True Love บ้านไร่สายน้ำและความแค้น 2 - นิยาย True Love บ้านไร่สายน้ำและความแค้น 2 : Dek-D.com - Writer
×

    True Love บ้านไร่สายน้ำและความแค้น 2

    ภาคสองของบ้านไร่สายน้ำและความแค้น ที่จะเล่าถึงความรักของผู้ชายอีกคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับพลอยพิมพ์ และพลอยพิมพ์จะใช่ลูกของปราณหรือเปล่า

    ผู้เข้าชมรวม

    480

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    480

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    7
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  18 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 59 / 08:22 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่1

     

                 วันนี้ชัชชาติเฝ้าติดตามข่าวอุบัติเหตุทางเครื่องบินเล็กที่ทำให้บุคคลคนหนึ่งเสียชีวิตทั้งทางทีวีและอินเตอร์เน็ทมาตั้งแต่เช้า เขารู้สึกใจหายแม้จะเคยพบท่านมาเพียงครั้งเดียวเพราะไปขออนุญาติพาภรรยาท่านออกไปฟังเพลง แต่เขาก็จำบุรุษท่านนี้ได้ดี เมื่อ5ปีก่อนท่านเป็นชายวัยสี่สิบกว่าที่งามสง่า บุคคลิกอบอุ่นดูภูมิฐาน และดูอ่อนกว่าวัย ขณะที่ภรรยาของท่านขณะนั้นมีวัยเพียง27 สวย ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน รูปร่างสูงโปร่ง เครื่องหน้าเหมาะเจาะไปหมดทั้งปากคอคิ้วคางโดยเฉพาะจมูกและนัยตาที่สวยจนเขาแอบหลงใหล

                 เขาจ้องมองภาพของเธอที่กอดลูกน้อยวัยเพียงสองขวบเศษร่ำไห้ปานใจจะขาดด้วยความรู้สึกที่สงสารจับใจ เธออายุเท่าไรแล้วนะตอนนี้คงประมาณ32 ยังสาวยังสวยกลับต้องมาเป็นหม้าย แม้ไม่ได้เจอกันอีกหลังจากคืนวันนั้น วันที่เขารู้สึกผิดจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง แต่เขาก็ยังติดตามข่าวคราวของเธอจากเพื่อนบางคนที่ไปฝึกงานด้วยกันว่า เธอออกจากบริษัทนั้นไปแล้วเพราะสูญเสียบิดาที่เป็นเศรษฐีอยู่ทางเหนือหลังจากคืนนั้นไม่นานซินะ หลังจากนั้นอีกเกือบสองปีเขาได้ข่าวว่าสามีของเธอไปรับตำแหน่งทูตอยู่ที่อังกฤษ แล้วช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เธอไปอยู่อังกฤษเธอก็อุ้มลูกน้อยวัยแบเบาะกลับมาเพราะมารดาเสียชีวิต ภาพที่เขาเห็นในโซเชียลมีเดียที่ส่งต่อๆกันมาเขายังจำได้ติดตาว่าเธอดูเศร้าโศกนัก แล้วเพียงแค่สองปีเธอก็มาสูญเสียสามีไปอีก เขาอยากรู้ว่าจิตใจอันบอบบางนั้นจะทนทานได้เพียงใดหนอ ก็แค่คืนนั้นเธอมีปัญหากับคนในบ้านสามีเธอยังทนทานไม่ได้ เขายังจำตาบวมช้ำและใบหน้าที่นองน้ำตาแล้วโผเข้ามากอดเขาทันทีที่เปิดประตูให้เขาเข้าไปในห้องชุดนั้นได้ดี ความสงสารทำให้ความยับยั้งชั่งใจของหนุ่มน้อยวัย21ขาดลงไปทันที

                 ในข่าวบอกว่าร่างของสามีเธอจะถูกนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่เมืองไทยเขาควรไปร่วมงานดีไหมนะ ตายังคงจ้องมองภาพสตรีสาวสวยที่กอดลูกน้อยไว้แนบอกอย่างเลื่อนลอยครุ่นคิด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเขาหันไปมองชื่อที่ปรากฎบนจอ เขาถอนใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็ปล่อยให้มันดังจนเงียบไป หลังจากนั้นมันก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหากเขาไม่รับมันก็คงดังอยู่อย่างนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร พอรับสายยังไม่ทันกรอกเสียงลงไปเสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาก่อน

                  “ชัชมัวทำอะไรอยู่คะกว่าจะรับสาย หรือลืมไปแล้วว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นคู่หมั้นของคุณ” เสียงทางนั้นแสดงอำนาจเต็มที่

                  “คุณมีธุระอะไรก็พูดมาเถอะผมกำลังทำงาน” เสียงเขาเย็นสนิท     

                 “แขโทรมาต้องมีธุระด้วยหรือ..เย็นนี้ทำตัวให้ว่างนะแขจะมารับไปพบ คุณพ่อ ท่านอยากคุยเรื่องแต่งงานนี่เราหมั้นกันมาสองปีแล้วนะคะ” 

                 “นี่เป็นคำสั่งซินะ” เขาตอบกลับไปพร้อมถอนใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะวางหู แต่ทางนั้นก็ได้ยินจนได้เธอปรี๊ดแตกแล้วพูดกลับมาอีก  

                 “อย่ามาทำถอนใจใส่แขอย่างนี้นะคะ”

     

                 นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดในชีวิตของเขา เขาพบแขนภาที่อเมริกาขณะไปเรียนต่อปริญญาโทและพำนักอยู่กับมารดาชาวอเมริกันที่ได้เลิกรากับบิดาไปตั้งแต่เขาเพิ่งขึ้นมัธยม ขณะนั้นเขาจบและใกล้จะกลับเมืองไทยแล้ว แขนภาเป็นลูกรัฐมนตรีที่ทรงอำนาจเธอไปอยู่ที่นั่นนานเท่าไรแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจรู้แต่ว่าเธอดังในหมู่นักเรียนไทยและต่างชาติด้วยความเฟริทของธอ เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้จึงไม่เคยพาตัวเข้าไปใกล้ แต่แล้วเขาก็พลาดเข้าจนได้ในงานเลี้ยงจบการศึกษาในหมู่เพื่อนๆ เธอมาร่วมงานทางสายไหนก็ไม่รู้

                 “สวัสดีค่ะคุณชัช แหมเราก็เห็นกันผ่านๆมาตั้งนานแล้วคุณไม่คิดอยากรู้จักกันบ้างเลยหรือคะ ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะคะ แขค่ะ แขนนภา สุภาพงศ์”

                 เธอเดินเข้ามาหาเขามือซ้ายถือแก้วคอกเทลแล้วยื่นมือขวามาให้เขาสัมผัส แต่ชัชชาติเพียงแค่โค้งให้อย่างสุภาพ

                 “ยินดีที่ได้รู้จักครับ เชิญตามสบายนะครับ”

                 เขาทำท่าจะเลี่ยงไป แต่ผู้ชายแบบนี้ซิท้าทายดีไม่เคยมีใครปฏิเสธคนอย่างแขนภา

                 “คุยกันก่อนซิคะ หรือรังเกียจไม่อยากเป็นเพื่อนกับแข”

                 เธอเบียดร่างเข้ามาจนใกล้เขาเกือบจะไปชนกับอ่างพั้นซ์จึงต้องหยุดตัวเองไว้รู้สึกรำคาญและอึดอัด ทำไมสังคมต้องสอนให้เราเก็บความขุ่นไว้ข้างไหนเขาให้สงสัย เธอชวนคุยต่อ

                 “คุณจะกลับเมืองไทยหรืออยู่ที่นี่ต่อคะ น่าจะอยู่ต่อนะคะบ้านช่องคุณก็มีที่นี่ เราจะได้เป็นเพื่อนกันไงคะเพราะแขยังต้องอยู่ต่ออีกตั้งปี”                                                 

                 “ผมคงต้องกลับครับบ้านผมอยู่เมืองไทย”เขาตอบเรียบๆ อยากบอกว่ายิ่งตอนนี้เขายิ่งอยากกลับที่สุด

                  “ว้าเสียดายจัง งั้นให้แขเลี้ยงส่งคุณก่อนกลับได้ไหมคะ”

                 เขากำลังจะปฏิเสธแต่เพื่อนๆที่เดินมาสมทบกลับพากันส่งเสียงสนับสนุนในที่สุดเขาก็ต้องเลยตามเลย

                 เธอจัดงานเลี้ยงให้เขาในอพาตเม้นท์ที่หรูหราของเธอในย่านที่แพงที่สุดของมหานครนั้น การแสดงออกที่เธอมีต่อเขาแม้เด็กสิบขวบก็คงรู้ว่าเธอต้องการอะไร ผู้หญิงรักสนุก ในที่สุดเพื่อนๆจึงพากันปลีกตัวกลับบางคนแอบกระซิบ

                 “เฮ้ยอย่าทำเป็นฤษีไปเลยว่ะผู้หญิงเขาทอดสะพานให้ขนาดนี้ ไหนๆก็จะกลับแล้วสนองศรัทธาหล่อนสักหน่อยเถอะ”

                  เขาไม่เคยคิดแบบนั้นไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเพียงเกม แต่เขาก็พลาดจนได้ เพราะเหล้าหรืออะไรไม่รู้ที่เขาโดนคนโน้นคนนี้ยัดเยียดให้ เพื่อนกลับกันไปหมดแล้วขณะที่เขาโดนลากเข้าไปในห้องนอน เธอบอกเขาก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นว่า

                 “แขชอบคุณม๊ากมากเราแค่สนุกกันนะคะอย่ากลัวว่าแขจะผูกมัด”

                  วันก่อนที่เขาจะเดินทางกลับก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากบิดาโวยวายมาตามสาย    

                 “แกไปทำอะไรไว้รู้ตัวไม๊ตาชัช”                 

                  “มีอะไรครับพ่อ คงด่วนมากซินะพ่อถึงขนาดต้องโทรมา วันนี้ผมก็จะกลับแล้ว ไฟลท์บ่ายนี้แหละ”

                 เขาตอบบิดาไปแต่คำที่นายชลิตผู้บิดาตอบกลับมาทำให้เขารู้สึกว่าโลกกำลังถล่ม                                 

                 “ยังไม่ต้องกลับแคนเซิลไฟท์ไปก่อนพ่อกับท่านรัฐมนตรีสุขุมเจ้านายพ่อจะไปถึงที่นั่นอีกไม่เกินสามวันบอกแม่แกด้วยนะ..เลี้ยงลูกยังไง”ปลายเสียงบิดาตำหนิมารดาของเขา แม่เกี่ยวอะไรด้วย

     

                 “มัม ผมจะทำอย่างไรดีครับผมยังไม่อยากแต่งงาน แล้วผมก็ไม่ได้รักเธอ”

                 เขาปรึกษามารดา นางลอร่ามองเขาด้วยความเห็นใจทำไมนางจะไม่รู้ว่าลูกชายต้องมีใครอยู่ในใจ คนนั้นคงเป็นนางในฝัน

                  “ลูกเชื่อเรื่อง destinyไหมละ ถ้าเชื่อก็อย่ากังวลไปเลยถ้ายังไม่อยากแต่งก็แค่ขอเป็นหมั้นไว้ก่อน แม่จะช่วยพูดกับพ่อให้นะ” แม่ถอนใจก่อนพูดต่อ “แม่ก็ไม่เข้าใจประเพณีไทยทำไมต้องเอาตำแหน่งมาบีบบังคับ”   

                 นั่นซินะก็เธอพูดเองว่าเราแค่สนุกด้วยกันแต่แล้วเธอกลับโทรไปฟ้องท่านรัฐมนตรีบิดาของเธอให้มาบังคับพ่อของเขา แล้วเราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรถ้าชีวิตคู่จะเริ่มต้นแบบนี้ ในที่สุดเขาก็จำใจต้องหมั้นกับเธอและกลับเมืองไทยโดยไม่อยู่รอให้เธอจบการศึกษา    

                  

                 “หมั้นกันมาสองปีแล้วยัยแขก็กลับมาเป็นปีแล้วคุณยังไม่พร้อมจะแต่งอีกหรือคุณชัช”

                 บิดาของหล่อนเปิดฉากขึ้นทันทีบนโต๊ะอาหาร“ผมเคยบอกคุณแขแล้วผมยังไม่มีอะไรเลยบ้านก็ยังต้องอยู่กับพ่อ ผมเป็นแค่ข้าราชการจนๆนะครับ”                                               

                 “ก็คุณมันหยิ่งนักนี่จะช่วยวิ่งเต้นก็ไม่เอา จะเปิดบริษัทให้ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่เอา” นายสุขุมตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า “แต่ผมก็ได้แคร์หรอกนะว่าคุณจะไม่มีอะไรขอให้ลูกผมรัก แล้วผมเองก็มีพอ”

                 ในที่สุดชัชชาติก็บ่ายเบี่ยงไม่ได้นายสุขุมบอกว่าเขาจะต้องแต่งภายในปีนี้หรือไม่เกินต้นปีหน้า ก่อนที่ท่านจะหมดวาระการเป็นรัฐมนตรี ก็อีกไม่ถึงสี่เดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรแล้วภาพผู้หญิงที่มีน้ำตาเต็มตาโผเข้ามากอดเขาก็กลับมารบกวนจิตใจอีก เมื่อไรนะที่เขาจะลืมเธอผู้นั้นลืมความสุขผสมกับความรู้สึกผิดในคืนนั้นได้... กลับถึงบ้านคืนนั้นเขาก็ยังเปิดอินเตอร์เน็ทอ่านข่าวของสามีเธออีกและมองรูปที่เธอกอดลูกน้อยร้องไห้ด้วยความสงสารจับใจ

     

                  ร่างที่ไร้วิญญาณของท่านทูตพิธาน ดิลกรัตน์มาถึงเมืองไทย เขาเฝ้ามองข่าวนั้นด้วยหัวใจที่หดหู่ ลูกชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่ง บิดามารดาที่แก่ชรา ภรรยาสาวสวยกอดธิดาคนเล็กที่ไร้เดียงสา ทุกคนต่างร่ำไห้กันปานจะขาดใจ ไมค์หลายตัวจ่อไปที่ปากของเธอจนเขารู้สึกสงสาร นี่มันอะไรกันหนักหนาคนกำลังโศกเศร้ากลับมาถามความรู้สึก เขาปิดทีวีรู้สึกทนเห็นภาพนั้นไม่ได้ แล้วก็มาอ่านข่าวในอินเตอร์เน็ทต่อ ได้ทราบว่าศพของท่านจะไว้ที่วัดไหน เขายังคงลังเลจะไปหรือไม่ไปดี หรืออย่างน้อยก็ควรไปสักคืนอย่างไรเสียเขาก็เคยรู้จักกับท่าน    

     

                 พลอยพิมพ์กลับมาถึงเมืองไทยพร้อมลูกน้อยและร่างที่ไร้วิญญาณของสามีอันเป็นที่รัก ตั้งแต่เธอตัดสินใจกลับไปอยู่กับเขาที่กรุงเทพจนไปอยู่อังกฤษชีวิตก็เต็มไปด้วยความสุข ลูกสองคนของเขาไปอยู่กับปู่ย่าไม่เคยมายุ่งเกี่ยวอีก ขณะท้องลูกสาวได้สี่เดือนก็ย้ายไปอังกฤษ ชีวิตที่นั่นก็เต็มไปด้วยความสุขชดเชยกับเวลาสองปีที่แทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยแล้วเธอยังกลับไปอยู่กับมารดาอีกปีกว่าที่แยกจากกัน แต่ระยะเวลาแห่งความสุขหลังจากตัดสินใจลืมเรื่องต่างๆแล้วมาอยู่ด้วยกันเพียงสามปีกว่าเขาก็จากไป ชีวิตแต่งงาน7ปีจบลง

    ด้วยการตายจาก โดยมีพยานรักคือเด็กหญิงทิวารีที่เขาฝากไว้ให้

                 พี่ชายพี่สะใภ้ทั้งสองรวมทั้งน้าชิดญาติคนเดียวที่เหลือเดินทางจากไร่มารับ ก๋งจากไปแล้วหลังจากที่แม่จากไปเพียงไม่ถึงปี เธอเพิ่งอายุ32แต่ทำไมชีวิตจึงมีแต่ความสูญเสีย พ่อแม่ปู่ย่าตายายรวมทั้งสามีล้วนจากไปหมด พี่ชายทั้งสองกอดน้องสาวคนเดียวด้วยความสงสาร มธุรสพี่สะใภ้รับลูกสาวตัวน้อยไปอุ้ม ไมค์จากสำนักข่าวต่างๆจ่อมาที่ปาก จนเพชรแท้เหลืออด

                  “เลิกสัมภาษย์สักทีได้ไหม อยากรู้ความรู้สึกนักก็รอให้สามีคุณตายก่อนดีไม๊”

                  แล้วทั้งหมดก็ตามรถที่นำร่างของพิธานไปที่วัด พลอยพิมพ์ไม่ทำอะไรเลยเธอได้แต่นั่งเลื่อนลอยเหมือนคนไร้วิญญาณอยู่ในศาลา ลูกน้อยช่างไร้เดียงสานักได้แต่วิ่งเล่นกับพี่ชายและพี่สาวซึ่งเป็นลูกของเพชรแท้และเพิ่มทอง

     

                  ในคืนสวดคืนที่สองคนที่เธอไม่คาดคิดก็มาปรากฏตัว จากหนุ่มน้อยในวันนั้นบัดนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวผิวขาวจัดบวกกับความสูงของเขาทำให้ดูโดดเด่นกว่าใคร 5ปีแล้วซินะที่เธอไม่เคยได้รับข่าวคราวของเขา หลังเข้าไปเคารพศพสามีของเธอ เขาก็เดินเข้ามาหา

                  “ผมเสียใจด้วยนะครับพี่พลอย”

                 พลอยพิมพ์รับไหว้แล้วกล่าวขอบคุณ น้ำเสียงและสีหน้าที่จริงใจและอาทรไม่เปลี่ยนแปลงจนพลอยอยากร้องไห้โฮออกมา ทำไมนะทำไมคุณต้องมาอาทรฉันด้วย

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น