[Fanfic Captain
America : Civil war](Stony) Feeling(Steve)
*[คำเตือน
มีการสปอยเนื้อเรื่องและ
อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากในภาพยนต์หรือดัดแปลงคำพูดเล็กน้อยเนื่องจากจำไม่ได้หมด]*
สงคราม...เกิดมาจากความขัดแย้ง
สงคราม...เกิดมาจากความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน
สงคราม...อาจเกิดขึ้นได้จากเรื่องเพียงเล็กน้อย
ของกลุ่มคนมีอำนาจ
.
.
.
.
ทุกอย่างมันเริ่มมาจาก...ข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
ข้อตกลงโซโคเวีย
ข้อตกลงระหว่างเหล่าอเวนเจนส์กับรัฐบาล
เพื่อให้พวกเราปฏิบัติภารกิจต่างๆในความดูแลของรัฐบาล
และจำกัดอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ใต้กฎหมาย
ลดอิสระในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้มีความสูญเสียน้อยที่สุด
นั่นคือ...ข้อตกลง
ข้อตกลง...ที่ผมปฏิเสธมันทันทีที่ได้ยิน
ไม่ยอมรับมันเด็ดขาด
และนั่น...ทำให้ผมกับโทนี่
สตาร์คยืนอยู่คนละฝั่งกันอีกครั้ง
และนั่นทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ต้องยืนอยู่คนละข้างกับเขาอีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เปลี่ยนใจที่เลือกไม่เซ็นข้อตกลงที่ว่านั้น
ผมไม่อยากให้ทีมอเวนเจอร์ต้องถูกจำกัดอิสระในการปฏิบัติงาน
ผมต้องการให้ทีมมีอิสระในการออกปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือผู้คนมากกว่าที่ต้องนั่งรอคำสั่งจากรัฐบาลให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่
ผมคงเห็นแก่ตัวมากสินะที่คิดถึงแต่ความคิดข้อนี้
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยืนยันที่จะไม่เซ็นข้อตกลงนั่น
และทุกอย่างมันยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อผู้คนกล่าวหาว่าบัคกี้
เพื่อนของผมเป็นคนวางระเบิดที่เวียนนา เขาถูกตามล่า
ผมไม่ยอมให้เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อหรอก
ผมจึงตามไปช่วยเขาก่อนที่รัฐบาลจะส่งกองกำลังมาจับตัวเขาที่ไร้ซึ่งความคิดในคดีนี้
สำหรับผม บัคกี้คือเพื่อนคนเดียวที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เพื่อนที่ค่อยอยู่เคียงข้างกันตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก
ดังนั้นผมจึงไม่อยากจะเสียบัคกี้ไป
แต่ในที่สุด ผมก็ทำพลาด บัคกี้ถูกจับไป...และสตาร์ค...เขาให้ความร่วมมือในการตามจับบัคกี้ด้วย
แต่เขาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
แต่ผมรู้...เขาไม่ค่อยอยากจะทำตามสักเท่าไหร่เลย
ผมรู้นิสัยของสตาร์คดี เขารักอิสระ มากกว่าใครทั้งนั้น ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์
ผมเลยรู้สึกประหลาดใจที่เขาเลือกที่จะอยู่ในกฎที่กักขังอิสระของเขา
ยอมที่จะสร้างข้อตกลงที่จำกัดพื้นที่ของเขา เขามีเหตุผลอะไร เขามีเหตุผลของเขาแน่ๆเพียงแต่พวกเราเดาไม่ออกก็เท่านั้นเอง
สตาร์คพยายามเกลี่ยกล่อมผมให้เซ็นข้อตกลงนั่นอีกครั้ง
เขาเกือบจะโน้มน้าวผมสำเร็จอยู่แล้วถ้าผมไม่เอ๊ะใจว่าทำไมแวนด้าถึงไม่อยู่ที่นี่
สตาร์คกักบริเวณเธอให้อยู่ในฐานโดยมีวิชชั่นเป็นผู้คุม...เขาอ้างถึงความปลอดภัยของเธอ
แต่ผมคิดว่าเขาต้องการที่จะกักขังเธอไม่ให้ไปก่อความวุ่นวายที่ไหน
นั่นทำให้ผมโหโมมากและเดินหนีสตาร์คไป
ผมยอมรับว่าผมโหโมสตาร์คมาก
เขาเห็นแก่ภาพลักษณ์ของทีมอเวนเจอร์มากกว่าคนในทีมว่าจะรู้สึกยังไง
เขาทำข้อตกลงโดยที่ไม่ปรึกษาใครเลยสักคน ผมไม่ชอบที่เขาคิดเองคนเดียวโดยไม่ปรึกษาใคร
ทำไมเขาถึงไม่ไว้ใจพวกเราสักที ไม่ไว้ใจผมสักที เมื่อไหร่นิสัยที่คิดแค่ตัวเองคนเดียวของเขาจะหายสักที
พวกเราจะมีทีมไปเพื่ออะไรถ้าเขาไม่ยอมพูดให้พวกเราฟัง
แต่ความคิดของผมก็ดึงกลับมาสนใจบัคกี้อีกครั้ง
เมื่อนักประเมินจิตที่ถูกเชิญมาประเมินบัคกี้ได้เข้ามาคุยกับเขา
ผมดีใจนะที่บัคกี้บอกว่าตัวเขาชื่อบัคกี้ ชื่อที่ผมใช้เรียกเขา
เขาดูเหมือนว่าจะจำผมได้ นั่นทำให้ผมมีความสุขมากที่จะได้เห็นเพื่อนกลับมาอีกครั้ง
กลับมาอยู่ข้างๆผมอีกครั้ง
แต่แล้วชารอน
หลานของเพ็กกี้อดีตคนรักของผมก็เริ่มเอ๊ะใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นแผนล่อให้บัคกี้ออกมาจากที่ซ่อนของเขาและมาอยู่ในที่ที่ยากต่อการหนี
แล้วไฟฟ้าก็ดับลง
ด้วยความหวั่นใจที่มีทำให้ผมรีบวิ่งลงไปชั้นที่ชารอนได้บอกว่าบัคกี้อยู่ที่ไหนในตึกนี้
หวังให้บัคกี้ปลอดภัย
แต่ผมก็ต้องตกใจ...นักประเมินจิตคนนั้น
เขาควบคุมบัคกี้ได้!
ผมรู้สึกปวดใจที่ต้องเห็นเพื่อนของผมทำร้ายคนอื่น
ทั้งที่จริงๆแล้วบัคกี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำด้วยซ้ำ
นั่นทำให้เขารู้สึกโกรธที่คนคนนั้นทำให้บัคกี้ต้องเป็นแบบนี้
เขาก็วิลสันจึงต้องพาบัคกี้หนีก่อนที่องค์กรจะมาจับบัคกี้ไปรับโทษที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น
บัคกี้ยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่เขาโดนควบคุมจากประโยคคีย์เวิร์ดและเรื่องที่มีวินเทอร์โซเยอร์อีก5คนรอการปลุกในฟื้นจากการหลับใหลโดยผู้คนได้ควบคุมบัคกี้
นักประเมินจิตตัวปลอมคนนั้น พวกเขาต้องเดินทางไปไซบีเรีย
ฐานลับที่สร้างวินเทอร์โซเยอร์ขึ้น แต่ด้วยกำลังคนแค่นี้
ผมไม่คิดว่าเราจะไปถึงไซบีเรียได้แน่ๆ พวกเราต้องการทีม
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่าย
มันไม่ง่ายเลยที่ต้องมาอยู่อยู่คนละฝั่ง...กับคนในทีม คนที่เป็นพวกพ้อง
ผมกับสตาร์คยืนจ้องหน้ากัน เขาพยายามบอก บอกให้ผมหยุด ผมก็พยายามที่จะบอกเขาว่า บัคกี้ไม่ใช่คนร้าย
มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่เขาก็ไม่ฟังผมเช่นเดียวกับที่ผมไม่ฟังเขา
เราสองคนต่างไม่ฟังกัน สงครามเล็กๆระหว่างพวกเราจึงได้เริ่มต้นขึ้น
พวกเราต่อสู้กัน...เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ยังดีที่สนามบินตอนนี้ไม่มีคนอยู่ พวกเราจึงต่อสู้กันได้สะดวก
แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเอาชีวิตกันจริงๆ
พวกเราสู้กันเหมือนว่าแค่ต้องการจะหยุดฝ่ายตรงข้าม
และผมกับบัคกี้ที่ต้องการจะหนีไปที่ไซบีเรียก่อนที่คนร้ายตัวจริงจะทำในสิ่งที่ต้องการสำเร็จ
“คุณทำให้ทีมเราแตก
แคป!”
“ทีมแตกตั้งแต่คุณเซ็นสัญญานั่น
สตาร์ค”
ผมรู้สึกเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น
สตาร์คชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะซัดผมเข้าที่ใบหน้า ผมพูดจาทำร้ายจิตใจเขา
ผมแค่ต้องการจะตอกหน้าเขากลับด้วยคำพูดเท่านั้น แต่แทนที่จะรู้สึกดีนั่นกลับทำให้ผมรู้สึกแย่มากกว่าเดิม
แต่ผมหยุดไม่ได้...
ในที่สุดผมกับบัคกี้ก็หนีออกมาได้...โดยการทิ้งทีมไว้ข้างหลัง...และผู้พันโร้ด ผมไม่ได้หันกลับไปมองเลย แต่ผมรู้...รู้สึกแย่ รู้สึกแย่ไปหมด บัคกี้บีบไหล่ผมเบาๆ ผมโชคดีที่ยังมีบัคกี้อยู่ข้างๆ แต่ผู้พันโร้ด...เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของสตาร์คแบบเดียวกันกับผมและบัคกี้ ผมรู้สึกเสียใจแทนเขาที่ทำให้เขาเกือบจะเสียเพื่อนไป
แต่ยังไง...ผมก็ต้องไปต่อ
หลายชั่วโมงต่อมา
ผมกับบัคกี้ก็ถึงฐานลับของโซเวียตที่ไซบีเรีย
ประตูที่เปิดค้างไว้ทำให้รู้ว่า...ฝ่ายนั้นมาถึงแล้ว
ผมกับบัคกี้จึงเข้าไปอย่างระมัดระวัง นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนสมัยก่อน
ในเวลาที่เราทำงานกันเป็นทีม ผมรู้สึก...มีความสุข
และยิ่งมีความสุขเข้าไปอีกเมื่อสตาร์คโผล่มา
เขาเข้าใจผมแล้วว่าทำไมผมถึงได้พาบัคกี้หนี แต่ใบหน้าของสตาร์ค
เขาดูเหนื่อยๆยังไงไม่รู้
หรือผมจะคิดไปเองเมื่อเขาลดหน้ากากลงมาปิดบังใบหน้าของเขา
บารอน
ซีโม่..คนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เขาอยู่ตรงนั้น...ข้างหลังกำแพงนั่น
แต่น่าเจ็บใจที่พวกเราเข้าไปจับเขาไม่ได้
แต่แผนของเขาไม่ใช่การปลุกวินเทอร์โซเยอร์ที่หลับใหลอยู่
แต่เขากลับฆ่าพวกนั่นหมดแทน นั่นทำให้ผมสับสนว่าตกลงเขาต้องการอะไรกันแน่
ซีโม่เปิดวิดีโอบางอย่างขึ้น
สตาร์คเริ่มให้ความสนใจกับมัน...ผมเบือนหน้าหนีวิดีโอนั่น
ผมรู้...มันคืออะไรเมื่อภาพเล่นไปได้สักพัก ผมมองบัคกี้
เขายืนนิ่งพร้อมจ้องมองวิดีโอนั่นด้วยเช่นกัน
มองตัวของเขาเอง...ฆ่าฮาเวิร์ดและภรรยา
หรือ...คุณพ่อคุณแม่ของสตาร์คนั่นเอง
ผมนึกอยากให้...สตาร์คพูดอะไรสักคำ
จะด่าบัคกี้ก็ได้...แต่เขากลับนิ่งจนผมใจไม่ดี
ผมจับแขนเขาไว้ก่อนที่เขาจะชกบัคกี้
สตาร์คหันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความแค้นที่มีต่อบัคกี้
“นายรู้รึเปล่า...”
เขาเอ่ยถามเสียงเบา ผมนิ่งเงียบไปตอบเขา “ตอบมา!!!”
“ใช่”
เพียงแค่ผมพูดคำนั้น
เขาก็ตรงเข้าซัดบัคกี้ทันที
แน่นอนว่า...ผมก็ขัดขวางไม่ให้สตาร์คทำร้ายบัคกี้
จนกลายเป็นว่าผมกับบัคกี้รุมทำร้ายเขา สตาร์คสติแตกไปแล้ว
เขาต้องการที่จะระบายอารมณ์ทั้งหมดที่มีที่บัคกี้ที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา
ผมไม่ยอมให้เขาทำร้ายบัคกี้ แต่ผมก็ไม่ต้องการที่จะสู้กับเขาเช่นกัน
ผมพยายามที่จะเรียกสติเขา พยายามจะไม่ต่อสู้กับเขา
แต่สตาร์คไปฟังคำของผมอีกต่อไปแล้ว เมื่อเขารู้ว่าผมปิดบังเรื่องนี้เอาไว้
ผมเหมือนคนที่ทรยศต่อความไว้ใจของเขา
ทั้งๆที่เขามาที่นี่เพื่อช่วยผม เข้าข้างผม
แต่ผมกลับปิดบังเรื่องนี้ไว้ให้เขามารับรู้ในตอนที่ทุกอย่างมันเลวร้าย
สตาร์คไม่ไว้ใจผมอีกต่อไปแล้ว
“เขาเป็นเพื่อนของผม”
“ผม...ก็เคยเป็นเพื่อนของคุณเหมือนกัน...แคป”
คำนั้นทำให้ผมชะงักไป
ทำให้ผมนึกย้อนถึงคำว่าเพื่อนไปสักพักก่อนจะที่ตัดสินใจ...หยุดการเคลื่อนไหวของสตาร์ค
ผมมองสตาร์คด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
มองแววตาเขาที่มองผมด้วยความเสียใจและเจ็บปวด มองผมด้วยแววตาที่เหมือนจะร้องไห้ให้ได้จนผมอยากจะกอดเขาแน่นๆและบอกเขาว่าผมขอโทษ
ผมเสียใจ ผมจะไม่ไปไหน
แต่ว่า...ผมทำไม่ได้...เพราะไม่อย่างนั้นบัคกี้อาจจะเป็นอันตรายได้
ถ้าสตาร์คเกิดสติแตกขึ้นมาและทำร้ายบัคกี้อีก
ผมจึงตัดใจก่อนจะกระชากโล่ออกจากอกของชุดเกราะ สตาร์คยื้อโล่ไว้
“โล่นั้น...พ่อฉันเป็นคนทำให้นาย...นายไม่มีสิทธิ์ใช้มันอีกต่อไป”
ผมชะงักกับคำพูดนั่น
คำพูดที่บ่งบอกให้ผมรู้ว่า...สตาร์คไม่คิดว่าผมเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้วจริงๆ
แต่น้ำเสียงของเขาก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าและพยายามยื้อผมไว้
ผมอยากจะกลับไปหาเขาจริงๆ แต่ก็ได้แค่คิด...
ผมทิ้งโล่ไว้ตรงหน้าเขา
ก่อนจะพยุงบัคกี้แล้วหันหลังเดินจากเขาไป...
ผมได้ยิน...เสียงของเขา...เสียงร้องไห้ของเขาแว่วเข้ามา
ผมขบริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บปวด ใจอยากจะกลับไปหาเขาจะแย่
แต่ว่า...ผมก็ทำได้แค่เดินออกมาแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา...โทนี่
สิ่งที่ผมทำมาหลายวันนี้คือการนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างหลังจากที่ผมกลับไปช่วยพวกบาร์ตันออกมาจากคุกกลางทะเลนั่นโดยความช่วยเหลือของนาตาชาและราชาทีชัลล่า
กษัตริย์องค์ปัจจุบันของวาคานด้าหรือแบล็คแพนเตอร์ที่ให้ที่หลบซ่อนจากการตามจับของรัฐบาลทั้ง117ประเทศ
ผมนั่งเหม่อมองออกไปไกล
ในใจคิดถึงคนที่ตอนนี้...แทบจะเหลือตัวคนเดียว
แต่ยังดีที่วิชชั่นกับผู้พันโร้ดยังอยู่กับเขา
ผมส่งจดหมายไปหาโทนี่แล้ว...ผมขอโทษเขาผ่านจดหมาย
แต่ผมรู้สึกว่า...ผมต้องไปขอโทษเขาด้วยตัวของผมเองมากกว่า
แล้วผมก็รู้สึกตัวเมื่อมีใครบางคนเดินมานั่งอยู่ข้างตัวผม
บัคกี้ส่งยิ้มให้ผม
เขาตัดสินใจที่จะแช่แข็งตัวเองจนกว่าบางอย่างที่โซเวียตฝังเข้ามาในสมองของเขาจะหายไป
ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อน
“คิดถึงคนคนนั้นใช่มั้ยล่ะ”
อยู่ๆบัคกี้ก็พูดขึ้น ผมหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คนนั้นไง...คนที่...ใส่ชุดเกราะ”
บัคกี้พยายามไม่พูดเรื่องที่เขาฆ่าพ่อแม่ของโทนี่ด้วยความรู้สึกผิด
ผมไม่ว่าเขาหรอกก็เขาทำไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว ไม่ใช่ใจจริงของเขาเองนี่นา
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
ใช่ ผมคิดถึงโทนี่มากๆเลย
บัคกี้ยิ้ม “สตีฟ
ฉันเห็นนะว่านายทำสายตาแบบไหนเวลาที่มองคนคนนั้น” ผมหันมองเขาอีกครั้ง
สายตางั้นหรือ?
“นายมองเขา
เหมือนกับที่เคยมองเพ็กกี้”
ยอมรับว่านั้น...ทำให้ผมตกใจมาก
ผมมองโทนี่ด้วยสายตาแบบนั้นจริงๆน่ะหรือ
“ไม่เชื่อก็ตามใจ
แต่ว่านะ...” บัคกี้ลุกขึ้นยืน และมองผมด้วยแววตาที่แน่วแน่ “ทำตามที่ใจอยากจะทำ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ว่าจบเขาก็เดินจากผมไป ปล่อยให้ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ให้ผมขบคิดกับคำพูดของบัคกี้
“กัปตัน...”
เสียงทุ้มกับสำเนียงอังกฤษแปลกๆของกษัตริย์ดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมองเขา “คุณควรมาดูอะไรตรงนี้หน่อย”
โทนี่...หวังว่าผมจะได้เจอคุณ
และบอกคุณในสิ่งที่ผมคิดเอาไว้
.
.
.
.
To be continued (?)
Talk with Writer
สวัสดีค่าาาา ไรท์กลับมาหย่อนฟิคไว้อีกเรื่องอย่างรวดเร็วค่ะ!! เพิ่งแต่งจบเมื่อกี้นี้เลย//ฮา พาทย์แคปมาแล้วจ้าาาา เห็นเม้นไว้หลายคนว่าสงสารป๋า ใช่เลย สงสารป๋ามาก แต่ลองอ่านความรู้สึกของแคปสักหน่อย(ที่มโนเอง---) แคปมันหลายใจจจจจจ!!! เอาล่ะๆ เข้าเรื่องๆ
พาทย์แคปจบไปแล้ว ตอนไปเป็นเรื่องยาว----//ตายแปป เราอาจจะหายไปยาวหน่อยนะคะ เพราะเนื่องด้วยติดการบ้านที่ต้องส่งปลายภาค แะติดพันอีกฟิคหนึ่งค่ะ จึงแจ้งเพื่อทราบว่าฟิคยาวอาจจะไม่มีกำหนด แต่ว่าแต่งแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน สนุกสนานและต้องไม่มีการอวยคู่บัคกี้แคปเกิดขึ้นในคอมเม้น =) เพราะถ้าเม้นมา ไรท์ก็ด่ากลับและแบน จบบบบบ =)
บะบายน้าาาา เจอกันฟิคหน้านะ จุ๊บๆ ^^
ไปเลยนังแคป!! ฉันเกลียดเธอแล้ว
พอมานั่งๆคิดดูก็ พอเข้าใจแหละ ระดับนึง เพราะสงสารโทนี่มาก เกือบไม่เหลือใครเลยให้ตายสิ
ชอบที่แต่งแยกกันค่ เห็นความต่างและเหมือนกันชัดๆไปเลย continueเถอะ พลีสสสสส
โอ๊ย คือนางหล่อกล้ามบึ้ก แค่ก #เบลอออออออออออออออ มันเกี่ยวมั้ยยยย
คือนางหล่อจนใครก็หลง ฉันเข้าใจว่าแม้เเต่บัคก็หลง--- 5555555
เเต่แบบว่ายอมรับไม่ได้กับความหลายใจนางอะ นางบอกได้ยินเสียงป๋าร้องไห้ เเล้วนางก็เมิน
ว้าย (...) ดูปากนะคะแคป ว้าย.. ได้ยินเสียงป๋าร้องไห้ เเล้วก็พยุงบัคเดินหนี ว้ายยยยย ว้ายยยย
(.....) ต้องการอะไรจากสังคม (ซบหน้าลงกับแผงอก ไม่ใช่เเล้วค่ะ---!!!!)
เคะต้องเจ็บเพื่อเมะที่ไม่เเน่ใจกับหัวใจตัวเองตัลลอด