ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามีส้มหล่น

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ ๗/๒ หวั่นไหวแล้วสินะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 304
      10
      19 ก.ย. 61

            รถของชาลิญาพุ่งตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาล คนขับสาวนั้นร้อนรนกระวนกระวายใจเหลือเกิน เมื่อเธอไปถึงก็พอๆ กับที่คนเจ็บถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อย หญิงสาวจึงได้แต่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้อง ท่ามกลางการ์ดหนุ่มที่คอยสัประกบรวมสามนาย แต่ละคนแม้จะตีสีหน้าเรียบเฉย หากในใจก็กระหวัดห่วงทั้งคนเจ็บและคุณหนูที่นั่งไม่ติด

            เวลาเลยผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง นายแพทย์ประจำผู้ป่วยก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ พร้อมบอกกล่าวว่าคนเจ็บนั้นปลอดภัย มีเพียงรอยแผลเล็กน้อยบริเวณศีรษะ และผ่านการตรวจอย่างละเอียดแล้ว ว่าไม่มีเลือดคลั่งหรือการกระทบกระเทือนใดๆ ขอแค่ให้พักฟื้นสักคืนเพื่อดูอาการโดยรวม บ่ายๆ ของวันพรุ่งนี้ คงกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

            ปลายเท้าเล็กบางของคุณหนูใหญ่ ยืนอยู่ห้องพักฟื้นระดับวีไอพี ซึ่งคนเจ็บด้านในนั้นเป็นสามีป้ายแดงของตัวเอง เพิ่งผ่านคืนเข้าหอด้วยกันมาหมาดๆ มือบางทาบเข้ากับบานประตู ขณะดวงตากลมๆ มองผ่านช่องสีเหลี่ยมเข้าไป เห็นคนตัวโตนอนหลับตาพริ้ม เธอก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่นานนักก็มีมือนุ่มๆ ของใครบางคนแตะเข้าที่ไหล่

            “พี่นิ่มไม่เข้าไปล่ะคะ” ชาลินาถาม ก่อนจะเปรยเสียงเรียบ “ถึงเขาจะไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แต่เราควรจะแสดงน้ำใจ ในฐานะภรรยา เข้าไปนั่งส่งแรงใจให้เขาบ้าง พี่นิ่มว่าจริงไหมคะ”

            คนเพิ่งมาถึงหลังจากทราบข่าวยิ้มบางๆ ส่งให้

            “เฮ้อ...ห่วงนะ แต่ไม่แสดงออก ก็ไม่ต่างจากคนใจร้ายนะคะ”

            “เนย...ไปเข้าข้างเขาตั้งแต่เมื่อไร” คนเป็นพี่ว่า พยายามทำหน้าบึ้งๆ ใส่

            “คนเรานะ ยืนดูอยู่หน้าห้องมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เข้าไปด้านในก็ไม่รู้”

     ชาลินาแสร้งเปรยเสียงเรียบ ใบหน้าอยู่ระหว่างกึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม แล้วเป็นฝ่ายดันบานประตูให้เปิดกว้าง ผลักร่างอ้อนแอ้นเข้าไป ไม่ลืมยัดกระเช้าดอกไม้ ที่ถือมาใส่มือของพี่สาว แล้วเอ่ยด้วยประกายตาขำๆ “ฝากเยี่ยมคุณเดวิดด้วยนะคะ เนยไปล่ะ มีนัดดินเนอร์กับหนุ่มๆ” คนบอกยกปลายนิ้วส่ายให้เล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายลิ่วๆ ออกไป ปล่อยให้ดวงตากลมสีชาของชาลิญา จ้องมองอยู่ที่กระเช้าดอกกุหลาบสีเหลืองอ่อน

            ลมหายใจหนักๆ ถูกสูดเข้าปอดจนเต็ม ขณะปลายเท้าเล็ก ขยับไปใกล้เตียงคนป่วยด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก เธอต้องส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความตื่นเต้นที่โหมกระหน่ำเข้ามาจนพาลให้แข้งขานั้นปัดเป๋ ความมั่นใจซึ่งเป็นคุณสมบัติของคุณหนูใหญ่ มันหลบมุมหายไป ตอนนี้ทุกอย่างที่รวมเป็นเธอ ฉาบไว้เพียงความกริ่งเกรงที่จะเข้าใกล้เขา

            หญิงสาวต้องทำสมาธิไม่น้อย แล้ววางกระเช้าดอกไม้ไว้ที่โต๊ะข้างเตียง พร้อมลากเก้าอี้ขนาดเล็กมานั่งใกล้ๆ เผลอสำรวจกรอบหน้าสากระคายที่เรียบนิ่ง ปากหยักยังคงซีดจางและมีรอยแตกนิดๆ ศีรษะอวดผมสีน้ำตาลนุ่ม ถูกผ้าสีขาวพันเอาไว้ดังเช่นวันแรกที่พบเจอกัน ขณะที่แตะมือเขา ใจก็พลันยังคงเต้นตึกตัก เพียงได้สัมผัสเขาเบาๆ ราวกับมีไฟฟ้าขนาดแสนโวลต์วิ่งพล่านไปทั่วร่าง แต่เมื่อจับมือคนตัวโตไว้แน่น เธอก็รู้สึกว่านาทีนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน

            “คุณคือใครกันนะ”

    ปากจิ้มลิ้มครางถามแผ่วๆ ดวงตาคู่งามยังคงจับจ้องสามีส้มหล่นของตัวเองไม่วางตา “ถ้าคุณจำตัวเองได้ว่าคือใคร คุณจะโกรธฉันไหมคะ คุณจะเกลียดฉันไหม ที่ฉันอุปโลกน์เรื่องราวความรักระหว่างเราขึ้นมา...” ริมฝีปากที่เริ่มสั่นเทานั้นถูกผู้เป็นเจ้าของกัดไว้เบาๆ “ฉันขอร้อง...หากคุณจำทุกอย่างได้...กรุณาอย่าเกลียดฉันนะคะ”

            ขณะเอ่ยปากยาวเหยียด ใบหน้าที่เคยมั่นใจ ก็ถูกฉาบเอาไว้ด้วยความรู้สึกผิด หญิงสาวนั่งบีบมือคนเจ็บอยู่อย่างนั้น วาดหวังให้เขารู้สึกตัวโดยเร็ว เวลานี้เธอทำได้เพียงนั่งรอเท่านั้น กระทั่งปลายนิ้วของคนเจ็บเริ่มกระตุกนิดๆ คนดีใจจึงออกแรงเขย่า พร้อมร้องเรียกด้วยเสียงและแววตาที่ปิดอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด

            “คุณ! เป็นยังไงบ้าง”

    เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งของมาเฟียหนุ่มค่อยๆ ขยับปรือขึ้นทีละนิด วินาทีแรกที่เห็นคนนั่งเฝ้า ความรู้สึกยินดีลึกๆ มันซึมซับเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนร่างของคนตัวโตจะดีดเด้งลุกขึ้นนั่ง คว้าแขนเล็กด้วยความแผ่วเบา พร้อมถามด้วยสุ้มเสียงติดจะร้อนรน “นิ่ม คุณเป็นยังไงบ้าง พายุนั่นมันทำอันตรายคุณหรือเปล่า”

            “เอ่อ...ฉัน...” สาวมั่นเกิดอาการตะกุกตะกัก เมื่อมองเห็นความห่วงใยของเขา

            “นี่คุณ ฉันไม่เป็นอะไร แล้วคุณไปที่สนามฝึกซ้อมอาวุธทำไมไม่ทราบ ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นสักหน่อย” หญิงสาวแสร้งดึงอารมณ์โมโหมากลบเกลื่อนรอยแดงฝาดที่เริ่มพาดผ่านแก้มเนียน หากเห็นเขาทำหน้ายุ่งใส่ จึงต้องเปลี่ยนวาจากะทันหัน “เอ่อ...ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ดูคุณสิ ต้องเจ็บตัวเพราะฉัน ขอโทษนะคะ”

            “ผมไม่เป็นไร”

    หากเอ่ยปากไปแล้ว ชายหนุ่มต้องนิ่วหน้า เพราะอาการปวดตุบๆ ของศีรษะจนต้องเย็บไปสามเข็มนั้นกำเริบ

            “แน่นะคะ”

            “ครับ แล้วนี่ผม...อยู่ที่ไหน”

    คนถามกวาดตามองรอบๆ เห็นสายน้ำเกลือระโยงระยาง คิ้วเข้มๆ ก็ยิ่งวิ่งเข้าชนกันโครมใหญ่ แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายจากร่างเล็กว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ พร้อมแสร้งเปรยอย่างออดอ้อน “ที่ผมเจ็บตัวแบบนี้ เพราะผมเป็นห่วงนิ่มมากนะครับ” นัยน์ตาคม แอบอ้อยอิ่งอยู่กับกลีบปากรั้นที่เต้นระริก ปลายนิ้วเรียวลูบไล้แขนบางไปมา

    “รู้ไหมฮึ! ว่าผมรู้สึกยังไง หัวใจของผม” มือแกร่งเคลื่อนจับมือนุ่มมาวางไว้บนหน้าอกด้านซ้าย

    “รู้ไหมหัวใจของผมมันร้อนรนเพียงใด หากนิ่มเป็นอะไรไป ผมคง...”

            “เอ่อ...ฉันไม่เป็นอะไรสักหน่อย”

    ชาลิญารีบรั้งมือเล็กออกจากมือใหญ่โดยเร็ว “ว่าแต่คุณเจ็บตรงไหนอีกบ้าง ฉันจะได้เรียกหมอมาดูอาการ”

            “เป็นห่วงผมเหรอ...” คนถามทำตาเยิ้มใส่

            “ไม่ห่วงหรอก คนเซ่อซ่า ป้อมยามอยู่ของมันดีๆ ไม่ทราบว่าขับรถไปชนทำไมคะ”

    หญิงสาวแกล้งลอยหน้าลอยตา ต่อว่าฉอดๆ แต่เมื่อเจอแววตาตัดพ้อของคนตัวโต จึงแสร้งฉีกยิ้มอ่อนหวาน ทั้งๆ ที่ในใจแอบค่อนขอดเขาไปหลายยก นึกอยากจะหาอะไรมาฟาดสามีจำเป็นคนนี้ยิ่งนัก แต่เมื่อเห็นเขาต้องมาเจ็บเพราะตัวเองเป็นสาเหตุ ความรู้สึกผิดมันก็จู่โจมหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าเธอจะทานทนเสน่ห์ของเขาได้จนถึงเมื่อไร เพราะตอนนี้ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคือชายในฝันของตัวเองยังไงยังงั้น จะรอดไหมนะ ชาลิญา!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×