คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : เด็กหนุ่มผู้หลงผิด
รถยนต์คันใหญ่แล่นเข้าไปจอดที่ลาดกว้างหน้าบ้านหลังใหญ่ตระกูลจาง พร้อมกับร่างสูงที่เดินออกมาเปิดประตูรถ เหล่าบรรดาแม่บ้านและบอดี้การ์ดที่ออกมาต้อนรับต่างก็โค้งให้กับร่างสูงที่ก้าวออกมาจากรถอย่างเคารพ มินจูกลับเข้าบ้านหลังจากที่หายตัวออกไปจากบ้านอย่างลึกลับ แม่นมเหวินทั้งดีใจและโล่งอกที่ได้เห็นนายสาวกลับเข้าบ้านโดยสวัสดิ์ภาพ แต่นางก็อดที่จะตำหนิมินจูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันต้องของโทษแม่นมด้วยนะที่ทำให้เป็นห่วง”มินจูเอ่ยอย่างสำนึกผิด
“ทีหลังจะไปไหนมาไหนก็บอกดิฉันด้วยนะค่ะนายหญิง ดิฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้อีก”
“งั้นฉันก็บอกแม่นมไว้เลยก็แล้วกัน ว่าวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ฉันจะไม่เข้าบ้านสักพักนะ”
“เอ๊ะ!จะไปไหนอีกหรอค่ะ”แม่นมเหวินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นนายสาวจะสนใจออกไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุด นอกจากอยู่กับบ้านเพื่อฝึกวิชา
“เซียะเหมิน!”พูดจบมินจูก็ขอตัวขึ้นไปบนห้อง โดยมีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ไกลๆด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
ที่หน้าร้านอาหารจานด่วน สองสาวช่วยกันจัดหน้าร้านกันอย่างขันแข็งเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เวลาเปิดร้านแล้ว วันนี้เหมยลี่ยังไม่มาทำงานเลยทำให้กีรติต้องรับบทหนักเพียงคนเดียว แต่รัตเกล้าก็รีบทำงานในส่วนของตัวเองให้เสร็จเพื่อรีบออกมาช่วยงานเพื่อนคุณหนูของเธอ ที่ต้องทำงานใช้แรงเพียงลำพังที่หน้าร้าน นาฬิกาที่ติดผนังบอกเวลาว่าเก้าโมงเช้าแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นตัวของสองแม่ลูกเลย ด้วยความกังวลกีรติจึงหันไปถามรัตเกล้าที่กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเคาเตอร์อาหาร
“โรส แกคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่วะเนี่ย ที่ให้เทียนสินมาทำงานที่ร้าน ดูสิ ป่านนี้ยังไม่มีใครมาเลย แล้ววันนี้พวกเราจะไหวมั้ยเนี่ย”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว หรือว่าแกจะยอมขาดทุน”
“ไม่มีทางเด็ดขาด ฉันยอมเหนื่อยตายดีกว่ายอมขาดทุน”กีรติรีบตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด
“งั้นก็ไม่ต้องบ่นทำต่อไป ช่วยๆกันเดี๋ยวก็เสร็จ”
เสียงทะเลาะของคนคู่หนึ่งดังแววมาแต่ไกล กีรติที่อยู่ติดประตูหน้าร้านจึงเดินออกไปดูด้วยความสงสัย เห็นว่าเป็นสองแม่ลูกที่เธอเพิ่งเอ่ยถึงก็รีบหันไปบอกเพื่อนสาวทันที
“โรส พี่เหมยลี่พาเทียนสินมาโน้นแล้ว”
เหมยลี่เดินเข้าร้านมาพร้อมกับเทียนสินที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเพราะถูกมารดาบังคับ เดินเข้าร้านด้วยท่าทางไม่เกรงใจใครนั่งลงตรงเก้าอี้ที่กีรติกำลังจัดวาง ทำเอากีรติไม่กล้าเข้าไปต่อว่า
“เธอมาสายหนึ่งชั่วโมง เจียจดบัญชีด้วยว่าหักร้อยละ2”รัตเกล้าเอ่ยเสียงเรียบขณะที่มือยังคงจัดถาดอาหารที่เคาเตอร์
“นี่!มันจะไม่มากไปหน่อยหรอ ฉันแค่มาสายนิดๆหน่อยๆจะมาคิดเพิ่มแบบนี้ได้ยังไง โกงกันชัดๆ”เทียนสินหันไปขึ้นเสียงใส่รัตเกล้า ร้อนถึงเหมยลี่ที่ต้องเข้ามาปราบให้ลูกชายใจเย็นแต่ก็ไม่เป็นผล
“ฉันโกงตรงไหนมิทราบ ฉันนัดเธอให้มาทำงานตอน8โมงเช้า แต่ตอนนี้แหกตาดูซะว่ามันกี่โมงแล้ว อย่าพูดให้มากความ ทำงานซะ”รัตเกล้าหันมาสั่งเสียงเฉียบสร้างความเจ็บใจให้เด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก
วันนี้ทั้งวันเทียนสินจึงจงใจทำงานผิดพลาดโดยแกล้งทำถ้วยชามตกแตกกระจาย รัตเกล้ามองเด็กหนุ่มด้วยท่าทางที่สงบนิ่งก่อนทีจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนสาวที่ยืนหน้าเสียอยู่อีกด้าน
“เทียนสินทำข้าวของเสียหายบวกเพิ่มไปด้วย ถ้าคราวหน้าทำข้าวของแตกเสียหายอีก ฉันก็จะบวกเพิ่มไปเรื่อยๆจำไว้ แล้วยืนเฉยอยู่ทำไม เก็บสิ!”รัตเกล้าสั่งการดุจนางพญาที่น่าเกรงขาม จนลูกค้าหลายคนอดชื่นชมที่เธอสามารถแก้สถานการณ์ที่ดูแย่ขณะที่คนแน่นร้านแบบนี้
เทียนสินรู้สึกเสียหน้าแต่ก็ต้องเก็บกวาดทำความสะอาดร้านตามคำสั่ง โดยมีสายตาของรัตเกล้าที่ชำเลืองมองอยู่เป็นระยะๆ จากที่ตั้งใจจะทำให้หญิงสาวเสียหน้าตัวเองกลับเป็นฝ่ายที่ถูกหักหน้าเสียเอง คิดแล้วก็เจ็บใจจริงๆ หากใช้หนี้แทนมารดาหมดเมื่อไหร่เขาต้องหาทางแก้แค้นเธอแน่ๆ เด็กหนุ่มแอบวางแผนชั่วร้ายอยู่ในใจ และแล้วหนึ่งวันในการทำงานเป็นครั้งแรกของเด็กหนุ่มสิ้นสุดลง เทียนสินถึงกับนั่งหมดแรงอยู่ด้านหลังร้านระหว่างแบกถุงขยะไปทิ้ง
“เหนื่อยล่ะสิ เอ้า!”รัตเกล้าที่เดินออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ส่งกระป๋องน้ำอัดลมให้ เทียนสินมองหน้าเธอสลับกับกระป๋องน้ำอัดลมอย่างงงๆ
“รับไปสิ ฉันไม่คิดเงินหรอกน่า”
เด็กหนุ่มรับกระป๋องน้ำอัดลมจากมือหนา ขณะที่รัตเกล้าเองก็เปิดฝากระป๋องน้ำกระดกดื่มอย่างสะใจ
“ฮ้า~! ชื่นใจ”
กิริยาท่าทางหามต่างจากความเป็นหญิงของรัตเกล้าทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเอ๋อ แต่ก็แอบหัวเราะรัตเกล้าอยู่ในใจ คงเพราะท่าทางแบบนี้ล่ะมั้งถึงได้ขึ้นคานหาผัวไม่ได้ เลยต้องมาเปิดร้านขายกับข้าวอยู่ที่นี่
“เสร็จงานวันนี้แล้ว เธอจะกินข้าวเย็นพร้อมกับแม่เธอที่นี่เลยมั้ยล่ะ”รัตเกล้าว่า
“ไม่ ฉันนัดเพื่อนไว้ ไม่ว่างมาสนทนากับพวกคนแก่ขึ้นคานหรอก”เด็กหนุ่มแขวะเธอเสร็จก็เดินเลียงผ่านหน้าหญิงสาวไป
“เดี๋ยวก่อน! พรุ่งนี้ห้ามมาสาย จำไว้”รัตเกล้าเอ่ยดักคอเด็กหนุ่ม เลยยิ่งทำให้เทียนสินรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม เดินกระแทกประตูกลับเข้าไปข้างในโดยมีสายตาของรัตเกล้ามองตามอย่างมีความนัย
ชิ! เด็กเมื่อวานซืน คิดจะมาแหยมคนอย่างฉัน มันยังเร็วไป100ปีย่ะ
ที่ตรอกในย่านชุมชนแออัด เด็กหนุ่มเดินล้วงกระเปาเข้าไปในบ้านเก่าซอมซ่อหลังหนึ่ง ซึ่งที่นั้นเองเป็นที่นัดพบระหว่างเพื่อนๆในกลุ่มของเทียนสิน เด็กวัยรุ่นเกือบสิบคนทั้งชายหญิงกำลังล้อมวงกันดูปล้องเล็กๆจากปลายกระบอกไม้ไผ่ พร้อมกับพ่นเอาควันสีขาวขุ่นลอยฟุ้งในอากาศ เด็กหนุ่มนั่งมองควันนั้นตาลอยๆเหมือนคนกำลังเพ้อฝัน เทียนสินเดินฝ่าเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆมานั่งลงตรงเบาะซึ่งเป็นที่นั่งประจำของเขา
“อาเทียน หายไปไหนมา ฉันไปหานายที่บ้านก็ไม่เจอ”เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันมีธุระนิดหน่อย ว่าแต่พวกนายเหอะ เอาเงินที่ไหนไปซื้อของพวกนี้มา หรือว่าเจอเหยื่อดีๆว่ะ”
“อ๋อ เปล่าหรอก ก็แค่รับปล่อยของด้วยลูกพี่เขาเลยแบ่งมาให้”เทียนสินถึงกับหูผึ่งนึกสนใจขึ้นมาทันที
“ปล่อยของเองท่าจะได้เงินดี แกแนะนำ ลูกพี่ให้ข้าด้วยสิ ช่วงนี้ข้าร้อนเงินซะด้วย”
“ได้สิ เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะพาแกไปเอง”
และในคืนนั้นๆเอง เทียนสินกับเพื่อนในแก๊งของเขาก็พากันไปในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั้นเป็นแหล่งรวมของธุรกิจความบันเทิงของท่านชายทั้งสิ้น เพื่อนชายพาเทียนสินเข้าไปในห้องอาบอบนวดขนาดใหญ่ และที่นั้นเอง เทียนสินก็ได้พบกับชายคนร่างใหญ่กล้ามโตที่ทุกคนเรียกว่าพี่ใหญ่ตัน
“พี่ใหญ่ นี่เทียนสินเพื่อนผม เขาอยากจะช่วยพี่ปล่อยของน่ะครับ”เพื่อนชายแนะนำให้เทียนสินรู้จักพี่ใหญ่ตัน
หนุ่มใหญ่ร่างกำยำในสภาพนุ่งผ้าขนหนูนอนอยู่บนเตียงนวดเงยหน้าขึ้นมามองเทียนสินอย่างพิจารณา ก่อนที่จะหันไปสั่งให้หญิงบริการนั้นหลบออกไป
“ไอ้น้อง สนใจจะช่วยพี่ปล่อยของจริงๆอย่างนั้นหรอ”พี่ใหญ่ตันถามน้ำเสียงแหบกระด้าง
“คะ ครับ ผมสนใจ”เทียนสินตอบตะกุกตะกัก
“อืม...ดี ว่าแต่น้องชายมีแหล่งปล่อยของหรือเปล่าล่ะ”
เทียนสินนิ่งไปสักพักก่อนที่จะตอบ “มีครับ ผมมี”
“งั้นก็ดี เฮ้ย! ใครก็ได้เอาของมาหน่อยสิ”พี่ใหญ่ตันหันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ และไม่นานเกินรอซองสีน้ำตาลที่พับไว้หลายทบก็ถูกส่งถึงมือพี่ใหญ่ตัน
“เอาไปแค่นี้ก่อน ขายหมดเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเอาที่ข้าใหม่ อ๋อ!แล้วแกก็อย่าเล่นตุกติกอมเงินข้าเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”พี่ใหญ่ตันส่งหอสีน้ำตาลนั้นให้เทียนสิน
“แน่นอนครับ พี่ใหญ่ ผมจะไม่ทรยศพี่แน่นอน”เด็กหนุ่มรับซองนั้นมาพร้อมกับให้คำมั่น พี่ใหญ่ตันปรายสายตามองเด็กหนุ่มอย่างไม่ค่อยเชื่อใจนัก
เทียนสินเข้ามาทำงานที่ร้านอาหารจานด่วนได้หลายวันแล้ว เพื่อใช้หนี้แทนมารดาที่กู้มาจากกีรติ เทียนสินยังคงถูกรัตเกล้าเคี้ยวเข็นให้ทำงานทุกอย่างให้เป็น แม้จะยังไม่เก่งมากนักแต่ก็จัดว่าพอใช้ได้ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ทนทำไปเพราะถูกรัตเกล้าสบประมาณไว้เยอะ และเพื่อเป้าหมายบางอย่างในใจเทียนสินจึงทนอยู่ได้โดยไม่ปริปาก
“เทียนสิน”เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังแววมาจากด้านหลังของมุมตึก เทียนสินที่กำลังเอาขยะไปทิ้งเหลียวกลับไปมอง
“ฉันเอง ทางนี้”ร่างของคนที่เทียนสินคุ้นเคยก็ปรากฏ เด็กหนุ่มรีบตรงเข้าไปหาทันที
“วันนี้นายมีของใช่มั้ย ฉันขอแบ่งหน่อย”
“ได้สิ แต่ต้องรอให้ฉันกลับบ้านก่อน ถึงจะเอาของออกให้ได้ เย็นนี้นายไปรอฉันที่เดิม แล้วฉันจะเอาของให้นายเอง”เทียนสินว่า
และในจังหวะนั้นเอง ประตูหลังร้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างนางมารร้าย เทียนสินรีบไล่ลูกค้าวัยรุ่นของเขาให้รีบออกไป แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเจ้าหล่อน
รัตเกล้าออกมาตามเทียนสินเพราะเห็นว่าออกไปทิ้งขยะนานแล้วจึงออกมาตาม เพราะไม่กี่ชั่วโมงนางมารร้ายตัวแม่ก็จะมาหาเธอแล้ว รัตเกล้าเปิดประตูออกมาเห็นเทียนสินยืนคุยกับเด็กหนุ่มอีกคนด้วยท่าทางน่าสงสัย เธอจึงเดินเข้าไปถาม
“คุยกับใคร เทียนสิน”
“ฉันจะคุยกับใครมันก็เรื่องของฉัน แล้วเจ๊มีอะไรจะเรียกใช้อีกหรือยังไง ถึงต้องลงทุนเดินออกมาตามด้วยตัวเองแบบนี้”เด็กหนุ่มแอบแขวะเธอเล็กๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่เมตตากรุณาและสงสารเธอ อยากให้เธอได้พักก็เท่านั้นเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปที่ร้านจะหยุดช่วงปีใหม่ แล้ววันนี้ก็พอแค่นี้แหละ กลับบ้านไปได้แล้ว”รัตเกล้าตอบกลับอย่างไม่สนใจนัก
เทียนสินเบ้ปากอย่างล้อเลียนก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่ก็ต้องชะงัก
“เดี๋ยวก่อน หมดวันหยุดเมื่อไหร่ ถ้าเธอไม่กลับมาทำงานล่ะก็ ฉันจะคิดดอกเบี้ยกับแม่เธอเพิ่ม จำไว้”
เด็กหนุ่มหายใจฟืดฟาดอย่างขัดใจก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน ทิ้งให้รัตเกล้ายืนอยู่ข้างนอกตามลำพัง
ร้านอาหารปิดแล้ว แต่ภายในห้องครัวยังคงมีเสียงทำครัวแว่วออกมา กีรติเดินมาแอบมองเพื่อนสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำกับข้าวเพื่อเตรียมไว้ต้อนรับใครบ้างคน
“แหม...ลงครัวทำกับข้าวรอสามีกลับบ้านหรอย่ะ”กีรติเอ่ยแซว
“ใช่ซะที่ไหน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหญิงท่านสั่ง ฉันก็ไม่อยากจะทำหรอก”รัตเกล้าหันมาส่งค้อนให้ แต่แทนที่เพื่อนสาวจะกลัวกลับหัวเราะคิกคักจนน่าหมั่นไส้
“ฉันขอถามอะไรหน่อยเหอะ แกเป็นแค่กิ๊กหรือเป็นเมียกันแน่ว่ะ”
“ก็เป็นกิ๊กสิย่ะ”
“แล้วแกไม่คิดจะขยับเป็นมากกว่านี้หรอวะ”คำถามของกีรติทำให้รัตเกล้าชะงักมือ
“ไม่คิด และฉันก็ไม่เคยคิดด้วย”น้ำเสียงที่ตอบกลับของรัตเกล้าดูจริงจังจนกีรติรู้สึกไม่ดีเพราะดันไปจี้ถูกแผลเก่าของเพื่อนสาวเข้าอย่างไม่ตั้งใจ
“เอ่อ...ฉันว่า...ฉันได้ยินเสียงรถนะ สงสัยคุณมินจูคงจะมาแล้วล่ะ”เหมือนมีระฆังเข้ามาช่วยกีรติไว้ เมื่อรถยนต์หรูคันใหญ่แล่นมาจอดเทียบที่หน้าร้าน กีรติจึงได้โอกาสปลีกตัวออกไป
ร่างสูงเดินออกมาจากรถยนต์พร้อมด้วยร่างของบอดี้การ์ดคนสนิท ที่ขอติดตามมาส่งนายหญิงด้วย แม้ว่ามินจูจะทัดทานไว้แล้วก็ตาม กีรติเดินออกมาจากห้องครัวเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนตามมารยาทของเจ้าของบ้านที่ดี
“เชิญเข้ามาเลยค่ะ โรสมันกำลังเตรียมกับข้าวต้อนรับสามีอยู่พอดี”
“พูดจาอะไรแบบนั้น เจีย”รัตเกล้าที่ออกจากห้องครัวได้ยินเข้าพอดี
“อุ้ย!ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าต้อนรับคุณมินจู และคุณบอดี้การ์ด เชิญค่ะ”กีรติสั่งยิ้มแบบธุรกิจให้ทั้งสองคน
“รออีกสักแปบนะค่ะ ฉันจะจัดโต๊ะในคุณเอง”รัตเกล้าว่า
“เอ่อ ถ้ายังไงคืนนี้ก็ตามสบายนะค่ะ พอดีว่าดิฉันจะไปเยี่ยมคุณน้าที่อีกเมืองนึง ยังไงก็ฝากโรสให้คุณมินจูดูแลด้วยก็แล้วกัน”กีรติว่าพร้อมกับสะพายกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง
“อ้าว แล้วทำไมแกไม่บอกฉันก่อนล่ะ”
“ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง”
“แล้วกับข้าวฉันล่ะ”
“แกทำให้คุณมินจูกินนี่ไม่ใช่ฉัน ไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทันขึ้นรถ”กีรติส่งยิ้มยียวนให้เพื่อนสาว
“เฉินลอง นายไปส่งคุณเจียนะ เสร็จแล้วก็กลับไปพักที่โรงแรมเลยก็แล้วกัน”มินจูหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท แต่เขาท่าทางอิดออดเล็กน้อย
“แล้วนายหญิงล่ะครับ”
“ฉันจะนอนที่นี่ นายไปได้แล้ว”
“แต่ฉันว่าคุณกลับไปนอนที่โรมแรมของคุณจะดีกว่านะ ที่นี่มันไม่เลิศหรูเหมือนห้องในโรงแรมสักเท่าไหร่นักหรอก”รัตเกล้ายืนกอดอกมองร่างสูงที่ยืนสั่งการลูกน้องคนสนิท
“ไม่เอาหรอก ฉันชอบนอนเตียงแคบๆมันอุ่นดี”มินจูส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่รัตเกล้า ทำเอาเธอแทบอยากจะเดินหนี
เฉินลองจำใจทำตามคำสั่งของนายหญิงโดยการพากีรติไปส่งที่ท่ารถประจำทาง โดยทิ้งให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง รัตเกล้าจัดการตั้งโต๊ะอาหารโดยมีมินจูที่ไปนั่งคอยที่โต๊ะแล้ว
“กินสิค่ะ มานั่งจ้องหน้าฉันทำไม”รัตเกล้าขมวดคิ้วมองหน้าสาวหล่อ
“ไม่รู้เป็นอะไร ฉันมีความรู้สึกว่าอยากจะจ้องหน้าเธอ”
“เอ้า!ยังไงกัน คุณโทรมาสั่งให้ฉันทำกับข้าว แต่ดันมานั่งจ้องหน้าฉันซะอย่างนั้น ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่”
“ฉันหิวเธอ อยากจะกินเธอมากกว่าข้าว”คำพูดของมินจูทำเอารัตเกล้าถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก
ดวงตาเรียวเล็กมองเธออย่างพอใจที่เห็นใบหน้าหวานมีสีแดงระเรื่อ มินจูเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงอยากพบอยากจะมองหน้าของรัตเกล้ามากขนาดนี้ มินจูรู้แต่เพียงว่าเธอต้องการผู้หญิงคนนี้มากเหลือเกิน และก็ดูเหมือนว่ารัตเกล้าจะอ่านสายตาของมินจูออกเสียด้วย เธอถึงกับนั่งหน้าแดงหลบสายตาคู่นั้นพัลวัน แต่ถึงจะเหนียมอายยังไงคืนนี้ก็คงไม่พ้นสายตาคู่นี้อยู่ดีล่ะน้า...
ความคิดเห็น