คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ ๕ แผนร้าย (๓)
ทิศตะวันออกของโมนาโก บริเวณรอบๆ
ทาวน์เฮาส์ขนาดเล็กมีบุรุษและสตรีพร้อมอาวุธครบมือยืนคุมเชิงอยู่รายล้อม
มาเฟียกลุ่มเล็กอย่างฮายีน่ามีอิทธิพลในประเทศนี้เต็มตัว
หากแต่หัวหน้ากลุ่มกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้กับตระกูลของคาร์มิโอที่ควบคุมยุโรปตะวันตกมาหลายชั่วอายุคน
“มาดามครับ ฟาบริช
คาร์มิโอมีกำหนดเดินทางไปที่โกตดาซูร์ในอีกสองวันข้างหน้า”
โซน่า
แคมเบลล์ วัยสามสิบห้าปี ภายใต้รูปร่างงดงามและใบหน้าไร้รอยตีนกา
กระตุกยิ้มที่มุมปาก สบสายตามองลูกน้องคนสนิทด้วยรอยยิ้มเย็น แผนการที่วางไว้ใกล้จะบรรลุผลสำเร็จขึ้นมาทุกที
ดวงหน้าร้ายกาจหันไปจับจ้องมองภาพถ่ายของฟาบริช
คาร์มิโอตาเขม็งราวกับจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
“ถ้าแกตายไป
ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
เอ่ยกับภาพถ่ายนั้นด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว
ค่อยๆ ใช้คัตเตอร์ที่วางอยู่ใกล้ๆ กรีดภาพของฟาบริชอย่างช้าๆ
ราวกับได้เฉือนเนื้อของชายหนุ่มตัวเป็นๆ ก็ไม่ปาน
ไม่นึกเสียดายในรูปร่างที่น่าหลงใหลเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนคงไม่ใช่แค่เพียงต้องการยึดอำนาจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมักมีต้นสายปลายเหตุเสมอ
คนสนิทอย่างมาร์โคถึงกับต้องทำหน้าขยาด
มองใบหน้าสวยเฉี่ยวของเจ้านายอย่างแสนเสียดาย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับหัวหน้ากลุ่มฮายีน่าแม้สักคนเดียว
เพราะชื่อเสียงและอำนาจมืดในมือนั้นทำให้ความหวาดกลัวฉายชัดอยู่บนหน้าของผู้ชายทุกคนในรัฐนี้
และนานมากทีเดียวที่เจ้านายสาวไม่แยแสบุรุษใดให้เปลืองกาย
อึดใจใหญ่ทีเดียวมาร์โคถึงได้ขยับปากถาม
“แล้วเรื่องของเสือเฒ่าลอร์แกนล่ะครับ”
โซน่ายิ้มเย็นก่อนจะเอ่ยบอก
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง
ส่วนนายไปจัดการตามแผนได้เลยมาร์โค เมื่องานสำเร็จ ฉันจะมีรางวัลให้”
ลูกน้องคนสนิทก้มหัวให้น้อยๆ
รีบถอยออกจากห้องผู้เป็นนาย ก้าวพ้นออกมาได้ก็ถึงกับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
บอกตัวเองอยู่เสมอว่าผู้หญิงสวยมักเต็มไปด้วยยาพิษ หากฝืนหลงกินเข้าไปเมื่อไร
มีแต่ตายกับตาย โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเจ้านายของเขา
เมื่อพ้นร่างลูกน้อง
โซน่า แคมเบลล์ก็ลุกจากเก้าอี้ เดินเยื้องย่างไปยังภาพถ่ายขนาดใหญ่
ในกรอบรูปกระจกนั้นมีภาพของผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำใบหน้าเรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม
ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“พ่อคะ
ต่อไปนี้กลุ่มฮายีน่าของเราจะกลับมาผงาดอวดศักดาอีกครั้ง
ลูกจะทำทุกอย่างให้ตระกูลคาร์มิโอสิ้นหวัง ลูกจะแก้แค้นให้พ่อ ลูกสัญญาค่ะ”
คำมั่นแผ่วๆ
หลุดออกจากปากอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีแดงสด ดวงตากลมๆ นั้นเริ่มแดงก่ำ
ผ่านไปอึดใจเดียวหยาดน้ำร้อนๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นไห้ดังระงม
หลายปีมานี้โซน่า แคมเบลล์ต้องจมอยู่กับความรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย เพราะรอบๆ
กายของเธอนั้นไม่มีใครสักคนที่จะช่วยปัดเป่าความทรมานเหล่านี้ให้จางหายได้
สี่สิบแปดชั่วโมงต่อมาหน้าบริษัทใหญ่เคเอ็มเอฟมีรถลีมูซีนสีบลอนด์จอดสนิท
พร้อมบอดี้การ์ดชุดดำอีกหกคนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักมาเฟียหนุ่มอย่างฟาบริช
คาร์มิโอก็ก้าวขายาวๆ พร้อมกับลูกน้องอย่างดอมที่เดินรั้งท้ายมาติดๆ
วันนี้ชายหนุ่มมีกำหนดเดินทางไปยังโกตดาซูร์
เพื่อจัดการธุระสำคัญที่ไม่สามารถเลี่ยงได้
ชายหนุ่มในชุดกางเกงสแล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตคอปกสีน้ำตาลอมเทากวาดสายตาสีเพอร์ริดอตมองบริเวณหน้าบริษัทของตัวเองโดยรอบ
รู้สึกคล้ายถูกจับจ้องด้วยสายตาจากใครบางคนที่ซ่อนตัวแฝงอยู่ไม่ไกล
หันมามองหน้าดอม เคิร์ทแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“แน่ใจนะว่าแคทเทอรีนอยู่ที่ร้าน”
มือขวาคนสนิทหนุ่มตีสีหน้ามั่นใจ
ว่าข่าวของตัวเองแม่นยำมากทีเดียว
เพราะก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมงเขาเพิ่งได้รับคำยืนกรานจากลูกน้องว่า ‘ผู้หญิงของเจ้านาย’ ยังอยู่ที่ร้านอาหาร
ไม่ได้ก้าวออกไปไหน
“แน่ใจครับ”
ยืนกรานด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
สบสายตากับคนเป็นนายไม่ยอมหลบ เห็นดังนั้นฟาบริชก็พยักหน้าให้ก่อนจะก้าวขึ้นรถ
โดยมีบอดี้การ์ดมือดีเป็นคนขับ พร้อมกับผู้ติดตามอีกห้าคนก้าวขึ้นนั่งประจำที่
รถลีมูซีนคันหรูค่อยๆ เคลื่อนออกจากเมืองปารีสไปอย่างช้าๆ
ตรงเข้าสู่ถนนสายหลักที่จะไปโกตดาซูร์ด้วยความเร็วคงที่
พ้นออกจากปารีสมาเพียงนิดเดียว คนขับรถของฟาบริชถึงกับแตะเบรกจนตัวโก่ง
เมื่อมีรถเปอโยต์
308 สีเปลือกมังคุดขับปาดหน้าและจอดขวางเส้นทางอยู่ไม่ไกลนัก
“เกิดอะไรขึ้น”
มาเฟียหนุ่มกดปุ่มการสนทนาร้องถามคนขับ อีกฝ่ายรีบรายงานด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“มีรถตัดหน้าเราครับเจ้านาย”
มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง
พยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างกาย กระชับปืนคู่ใจไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ
ก้าวออกจากรถด้วยท่าทีระแวงภัย
เพียงพ้นตัวรถมาก็ต้องทำหน้าคล้ายอยากโขกศีรษะตัวเองชนต้นไม้ให้แดดิ้นตาย
เมื่อเห็นร่างบางของใครบางคนเดินยิ้มหวานนวยนาดเข้ามาใกล้ ฟาบริชสบถคำหยาบออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ให้ตายสิเคที่
คุณมาทำอะไรที่นี่” ก้าวดุ่มๆ ไปฉวยข้อมือเล็กไว้ได้ก็ร้องถาม
หนำซ้ำยังจ้องมองใบหน้าหญิงสาวเขม็ง คนแอบตามมาอย่างเงียบๆ ถึงกับยิ้มแหย
“ก็ฉันจะไปเที่ยว”
โกหกออกไปด้วยดวงตาใสซื่อ
“ไปเที่ยว...เที่ยวที่ไหน
คุณขับรถกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะเคที่ อย่าให้ผมเอ่ยอะไรซ้ำสอง”
น้ำเสียงกระด้างแฝงความไม่พอใจดังขึ้น
ชี้กราดไปยังรถคันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล มือหนาดึงรั้งร่างเล็กให้เดินตาม
หวังจะให้แม่ตัวดีขับรถออกไปตามคำสั่ง
แต่เปล่าเลยแคทเทอรีนฮึดฮัดสะบัดออกจากการกอบกุม ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก
แล้วน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำก็ร้องดัง
“ฉันไม่กลับ
ฉันจะไปกับคุณ!” หล่อนยืนกรานหนักแน่น
“ไม่ได้!”
มาเฟียหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
ปฏิกิริยานั้นทำให้ปลายเท้าเรียวเล็กจ้ำอ้าวเข้ามาใกล้
ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองคล้ายจับผิดกลายๆ
“ทำไม
งานที่คุณกำลังทำมันผิดกฎหมายหรือไง ฉันถึงรู้ไม่ได้
ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ต้องให้ฉันไปด้วย เพราะฉันไม่ยอมถอยหลังกลับไปง่ายๆ
อย่างแน่นอน”
“ให้ตายสิเคที่”
ดวงตาสีเพอร์ริดอตกลอกขึ้นลงไปมา
สั่นศีรษะปฏิเสธอย่างไม่มีข้อแม้ แคทเทอรีนแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่ม
ก่อนจะยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์
“ก็ได้
ฉันไม่ไปกับคุณก็ได้”
หญิงสาวบอกอย่างยอมแพ้
ยกกุญแจรถขึ้นมองแล้วแกว่งไปมา ในขณะที่ชายหนุ่มหายใจหายคอได้คล่องขึ้น
แต่ก็ชั่ววินาทีเท่านั้นเมื่อหันไปสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยแผนการ
“คุณจะทำอะไร”
ฟาบริชโพล่งถาม
แต่คำตอบก็ฉายชัด เมื่อกุญแจรถคันน้อยถูกขว้างไปไกลสุดแขน
ผ่านพงไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นรายล้อมทาง
ชายหนุ่มเบนสายตาหันมาจ้องมองคนมือบอนอย่างเดือดดาล
“ฉันกลับก็ได้นะ
แต่ทำไงได้ กุญแจรถไม่มี คุณจะทิ้งฉันไว้แบบนี้เหรอ มันเปลี่ยวนะคะ น่ากลัวด้วย”
เสียงเล็กบอกอย่างมีชัย
กรามของฟาบริช คาร์มิโอกระทบกันดังกึกกัก พยายามข่มอารมณ์ร้อนๆ
ที่พวยพุ่งจนควันออกหู ท้ายที่สุดก็จำต้องยอมให้คนดื้อรั้นติดรถไปด้วย แต่ให้ตายสิ
แม่ตัวดีกล้าไล่การ์ดของเขาหนึ่งนายให้ไปจัดการกับรถที่จอดทิ้งไว้
โดยที่ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าฮึดฮัดขัดใจ
“เราจะไปที่ไหนกันเหรอ”
นั่งมาสักพักปากเล็กๆ ก็ขยับถาม
“โกตดาซูร์”
เสียงห้าวบอกอย่างไม่เต็มใจ
แต่คนฟังทำท่าทางตื่นเต้นจนน่าหมั่นไส้
“ดีจัง
ฉันจะได้ไปโกตดาซูร์กับเขาสักที”
แคทเทอรีนเอียงหน้าซ้ายขวาตอบ
พลางกวาดมองวิวที่รถแล่นผ่านอย่างอารมณ์ดี
สักพักก็หันมาพูดกับชายหนุ่มที่ตีหน้ายักษ์ด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ว่าแต่คุณไปทำอะไรเหรอ
ฉันไม่ยักรู้ว่าบริษัทในเครือของคุณอยู่ที่นั่นด้วย”
คนถูกถามนั่งเงียบ
หากตวัดดวงตาคู่คมมายังร่างเล็กเขม็ง
“คุณทำอะไรบ้างคะ
นอกจากกิจการค้าเพชรและก็บริหารผับ”
เสียงเล็กยังจ้อไม่หยุด
เมื่อคนข้างกายไม่ตอบ ก็หันไปมองลูกน้องของชายหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งและตีสีหน้าเรียบเฉยยิ่งกว่าหุ่นที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า
“นี่นายสองคนยิ้มบ้างก็ได้
คุณฟาบริช คาร์มิโอไม่กัดหรอกน่า”
“เงียบ!”
เสียงห้าวกระด้างของคนที่นั่งข้างๆ
ดังขึ้นอย่างอดไม่ไหว คล้ายอยากจับคนเจื้อยแจ้วโยนออกไปนอกรถ
ในขณะที่แคทเทอรีนปั้นสีหน้าแหยแล้วบ่นเบาๆ
“ฉันหยุดพูดก็ได้
ไม่เห็นต้องตวาดใส่เสียงดังขนาดนั้นเลย”
พึมพำแผ่วๆ
จบประโยคก็สะบัดหน้าพรืดใส่ เบนสายตาจ้องมองเพียงวิวที่พาดผ่าน
ไม่หันมามองคนที่นั่งข้างๆ เลยสักนิด
กิริยานั้นทำให้มาเฟียหนุ่มถึงกับต้องลอบถอนหายใจ
ออกนอกเมืองมาไกลทีเดียว
ร่างเล็กที่นั่งอยู่ท่าเดิมถึงได้ดิ้นขยุกขยิกไปมา
ทำหน้าคล้ายอยากขออะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า
อดทนอยู่นานแคทเทอรีนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“นี่คุณ...คือฉัน...ฉันปวดฉี่
ทำไงดี แถวนี้มีปั๊มเติมน้ำมันไหม”
ดวงหน้าเล็กชะเง้อมองหนทางข้างหน้าที่ยังไร้บ้านเรือน
คนถูกถามกระตุกยิ้มก่อนจะเอ่ยบอก
“อยู่ข้างหน้า
อีกไม่ไกลหรอก อดทนได้ไหม”
“ค่ะ
ฉันจะพยายาม แต่คงไม่นานใช่ไหม”
คนฟังได้แต่มองด้วยความสงสาร
จะขำก็ขำไม่ออก จะซ้ำเติมก็ดูใจร้ายเกินไป โชคดีของแคทเทอรีน เพราะไม่ถึงสิบนาที
รถลีมูซีนสีบลอนด์ก็เคลื่อนเข้าสู่ปั๊มน้ำมันก่อนจะชะลอจอดสนิท
ร่างเล็กของหญิงสาวรีบก้าวออกจากรถแทบไม่ทัน
แต่ก้าวเพียงไม่กี่เมตรก็หันมาตะโกนบอก
“คุณฟาบริช
คุณรออยู่นี่นะ ฉันไปแป๊บเดียว ไม่นานหรอก”
บอกแค่นั้นก็วิ่งพรวดพราดเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้คนข้างหลังได้แต่กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเงียบๆ นั่งคอยคนก่อเรื่องให้ปวดหัวด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
อีก
ในขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสี่คนซึ่งนั่งอยู่ภายในรถก็ก้าวเข้าห้องน้ำอีกฝั่งเช่นกัน
ผ่านไปสักพักมาเฟียหนุ่มถึงได้เลิกคิ้วขึ้นสูง
เมื่อคนหลบไปเข้าห้องน้ำไม่กลับมาสักทีก็นึกห่วง ขายาวๆ ถึงได้ก้าวออกมาจากตัวรถและกวาดสายตามองโดยรอบ
เห็นอะไรบางอย่างผิดปกติถึงได้ก้าวขาตรงไป
แต่ก็ช้ากว่าแม่ตัวดีที่วิ่งออกจากห้องน้ำ มาคว้าหมับไว้ที่ท่อนแขน
“ฉันกลับมาแล้ว
ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะ เราไปกันเถอะค่ะ”
บอกแค่นั้นร่างระหงก็ดึงรั้งมาเฟียหนุ่มก้าวไปยังตัวรถ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เมื่อรถลีมูซีนที่จอดอยู่เกิดไฟลุกท่วม แล้วตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น
ตูม!
เปลวไฟสีแดงพุ่งขึ้นสูง
ฟาบริช คาร์มิโอรีบดึงรั้งร่างเล็กให้ออกห่างทันทีที่ได้ยินเสียงผิดปกติ
แต่ช้าไปเมื่อแรงอัดของระเบิดกระเด็นมาโดนร่างระหง จนแคทเทอรีนเซถลาและล้มพับไป ในขณะที่คนขับรถจบชีวิตลงอย่างอนาถ
บอดี้การ์ดที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำรีบตรงดิ่งมาหาคนเป็นนาย
พร้อมคำถามที่แสนห่วงใยดังระงม
ในขณะที่อ้อมแขนของมาเฟียหนุ่มกำลังโอบอุ้มร่างเล็กของแคทเทอรีนที่หมดสติด้วยความรู้สึกหลากหลาย
มือหนาลูบไล้ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่แน่นิ่งไปด้วยความห่วงใย พร้อมความโกรธที่วิ่งขึ้นเป็นริ้วๆ
อย่างน่าสะพรึงกลัว กรามทั้งสองข้างขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน
ลูกน้องที่รอดชีวิตได้แต่ยกมือกุมขมับก่อนจะกดโทรศัพท์รายงานเข้าสำนักงานใหญ่ในปารีส
พร้อมเรียกรถพยาบาลให้มาที่เกิดเหตุโดยด่วน
ความคิดเห็น