ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Missed Fortune {FIC TS9} อ้นเชอรีนดิวแบมบี้ตั้ม

    ลำดับตอนที่ #10 : Missed Fortune Number.10 : Just a normal life

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 56


    Missed Fortune Number.10 : Just a normal life






    # ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
    ณัฐจารีวิ่งออกมาจากเครื่องด้วยความไวกว่าปกติพร้อมกับผู้ร่วมชะตาอีกสามคน เธอกวาดสายตามองหาพิมพ์ชนกทั่วบริเวณก่อนจะพบกับเจ้าตัวที่รออยู่ไม่ไกล
    " เชิญค่ะ คุณณัฐจารี " เธอพยักหน้าก่อนจะเดินตามพิมพ์ชนกไปขึ้นรถ หนึ่งคำที่เธอพร่ำบอกตัวเอง และที่ทุกคนเฝ้าบอกเธอ.. 'เธอจะต้องไม่ตาย' มันคงมีความเป็นไปไดัเพียงแค่ 1 ใน 100 แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีหนิ? จริงมั้ย?
    " ดิฉันนัดคุณสิรินโสพิศไว้ให้แล้วน่ะค่ะ พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าที่บริษัทของพวกคุณ "
    " ขอบคุณค่ะคุณพิม.. หวังว่าโชคชะตาครั้งนี้จะไปในทางที่ดีน่ะค่ะ "
    " ดิฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะ ท่านไลท์คงไม่ปล่อยให้ทุกๆอย่างมันง่ายเกินไปสำหรับมนุษย์อย่างคุณๆหรอกค่ะ " พิมพ์ชนกพูดก่อนจะออกรถกลับไปยังบริษัท อีกสามคนข้างหลังยังคงมองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ
    " โอกาสครั้งสุดท้ายน่ะค่ะ คุณกรกฏ คุณวราวุธ คุณนัทธพงษ์.. ฉันหวังว่าฉันจะได้เห็นงานวิวาห์ของพวกคุณแต่ล่ะคนในชุดสีขาวน่ะค่ะ ไม่ใช่ชุดสีดำ " พิมพ์ชนกพูดติดเงื่อนงำไว้เล็กน้อยเพื่อให้คนทั้งสามตีความหมายในคำพูดเอาเอง ใช้เวลาไม่นานรถสีดำก็มาจอดอยู่หน้าบริษัท
    " เหมือนว่าคุณสิรินโสพิศจะมารอพวกคุณไว้เร็วกว่าที่คิดน่ะค่ะ " ณัฐจารีมองรถป้ายทะเบียนของสิรินโสพิศอย่างคุ้นเคย
    " ถ้างั้นก็หมายความว่า โชดชะตาบ้าๆของพวกเรา ก็จะจบเร็วกว่าที่คิดค่ะ ขอบคุณน่ะค่ะคุณพิม "
     " ด้วยความยินดีค่ะ อย่าลืมคำพูดของฉันน่ะค่ะ ฉันหวังว่าฉันจะเจอคุณในสภาพที่ยังมีลมหายใจอยู่ " ณัฐจารีพยักหน้าก่อนจะก้าวออกจากรถตามด้วยอีกสามคนที่เหลือที่เหมือนจะยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด
    " เชอรีน.. คุณพิมพ์ชนกเป็นใครกันแน่ " กรกฏถามด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว
    " หนึ่งในเบื้องหลังโชคชะตาบ้าๆนี่น่ะค่ะ " 
    " .... "
    " พร้อมรึเปล่า " ณัฐจารีถามขึ้น
    " มันคงไม่พร้อมไม่ได้แล้วหล่ะ เพราะตอนนี้เราก็มาอยู่หน้าแดนประหารแล้วนี่นา " วราวุธตอบลอยๆ ก่อนจะเป็นคนเปิดประตูบริษัทเข้าไปคนแรก
    " เราจะไม่เป็นอะไร.. เชอรีนเชื่ออย่างนั้น " เธอพูดก่อนจะเดินเข้าไป แต่ในบริษัทของเธอกลับไม่เหมือนเดิม ข้างในบริษัทถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดทึบ วราวุธยังคงยืนอยู่นิ่งๆ
    ' มีผู้คุมโชคชะตาคนอื่นอยู่ที่นี้ ' ณัฐจารีสะดุ้งก่อนจะหันไปมองร่างโปร่งใสทั้งสามที่ยืนอยู่ อิสริยะ ธนทัตและโสรญา
    " แล้วใครหล่ะ "
    ' ธันยบูรณ์... หรือบูรณ์ผู้คุมโชคชะตาแห่งความมืดมิด มีพลังมากพอที่จะสามารถปรากฏกายในกายหยาบของมนุษย์ได้ ' ธนทัตเอ่ยเสริม
    " แล้วพวกเธอหล่ะ "
    ' ก็พอได้.. แต่คงไม่เก่งเท่าคนๆนั้น เธอก็เคยเจอแล้วหนิ ' อิสริยะพูดเสียงเรียบ สายตาเค้ายังคงมองอย่างไม่ไว้ใจต่อบรรยากาศรอบๆ
    " แต่.. เขาเป็นคนช่วยชีวิตเชอรีนน่ะ " นัทธพงษ์พูดขึ้นมาเบาๆ
    ' เพราะบูรณ์เขาเคยครอบครองเชอรีนไง.. ครั้งนึง เมื่อนานมาแล้ว ' โสรญาเอ่ยเสริม
    " นานแค่ไหน " ณัฐจารีถาม แววตายังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หากไม่มีเธอซักคน คงไม่มีใครต้องตายเพราะเธอ..
    ' หนึ่งพันสี่ร้อยหกสิบสามปี นั่นคืออายุของบูรณ์ที่รอคอยเธอมา ' อิสริยะพูดเสียงเรียบ
    " แล้วทำไม.. ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี้ " 
    ' คงเพราะ..! ' โสรญาต้องสะดุดลงเมื่อมีขนนกสีดำปลิวว่อนออกมา
    ' เขามาแล้ว ' อิสริยะพูดก่อนจะเริ่มใช้เวทมนตร์สร้างเกาะกำบัง ไม่ดีแน่ ที่พวกมนุษย์ต้องมาโดนเวทมนตร์ของพวกเขา
    ' ไม่เจอกันนานน่ะ.. ผู้คุมโชคชะตาแห่งความดี ' อิสริยะยังคงมองรอบๆเพื่อหาต้นเสียง ไม่นานนักธันยบูรณ์ก็เดินออกมาพร้อมสิรินโสพิศ
    " หึ.. เร็วอย่างที่คุณบอกเลย " สิรินโสพิศแสยะยิ้ม
    " ต้องการอะไรจากฉัน "
    " หัวใจของเธอไง :) " สิรินโสพิศพูดก่อนจะคว้ามีดขึ้นมา
    ' ทำได้ก็ให้รุ้ไปสิ.. ' ธนทัตพูดด้วยเสียงที่นิ่ง แต่แววตาของเขากับวาวโรจน์ดั่งเพลิงโลกันต์
    ' นายก็รู้ ท่านไลท์ไม่เคยให้ความมืดมิดปกปลุมความดี ' 
    ' แต่ครั้งนี้ก็ไม่แน่.. ถ้าฉันมีผู้หญิงคนนี้เป็นเครื่องต่อรอง ' ธันยบูรณ์ก้าวไปข้างๆเล็กน้อยเผยให้เห็นญาณินที่นอนสลบอยู่ ธนทัตชะงักก่อนที่เวทมนตร์จะเริ่มออกมาจากมือเขา
    " นายคงไม่ทำแน่.. ฉันรู้ "
    ' พี่แกง! ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ !? '
    ' ญาณินไม่ได้ผูกจิตกับพี่ พี่เลยไม่รู้ถ้ามันจะเกิดสถานการณ์ขับขัน ' ธนทัตพูดพลางขมวดคิ้ว เขาค่อยๆสลายพลังเวทมนตร์ในมืออย่างช้าๆ
    " พรรณนากันเสร็จรึยัง? เลือกดีๆน่ะเชอรีน ระหว่างพี่สาวที่เธอรัก.. กับตัวเธอเอง " ณัฐจารีกลืนน้ำลายอึกใหญ่
    ' ฉันก็ไม่อยากทำร้ายเธอน่ะเชอรีน.. แต่บางที ความโหดร้ายก็ทำให้ฉันลืมความรักของเราที่เคยมีไปหมดสิ้น เหลือเพียงแต่ความแค้นเท่านั้น ' ธันยบูรณ์พูดก่อนจะมุ่งสายตาไปยังกรกฏ
    ' พี่ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก! ถ้าพี่จะฆ่าเขา ก็ต้องฆ่าฉันก่อน!! ' โสรญาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตาสีน้ำตาลบริสุทธิ์ของเธอถูกเปลี่ยนไปเป็นสีแดงตามสัญชาตญาณ ดวงตาของธนทัตถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลตามชาติกำเนิด
    ' เผยออกมาแล้วซิน่ะ บุตรและบุตรีของอัคคีและอควา ' ธันยบูรณ์แสยะยิ้ม
    ' แต่พวกเราก็ไม่เคยทำร้ายใคร แต่เพียงแต่เรามีพลังมากว่าใคร นายก็รู้ดี ' 
    ' เชอรีน.. เธอมีพลังในตัวเธอที่ฉันส่งให้เธออยู่ ดึงมันออกมาใช้ซะ ' อิสริยะกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบา
    " พลังของฉัน.!? " 
    ' ดึงมันออกมา คิดถึงพลังพิเศษไว้ มันจะออกมาเมื่อเธอเชื่อว่ามันมี ' อิสริยะพูดจบก็เดินไปหาธนทัต ดวงตาสีดำขลิบบัดนี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน
    ' ฮ๊า.. นี่ฉันพบบุตรและบุตรีแห่งธาตุทั้งสามในเวลาเดียวกันเลยหรอ ปฐพี อควา อัคคี แล้วลูกของวายุอยู่ไหนหล่ะ ' ณัฐจารีพยายามเรียบเรียงของคำพูดทั้งหมดมารวมกันเป็นเรื่องราว ทั้งสามคนที่เหลือพยายามจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เหมือนจะอยู่ในเขาวงกตเสียมากกว่า
    ' พูดถึงฉันหรอ ' ร่างของหญิงสาวแสนสวยเผยออกมาตรงหน้า ดวงตาสีเทาอ่อนบ่งบอกว่าเธอเป็นลูกของวายุได้เป็นอย่างดี.. พรรณวรท
    ' นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว ' อิสริยะเปรยขึ้น
    ' เรื่องแบบนี้ อีกร้อยอีกพันปีฉันก็ไม่พลาดหรอก.. ผู้หญิงคนนั้นทรมานมาตลอดพันกว่าปีที่ต้องพบชะตากรรม ซ้ำๆซากๆ ' พรรณวรทพูดพลางเปรยตาไปทางณัฐจารี
    ' จบเรื่องนี้ในแบบของผู้คุมโชคชะตา แล้วเราจะต้องปล่อยให้พวกเขาจบกันในแบบของมนุษย์เช่นกัน ' ธันยบูรณ์แสยะยิ้มก่อจะหายตัวไป ผู้คุมโชคชะตาทั้งสี่คนหันมามองหน้ากันก่อนจะหายไป โดยไม่ลืมที่จะบอกคำบางคำ
    ' ยินดีที่ได้รู้จัก หากวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของพวกเรา ขอให้วายุจงปกคลุมทั่วฟ้า ขอให้อควาแทนหยดน้ำตาของพวกเรา ขอให้ปฐพีคอยรองรับน้ำตาไม่ว่าจะเป็นน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้หรือชนะ และขอให้อัคคีที่อยู่ในใจเธอคนนั้นดับลงเสียที ขอให้พวกเจ้าจงโชคดี ' เสียงของผู้คุมโชคชะตากล่าวคำอำลาไม่ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่มันก็ดีกว่าไม่กล่าวว่าความอะไร ควันสีดำค่อยๆจางลงจนกลับกลายเป็นบริษัทดังปกติ ญาณินที่หลังไปด้วยฤทธิ์ของเวทมนตร์ก็ต้องตื่นขึ้นด้วยความงุนงง
    " เชอรีน!!! " ญาณินตะโกนเรียกน้องสาวตัวเองก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปหาน้องสาวตัวเอง แต่สิรินโสพิศกับดึงแขนของเธอไว้
    " ตามข้อตกลง! ชีวิตเธอ หรือชีวิตพี่สาวเธอ เชอรีน " สิรินโสพิศพูดด้วยแววตาโหดเหี้ยม ณัฐจารีค่อยๆนึกถึงพลังในตัวเธอ มันเหมือนเป็นแค่จุดสีทองเล็กๆในร่างกายเธอ เธอค่อยๆสลัดความคิดนั้นออก ถึงตอนนี้เธอนึกไปก็คงไม่ได้ใช้การอะไรนัก
    " ชีวิตฉัน " ณัฐจารีตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาสิรินโสพิศ เธอคว้ามีดของสิรินโสพิศด้วยมือเปล่าก่อนจะผลักพี่สาวเธอไปทางกรกฏ แสงสีทองประกายเริ่มโอบคลุมมือเธอที่ไม่มีเลือดซักหยด
    " นะ นี่ มันอะไร "  ณัฐจารีแสยะยิ้มก่อนจะผลักสิรินโสพิศให้ล้มลง
    " เวทมนตร์ " ณัฐจารีพูดจบก็มีตำรวจสองสามคนเข้ามาในบริษัทพร้อมกับคุณทนายพิมพ์ชนก ณัฐจารียิ้มให้กับความเก่งของพิมพ์ชนก สมแล้ว.. สมแล้วที่เป็นหนึ่งในตระกูลวายุ 
    " รวดเร็วดังสายลมน่ะค่ะ " ณัฐจารีกล่าวเบาๆ
    " จะถือว่าเป็นคำชมน่ะค่ะ "
    " แน่นอนสิค่ะ.. หนึ่งในตระกูลแห่งสายลม จะเรียกให้ถูกว่าอะไรดีค่ะ " ณัฐจารียิ้มบางๆ เธอยังคงไม่สบายใจกับคำกล่าวของผู้คุมโชคชะตาอีกสี่คนที่เหลือ
    " จะกล่าวให้ถูกคือฉันเป็นหนึ่งใสทายาทของวายุ วาโยค่ะ วาโยคือชื่อของฉัน น้องสาวเพียงคนเดียวของท่านวายุ " พิมพ์ชนก.. ไม่สิ วาโย วาโยจางหายไปพร้อมกับสายลม ณัฐจารีเลือกที่จะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว เธอแค่รู้สึกไม่สบายใจกับคำกล่าวลาของทั้งสี่คน เมื่อเธอขึ้นไปถึงบนดาดฟ้า ทั้งสี่คนกำลังยืนกันเหมือนเป็นเกาะกำบังเหมือนเดิม ธันยบูรณ์มีเลือดออกที่มุมปากเล็กน้อย ตามตัวเขายังมีบาดแผลถลอกเต็มตัว
    ' มันไม่จบหรอก อึก.. '
    ' ดาร์กควรหยุดได้แล้ว ' ธนทัตเอ่ยเสียงเรียบ
    ' เจ้าไม่ควรเรียกท่านผู้นั้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแบบนั้น ' 
    ' ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฝ่ายเจ้าก็เรียกท่านไลท์ด้วยน้ำเสียงหยามเหยียดเสมอมา ' พรรรวรทกล่าวเสียงเรียบ เธอรับรู้ได้ถึงพลังงานของวาโยที่เพิ่งจางหายไปได้ เธอรู้ดีว่าวาโยอยู่บนโลกในฐานะอะไร และเพื่ออะไร
    ' ท่านวาโยมาทำไม ' อิสริยะถามหญิงสาวข้างกายจนลืมสงสัยผู้มาใหม่อีกคนไปเสียสนิท
    ' ช่วยพวกเขา ท่านวาโยถูกส่งให้มาช่วยพวกเขา ท่านไลท์รู้ดีว่าดาร์กคิดไม่ซื่อ พวกเขาตั้งใจจะใช้มนุษย์เป็นผู้แก้แค้น แต่ไม่ใช่ในกรณีของณัฐจารี เธอเป็นเหมือนหมากตัวนึงในสงครามของดาร์ก แต่สำหรับท่านไลท์ ณัฐจารีคือมนุษย์ผู้น่าสงสาร ที่โดนชะตากรรมโง่เง่าจากคำสาปของบูรณ์มาถึงพันปี ' พรรรวรทแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าที่ยังพยายามล้มลุกคลุกคลาน ทั้งๆที่เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถสู้พลังของทายาทแห่งดิน น้ำ ลม ไฟได้เมื่อพวกเขาอยู่รวมกัน
    " พอเถอะ.. " ณัฐจารีพูดขึ้นในที่สุด ผู้คุมโชคชะตาทั้งสี่คนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง พรรณวรทใช้เวลาอันรวดเร็วในการสร้างเกราะคุ้มกันให้เธอ 
    ' เธอไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวที่นี้ '
    " ถ้าฉันเดาไม่ผิด เหตุของความขัดแย้งของพวกคุณคือการที่คนที่ชื่อดาร์กพยายามใช้มนุษย์ในการแก้แค้นพวกคุณ " ณัฐจารีพูดด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจ
    ' .... '
    " และมนุษย์คนแรกที่ว่านั้น ก็อาจจะเป็นฉันเมื่อหลายพันปีก่อน "
    ' ..... '
    " บอกฉันมา ทำยังไงคำสาปนั้นจะหายไป "
    ' เธอต้องตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอรักเท่านั้น ทุกอย่างก็จะจบ ' ธันยบูรณ์เดินกะเผลกเข้ามาพยายามเข้าหาณัฐจารี แต่เพราะผู้คุมโชคชะตาทั้งสี่คนล้อมหน้าหลังของณัฐจารีไว้แน่นหนา
    " และคนๆนั้นก็ไม่ใช่พี่แบมบี้หรือคุณ "
    ' ดูมั่นใจดีน่ะ.. แต่ถ้าเป็นกรกฏหล่ะ '
    " เขาไม่มีทางฆ่าฉัน " ณัฐจารีตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาของเธอเปลี่ยนสีไปทุกๆครั้งตามอารมร์ของเธอ ธันยบูรณ์แสยะยิ้มบางๆ
    ' สมแล้ว.. สมแล้วที่เธอเป็นผู้ถุกเลือกของพวกเขาทั้งสี่คน '
    " .... "
    ' .... '
    ' พุดไม่ออกเลยหรอ? เจ้าพวกไร้น้ำยา '
    ' ถ้านายยังไม่หยุดปลากพล่อย ฉันรับลองได้ว่าพลังอัคคีของฉันรวมกันพลังวายุของพี่แกรนด์ นายไม่มีทางรอดแน่ ' โสรญาพูดพลางก่อลูกไฟขึ้นมาในมือ
    " .. ถ้าพวกเขาเลือกฉัน ฉันก็จะเดินไปกับพวกเขา เพราะอย่างน้อย.. พวกเขาก็ไม่เคยทำร้ายใคร "
    ' .... '
    " และฉันจะให้คำตอบคุณด้วยว่า.. คนที่ฉันรัก ก็คือตัวฉันเอง " ณัฐจารีพูดจบก็เดินถอยหลังลงไปยัยขอบดาดฟ้า เธอไม่รีรอคำตอบจากผุ้คุมโชคชะตาตนใด ขาของเธอก้าวผ่านขอบปูนเล็กๆลงไป ร่างของเธอกับรู้สึกเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูก ตึก 10 ชั้นตรงนี้ หากตกลงไป คงไม่ใช่ภาพที่สวยนัก กรกฏที่ยืนมองอยู่ข้างล่างกำลังมองณัฐจารีด้วยแววตาตื่นตะลึง พรรณวรทรีบตรงดิ่งลงมาคอยประคองล่างเธอไว้ เหมือนทำให้ทุกๆอย่างช้าลง ช้าลง 
    ' ไม่!!!!!!! ' เสียงธันยบูรณ์ตะโกนดังลั่น เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแก้วแตกอยู่กลางใจของเธอ  อิสริยะกำลังรอรับเธออยู่ข้างล่างด้วยใบหน้ายากที่จะคาดเดา ธนทัตบันดาลให้ฟ้าที่เคยสว่างมืดคลึมและเทน้ำลงมาเหมือนกับน้ำตาของเทพเจ้า
    " ฉันทำสำเรีจใช่มั้ย "
    ' ใช่.. แต่มันก็ไปอะไรที่บ้ามาก.. เราสัญญา เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร ' พรรณวรทพูดก่อนจะค่อยๆทำให้ลมต้านนั้นมีแรงมากขึ้น อิสริยะทำให้หน้าบริษัทกลายเป็นบ่อลึกประมาณสามเมตร ธนทัตไม่รีรอรีบนำสายฝนให้ไปกองอยู่เพียงแค่ในบ่อ โสรญาคอยประจำอยู่ข้างล่าง เพื่อจะให้ชีวิตใหม่แก่ณัฐจารี เธอค่อยๆหลับตาลงช้าๆก่อนที่ร่างของเธอจะปะทะกับผิวน้ำ
    " ตู้ม!!!! " สายตาของคนรอบข้างยังคอยมองด้วยความตกตะลึง ถนนยางมะตอยสีดำสนิทที่อยู่ๆ็กลายเป็นบ่อขนาดยักษ์ สายฝนที่อยู่ๆก็เทกระหน่ำลงมา อีกทั้งร่างของณัฐจารีที่ลอยลงมาช้ากว่าปกติ
    " เชอรีน!!!!!!! " กรกฏ วราวุธและนัทธพงษ์ตะโกนขึ้น กรกฏไม่รอช้าทำท่าจะกระโดดลงไปช่วย แต่อิสริยะกลับทำให้พื้นที่เคยอยู่ตำถึงสามเมตรกลับมาเรียบสนิท โดยมีณัฐจารีนอนสลบอยู่ท่ามกลางน้ำนองเจิง
    " เชอรีนๆ!! " กรกฏวิ่งเข้าไปเขย่าตัวณัฐจารี ก่อนจะมีมือโปร่งใสที่คุ้นเคยยื่นเข้ามาขวาง
    ' ฉันจัดการเอง ' โสรญาพูดก่อนจะจับตัวณัฐจารีไว้ เธอค่อยๆถ่ายเทความร้อนเข้าไปทำให้ร่างกายของณัฐจารีกลับมาเป็นปกติ ณัฐจารีค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก
    " เชอรีน! "
    " พะ.. พี่อ้นหรอ "
    " เชอรีนทำอะไรไปรู้ตัวรึเปล่า !! " ณัฐจารียิ้มบางๆก่อนจะพยักหน้า
    " รุ้สิ.. แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เชอรีนลบคำสาปบ้าๆนั้นออกไปได้น่ะ "
    " คำสาป ? "
    " ที่ว่าเชอรีนต้องโดนฆ่าตายทุกๆวันที่ 23 ตุลาคมล่ะมั้ง " เธอหัวเราะเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอเห็นผู้คุมทั้งสี่เดินไปจับตัวสิรินโสพิศก่อนจะท่องเป็นคำพูดแปลกๆออกมา ทำให้สิรินโสพิศหมดสติไป
    " จบแล้วซิน่ะ " วราวุธพูดก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆเธอ
    " ใช่ค่ะ.. จบซักที " ณัฐจารีตอบก่อนจะค่อยๆหลับตาเข้าสู่อ้อมกอดของกรกฏ เธอมั่นใจว่า.. เขาจะไม่มีทางปล่อยเธออีกต่อไป นี่ซิน่ะ.. ความรักแบบชายหญิงที่เธอไม่เคยได้จากใคร
     
     
    # 3 ปีผ่านไป
    ณัฐจารีจอดรถของตัวเองก่อนจะเดินเข้าบริษัท เธอเห็นกรกฏ วราวุธและนัทธพงษ์ยังคงนั่งประจำที่ของตนเอง สามปีแล้ว.. จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เหตุการณ์เฉียดตายของเธอ วันนั้นวาโยต้องเดินทางกลับมาอีกครั้งก่อนจะลบความทรงจำของคนรอบข้างเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกๆ พวกเธอยังคงพบอิสริยะ ธนทัต โสรญาและพรรณวรทตามปกติ แต่ในรูปของกายหยาบมนุษย์ ไม่ใช่ร่างโปร่งใส
    " มาแล้วหรอครับคุณแม่ลูกหนึ่ง~ ไหงวันนี้แยกกันมากับคุณสามีหล่ะครับ " นัทธพงษ์เอ่ยแซว
    " ก็ตอนพี่อ้นออกมาแอมก็ร้องใหญ่เลย เชอรีนเลยต้องอยู่รอลูกหลับก่อนหน่ะ ไม่งั้นคุณแม่จะลำบาก " ณัฐจารีพูดก่อนจทิ้งตัวลงข้างกรกฏ ใช่ เธอกับกรกฏแต่งงานกันมาสองปีกว่าแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น กรกฏก็ขอเธอแต่งงาน แม้จะไม่นานที่ทั้งสองพบกัน แต่มันกลับนานพอให้เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง หลังจากแต่งงานไม่นาน ลูกชายสุดหล่อของเธอก็ออกมาให้เฉยชม ไอแอม  ภูริภพ ตุ่นแก้ว หรือมีความหมายว่า ฉันคือ.. โลก นั่นคงเพียงพอสำหรับคำว่ารักของทั้งสองคน แต่ความหมายของชื่อก็ไม่ใช่ได้มาเพียงเพราะความรัก แต่เมื่อนำความเป็นมาของทั้งสี่คนที่ช่วยเธอไว้ คำที่สามารถบรรจุความหมายของทั้งหมดได้ก็คงเป็นโลกเท่านั้น
    " มีชื่อลูกใครเก๋เท่าไอแอมอีกมั้ย " วราวุธหัวเราะก่อนจะหยิบแบบงานขึ้นมา
    " งานต่อไปครับ.. ครบรอบห้าปีบริษัท :)) " วราวุธยิ้มออกมา ณัฐจารีหัวเราะออกมาก่อนจะรับงานมาไว้ในมือ
    " ครั้งนี้จะไม่ออมมือแล้วน่ะค่ะ " 
    " ครับ.. คุณหญิง " ทั้งสี่คนประสานเสียงหัวเราะขึ้นมาก่อนจะเริ่มลงมือทำงาน นี่ซิน่ะ.. ชีวิตของคนปกติ..
     
     
     
    __________________________________
     
    เหมือนจะจบ 5555555 เดี๋ยวอาจจะต่อความเป็นมาของผู้คุมโชคชะตาทั้งสี่คนให้น้าาา
    อย่าเพิ่งหายไปไหนกัน ช่วยกันเม้นท์ด้วยน่ะ >_<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×