เรื่องซึ้งๆตอนรับวันแห่งความรัก - เรื่องซึ้งๆตอนรับวันแห่งความรัก นิยาย เรื่องซึ้งๆตอนรับวันแห่งความรัก : Dek-D.com - Writer

    เรื่องซึ้งๆตอนรับวันแห่งความรัก

    ก้อดี

    ผู้เข้าชมรวม

    246

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    246

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.พ. 50 / 13:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      อาจจะยาวไปหน่อยแต่ซึ้งโคตรๆเลยนะ
      “อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ” แนนเงย หน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มบางๆ

      วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบ ทั่วโลกบานได้พร้อมกัน วันที่ความรัก
      งอกงามได้เร็วกว่าทุกๆวัน และเป็นวัน ที่กามเทพแผงศร ให้หลายๆคู่ได้สมหวังกัน
      แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่ นอน

      ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...
      มี หมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ที่เป็นจุด กำเนิดของเขาและเธอ

      “เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย”
      เด็กผู้ชาย ตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายที่สูงท่วมหััวของเขาอยู่

      “ เธอชื่ออะไรหนะ เราชื่อเอนะ” เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน
      พลางกระโดดลงมาจาก กองทรายกองโต

      “ฉันชื่อแนน” เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่ง ลง
      ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียก ชุ่ม
      เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเ ป็นรูป เป็นร่าง
      จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ

      “เอ เดี๋ยวแนน ประดับปราสาททรายเองนะ” เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ
      วาง ลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

      “แนนๆ ตรงนี้ เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......
      อันนี้ เป็นห้องประชุมนะ” เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความ ฝัน

      “เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ”
      แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย

      “แนนอยากได้สวนอะไร.... อยากได้ดอกไม้อะไร” เอพูด
      เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ

      “ เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ” แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ
      เด็กตัว เล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่

      “อืม...เจ้าหญิงต้อง เหมาะกับดอกกุหลาบนะ” เอพูดพลางทำท่าคิด

      “ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำ สวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา”
      แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเกลี่ยทรายให้ เรียบเพื่อทำเป็นลาน....
      ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความฝันของพวกเขาอยู่ นาน....นานจนกร ะทั่ง

      “เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก”
      เจ้าของ โครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ

      “พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนน อีกแป๊บนะ”
      ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง

      “หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววัน หลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่”
      พ่อของเขานั่งยองลง อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัว เบาๆ

      “ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ”
      เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูด พลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา

      “แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่ง นี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ”
      เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลาน หน้าปราสาททราย

      “ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ” แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า
      เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร

      ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อ ปราสาททรายด้วยกัน ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก
      ระหว่างลูกชายเจ้า ของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่

      “แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้ เราเขียนหนังสือด้วยแหละ”
      เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงย หน้าขึ้นมองเด ็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา

      “ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียน คำว่าอะไร” แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

      “แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้ คำเดียว”
      เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู

      “ เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ” แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย
      หยิบ เศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเ ป็นจังหวะเพียงชั่ว ครู่
      ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก
      ปรากฎบนผืนทรายราบ เรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ
      เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความ ตื่นเต้น

      “อ่านว่าอะไร เอ” แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลก ใจ

      “อ่านว่า รัก” เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ

      “เหรอ อ่านว่ารัก เหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ”
      แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ

      “มา นี่ๆ เอจะสอน” เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้
      มือเอและมือแนนจับ ประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว

      “นี่ไง แนนเขียนได้ แล้ว ดีใจจังเลย” แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ

      “มันแปลว่า อะไรเหรอ เอ” แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน

      “เอก็ไม่รู้เหมือน กัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ มากจนอธิบายไม่ได้”
      ใช่สิ...ความหมาย มันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้ หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต
      ก็ ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....

      “สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอ บอก” เอพูดพลางหันไปมองแนน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน

      “อืม สัก วันนะ” แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่ สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของ มัน......


      “โอ๊ย...เจ็บ” เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของ ตัวเองด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ
      เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ

      “ ใครดึงผมเปียแนน” เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้า ขอ งผมเปีย
      เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกค ักพลางชี้นิ้วมาที่แนน

      “ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม” หนึ่งในเด็กสามคนพูด พลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

      “แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย” เอยืนขึ้นชี้หน้า ด่า

      “แล้วจะทำไม” เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ
      ถีบโต๊ะเรียนกระจัด กระจายคนละทิศคนละทาง

      “ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น”
      แนนพูดพลาง เกาะแขนเอไว้แน่น เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...

      ปั้ง...หนึ่งหมัด ปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม
      ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอ คล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย
      ข้าวของทั้งของเอ และแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง

      “หยุด!!” เสียงหนึ่งดังมาจาก ด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุ ดการตะลุมบอนกัน

      “พวกเธอทำ อะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ”
      ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้ม เหยื่อ
      แม้จะห้ามทัพได้ แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของ เอ

      “เอ เจ็บมั้ย” แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออก ไป

      “ไม่เจ็บหรอก” เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน

      “ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้”
      แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจาก ห้องเรียนไป
      เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนัก เรีย นสีขาวของเอ

      “โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ” เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนน กำลังกดดูความลึกของบาดแผล...
      แต่แนนกลับยิ้มออก

      “โอ๊ย แสบ”
      เอ โอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลง บนแผลของ เอ

      “แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา”
      แนนพูดพลางยิ้ม ค่อยๆเช็ดแผล บนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวัง

      ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปก ป้องแนนเสมอ
      แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตาม ที....


      “แนนๆ แฮปวาเลนไทน์นะ”
      ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐาน พูดห้วนๆพลางยืนกุหลาบแดงให้กับม ือหญิงสาว

      “อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ ฉันหน่า” แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย

      “อ้าว ก็ วันนี้วันวาเลนไทน์ ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”
      เอพูด พลางยิ้ม ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้ ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่ เก็บ
      สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว

      “หวานกับเค้าก็เป็น เหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ”
      แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน เอ ยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่

      “เอรักแนนนะ”
      เอพูดพลางจับมือแนน ขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ
      ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว แต่ยัง พยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง

      “เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้ง เลย” แนนพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เลิกแหย่เอ

      “เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรง หัวใจแนนเลยนะ”
      เอพูดประหม่า มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอด ไว้แน่น....สักวั น
      เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนน เลย.....



      ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียง รายเป็นแนว
      มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ บ้างหยอกล้อกิน ขนมกัน...

      “เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ” แนนพูดพลางเก็บ หนังสือ

      “ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร” เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที

      “ไป กับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ”
      แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆเอ เขย่าแขนเหมือนเด็ก อ้อนวอนผู้ใหญ่

      “ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ” เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนน เบาๆ

      “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา” แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของ เอ

      “นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย กลับถึงบ้านก็ อย่าลืมโทรมาบอกด้วย”
      เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง

      “ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆเลย” แนนพูดพลางยิ้ม เอามือหยิกจมูกเอด้วยความ เขิน



      “กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง” ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภาย ในรถ ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย

      “ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย” กิ๊ฟพูด ปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก

      “ทำไมไม่เลิกๆไปสิ จะได้ไม่ กลุ้ม” ฝนเสนอความเห็น มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง

      “หน่า....ให้โอกาส สักครั้ง”
      กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมร ะอา

      “โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน” เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้ง รถ

      “แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ” ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมอง แนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

      “โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว ยังจับไม่ได้สักที ว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน” แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน


      “แปลได้ สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลาย ปี”
      เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ

      “เอี๊ยยดดด.....”
      เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน
      รถ บรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตก ละเอียด
      ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....
      ร่างไร้สติของแนนยังคงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน
      มัจจุราชอาจฉุด วิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ



      “แนนๆ”
      เสียงกระซิบเบาๆดัง ข้างหู ทำให้แนนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา

      “อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ”
      แนนค่อยๆอ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก
      เฝือกขาวถูกแต่งแต้มถามร่างกายของแนนคล้าย กับเป็นเครื่องประดับ

      “ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน”
      .....สอง เดือน สองเดือน แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง. ...
      ฝนค่อยๆอธิบายเหตุการณ์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง... ..

      “แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคน เดียวใช่มั้ย”
      แนนพยายามพูด เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน

      “ อืม...” ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ

      “เอ ล่ะ เออยู่ไหน” แนนเพิ่ง นึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน

      “เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไป เลย”
      ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ

      “ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กัน ได้ จริงมั้ยเพื่อน”
      ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน

      “อืม...”
      น้ำตาค่อยๆ กลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน
      คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความ จริง....
      เขาเก่งมากจริงๆ เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี เก่งมากที่หลอกว่ามี แนนคนเดียว.....
      ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมดเลย เสียดายเวลาที่ อยู่ด้วยกัน
      เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย เสียดาย เสียดาย



      “คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ”
      บุรุษพยาบาลคนหนึ่ง พยายามพยุงแนนขึ้นเดิน แนนยังคงไม่หายเจ็บดี
      ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก ต่อไป

      “ระวังจะล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ”
      บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้ แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....
      ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่เป็นเอนะ....ทำไม ทำไม ทำไม
      ถ้าเออยู่ที่นี้และทำแบบนี้หัยแนน แนนคงจะมีความสุขมากเลย

      “คุณ บุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันหลับไปนานจนถึงขั้นต้องทำกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ”
      แนน ถามบุรุษพยาบาลด้วยความสงสัย

      “โห!! คุณไม่ได้เดินมาสองเดือนนี่ มันนาน นะครับ”
      บุรุษพยาบาลตอบแนอย่างสุภาพ

      “จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถาม ชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล เกรงว่ามันจะยาวไป”
      แนนพูดพลางยิ้ม หัยบุรุษพยาบาล

      “คือผมชื่อ กอล์ฟ ครับ”
      บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ

      นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟก็เริ่มสนิทกันมาก ขึ้นเรื่อยๆ
      ทุกๆเย็นกอล์ฟก็จะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด
      ไม่นานแนนก็ สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....


      “คุณแนนค่ะ น้ำ ดื่มค่ะ”
      พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างหน้าเธอ
      ขณะเธอนั่งรอ กอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาลที่เทอเคยมาบำบัด
      เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ ด้วยไมตรี

      “กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกันนะ”
      แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออก มา
      มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็ก น้อย

      “ไปสิครับ”
      กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทาง โรงพยาบาล
      ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ
      ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก
      แนนและกอล์ฟสนิทกัน ขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟ มาแทนที่ของเอที่ยังคงอยู่ในใจเท อ


      บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ แต่เอก็ไม่เคยที่จะติดต่อหรือโทรมาเลย แม้สักหนเดียว

      บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ แต่เอก็ไม่ติดต่อ มา

      บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่เคยมา ปรากฎตัว

      เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน

      ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะ ให้แนน

      ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน

      มันคงจะหายไป แล้วสินะ....หายไปพร้อมกับเอ

      หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายที่เจ้า ชู้

      ทำไมผู้ชายต้องเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม

      ใกล้วา เลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้คงไม่เหมือนกับปีก่อนๆ
      ไม่มีเอที่คอยให้ดอกกุหลาบ แดง คงไม่มีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้เห็นแล้วสินะ

      “แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ”
      เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์

      “ว่างค่ะ ทำไม ค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆธรรมดาๆ

      “พอดีผมมีของที่อยากจะให้แนนหนะ ครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ”
      กอล์ฟเสนอความเห็น หัยแนน

      “ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย สีหน้าแววตาเปี่ยมไปด้วยความ หวัง....
      หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้สักที



      วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลกทั้งโลก
      แม้แต่ลานที่สยามหรือที่ วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์”
      ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดงจน เต็มพื้นที่...นักเรียน
      นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่ว ลานกว้างจนสถานที่ดูแคบลงในชั่วพริบตา

      “ขอโทษนะค่ะ แนนมาสาย” แนนพูด พลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมาและย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่รอรับตัวเทอ

      “ ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้มให้เทอด้วยสีหน้าแจ่มใส

      “อืม...ว่า แต่วันนี้มีอะไรจะให้แนนเหรอค่ะ”
      แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับให้ได้ทันที

      “อันนี้ของแนนนะครับ”
      ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออก มาจากถุงอย่างช้าๆ และวางลงบนโต๊ะที่หนาหญิงสาวอย่างนิ่มนวล

      “หมายความ ว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจของแนนงั้นหรอ”
      แนนพูดติดตลกพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอ คิดว่าเธออ่านเกมส์ทั้งหมดออก

      “ผมคงไม่กล้าขอหัวใจของแนนหรอกครับ”
      กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำหน้าแปลกๆทำให้แนนรู้สึงงงก็สีหน้าของ กอล์ฟ

      “อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...”
      ไม่ทันที่แนนจะได้พูดจบ กอล์ฟ ก็ต่อคำพูดของเขาทันที

      “ผมไม่กล้าที่จะขอหัวใจของแนนหรอกครับ
      เพราะ หัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน”
      ปั้ง...
      เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตได้โถม ทับลงบนกลางศีรษะ
      แนนเริ่มงงกับคำพูดที่กอล์ฟพูดขึ้นไปทุกที...มันหมายความ ว่าอะไรกันหัวใจของฉันแต่ไม่ใช่ของฉันเนี่ยนะ???

      “หัวใจของคุณ คือหัวใจ ของเจ้าของกุหลาบดอกนี้ต่างหาก”
      และกอล์ฟก็เริ่มอธิบายเรื่องราวต่างๆที่แนน ไม่เคยได้รู้ในขณะที่เทอหลับไหลไปในเวลาสองเดือนให้เทอได้ฟังและรับรู้ มัน....

      “ตอนคุณประสบอุบัติเหตุและเข้ามาที่โรงพยาบาล
      คุณเสียเลือด มาก...หัวใจคุณก็เต้นอ่อนลงจนแทบจะล้มเหลว
      พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึง ที่สุด”
      กอล์ฟยังคงพูดต่อในขณะที่ใจของแนนกฎลังเต้นรัวราวกับว่าจะได้รับรู้ อะไรสักอย่าง

      “มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วย คุณให้ได้
      เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้นเพื่อยื้อชีวิตของ คุณ
      ไม่ว่าทางเราจะขออะไร เขาจะจัดหาให้หมด.....
      คำพูดของเขาทำให้ผม ประทับใจมาก”
      กอล์ฟหยุดพูดไปชั่วคณะ...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟกำลังหมายถึงผู้ ชายที่แนนรัมากคนนึงเขาคือเอ

      จากนั้นกอล์ฟก็ไดเปิดปากและพูดประโยคที่ทำ ให้เขาประทับใจคือ
      “ผมยอมแลกทุกอย่างกับของชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับ ชีวิตคุณ”
      กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างง อยู่

      “เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้ คุณ
      เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล
      แต่กลับไม่พบว่ามีเลือด ถุงไหนที่ตรงกับเลือดของคุณเลย”
      กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไปอย่าง ไร้จุดหมาย

      “สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดีและสามารถ ใช้ได้
      เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาเลือดไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็น อย่างไร
      ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้น น้ำตา....
      แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆที่พร้อมจะไหลออกได้ทุก วินาที

      “ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลง เรื่อยๆ
      จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ ไป”
      กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำมาก ขึ้นอีก

      “เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการ อะไรอีก

      “เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้ม เหลว
      เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ”
      หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที

      “ ตกลง ผมจะหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย”
      ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจ ให้แนน ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...
      เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อ จะทำให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

      “คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและ หมออึ้งกันไปหมด
      โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้เลย เขาจะมีปัญญาที่ไหนหา หัวใจให้คุณได้หละ”
      กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาของแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่ม กลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกแล้ว

      “เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ ได้โอนเงินมาเพื่อซื้อหัวใจเทียมให้คุณหรอกนะ
      แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการ กุศลให้กับโรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม
      “นานา” คุณดู ดีๆซิ คำว่า แนน และ เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา”
      นี่คือความปรารถนาสุด ท้ายของเขา – เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขา รัก...
      เพราะไม่มีหัวใจเทียมสำรอง”
      เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำ เข้าไปอย่างเต็มเปา...
      เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหราที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่ เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า
      ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธออย่าง ดีเสียจนน่าแปลกใจ
      ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้หรือส่วนเสียกับโรงพยาบาลแม้แต่ บาทเดียว

      “ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล
      เขาก็ ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลทันทีครับ และทิ้งโน้ตไว้ว่า
      มอบหัวใจให้เธอที่ เป็นคนที่ผมรักมากที่สุด - เขามอบหัวใจของเขาให้กับคุณ”
      ทันทีที่กอล์ฟพูด จบ แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆหรืออยู่รอบๆตัวเทอ
      โต๊ะรอบข้าง หันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ หัวใจที่อยู่ในร่างของ แนน

      “เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ”
      กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่ เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้ กับแนน
      มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....

      “ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขา เป็นของคุณ”
      ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไป เรียบร้อยแล้ว
      ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อ แลกกับชีวิตเธอ

      “กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลน ไทน์ที่จะถึงนี้
      รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก ขอแค่ดอกเดียวก็ พอ...
      เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา
      นั่ง นิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง

      “เอรัก แนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ”
      คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป เป็นคำ พูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำ
      โดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 นาทีโดยมี เพลงประกอบเบาๆ
      แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียง บรรทัด เดียว

      “หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนเพียงคนเดียว นะ”


      _________________
      ชีวิตนี้ยอมสังเวยให้ ปีศาจแดง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×