ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ ๖ แมว (ยัง) พยศ (๑)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 610
      4
      2 ก.ย. 59

    ถอัลฟาโรเมโอสีดำจำนวนสามคัน พร้อมผู้โดยสารนับสิบชีวิต ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์คาร์มิโออย่างช้าๆ หลังจากวิ่งไปรับผู้เป็นนายที่จุดเกิดเหตุ กระทั่งตามติดไปจนถึงโรงพยาบาล ในเมื่อผู้มีชีวิตรอดไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก คนมีอำนาจก็เลยสั่งการให้ยกโขยงกันกลับมา นั่นหมายรวมถึงร่างระหงของใครบางคนที่ยังสลบไม่ได้สติ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล ฟาบริชสั่งให้แพทย์ประจำตัวเช็กอย่างละเอียด และได้รับคำยืนยันแล้วว่าหญิงสาวไม่ได้รับบาดแผลตรงส่วนไหนของอณูเนื้อ แค่หมดสติไปเพราะความตกใจเท่านั้น

    เพียงรถจอดสนิท จอห์น มาร์ดิที่เพิ่งกลับมาจากปีการ์ดีก็เร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาหา เมื่อเห็นคนเป็นนายอุ้มใครบางคนออกมาจากตัวรถก็เสนอตัวช่วยด้วยความหวังดี แต่กลับถูกดวงตาสีเพอร์ริดอตตวัดรังสีอำมหิตจ้องเขม็ง

    “นายไม่ต้องยุ่ง ฉันจัดการเองได้” บอกแค่นั้นก็ก้าวขายาวๆ เข้าคฤหาสน์ พร้อมกับโอบอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมอกอย่างหวงแหน ท่ามกลางสายตาของการ์ดนับสิบชีวิตที่มองตามเป็นตาเดียว

    ดอม เคิร์ทรีบเยื้องย่างมาประชิดคู่หูพร้อมน้ำเสียงเยาะหยันโพล่งขึ้น

    “นายช่างไม่รู้อะไรเลยนะไอ้บิ๊ก”

    หนุ่มไซซ์ใหญ่หันมาถลึงตาใส่ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ ปล่อยให้ดอมได้แต่ยักไหล่แล้วก้าวตามไปติดๆ

    เมื่อทั้งคู่เดินเข้าสู่ด้านในก็แทบอยากจะกระโดดกอดคอกันแล้วกลั้นใจตาย เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเพอร์ริดอตของนายใหญ่ที่จ้องเขม็งด้วยแววตาแข็งกร้าว สองหนุ่มต่างไซซ์ก้มหน้าทำความเคารพ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาว่ากันว่าบุตรชายร้ายกาจขนาดไหน คนเป็นพ่อมักคูณด้วยสองยกกำลังสี่ และดูท่าทางจะเป็นเช่นนั้นเสียด้วย

    เฟร์บริช คาร์มิโอจ้องเขม็งไปยังการ์ดส่วนตัวของคนเป็นลูก ก่อนจะพยักหน้าให้คนทั้งคู่เดินตามเข้าห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกล สองหนุ่มหันไปมองมือขวาของประธานใหญ่แทบจะพร้อมๆ กัน หากแต่พ่อของดอมกลับยกมือให้ บ่งบอกว่างานนี้ไม่สามารถช่วยอะไรใครได้ แม้คนนั้นจะเป็นลูกในไส้ก็เถอะ

    ผัวะ! ผัวะ!

    ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา สองหนุ่มก็โดนกำปั้นหนักๆ คนละหมัด เป็นการตำหนิที่หนักเอาการทีเดียว ลิ่มเลือดเล็กๆ ถึงได้ผุดออกจากมุมปากของคนทั้งคู่ แน่นอนลูกเหี้ยมแค่ไหน พ่อต้องมากกว่าเป็นร้อยเท่า เพราะไม่อย่างนั้นตระกูลคาร์มิโอคงไม่กุมอำนาจมืดของยุโรปตะวันตกมานานนมหรอก

    “พวกนายสองคนทำให้ฉันผิดหวัง”

    เสียงเครียดเข้มเปล่งออกมาดังลั่นห้อง โทสะเดือดดาลทะลุถึงขีดสุดจนเลือดร้อนๆ ขึ้นหน้า

    “รู้บ้างไหม ถ้าไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันตายไป ทุกอย่างจะพังพินาศขนาดไหน”

    สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมยอมรับผิด ใบหน้านั้นเรียกหาเลือดแทบไม่มี ซีดเซียวยิ่งกว่ากระดาษเอสี่

    “พวกเราขอโทษครับ”

    “ฉันอยากจะยิงกบาลแกทั้งสองคนทิ้งจริงๆ”

    สบถแค่นั้นก็กลอกตาขึ้นสูง ยกมือเป็นเชิงไล่ ดอมและจอห์นหันมามองหน้ากัน ก่อนจะก้าวออกจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่อย่างเงียบๆ ถือว่าโทษทัณฑ์ที่ได้รับนั้นน้อยมากทีเดียว ความจริงแล้วพวกเขาทั้งคู่สมควรลงไปพบยมบาลโดยที่ไม่สามารถร้องขอชีวิตใดๆ ได้เลย

    “แกทำฉันเกือบตายนะดอม” จอห์นอดไม่ได้ที่จะหันไปแขวะ

    “โทษทีว่ะ สงสัยฉันคงต้องจัดการมือระเบิดอย่างจริงๆ จังๆ แล้วสินะ” ดอมรำพันออกมาแผ่วๆ แล้วเอ่ยต่อ “เรามาลองกันสักตั้งดีไหมวะ”

    “ลองอะไรวะ”

    “ถ้าใครจับมือระเบิดได้ก่อน ก็จะเป็นฝ่ายชนะ งานนี้เดิมพันด้วยแอสตันมาร์ติน”

    ดอม เคิร์ทเอ่ยขึ้น แอสตันมาร์ตินที่ว่าก็คือรถประจำตำแหน่งของตัวเองและเพื่อนสนิท จอห์นทำตาวาวอยากจะปฏิเสธแต่ก็กลัวจะเสียเชิงชาย ท้ายสุดจึงทำได้แค่ยักไหล่พร้อมเอ่ยสำทับ

    “แน่นอน รถของแกมันคงต้องเป็นของฉัน”

    “ฝันไปเถอะ!

    ท้าทายกันแค่นั้น ทั้งคู่ก็ก้าวยาวๆ ตรงดิ่งไปสั่งงานกับคนของตัวเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ชักชวนกันเดินตรงขึ้นสู่ชั้นสองของคฤหาสน์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังปีกขวาของตึก และทันทีที่มาถึงจุดหมาย ดอมก็เคาะประตูหนักๆ สองครั้งแล้วเปิดเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต

    ในห้องขนาดหนึ่งร้อยตารางวา เต็มไปด้วยเครื่องตกแต่งที่ค่อนข้างมีราคาแพง สมฐานะมาเฟียหนุ่มแห่งยุโรป สองหนุ่มยืนนิ่งอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นไม่กล้าชะเง้อหน้าเข้าไปมองภายในห้องนอนที่คนเป็นนายยังคงไม่ก้าวออกมา หลังจากอุ้มร่างเพรียวบางของใครบางคนเข้าไปในนั้น

    ผ่านไปสักพักใหญ่ฟาบริช คาร์มิโอถึงได้เดินหน้าเครียดออกมาจากห้องนอน หย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ยกมือขึ้นกุมขมับนานทีเดียวถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นรอยแตกบริเวณมุมปากของลูกน้อง

    “พ่อของฉันนี่โหดชะมัด เล่นซะปากแกสองคนเลือดตก”

    “พวกเราสมควรโดนครับ” สองหนุ่มโพล่งออกมาพร้อมเพรียงกัน

    “แค่นี้ไม่เจ็บเท่าไร ว่าแต่เจ้านายไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่าครับ” ดอมรีบบอกพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

    ฟาบริชพยักหน้าน้อยๆ ยกยิ้มให้ในความห่วงใยของลูกน้องหนุ่มที่มีให้เสมอ เรื่องนี้คงต้องโทษตัวเองด้วยซ้ำไปที่ไม่ฟังคำเตือนตั้งแต่แรก จนเป็นเหตุให้มีคนสูญเสียชีวิต

    “ฉันยังไม่ตายหรอก เลิกห่วงเถอะ นายสองคนสบายใจได้ ฉันรอดูนายทั้งคู่ตายก่อน”

    ได้ยินเช่นนั้นสองบอดี้การ์ดต่างไซซ์ก็หันมาสบตากันแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้ม

    “เก็บกวาดให้เรียบร้อย นายทั้งคู่รู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไง”

    “พวกเราทราบครับ รับรองด้วยชีวิต”

    “แล้วคุณผู้หญิง...”

    จอห์นโพล่งออกมายังไม่จบประโยค หนุ่มไซซ์เล็กก็ยกฝ่ามือตบแผ่นหลังค่อนข้างแรง ในขณะที่ฟาบริชหันมองมาพอดิบพอดี ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วมองเข้าไปด้านในห้องนอนของตัวเองด้วยสายตาห่วงใยโดยที่ไม่รู้ตัว

    “แคทเทอรีนเกือบตายเพราะฉัน ถ้าหากไม่มีเขา ป่านนี้ฉันคง...”

    เอ่ยด้วยน้ำเสียงทดท้อ แต่ชั่วครู่ก็ผละลุกจากโซฟาแล้วยืดตัวขึ้นสูง ทอดสายตาผ่านกระจกโปร่งแสงมองทัศนียภาพเบื้องล่าง ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มของดอกลาเวนเดอร์ ดวงตาที่เคร่งเครียดจึงค่อยๆ คลายกังวล แล้วน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น

    “พวกนายกลับไปทำงานเถอะ จัดการเรื่องมือวางระเบิดให้เรียบร้อย จับมันมาให้ฉันตัวเป็นๆ ฉันจะค่อยๆ กรีดเนื้อมันทีละนิด ให้มันตายอย่างทรมาน...ช้าๆ”

    บอดี้การ์ดทั้งสองคนก้มหน้า ตอบรับแทบจะพร้อมเพรียงกัน

    “พวกเราจะทำอย่างสุดความสามารถครับ”

    สิ้นเสียงที่เอ่ยอย่างแข็งขัน ทั้งสองคนก็หมุนกายออกจากห้องคนเป็นนายอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มได้อยู่กับลูกแมวสาวที่สิ้นฤทธิ์เพียงลำพัง เมื่อประตูห้องปิดสนิท ขายาวๆ ก็ตรงไปยังห้องนอน ยืนพิงกรอบประตูแล้วจ้องมองร่างเล็กที่หลับปุ๋ยด้วยความรู้สึกหลากหลาย นาทีนี้ฟาบริชไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×