คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ ๖ แมว (ยัง) พยศ (๑)
รถอัลฟาโรเมโอสีดำจำนวนสามคัน
พร้อมผู้โดยสารนับสิบชีวิต ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์คาร์มิโออย่างช้าๆ
หลังจากวิ่งไปรับผู้เป็นนายที่จุดเกิดเหตุ กระทั่งตามติดไปจนถึงโรงพยาบาล
ในเมื่อผู้มีชีวิตรอดไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก คนมีอำนาจก็เลยสั่งการให้ยกโขยงกันกลับมา
นั่นหมายรวมถึงร่างระหงของใครบางคนที่ยังสลบไม่ได้สติ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล
ฟาบริชสั่งให้แพทย์ประจำตัวเช็กอย่างละเอียด
และได้รับคำยืนยันแล้วว่าหญิงสาวไม่ได้รับบาดแผลตรงส่วนไหนของอณูเนื้อ
แค่หมดสติไปเพราะความตกใจเท่านั้น
เพียงรถจอดสนิท
จอห์น มาร์ดิที่เพิ่งกลับมาจากปีการ์ดีก็เร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาหา
เมื่อเห็นคนเป็นนายอุ้มใครบางคนออกมาจากตัวรถก็เสนอตัวช่วยด้วยความหวังดี
แต่กลับถูกดวงตาสีเพอร์ริดอตตวัดรังสีอำมหิตจ้องเขม็ง
“นายไม่ต้องยุ่ง
ฉันจัดการเองได้” บอกแค่นั้นก็ก้าวขายาวๆ เข้าคฤหาสน์
พร้อมกับโอบอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมอกอย่างหวงแหน
ท่ามกลางสายตาของการ์ดนับสิบชีวิตที่มองตามเป็นตาเดียว
ดอม
เคิร์ทรีบเยื้องย่างมาประชิดคู่หูพร้อมน้ำเสียงเยาะหยันโพล่งขึ้น
“นายช่างไม่รู้อะไรเลยนะไอ้บิ๊ก”
หนุ่มไซซ์ใหญ่หันมาถลึงตาใส่ก่อนจะเดินเข้าสู่ตัวคฤหาสน์
ปล่อยให้ดอมได้แต่ยักไหล่แล้วก้าวตามไปติดๆ
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าสู่ด้านในก็แทบอยากจะกระโดดกอดคอกันแล้วกลั้นใจตาย
เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเพอร์ริดอตของนายใหญ่ที่จ้องเขม็งด้วยแววตาแข็งกร้าว
สองหนุ่มต่างไซซ์ก้มหน้าทำความเคารพ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาว่ากันว่าบุตรชายร้ายกาจขนาดไหน
คนเป็นพ่อมักคูณด้วยสองยกกำลังสี่ และดูท่าทางจะเป็นเช่นนั้นเสียด้วย
เฟร์บริช
คาร์มิโอจ้องเขม็งไปยังการ์ดส่วนตัวของคนเป็นลูก
ก่อนจะพยักหน้าให้คนทั้งคู่เดินตามเข้าห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกล
สองหนุ่มหันไปมองมือขวาของประธานใหญ่แทบจะพร้อมๆ กัน หากแต่พ่อของดอมกลับยกมือให้
บ่งบอกว่างานนี้ไม่สามารถช่วยอะไรใครได้ แม้คนนั้นจะเป็นลูกในไส้ก็เถอะ
ผัวะ! ผัวะ!
ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา
สองหนุ่มก็โดนกำปั้นหนักๆ คนละหมัด เป็นการตำหนิที่หนักเอาการทีเดียว
ลิ่มเลือดเล็กๆ ถึงได้ผุดออกจากมุมปากของคนทั้งคู่ แน่นอนลูกเหี้ยมแค่ไหน
พ่อต้องมากกว่าเป็นร้อยเท่า
เพราะไม่อย่างนั้นตระกูลคาร์มิโอคงไม่กุมอำนาจมืดของยุโรปตะวันตกมานานนมหรอก
“พวกนายสองคนทำให้ฉันผิดหวัง”
เสียงเครียดเข้มเปล่งออกมาดังลั่นห้อง
โทสะเดือดดาลทะลุถึงขีดสุดจนเลือดร้อนๆ ขึ้นหน้า
“รู้บ้างไหม
ถ้าไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันตายไป ทุกอย่างจะพังพินาศขนาดไหน”
สองหนุ่มพยักหน้าพร้อมยอมรับผิด
ใบหน้านั้นเรียกหาเลือดแทบไม่มี ซีดเซียวยิ่งกว่ากระดาษเอสี่
“พวกเราขอโทษครับ”
“ฉันอยากจะยิงกบาลแกทั้งสองคนทิ้งจริงๆ”
สบถแค่นั้นก็กลอกตาขึ้นสูง
ยกมือเป็นเชิงไล่ ดอมและจอห์นหันมามองหน้ากัน
ก่อนจะก้าวออกจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่อย่างเงียบๆ
ถือว่าโทษทัณฑ์ที่ได้รับนั้นน้อยมากทีเดียว
ความจริงแล้วพวกเขาทั้งคู่สมควรลงไปพบยมบาลโดยที่ไม่สามารถร้องขอชีวิตใดๆ ได้เลย
“แกทำฉันเกือบตายนะดอม”
จอห์นอดไม่ได้ที่จะหันไปแขวะ
“โทษทีว่ะ
สงสัยฉันคงต้องจัดการมือระเบิดอย่างจริงๆ จังๆ แล้วสินะ” ดอมรำพันออกมาแผ่วๆ
แล้วเอ่ยต่อ “เรามาลองกันสักตั้งดีไหมวะ”
“ลองอะไรวะ”
“ถ้าใครจับมือระเบิดได้ก่อน
ก็จะเป็นฝ่ายชนะ งานนี้เดิมพันด้วยแอสตันมาร์ติน”
ดอม
เคิร์ทเอ่ยขึ้น แอสตันมาร์ตินที่ว่าก็คือรถประจำตำแหน่งของตัวเองและเพื่อนสนิท
จอห์นทำตาวาวอยากจะปฏิเสธแต่ก็กลัวจะเสียเชิงชาย
ท้ายสุดจึงทำได้แค่ยักไหล่พร้อมเอ่ยสำทับ
“แน่นอน
รถของแกมันคงต้องเป็นของฉัน”
“ฝันไปเถอะ!”
ท้าทายกันแค่นั้น
ทั้งคู่ก็ก้าวยาวๆ ตรงดิ่งไปสั่งงานกับคนของตัวเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
ก็ชักชวนกันเดินตรงขึ้นสู่ชั้นสองของคฤหาสน์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังปีกขวาของตึก
และทันทีที่มาถึงจุดหมาย ดอมก็เคาะประตูหนักๆ
สองครั้งแล้วเปิดเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต
ในห้องขนาดหนึ่งร้อยตารางวา
เต็มไปด้วยเครื่องตกแต่งที่ค่อนข้างมีราคาแพง สมฐานะมาเฟียหนุ่มแห่งยุโรป
สองหนุ่มยืนนิ่งอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นไม่กล้าชะเง้อหน้าเข้าไปมองภายในห้องนอนที่คนเป็นนายยังคงไม่ก้าวออกมา
หลังจากอุ้มร่างเพรียวบางของใครบางคนเข้าไปในนั้น
ผ่านไปสักพักใหญ่ฟาบริช
คาร์มิโอถึงได้เดินหน้าเครียดออกมาจากห้องนอน หย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ยกมือขึ้นกุมขมับนานทีเดียวถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาเมื่อเห็นรอยแตกบริเวณมุมปากของลูกน้อง
“พ่อของฉันนี่โหดชะมัด
เล่นซะปากแกสองคนเลือดตก”
“พวกเราสมควรโดนครับ”
สองหนุ่มโพล่งออกมาพร้อมเพรียงกัน
“แค่นี้ไม่เจ็บเท่าไร
ว่าแต่เจ้านายไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่าครับ”
ดอมรีบบอกพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ฟาบริชพยักหน้าน้อยๆ
ยกยิ้มให้ในความห่วงใยของลูกน้องหนุ่มที่มีให้เสมอ
เรื่องนี้คงต้องโทษตัวเองด้วยซ้ำไปที่ไม่ฟังคำเตือนตั้งแต่แรก
จนเป็นเหตุให้มีคนสูญเสียชีวิต
“ฉันยังไม่ตายหรอก
เลิกห่วงเถอะ นายสองคนสบายใจได้ ฉันรอดูนายทั้งคู่ตายก่อน”
ได้ยินเช่นนั้นสองบอดี้การ์ดต่างไซซ์ก็หันมาสบตากันแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้ม
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย
นายทั้งคู่รู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไง”
“พวกเราทราบครับ
รับรองด้วยชีวิต”
“แล้วคุณผู้หญิง...”
จอห์นโพล่งออกมายังไม่จบประโยค
หนุ่มไซซ์เล็กก็ยกฝ่ามือตบแผ่นหลังค่อนข้างแรง ในขณะที่ฟาบริชหันมองมาพอดิบพอดี
ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วมองเข้าไปด้านในห้องนอนของตัวเองด้วยสายตาห่วงใยโดยที่ไม่รู้ตัว
“แคทเทอรีนเกือบตายเพราะฉัน
ถ้าหากไม่มีเขา ป่านนี้ฉันคง...”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงทดท้อ
แต่ชั่วครู่ก็ผละลุกจากโซฟาแล้วยืดตัวขึ้นสูง
ทอดสายตาผ่านกระจกโปร่งแสงมองทัศนียภาพเบื้องล่าง
ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มของดอกลาเวนเดอร์ ดวงตาที่เคร่งเครียดจึงค่อยๆ คลายกังวล
แล้วน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น
“พวกนายกลับไปทำงานเถอะ
จัดการเรื่องมือวางระเบิดให้เรียบร้อย จับมันมาให้ฉันตัวเป็นๆ ฉันจะค่อยๆ
กรีดเนื้อมันทีละนิด ให้มันตายอย่างทรมาน...ช้าๆ”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนก้มหน้า
ตอบรับแทบจะพร้อมเพรียงกัน
“พวกเราจะทำอย่างสุดความสามารถครับ”
สิ้นเสียงที่เอ่ยอย่างแข็งขัน
ทั้งสองคนก็หมุนกายออกจากห้องคนเป็นนายอย่างเงียบๆ
ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มได้อยู่กับลูกแมวสาวที่สิ้นฤทธิ์เพียงลำพัง
เมื่อประตูห้องปิดสนิท ขายาวๆ ก็ตรงไปยังห้องนอน
ยืนพิงกรอบประตูแล้วจ้องมองร่างเล็กที่หลับปุ๋ยด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นาทีนี้ฟาบริชไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที
ความคิดเห็น