้อผ้าของมินจูลงกระเป๋าเตรียมไว้ให้อีกด้วย

    “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะทำตัวเป็นเด็กๆหนีงานมาเที่ยวแบบนี้”รัตเกล้าว่าขณะที่ยกกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง

    “ฉันไม่ได้หนี แค่หลบมาพักผ่อน”

    “ตรงไหนมิทราบค่ะ”เธอหันไปส่งสายตาดูๆใส่อย่างเอาเรื่อง ขณะที่ทั้งสองเดินลงมาจากชั้นบน

    เฉินลองยืนรอรับนายหญิงของเขาอยู่ในส่วนของร้านอาหาร ร่างสูงเดินมารับกระเป๋าเสื้อผ้าจากมือรัตเกล้า

    “หมดเวลาพักผ่อนแล้วนะครับ นายหญิง”เขาเอ่ยเรียบๆ

    มินจูเดินลิ่วไปที่รถยนต์โดยมีรัตเกล้าเดินตามไปส่ง เฉินลองเอากระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถจึงเหลือแต่สองสาวยืนอยู่ด้านข้างของรถยนต์

    “เดินทางปลอดภัยนะค่ะ”รัตเกล้าว่า

    “อืม...เธอเองก็ทำตัวให้มันน่ารักมากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน แล้วอาทิตย์หน้าฉันจะมาหา”มินจูเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่จะดึงร่างอวบเข้าหาอ้ออกอดพร้อมกับจรดริมฝีปากแตะที่แก้มเบาๆ ก่อนที่จะเดินขึ้นรถไป

    รัตเกล้ายืนแข็งเป็นหินใบหน้าแดงระเรื่อ เธอนึกไม่ถึงว่ามินจูจะกล้าแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ รถแล่นออกไปไกลแล้วแต่รัตเกล้าก็ยังคงยืนแข็งเป็นหินอยู่ที่หน้าร้าน

    “เบื่อจริงๆเลย ไอ้คู่ผัวเมียกำมะลอคู่เนี่ย กิ๊กกันไปกิ๊กกันมา เดี๋ยวก็ได้รักกันขึ้นมาจริงๆหรอก”กีรติที่แอบมองเพื่อนสาวอยู่ตลอดเดินออกมาพร้อมกับเอ่ยแซว

    “จะบ้าหรอ เจีย แกนี่พูดจาอะไรก็ไม่รู้ อัปมงคลกับชีวิตแบบซิลซิลของฉันมากๆเลย”รัตเกล้ารู้สึกตัวหันไปตอกกลับเพื่อน

    “จ้าๆ อัปมงคลมากเลย แหม...ถ้าฉันไม่รู้ว่าแกกับคุณมินจูเป็นแค่กิ๊กกันนะ คงคิดว่าเป็นคู่ผัวเมียกันจริงๆแน่ๆ ฉันไม่อยากจะแซด”พูดจบกีรติก็เดินกลับเข้าไปด้านในทิ้งให้รัตเกล้ายืนเอ๋ออยู่ตามลำพัง

     

    คืนนั้นหลังจากที่รัตเกล้าอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวก็มานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอนแบบเดี่ยวมาตรฐานของเธอ แต่ความรู้สึกของเธอในครั้งนี้กลับแตกต่างไปจากเดิม เตียงนอนขนาดเท่าเดิมแต่ทำไมถึงรู้สึกว่ากว้างขนาดนี้นะ รัตเกล้าสลัดความคิดแปลกๆออกก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะเปิดโน้ตบุ๊กที่เอามาจากห้องของกีรติ ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าสู่โลกออนไลน์หลังจากที่ห่างหายมาได้สักพักใหญ่ๆ เพื่อนๆที่อยู่ทางเมืองไทยส่งอีเมลมาหาเธอหลายฉบับ เธออ่านไปพลางอมยิ้มไปพลางรู้สึกดีใจที่เพื่อนๆต่างก็ไม่ลืมที่จะอวยพรวันพรเกิดให้กับเธอ ซึ่งก็ผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ และในวันนั้นเองกีรติก็พาเธอไปทำบุญไหว้พระอย่างเงียบๆตามความต้องการของรัตเกล้า เสียงสัญญาณการติดต่อในโปรแกรมmsnดังขึ้น เธอเคลือบไปมองที่มุมจอเห็นว่าเป็นใครเธอจึงทักตอบไป

    “สุขสันต์วันเกิดนะ เป็นยังไงบ้างสบายดีมั้ย”

    “สบายดีค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ยังจำวันเกิดโรสได้”เธอตอบกลับ

    นิสากรอดีตคนรักของรัตเกล้าที่กำลังออนไลน์คุยอยู่กับเพื่อนอยู่นั้นเห็นชื่ออดีตแฟนปรากฏขึ้นที่หน้าจอการออนไลน์ จึงเข้ามาทักทายกันตามประสาคนรู้จัก

    “แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเมืองไทยล่ะ”

    “คงจะเป็นเดือนหน้า เพราะโรสต้องกลับไปต่อวีซ่า”

    “อยู่ทางนู้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”

    “ก็เหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้มค่ะ แล้วคุณล่ะ แก้วไปไหน”

    “ไม่อยู่กลับบ้าน”

    “มิน่าล่ะ คุณถึงได้ออนเอ็มดึกๆได้ ทะเละกันหรือเปล่า”

    “โรส...”รัตเกล้ามองข้อความของอดีตคนรักอย่างสงสัย

    “เรามาคืนดีกันได้มั้ย”

    รัตเกล้านั่งพิงผนังพิงเก้าอี้มองข้อความใหม่ที่ปรากฏบนหน้าจอ เธอแสยะยิ้มที่มุมปากไม่รู้สึกอะไรกับข้อความขอคืนดีจากคนทางนู้น นี่คงจะมีเรื่องทะเลาะกันมาสินะ ถึงได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือประชดรักกันแบบนี้

    “เอาไว้โรสกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ จะให้คำตอบก็แล้วกัน”รัตเกล้าตอบกลับพร้อมกับบอกลาเพื่อนๆทุกคนในmsn ปิดโน้ตบุ๊กแล้วคลานกลับขึ้นเตียงนอน

    รัตเกล้านอนทับทวนข้อความจากอดีตคนรัก หากเป็นเมื่อก่อนถ้าเค้ากลับมาขอคืนดีเธออาจจะดีใจรีบตอบตกลงไปแล้ว แต่มาในวันนี้เธอกลับรู้สึกเฉยๆไม่ยินดียินร้ายอะไรกับข้อความนั้น คงเป็นเพราะว่าเธอทำใจได้แล้วละมั้ง หรือไม่อย่างนั้นก็คงเพราะเธอเจ็บจนชินชาแล้วก็อาจจะเป็นได้ รัตเกล้าสลัดความคิดรกสมองนั้นออกแล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    เสียงตะกุกตะกักดังแววมาจากด้านนอก ปลุกให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้น รัตเกล้าเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังบอกเวลาว่าตีสามครึ่ง เสียงเหมือนของตกพื้นดังแววมาจากข้างล่างทำให้เธอเริ่มระแวง รัตเกล้าหยิบกระบองแบบพกพาที่ซื้อไว้ใช้แทนคมแฝกออกมาจากใต้หมอน ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูย่องลงไปข้างล่างในมือก็กำกระบองพกพาแน่น สายตาก็สอดส่ายไปในความมืดเห็นเงาดำวูบไหวไปมาในความมืดสลัวกลางร้าน  รัตเกล้าค่อยๆคล่ำหาสวิตท์ไฟ แชะ! เกิดแสงสว่างขึ้นจากหลอดไฟนิออน ร่างของผู้บุกรุกซึ่งกำลังค้นลิ้นชักโต๊ะรีบเอามือปิดตาเพื่อป้องแสงที่สว่างจ้า

    “ไอ้หัวขโมย!”รัตเกล้าตะโกนลั่น

    ผู้บุกรุกที่ใช้เพียงผ้าปิดอำพลางใบหน้าไว้สะดุ้งโหย่งที่ถูกคนในบ้านจับได้กลางดึก แต่พอเห็นว่าเธอเป้นผู้หญิงมันจึงดึงเอามีดพกออกมาจากกางเกงเพื่อข่มขู่

    “ถ้าไม่อยากตายส่งเงินมาให้หมด”

    รัตเกล้ามองหัวขโมยที่ถือมีดส่ายไปส่ายมาเพื่อข่มขู่ให้เธอกลัว แต่รัตเกล้ากลับมีท่าทางที่เรียบเฉย

    “นายหัวขโมย มือเท้าก็ยังใช้การได้ดี ไม่น่าทำตัวแบบนี้เลยนะ ทำไมไม่รู้จักหางานทำล่ะ คนพิการเขายังมีหัวคิดมากกว่านายเลยนะ”

    “หุบปาก!แกจะเอาเงินมาให้ฉันซะดีๆหรือจะให้ฉันแทงแก”โจรร้ายตะโกนขู่

    “เฮ้อ...ในเมื่อพูดกันดีๆแล้วไม่รู้เรื่อง แบบนี้ต้องสั่งสอนซะแล้ว”ไม่พูดเปล่ารัตเกล้ากดสวิตท์กระบองพกพาให้ยืดออกพร้อมใช้งาน

    หัวขโมยถลาเข้ามาหวังจะทำร้ายหญิงสาว แต่รัตเกล้าก็ใช้ทักษะในการต่อสู้เบี่ยงตัวหลบพร้อมกับกับโจมตีที่ข้อมือของหัวขโมย ทำให้มือที่ถือมีดคลายออกมีดสั้นกระเด็นออกไป เปิดโอกาสให้รัตเกล้ากระหน่ำตีไปทั่วร่างจนหัวขโมยสิ้นฤทธิ์นอนโอดโอยอยู่ที่พื้น กีรติตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงอะเอะจากข้างล่างก็รีบลงมาดู เห็นว่าเพื่อนสาวจัดการหัวขโมยได้สำเร็จจึงรีบโทรแจ้งตำรวจทันที และไม่นานเกินรอ ตำรวจที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้นได้รับแจ้งเหตุจากวิทยุก็รีบมายังจุดเกิดเหตุทันที โดยมีสองสาวเจ้าของบ้านยืนรอให้ปากคำ

    “ไหนๆก็ไหนๆละ ขอดูหน้าไอ้โจรร้ายนี่หน่อยเหอะ”กีรติถลาเข้าไปดึงผ้าปิดหน้าออก

    “นี่มัน เทียนสินนี่!”กีรติร้องลั่นเมื่อได้เห็นใบหน้าของโจรร้ายได้อย่างชัดเจน

    รัตเกล้าเองก็ทั้งตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน เพราะหัวขโมยคนนี้เธอจำได้ว่าเป็นหัวโจกของกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งมีเรื่องกับมินจูเมื่อวานนี่เอง

    “แกรู้จักคนๆนี้ด้วยหรอ เจีย”

    “นี่ ลูกชายของพี่เหมยลี่ ชื่อเทียนสิน”

    รัตเกล้ามองเทียนสินเด็กวัยรุ่นผู้หลงผิดอย่างเวทนาและสงสาร เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าแม่ของเขาแม่ยอมเป็นหนี้มากมายเพื่อส่งเขาเรียนหนังสือสูงๆ นายตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาเดินขึ้นรถ

    “เอ่อ...เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณตำรวจ ฉันขอคุยอะไรกับเด็กคนนี้หน่อยค่ะ”รัตเกล้ามองเด็กหนุ่มที่โดนเธอตีจนน่วม ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

    “ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย เธอรู้หรือเปล่าว่าแม่ของเธอต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหน เพื่อจะให้เธอได้เรียนหนังสือสูงๆ”

    เทียนสินเงยหน้าขึ้นมามองรัตเกล้า แสยะยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเอ่ย

    “อย่ามัวทำตัวเป็นนางเอกเลย อยากจะจับฉันเข้าคุกก็เชิญเลย”

    นายตำรวจรีบดึงร่างเด็กหนุ่มยัดใส่รถด้วยเกรงว่าจะทำร้ายหญิงสาว รถตำรวจแล่นออกไปโดยมีสายตาของกีรติและรัตเกล้ามองตามอย่างเป็นกังวล

     

    ที่หน้าร้านอาหารจานด่วน หลังจากที่สองสาวกลับมาจากจ่ายตลาดก็พบว่าเหมยลี่มานั่งรอที่หน้าร้านด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา แทบไม่ต้องทายพวกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเหมยลี่มาหาพวกเธอแต่เช้าด้วยเหตุใด สาวใหญ่ร้องห่มร้องไห้วิ่งมาหากีรติเพราะทราบข่าวที่ลูกชายของตนเองบุกมาขโมยเงินที่ร้าน

    “พี่ไม่คิดเลยนะค่ะ ว่ามันจะกล้าปีนบ้านมาปล้น อือๆ”เหมยลี่เอ่ยปนสะอื้น

    “ก็ยังไม่ได้เอาอะไรไปหรอกค่ะ พอดีโรสมันตื่นขึ้นมาเจอเสียก่อน”กีรติว่า มองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตารู้สึกเห็นใจหัวอกของคนเป็นแม่

    “แต่ยังไงเทียนสิน มันก็เป็นลูกชายคนเดียวของพี่ อือๆ คุณหนูเจียกรุณาช่วยลูกชายของพี่ด้วยนะค่ะ”เหมยลี่ถึงกับนั่งลงคุกเข่าเพื่ออ้อนวอนทำเอาทั้งสองสาวถึงกับตกใจ

    “พี่เหมยลี่ค่ะ ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ”รัตเกล้าถลาเข้าไปประคองร่างสาวใหญ่ให้ลุกขึ้น

    “จะให้พี่ใจเย็นได้ยังไงกันค่ะ ลูกชายพี่ทั้งคนนะค่ะ ถึงมันจะเป็นเด็กไม่ดี แต่พี่ก็รักเค้ามากเลยนะค่ะ”

    สองสาวหันมาสบตากันนิ่ง รู้สึกสงสารสาวใหญ่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

     

    เย็นวันนั้นหลังจากที่ปิดร้านเรียบร้อยแล้ว สองสาวก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อถอนแจ้งความ โดยมีเหมยลี่ที่ไปรออยู่ก่อนหน้านี้แล้วมายืนรอรับลูกชายกลับบ้าน ทันทีที่ตำรวจนำตัวเทียนสินออกจากห้องขังเหมยลี่ก็โผเข้ากอดลูกชายทันที

    “เทียนสิน ออกจากคุกมาแล้วก็ปรับปรุงตัวเองเสียใหม่นะ พวกคุณๆเค้าไม่เอาผิดเราแล้ว”เหมยลี่บอกลูกชายทั้งน้ำตา

    “โธ่แม่! ผมโตแล้วนะ แม่ก็เลิกยุ่งกับผมซะทีเถอะน่า”เทียนสินแกะมือของมารดาออก ท่าทางที่ไม่แยแสต่อมารดาทำให้รัตเกล้ารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

    “เดี๋ยวก่อนเทียนสิน เธอจะไปไหน”รัตเกล้าเดินเข้ามาขวางทางเด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากสถานีตำรวจ

    “จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน หลีกไปนะ”เทียนสินตะคอกใส่เธอลั่น ร้อนถึงเหมยลี่ที่ต้องรีบเข้ามาห้ามปราบแต่เทียนสินกลับไม่สนใจคำสั่งสอนของมารดาเลย

    “พี่เหมยลี่ถอยออกไป โรสมีอะไรอยากจะทำความตกลงกับนายเทียนสินสักหน่อย”

    “แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ”ท่าทางก้าวร้าวของเด็กหนุ่มทำให้กีรติรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับกันรัตเกล้ากลับมองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

    “แต่ฉันมี!”รัตเกล้าเอ่ยเสียงเฉียบพร้อมกับส่งสายตาดุดันไปที่เด็กหนุ่ม เทียนสินถึงกับสะดุ้งเฮือกรู้สึกถึงแรงกดดันที่เข้ามาในจิตใจ

    “เธอคงไม่รู้สินะ ว่าแม่ของเธอกู้เงินมาจากพวกฉันเพื่อที่จะส่งเสริมให้เธอได้เรียนสูงๆ แล้วมันก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวฉันจะหาเงินมาใช้คืนแน่นอน”เทียนสินตอบกลับ

    “หามาคืนโดยการไปปล้นคนอื่นมาให้เนี่ยนะ จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ได้อยากให้เธอมาใช้หนี้พวกฉันด้วยเงิน แต่เธอต้เองชดใช้ด้วยร่างกายของเธอ”

    ทั้งเทียนสิน เหมยลี่และกีรติต่างก็ตกใจ เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่ารัตเกล้าจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้

    “โรส...”กีรติมองหน้าเพื่อนสาว

    “เงียบไปเลย เจีย เดี๋ยวฉันจัดการเอง ว่ายังไง แม่เธอหาเงินมาให้เธอได้ไปโรงเรียน แต่สิ่งที่แม่เธอได้รับคือรู้ว่าลูกชายของตัวเองเป็นโจรไปปล้นเค้าจนติดคุกติดตาราง เธอไม่คิดจะสำนึกบุญคุณแม่เธอบ้างเลยหรือไง”รัตเกล้าจ้องหน้าเทียนสินด้วยแววตาเย้ยหยั่น

    “จะให้ฉันไม่ทำงานที่ร้านกระจอกๆอย่างนั้นน่ะหรอ ฉันไม่เอาหรอก”

    “ถึงจะกระจอกแต่ก็มีเงินให้แม่เธอกู้ก็แล้วกัน แล้วเธอตรงกันตรงไหน พวกกระจอก แม่หาเงินมาให้เธอหวังให้เธอได้ดี แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ควาย ไม่สิ ถ้าเป็นที่นี่เธอก็คงเหมือนลาล่ะมั้ง”คำพูดเสียดสีของรัตเกล้าทำให้เด็กหนุ่มโมโหถลาเข้ามาจะทำร้ายเธอ แต่รัตเกล้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ เธอเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับหยิบกระบองพกพาออกมาตีที่ข้อมือของเด็กหนุ่ม

    “โอ้ย!”ร่างเด็กหนุ่มทรุดฮวบนั่งคุกเข่ากุมแขนด้วยความเจ็บปวด

    เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ตำรวจทั้งสถานีมองรัตเกล้าอย่างสนใจ หญิงสาวยืนเชิดหน้าส่งสายตาดูหมิ่นเด็กหนุ่ม ขณะที่เหมยลี่วิ่งถลาเข้ามาขอร้องไม่ให้รัตเกล้าตีลูกชายเธออีก เพราะรู้ดีว่ารัตเกล้าเป็นคนมีสิชา

    “พี่เหมยลี่ค่ะ การที่พี่รักลูกชองพี่มันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่รักมากเกินไปและตามใจจนเขาไม่รู้จักพอคนที่เจ็บก็คือพี่เองนะค่ะ”

    “พี่รู้ แต่อย่าตีลูกพี่อีกจะได้มั้ย พี่ขอร้องละ”เหมยลี่อ้อนวอน

    รัตเกล้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

    “โรสจะไม่ตีลูกของพี่อีก ถ้าลูกของพี่เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายโรสหรือใครต่อใครอีก”รัตเกล้าเดินกลับไปจูงแขนกีรติที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตื่นๆ ก่อนที่จะหันมาเอ่ยทิ้งท้ายว่า

    “พรุ่งนี้8โมงตรง ฉันต้องเธอที่ร้านของฉัน ห้ามมาสายไม่อย่างนั้นฉันจะคิดดอกเบี้ยเพิ่ม”

     

    สองสาวเดินห่างจากสถานีตำรวจได้สักพักกีรติก็เกิดเป็นห่วงเหมยลี่กับเทียนสิน ด้วยเกรงว่าเด็กหนุ่มจะนำปัญหามาให้เธอ แต่รัตเกล้ากลับไม่คิดแบบนั้น

    “แกไม่ต้องห่วงหรอก เด็กคนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”รัตเกล้าให้คำมุ่นกับเพื่อนรัก และดูเหมือนว่ากีรติจะรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะ

    “โรส แกรู้มั้ย เมื่อกี้นี้แกเหมือนนางมารร้ายเลยว่ะ”จู่ๆกีรติก็โพล่งออกมาทำให้รัตเกล้าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

    “แกลืมไปแล้วหรอ ว่าฉันมาที่นี่เพื่ออะไร”

    “จ้ะ...แม่นางมารร้าย”กีรติแขวะกลับ สองสองจึงหัวเราะออกมาพร้อมกับอย่างสนุกสนาน
                                            .............................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×