[Ultraman x Keroro gunso] แสงแห่งความหวังทั้งห้า อัลฟ่าสควอต
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเหล่ากองร้องเคโรโระได้รับพลังจากมนุษย์ยักษ์โบราณ ที่ถูกสร้างโดยชาวเคโรนโบราณ
ผู้เข้าชมรวม
3,860
ผู้เข้าชมเดือนนี้
35
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ ห้วงจักรวาลแห่งหนึ่ง
จักรวาลที่มีดาวเคราะห์มากมายหลายขนาดล่องลอยอยู่เต็มไปหมด
ดาวเคราะห์แต่ละดวงนั้นต่างมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดคือมากมาย
บางดาวก็มีสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการจากแมลง
บางดาวก็มีสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมาจากงู
บางดาวก็มีสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมาจากสุนัข แต่มีอยู่บางดาวเคราะห์ที่แตกต่างออกไป
ดาวดวงนั้นก็ได้ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดและเป็นภัยต่อจักรวาลที่สุด
ชื่อของดาวดวงนั้นก็คือ....ดาวเคโรน
ชาวดาวเคโรนนั้นได้มีการวิวัฒนาการมาจากกบ
ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งบกครึ่งน้ำและดูแล้วน่าจะอ่อนแอที่สุด แต่ชาวดาวเคโรนไม่ได้เป็นแบบนั้น
พวกเขานั้นมีความฉลาดมากและอันตรายกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นเสียอีก และนั้นทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ
จนพวกเขาสามารถสร้างยานอวกาศที่ล้ำหน้าที่สุดออกมาได้สำเร็จ
และหลังจากที่พวกเขาได้สร้างยานอวกาศนั้น พวกเขาก็ได้พัฒนายานอวกาศโดยติดตั้งยุปโทปกรณ์ที่ล้ำหน้าที่สุดไว้และทยานสู่ทะเลแห่งอวกาศ
เพียงไม่นานพวกเขาก็ได้สร้างกองยานรบขึ้นมามากมายและด้วยความคึกคะนองของพวกเขานี้เอง
ชาวเคโรนจึงตัดสินใจที่จะประกาศศักดาของตนออกมาว่า 'พวกจะทำการรุกรานเต็มตัว'
และในไม่ช้าพวกเขาก็ได้นำกองยานรบมากมายออกโจมตีดาวเคราะห์อื่นๆ
ทันที การรุกรานล่าอาณานิคมตามดาวเคราะห์ต่างๆ นั้น เป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งนัก
เพราะชาวเคโรนนั้นมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด
จากเครื่องบินรบก็สามารถเปลี่ยนร่างเป็นหุ่นยนต์รบติดตั้งอาวุธได้หลากหลายขึ้น
จากรถถังที่ขับได้เฉพาะบนดินก็สามารถเปลี่ยนเป็นเรือดำน้ำได้ด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาเหล่านั้นช่างเป็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ยิ่งนัก
จนกระทั่งวันนึง ณ ดาวอาเทเมี่ยน ดวงดาวที่อุดสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ
แต่ก็ไม่วายที่จะถูกพวกเราบุกรุกราน ในขณะที่ชาวดาวเคโรนกำลังรุกรานอยู่นั้น
ก็ได้มีการโต้กลับของลำแสงประหลาดที่สามารถทำลายยานรบขนาดใหญ่ได้ เพียงไม่นานก็มีร่างของมนุษยักษ์สีแดงผู้หนึ่งบินมาปรากฏตัวต่อหน้ากองยานรบอันเกรียงไกรของพวกเขาและเขาก็ได้เอ่ยนามของตัวเองออกว่า......
‘ฉันคือนักรบจากดินแดนแห่งแสง! อุลตร้าแมนมาเอล! จงหยุดการรุกรานดาวดวงเดี๋ยวนี้!
ไม่งั้นข้าจะจัดการพวกแกให้หมดเดี๋ยวนี้’
มนุษย์ยักษ์สีแดงตนนั้นได้กล่าวออกมาอย่างไม่หวั่นเกรงต่อพวกเขาเลยแม้แต่นิด
แต่มีงั้นหรือที่พวกเขาจะยอมหยุด..พวกชาวเคโรนไม่ตอบกลับและทำการเล็งปืนใหญ่ทุกกระบอกโจมตีไปที่มนุษย์ยักษ์หรืออุลตร้าแมนมาเอลทันที
ส่วนเจ้ามนุษย์ยักษ์หรืออุลตร้าแมนมาเอลได้บินหลบลำแสงจากกระบอกปืนใหญ่ที่พุ่งมาหาตนพร้อมกับยิงลำแสงโต้กลับ
เขาเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับกองยานรบของพวกเขาจนเสียหายมากกว่าครึ่ง.....แต่ท้ายที่สุดมนุษย์ยักษ์ผู้นั้นก็ได้ถูกสังหารโดยทหารชาวเคโรนเพียงห้านายเท่านั้น
หลังจากนั้นทางเบื้องบนเล็งเห็นประโยชน์ในพลังอำนาจของมนุษย์ยักษ์ผู้นั้น
พวกเขาจึงได้สั่งให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ของพวกเขาสกัดพลังของมนุษย์ยักษ์ผู้นั้นออกมาเพื่อสร้างทหารและเหล่านักวิทยาศาสตร์ก็ได้สกัดพลังทั้งหมดออกมาและนำเนื้อเยื่อของมนุษย์ออกมาสร้างร่างต่อสู้
โดยมีทหารห้านายที่เป็นผู้สังหารมนุษย์ผู้นั้นเป็นตัวทดลอง
จนพวกเขาได้สร้างทหารมนุษยักษ์ห้าตัวแรกออกมาโดยมี ซิกฟรีด
บามอท ยามิคาเกะ เอนเวียสและซาโบลท์
บามอท คือมนุษย์ยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความสามารถในการใช้อาวุธโจมตีระยะไกลได้ทุกชนิด
เป็นมนุษย์ยักษ์ที่เน้นสู้ด้วยการโจมตีระยะไกลเป็นหลัก
ยามิคาเกะ คือมนุษย์ยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเน้นความสามารถในโจมตีไปที่ความรวดเร็วเป็นหลัก
รวมถึงทักษะใช้ดาบนินจาในการฟาดฟันกับศัตรู
และยังสามารถใช้วิชาของหน่วยแอซซาซินได้อย่างชำนาญ
ซาโบลท์ คือมนุษย์ยักษ์ที่มีความสามารถรอบด้าน
ทั้งความฉลาดและแข็งแกร่งที่สมดุลกันอย่างมาก
แต่พลังที่แท้จริงคือการใช้คลื่นเสียงและปล่อยพลังงานสายฟ้าในการโจมตีเป็นวงกว้าง
เอนเวียส คือมนุษย์ยักษ์ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพมากกว่ามนุษยักษ์ทั้งสี่
และยังมีความสามารถในการปล่อยพลังงานที่สะสมในร่างออกทางปากในรูปแบบลำแสงโจมตีและสามารถดัดแปลงรูปแบบการยิงลำแสงได้ตามความสามารถของผู้ใช้
มนุษย์ยักคนสุดท้าย ซิกฟรีด คือมนุษย์ยักษ์ที่มีความสมดุลทางกายภาพและความเร็ว
แม้พลังของเขาอาจจะด้อยกว่ายามิคาเกะกับเอนเวียส
แต่ก็ทดแทนด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและทักษะการใช้อาวุธสู้ระยะประชิด
และนั้นจึงทำให้ซิกฟรีดนั้นเป็นมนุษย์ยักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
ส่วนการเปลี่ยนร่างเป็นทหารมนุษย์ยักษ์ของทั้งห้านั้น
ทางทีมหน่วยพัฒนาอาวุธได้สร้างอุปกรณ์กระตุ้นการกลายร่างเป็นมนุษย์ยักษ์ออกมาห้าอัน
ส่วนแต่ละอุปกรณ์ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
หลังจากที่การสร้างมนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าสำเร็จ
ทางเบื้องบนของกองทัพเคโรนจึงให้พวกเขาทั้งห้าไปเป็นแนวหน้าในการรุกรานรุกรานดวงดาวต่างๆ และผลที่ออกมานั้นเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
การรุกรานโดยใช้มนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
เพียงแค่คนเดียวก็สามารถทลายทัพศัตรูให้ราบคาบภายในไม่กี่อึดใจ
แต่นี้มีถึงห้าคนทำให้การรุกรานนั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก
จนกระทั่งทางเบื้องบนได้มีการออกคำสั่งให้มีการสร้างกองทหารมนุษย์ยักเทียมขึ้นมาอีกร้อยตัว
แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจทำอย่างนั้นได้เพราะการสร้างมนุษย์เทียมนั้น
จำเป็นต้องสกัดพลังจากแกนพลังงานหรือสิ่งที่พวกเราเรียกคือคัลเลอร์ ไทม์เมอร์
ซึ่งทางทีมวิจัยได้สกัดจากศพของอุลตร้าแมนมาเอลออกมาหมดแล้ว
จากนั้นโครงการผลิตอุลตร้าแมนเทียมจึงถูกระงับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะได้ศพของมนุษย์ยักษ์เพิ่ม
และในการรุกรานครั้งล่าสุดนั้น กองทัพเคโรนได้บุกไปยังกลุ่มดาวคิเมร่า ณ
ดาวที่ชื่อว่า ดาวซาราซ่า ระบบดาวที่มีแต่ทะเลทรายซะส่วนใหญ่
ในการรุกรานครั้งนี้
กองทัพเคโรนได้พบกับมนุษย์ยักษ์สองคนมาขวาง
พวกเราจึงได้ถามพวกเขาว่า 'พวกท่านทั้งสองเป็นใครกัน?'
มนุษยักษ์คนแรกที่มีสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกนั้นได้กล่าวออกมาว่า ‘ข้ามาจากดาว U-40 (ยูโฟตี้) อุลตร้าแมน ไครอส’ ส่วนมนุษย์ยักษ์ร่างกายสีฟ้าแทบสีดำคนก็ได้กล่าวตอบกลับอีกคนว่า ‘ส่วนข้ามาจากดาว O-50 (โอฟิฟตี้)
อุลตร้าแมน ไดมอนต์’
มนุษย์ยักษ์ทั้งสองนั้นเตรียมตั้งท่าจู่โจมใส่พวกเขา
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาทั้งสองจะเริ่มสู้
พวกเขาทั้งสองก็ต้องพบกับทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพ
เหล่ามนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าหรืออัลฟ่าสควอต ทั้งห้าพุ่งเข้าโจมตีใส่ทั้งสองอย่างไม่ปราณี
ไครอสและไดมอนต์ทำได้แต่ตั้งรับเท่านั้น แต่ท้ายสุดแล้วทั้งสองก็หนีไม่พ้นความตาย
ไครอสถูกบามอทยิงลำแสงจากอาวุธประจำตัวพุ่งเข้าใส่ที่ขาทั้งสอง
และตามด้วยยามิคาเกะที่ทำการใช้ดาบนินจาพุ่งฟันร่างของไครอสขาดเป็นสองท่อน
ส่วนไดมอนต์ก็ถูกซาโบลใช้กระแสไฟฟ้าช็อตใส่ร่างจนอ่อนแรงลงไป
จากนั้นเอนเวียสได้ใช้โอกาสนี้
พุ่งหมัดต่อยใส่เข้ากลางอกใต้คัลเลอร์ไทม์เมอร์และคงทำแบบนี้ไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะการวางแผนของซิกฟรีดที่เป็นหัวหน้า
หลังจากที่ทั้งห้าได้สังหารมนุษยักษ์ทั้งสองลงแล้ว
ยานเก็บกู้ซากก็ได้บินมาและทำการเก็บซากร่างของทั้งสอง
และเตรียมขับยานกลับไปยังยานแม่
แต่ไม่ทันที่จะได้ไปตัวยานก็ถูกลำแสงปริศนายิงใส่จนระเบิดเป็นจุล
ทำให้ทั้งกองทัพมองไปยังจุดที่ลำแสงปริศนาพุ่งมา
และแล้วพวกเขาก็ได้พบกับกองทัพมนุษย์ยักษ์ที่มีสัญลักษ์เหมือนกับอุลตร้าแมนทั้งสามที่พวกเขาได้สังหาร
รวมกันราวๆ ร้อยกว่าคน ที่กำลังบินมาและมาหยุดต่อหน้าพวกเรา
มนุษย์ยักษ์เหล่านี้มากจากที่เดียวกับที่อุลตร้าแมนทั้งสามมา (ในฉากนี้พวกอุลตร้าแมนจาก
O-50 อาจจะมาแค่สิบหรือน้อยกว่านั้น)
และครั้งนี้ก็นำมาโดยมนุษย์ยักษ์ที่เรียกตัวเองว่า เจ้าพ่ออุลตร้าและเหล่าพี่น้องอุลตร้าทั้งหก
ซิกฟรีดและเหล่ามนุษยักษ์ทั้งสี่ไม่รอช้าทะยานขึ้นสู่ฟ้าและเปิดฉากสงครามกับกองทัพมนุษย์ยักษ์ทันที
กองทัพชาวเคโรนเองก็ทำการระดมยิงใส่เช่นกันพร้อมกับปล่อยหุ่นรบเข้าประจัญบานเช่นกัน
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็ได้เปลี่ยนท้องนภาสีครามกลายเป็นสีแดงฉานทันที
การรบของทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป
แต่สิ่งที่เด่นที่สุดในสงครามนี้ก็คงจะไม่พ้นการต่อสู้ของมนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าตนที่กำลังไล่สังหารเหล่ามนุษย์ยักษ์ฝ่ายข้าศึกอย่างไม่ปราณี
ร่างของมนุษย์ยักษ์มากมายพร้อมกับยานรบของชาวเคโรนก็ร่วงหล่นสู่พื้นทรายไม่หยุดไม่หย่อน
เจ้าพ่ออุลตร้าหรืออุลตร้าแมนเคนและเหล่าหกพี่น้องอุลตร้าก็ได้ทำการพุ่งเข้าปะทะกับพวกมนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าทันที
ฝีมือของพวกเขาทั้งสองฝ่ายนั้นถือสูสีเป็นอย่างมาก
แต่ท้ายสุดแล้วพวกเขาก็ต้องสิโรราบต่อพลังของพวกเขาทั้งห้าคน
ซิกฟรีดที่ยืนมองเจ้าพ่ออุลตร้าที่กำลังพยายามลุกขึ้นมาสู้กับเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
เขาได้กระชากเขาของเจ้าพ่ออุลตร้า และบินขึ้นมาชูขึ้นเพื่อเตรียมปลิดชีพ
เพื่อแสดงถึงชัยชนะที่กำลังจะมาถึง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มลงมือ
แขนของซิกฟรีดก็ถูกลำแสงบางอย่างตัดขาดออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เหล่ามนุษย์ยักษ์เทียมทั้งห้าและทหารชาวเคโรนต่างพากันตกตะลึง
ทุกคนในสนามรบทั้งหมดหันไปยังจุดที่มีลำแสงเกิดขึ้น
แสงเหล่านั้นรวมตัวกันจนเกิดเป็นร่างมนุษยักษ์ตนหนึ่ง
ที่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่พวกชาวเคโรนได้เห็น และนามของมนุษยักษ์ตนนั้นคือ ‘อุลตร้าแมนคิง’ ซิกฟรีดและมนุษย์ยักษ์เทียมทั้งสี่
ได้พุ่งเข้าโจมตีใส่มนุษย์ยักษ์ผู้นั้นด้วยความโกรธ
แต่ภายในชั่วพริบตาทั้งห้าก็ถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย
อุลตร้าแมนคิงได้ขอเปิดการเจรจาขอสงบศึกและยุติการรุกรานกับกองทัพชาวเคโรน
เบื้องบนที่ได้ดูผลการรบในศึกนี้จึงเต็มใจที่จะทำข้อตกลง
ทำให้กองทัพชาวเคโรนนั้นต้องยอมทยอยทัพกลัลพร้อมกับศพของเหล่าทหารที่ตายในสนามรบกลับไปยังดาวบ้านเกิด เหล่ามนุษย์ยักษ์ก็พาช่วยห่ามศพพรรคพวกของตนกลับไปยังดาวบ้านเกิดเช่นกัน
ส่วนร่างของพวกซิกฟรีดนั้นได้หายไปอย่างไร่ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
บางคนก็ว่าพวกเขาทั้งห้าได้สลายหายไปเพราะพลังของอุลต้าแมนคิงที่สังหาร
บ้างก็ว่าพวกเขายังรอดและหนีไปอยู่ดาวเคราะห์ที่ห่างไกลเพื่อหนีความอัปยศ
แต่ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตาม
มีแต่ข้าเท่านั้น.....ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งห้า ทำไมเหรอ?......เพราะข้าคือผู้สร้างทั้งห้าไง
บันทึกการรุกรานของชาวเคโรน
ลงชื่อผู้เขียน บุรูรุ
หัวหน้าโครงการ อัลฟ่าสควอต
ปี 2020
“กองร้อยเคโรโระ! มุ่งหน้าสู่กลุ่มดาวคิเมร่า! ไปยังโบราณสถานแห่งดาวซาราซ่า! และนำอาวุธของชาวเคโรนโบราณกลับยึดดาวเพโคปอง!”
“โอ้วววว!!!”x6
(อันนี้เพลงเปิดเรื่องนะครับ5555)
ผลงานอื่นๆ ของ namphudit ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ namphudit
ความคิดเห็น