ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ ๕ แผนร้าย (๓)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 461
      0
      30 ส.ค. 59

    ทิศตะวันออกของโมนาโก บริเวณรอบๆ ทาวน์เฮาส์ขนาดเล็กมีบุรุษและสตรีพร้อมอาวุธครบมือยืนคุมเชิงอยู่รายล้อม มาเฟียกลุ่มเล็กอย่างฮายีน่ามีอิทธิพลในประเทศนี้เต็มตัว หากแต่หัวหน้ากลุ่มกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้กับตระกูลของคาร์มิโอที่ควบคุมยุโรปตะวันตกมาหลายชั่วอายุคน

    มาดามครับ ฟาบริช คาร์มิโอมีกำหนดเดินทางไปที่โกตดาซูร์ในอีกสองวันข้างหน้า”

    โซน่า แคมเบลล์ วัยสามสิบห้าปี ภายใต้รูปร่างงดงามและใบหน้าไร้รอยตีนกา กระตุกยิ้มที่มุมปาก สบสายตามองลูกน้องคนสนิทด้วยรอยยิ้มเย็น แผนการที่วางไว้ใกล้จะบรรลุผลสำเร็จขึ้นมาทุกที ดวงหน้าร้ายกาจหันไปจับจ้องมองภาพถ่ายของฟาบริช คาร์มิโอตาเขม็งราวกับจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ

    “ถ้าแกตายไป ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”

    เอ่ยกับภาพถ่ายนั้นด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว ค่อยๆ ใช้คัตเตอร์ที่วางอยู่ใกล้ๆ กรีดภาพของฟาบริชอย่างช้าๆ ราวกับได้เฉือนเนื้อของชายหนุ่มตัวเป็นๆ ก็ไม่ปาน ไม่นึกเสียดายในรูปร่างที่น่าหลงใหลเลยแม้แต่น้อย แน่นอนคงไม่ใช่แค่เพียงต้องการยึดอำนาจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมักมีต้นสายปลายเหตุเสมอ

    คนสนิทอย่างมาร์โคถึงกับต้องทำหน้าขยาด มองใบหน้าสวยเฉี่ยวของเจ้านายอย่างแสนเสียดาย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับหัวหน้ากลุ่มฮายีน่าแม้สักคนเดียว เพราะชื่อเสียงและอำนาจมืดในมือนั้นทำให้ความหวาดกลัวฉายชัดอยู่บนหน้าของผู้ชายทุกคนในรัฐนี้ และนานมากทีเดียวที่เจ้านายสาวไม่แยแสบุรุษใดให้เปลืองกาย อึดใจใหญ่ทีเดียวมาร์โคถึงได้ขยับปากถาม

    “แล้วเรื่องของเสือเฒ่าลอร์แกนล่ะครับ”

    โซน่ายิ้มเย็นก่อนจะเอ่ยบอก

    “เดี๋ยวฉันจัดการเอง ส่วนนายไปจัดการตามแผนได้เลยมาร์โค เมื่องานสำเร็จ ฉันจะมีรางวัลให้”

    ลูกน้องคนสนิทก้มหัวให้น้อยๆ รีบถอยออกจากห้องผู้เป็นนาย ก้าวพ้นออกมาได้ก็ถึงกับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก บอกตัวเองอยู่เสมอว่าผู้หญิงสวยมักเต็มไปด้วยยาพิษ หากฝืนหลงกินเข้าไปเมื่อไร มีแต่ตายกับตาย โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเจ้านายของเขา

    เมื่อพ้นร่างลูกน้อง โซน่า แคมเบลล์ก็ลุกจากเก้าอี้ เดินเยื้องย่างไปยังภาพถ่ายขนาดใหญ่ ในกรอบรูปกระจกนั้นมีภาพของผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำใบหน้าเรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

    “พ่อคะ ต่อไปนี้กลุ่มฮายีน่าของเราจะกลับมาผงาดอวดศักดาอีกครั้ง ลูกจะทำทุกอย่างให้ตระกูลคาร์มิโอสิ้นหวัง ลูกจะแก้แค้นให้พ่อ ลูกสัญญาค่ะ”

    คำมั่นแผ่วๆ หลุดออกจากปากอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีแดงสด ดวงตากลมๆ นั้นเริ่มแดงก่ำ ผ่านไปอึดใจเดียวหยาดน้ำร้อนๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นไห้ดังระงม หลายปีมานี้โซน่า แคมเบลล์ต้องจมอยู่กับความรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย เพราะรอบๆ กายของเธอนั้นไม่มีใครสักคนที่จะช่วยปัดเป่าความทรมานเหล่านี้ให้จางหายได้

     

     

    สี่สิบแปดชั่วโมงต่อมาหน้าบริษัทใหญ่เคเอ็มเอฟมีรถลีมูซีนสีบลอนด์จอดสนิท พร้อมบอดี้การ์ดชุดดำอีกหกคนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักมาเฟียหนุ่มอย่างฟาบริช คาร์มิโอก็ก้าวขายาวๆ พร้อมกับลูกน้องอย่างดอมที่เดินรั้งท้ายมาติดๆ วันนี้ชายหนุ่มมีกำหนดเดินทางไปยังโกตดาซูร์ เพื่อจัดการธุระสำคัญที่ไม่สามารถเลี่ยงได้

    ชายหนุ่มในชุดกางเกงสแล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตคอปกสีน้ำตาลอมเทากวาดสายตาสีเพอร์ริดอตมองบริเวณหน้าบริษัทของตัวเองโดยรอบ รู้สึกคล้ายถูกจับจ้องด้วยสายตาจากใครบางคนที่ซ่อนตัวแฝงอยู่ไม่ไกล หันมามองหน้าดอม เคิร์ทแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป

    “แน่ใจนะว่าแคทเทอรีนอยู่ที่ร้าน”

    มือขวาคนสนิทหนุ่มตีสีหน้ามั่นใจ ว่าข่าวของตัวเองแม่นยำมากทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมงเขาเพิ่งได้รับคำยืนกรานจากลูกน้องว่า ผู้หญิงของเจ้านาย ยังอยู่ที่ร้านอาหาร ไม่ได้ก้าวออกไปไหน

    “แน่ใจครับ”

    ยืนกรานด้วยน้ำเสียงแข็งขัน สบสายตากับคนเป็นนายไม่ยอมหลบ เห็นดังนั้นฟาบริชก็พยักหน้าให้ก่อนจะก้าวขึ้นรถ โดยมีบอดี้การ์ดมือดีเป็นคนขับ พร้อมกับผู้ติดตามอีกห้าคนก้าวขึ้นนั่งประจำที่ รถลีมูซีนคันหรูค่อยๆ เคลื่อนออกจากเมืองปารีสไปอย่างช้าๆ ตรงเข้าสู่ถนนสายหลักที่จะไปโกตดาซูร์ด้วยความเร็วคงที่ พ้นออกจากปารีสมาเพียงนิดเดียว คนขับรถของฟาบริชถึงกับแตะเบรกจนตัวโก่ง เมื่อมีรถเปอโยต์ 308 สีเปลือกมังคุดขับปาดหน้าและจอดขวางเส้นทางอยู่ไม่ไกลนัก

    “เกิดอะไรขึ้น” มาเฟียหนุ่มกดปุ่มการสนทนาร้องถามคนขับ อีกฝ่ายรีบรายงานด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

    “มีรถตัดหน้าเราครับเจ้านาย”

    มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง พยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างกาย กระชับปืนคู่ใจไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกจากรถด้วยท่าทีระแวงภัย เพียงพ้นตัวรถมาก็ต้องทำหน้าคล้ายอยากโขกศีรษะตัวเองชนต้นไม้ให้แดดิ้นตาย เมื่อเห็นร่างบางของใครบางคนเดินยิ้มหวานนวยนาดเข้ามาใกล้ ฟาบริชสบถคำหยาบออกมาอย่างช่วยไม่ได้

    “ให้ตายสิเคที่ คุณมาทำอะไรที่นี่” ก้าวดุ่มๆ ไปฉวยข้อมือเล็กไว้ได้ก็ร้องถาม หนำซ้ำยังจ้องมองใบหน้าหญิงสาวเขม็ง คนแอบตามมาอย่างเงียบๆ ถึงกับยิ้มแหย

    “ก็ฉันจะไปเที่ยว” โกหกออกไปด้วยดวงตาใสซื่อ

    “ไปเที่ยว...เที่ยวที่ไหน คุณขับรถกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะเคที่ อย่าให้ผมเอ่ยอะไรซ้ำสอง”

    น้ำเสียงกระด้างแฝงความไม่พอใจดังขึ้น ชี้กราดไปยังรถคันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล มือหนาดึงรั้งร่างเล็กให้เดินตาม หวังจะให้แม่ตัวดีขับรถออกไปตามคำสั่ง แต่เปล่าเลยแคทเทอรีนฮึดฮัดสะบัดออกจากการกอบกุม ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก แล้วน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำก็ร้องดัง

    “ฉันไม่กลับ ฉันจะไปกับคุณ!” หล่อนยืนกรานหนักแน่น

    “ไม่ได้!

    มาเฟียหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ปฏิกิริยานั้นทำให้ปลายเท้าเรียวเล็กจ้ำอ้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองคล้ายจับผิดกลายๆ

    “ทำไม งานที่คุณกำลังทำมันผิดกฎหมายหรือไง ฉันถึงรู้ไม่ได้ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ต้องให้ฉันไปด้วย เพราะฉันไม่ยอมถอยหลังกลับไปง่ายๆ อย่างแน่นอน”

    “ให้ตายสิเคที่”

    ดวงตาสีเพอร์ริดอตกลอกขึ้นลงไปมา สั่นศีรษะปฏิเสธอย่างไม่มีข้อแม้ แคทเทอรีนแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์

    “ก็ได้ ฉันไม่ไปกับคุณก็ได้”

    หญิงสาวบอกอย่างยอมแพ้ ยกกุญแจรถขึ้นมองแล้วแกว่งไปมา ในขณะที่ชายหนุ่มหายใจหายคอได้คล่องขึ้น แต่ก็ชั่ววินาทีเท่านั้นเมื่อหันไปสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยแผนการ

    “คุณจะทำอะไร”

    ฟาบริชโพล่งถาม แต่คำตอบก็ฉายชัด เมื่อกุญแจรถคันน้อยถูกขว้างไปไกลสุดแขน ผ่านพงไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นรายล้อมทาง ชายหนุ่มเบนสายตาหันมาจ้องมองคนมือบอนอย่างเดือดดาล

    “ฉันกลับก็ได้นะ แต่ทำไงได้ กุญแจรถไม่มี คุณจะทิ้งฉันไว้แบบนี้เหรอ มันเปลี่ยวนะคะ น่ากลัวด้วย”

    เสียงเล็กบอกอย่างมีชัย กรามของฟาบริช คาร์มิโอกระทบกันดังกึกกัก พยายามข่มอารมณ์ร้อนๆ ที่พวยพุ่งจนควันออกหู ท้ายที่สุดก็จำต้องยอมให้คนดื้อรั้นติดรถไปด้วย แต่ให้ตายสิ แม่ตัวดีกล้าไล่การ์ดของเขาหนึ่งนายให้ไปจัดการกับรถที่จอดทิ้งไว้ โดยที่ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าฮึดฮัดขัดใจ

    “เราจะไปที่ไหนกันเหรอ” นั่งมาสักพักปากเล็กๆ ก็ขยับถาม

    “โกตดาซูร์”

    เสียงห้าวบอกอย่างไม่เต็มใจ แต่คนฟังทำท่าทางตื่นเต้นจนน่าหมั่นไส้

    “ดีจัง ฉันจะได้ไปโกตดาซูร์กับเขาสักที”

    แคทเทอรีนเอียงหน้าซ้ายขวาตอบ พลางกวาดมองวิวที่รถแล่นผ่านอย่างอารมณ์ดี สักพักก็หันมาพูดกับชายหนุ่มที่ตีหน้ายักษ์ด้วยรอยยิ้มกว้าง

    “ว่าแต่คุณไปทำอะไรเหรอ ฉันไม่ยักรู้ว่าบริษัทในเครือของคุณอยู่ที่นั่นด้วย”

    คนถูกถามนั่งเงียบ หากตวัดดวงตาคู่คมมายังร่างเล็กเขม็ง

    “คุณทำอะไรบ้างคะ นอกจากกิจการค้าเพชรและก็บริหารผับ”

    เสียงเล็กยังจ้อไม่หยุด เมื่อคนข้างกายไม่ตอบ ก็หันไปมองลูกน้องของชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งและตีสีหน้าเรียบเฉยยิ่งกว่าหุ่นที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า

    “นี่นายสองคนยิ้มบ้างก็ได้ คุณฟาบริช คาร์มิโอไม่กัดหรอกน่า”

    “เงียบ!

    เสียงห้าวกระด้างของคนที่นั่งข้างๆ ดังขึ้นอย่างอดไม่ไหว คล้ายอยากจับคนเจื้อยแจ้วโยนออกไปนอกรถ ในขณะที่แคทเทอรีนปั้นสีหน้าแหยแล้วบ่นเบาๆ

    “ฉันหยุดพูดก็ได้ ไม่เห็นต้องตวาดใส่เสียงดังขนาดนั้นเลย”

    พึมพำแผ่วๆ จบประโยคก็สะบัดหน้าพรืดใส่ เบนสายตาจ้องมองเพียงวิวที่พาดผ่าน ไม่หันมามองคนที่นั่งข้างๆ เลยสักนิด กิริยานั้นทำให้มาเฟียหนุ่มถึงกับต้องลอบถอนหายใจ

    ออกนอกเมืองมาไกลทีเดียว ร่างเล็กที่นั่งอยู่ท่าเดิมถึงได้ดิ้นขยุกขยิกไปมา ทำหน้าคล้ายอยากขออะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า อดทนอยู่นานแคทเทอรีนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

    “นี่คุณ...คือฉัน...ฉันปวดฉี่ ทำไงดี แถวนี้มีปั๊มเติมน้ำมันไหม”

    ดวงหน้าเล็กชะเง้อมองหนทางข้างหน้าที่ยังไร้บ้านเรือน คนถูกถามกระตุกยิ้มก่อนจะเอ่ยบอก

    “อยู่ข้างหน้า อีกไม่ไกลหรอก อดทนได้ไหม”

    “ค่ะ ฉันจะพยายาม แต่คงไม่นานใช่ไหม”

    คนฟังได้แต่มองด้วยความสงสาร จะขำก็ขำไม่ออก จะซ้ำเติมก็ดูใจร้ายเกินไป โชคดีของแคทเทอรีน เพราะไม่ถึงสิบนาที รถลีมูซีนสีบลอนด์ก็เคลื่อนเข้าสู่ปั๊มน้ำมันก่อนจะชะลอจอดสนิท ร่างเล็กของหญิงสาวรีบก้าวออกจากรถแทบไม่ทัน แต่ก้าวเพียงไม่กี่เมตรก็หันมาตะโกนบอก

    “คุณฟาบริช คุณรออยู่นี่นะ ฉันไปแป๊บเดียว ไม่นานหรอก”

    บอกแค่นั้นก็วิ่งพรวดพราดเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนข้างหลังได้แต่กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเงียบๆ นั่งคอยคนก่อเรื่องให้ปวดหัวด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนใดๆ อีก ในขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสี่คนซึ่งนั่งอยู่ภายในรถก็ก้าวเข้าห้องน้ำอีกฝั่งเช่นกัน ผ่านไปสักพักมาเฟียหนุ่มถึงได้เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อคนหลบไปเข้าห้องน้ำไม่กลับมาสักทีก็นึกห่วง ขายาวๆ ถึงได้ก้าวออกมาจากตัวรถและกวาดสายตามองโดยรอบ เห็นอะไรบางอย่างผิดปกติถึงได้ก้าวขาตรงไป แต่ก็ช้ากว่าแม่ตัวดีที่วิ่งออกจากห้องน้ำ มาคว้าหมับไว้ที่ท่อนแขน

    “ฉันกลับมาแล้ว ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะ เราไปกันเถอะค่ะ” บอกแค่นั้นร่างระหงก็ดึงรั้งมาเฟียหนุ่มก้าวไปยังตัวรถ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถลีมูซีนที่จอดอยู่เกิดไฟลุกท่วม แล้วตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น

    ตูม!

    เปลวไฟสีแดงพุ่งขึ้นสูง ฟาบริช คาร์มิโอรีบดึงรั้งร่างเล็กให้ออกห่างทันทีที่ได้ยินเสียงผิดปกติ แต่ช้าไปเมื่อแรงอัดของระเบิดกระเด็นมาโดนร่างระหง จนแคทเทอรีนเซถลาและล้มพับไป ในขณะที่คนขับรถจบชีวิตลงอย่างอนาถ บอดี้การ์ดที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำรีบตรงดิ่งมาหาคนเป็นนาย พร้อมคำถามที่แสนห่วงใยดังระงม ในขณะที่อ้อมแขนของมาเฟียหนุ่มกำลังโอบอุ้มร่างเล็กของแคทเทอรีนที่หมดสติด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือหนาลูบไล้ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่แน่นิ่งไปด้วยความห่วงใย พร้อมความโกรธที่วิ่งขึ้นเป็นริ้วๆ อย่างน่าสะพรึงกลัว กรามทั้งสองข้างขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ลูกน้องที่รอดชีวิตได้แต่ยกมือกุมขมับก่อนจะกดโทรศัพท์รายงานเข้าสำนักงานใหญ่ในปารีส พร้อมเรียกรถพยาบาลให้มาที่เกิดเหตุโดยด่วน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×