ได้แต่เก็บความลับนี้เอาไว้ในส่วนลึกใต้จิตใจ
เก็บไว้นาน เนิ่นนาน
จนกระทั่งวันนึ่งที่ฉันรวบรวมความกล้า
เปิดเผยความลับนี้ออกไป
มันก็สายเกินไปเสียแล้ว…
การซ้อมแข่งระหว่างรุ่นพี่ปีสามในชมรมกับน้องใหม่ปีหนึ่งของชมรมวอลเลย์บอลโรงเรียนคิตางาวะไดอิจิ กำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น
ทางฝั่งของรุ่นพี่ปีสาม นำทีมโดยโออิคาวะ เซตเตอร์ฝีมือดีของทีม ด้วยความที่รู้สไตล์การเล่นของคนอื่นๆ ในทีมได้ดี ทำให้เขาสามารถดึงศักยภาพของคนอื่นๆ ในทีมออกมาได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่อีกฝั่ง ทางฝั่งของน้องใหม่ปีหนึ่ง นำทีมโดยคาเงยามะ เซตเตอร์ฝีมือดีอีกคน ด้วยความที่มีไหวพริบที่ดี สามารถส่งให้คนที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทำคะแนน ทำให้คะแนนของสองฝั่งนั่นสูสีกันมากๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าพอฝ่ายหนึ่งนำ อีกฝ่ายหนึ่งก็ทำคะแนนตามได้ในลูกต่อมาทันที
ในที่สุด การแข่งขันก็จบลงไปด้วยชัยชนะของฝั่งรุ่นพี่ปีสาม
โออิคาวะมองคาเงยามะรุ่นน้องที่เล่นตำแหน่งเดียวกับตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
คนคนนี้มีพรสวรรค์มาก ถ้าได้ฝึกฝนมากกว่านี้ มีประสบการณ์มากกว่านี้อีกสักนิด ก็คงเอาชนะเขาได้อย่างสบายๆ
“ขอบคุณครับ!!” เสียงของทุกคนที่แข่งกันในสนามพูดขึ้นพร้อมกับโค้งคำนับเป็นการขอบคุณหลังจากที่แข่งขันกันเสร็จ
“เอ้า! ทุกคนมารวมกันตรงนี้หน่อย” โค้ชพูดขึ้น ก่อนที่สมาชิกชมรมวอลเลย์บอลทุกคนจะวิ่งมารวมตัวเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบที่ตรงหน้าโค้ช “วันนี้ทำได้ดีมากๆ อย่าลืมกลับบ้านพักผ่อนเยอะๆ ด้วยล่ะ สำหรับวันนี้เลิกได้ ปีหนึ่งอย่าลืมทำความสะอาดด้วยล่ะ”
“ขอบคุณครับ!” สมาชิกทุกคนในชมรมวอลเลย์บอลพูดพร้อมกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป
คาเงยามะหยิบไม้ถูพื้นจากห้องอุปกรณ์ ทำความสะอาดโรงยิมร่วมกับเพื่อนร่วมชมรม ก่อนจะวิ่งกลับไปเก็บ แล้ววิ่งไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมตัวกลับบ้าน
“สวัสดี” ในทันทีที่คาเงยามะเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ เขาก็เจอกับใครบางคนที่กำลังยืนรอเขาอยู่
“สะ…สวัสดีครับโออิคาวะซัง!” คาเงยามะรีบพูดขึ้นมาทันทีอย่างตกใจหลังจากที่เห็นว่าคนที่ทักทายเขาเป็นรุ่นพี่ในชมรมที่เขาแอบชื่นชมอยู่เงียบๆ
“ไม่เห็นต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้นะโทบิโอะจัง”
“โทบิโอะจัง?” คาเงยามะมองพูดรุ่นพี่ของตนเองที่กำลังยิ้มให้ด้วยสายตาสงสัย
“นายชื่อโทบิโอะไม่ใช่เหรอ ฉันขอเรียกแบบนี้แล้วกันนะ วันนี้นายว่างไหม ไปด้วยกันหน่อยสิ” โออิคาวะอธิบายก่อนจะหยอดคำถามต่อไปโดยไม่ให้คาเงยามะได้พูดอะไรเกี่ยวกับชื่อที่เขาเรียก
“ว่างครับ!” คาเงยามะรีบตอบในทันที ทำให้โออิคาวะยิ้มกว้าง
“งั้นไปกันเถอะ”
“โทบิโอะจังเล่นวอลเลย์บอลมากี่ปีแล้วเหรอ?” โออิคาวะพูดพร้อมดื่มชาในแก้วของตัวเองจนหมด
“ก็ไม่นานเท่าไร่หรอกครับ แล้วโออิคาวะซังล่ะครับ?” คาเงยามะพูดตอบก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวหน้าเนื้อในชามเข้าปาก
“ฉันเล่นมาตั้งแต่สมัยประถมแล้วล่ะ แต่ว่านายเนี่ยสุดยอดไปเลยนะ เพิ่งจะเล่นได้ไม่นานเองแต่เก่งมากๆ เลยล่ะ” โออิคาวะยิ้มให้
“ขอบคุณครับ” คาเงยามะพูดตอบโดยที่ไม่มองหน้า หยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มชา
“ว่าแต่ นอกเหนือจากเรื่องวอลเลย์บอลแล้ว นายยังมีเรื่องอะไรที่สนใจอีกไหม?” โออิคาวะถาม
“ก็…” คาเงยามะทำท่าคิด “ไม่มีหรอกครับ แค่เรื่องวอลเลย์บอลอย่างเดียวผมก็ไม่เหลือเวลาจะไปทำอย่างอื่นแล้วล่ะครับ”
“จริงเหรอ? นั่นสินะ” โออิคาวะพูด มองเพดานของร้านอย่างคนที่กำลังรำลึกความหลัง “แค่วอลเลย์บอลอย่างเดียวก็พอแล้ว”
“แล้วโออิคาวะซังล่ะครับ?”
“เอ๋?”
“นอกจากเรื่องวอลเลย์บอลแล้ว โออิคาวะซังมีเรื่องอื่นที่สนใจบ้างไหมครับ?”
“ก็ไม่มีนะ” โออิคาวะตอบ “เหมือนกับโทบิโอะจังนั่นแหละ นอกเหนือจากวอลเลย์บอลแล้ว ฉันก็ไม่มีเรื่องอื่นที่สนใจหรอกนะ”
“จริงเหรอครับ?!” คาเงยามะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ “ว่าแต่โออิคาวะซังฝึกซ้อมยังไงเหรอครับ ถึงได้เก่งแบบนี้ ผมอยากเก่งแบบโออิคาวะซังบ้าง”
“ฝึกยังไงเหรอ?” โออิคาวะพูดอย่างใช้ความคิด “ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ถ้านายไม่รังเกียจล่ะก็ ให้ฉันช่วยซ้อมให้นายไหมล่ะ?”
“จะดีเหรอครับ?”
“แน่นอนสิ ไม่เป็นไรหรอก” ถ้าเพื่อนาย ฉันทำให้ได้อยู่แล้ว
“งั้นต้องขอรบกวนด้วยนะครับ!” คาเงยามะพูดเสียงดังพร้อมกับยืนขึ้นโค้งตัวให้เขา ทำเอาคนทั้งร้านหันมามอง
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ยังไงเราก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันนะ” โออิคาวะพูดพลางโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ
คาเงยามะนั่งลงมองรุ่นของตนเองด้วยความรู้สึกตื้นตัน
“ยังไงก็ขอบคุณจริงๆ ครับ” คาเงยามะพูดอีกครั้ง
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเราก็เล่นตำแหน่งเดียวกัน จะได้แบ่งปันเทคนิคการเล่นต่างๆ ด้วยล่ะนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ตอนนี้ก็จะสองทุ่มแล้ว ได้เวลากลับบ้านกันแล้วล่ะ” โออิคาวะพูดขึ้น ทำให้คาเงยามะนึกได้ว่าตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ต้องแยกกันแล้ว
“ครับ” คาเงยามะพูด “ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณมากๆ ครับ”
“จริงๆ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้นะ โทบิโอะจัง” โออิคาวะพูดพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินไปจ่ายเงินพร้อมกับคาเงยามะ “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
ก่อนที่ทั้งสองจะเดินแยกจากกันที่ตรงหน้าร้านข้าวหน้าเนื้อตรงนั้นเอง
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับนาย จริงๆ ฉันมีเรื่องมากมายที่อยากพูดกับนาย อยากแบ่งปันความคิดเห็น เพียงแต่ฉันไม่กล้าที่จะถามออกไป
ทั้งๆ นายกับฉันมีความชอบที่ใกล้กันแท้ๆ… ทำไมฉันถึงไม่กล้าถามออกไปนะ
-------------------------------
“ทำแบบนี้ได้ไหมครับ?” คาเงยามะถามหลังจากที่เขาลองเซตลูกตามเทคนิคที่โออิคาวะสอน
“อื้อ โอเคอยู่นะ” โออาวะพูด “แต่ลองใช้แรงที่นิ้วให้มากกว่านี้หน่อย นายส่งแรงจากมือมากเกินไปจนทำให้ควบคุมลูกยาก”
“ครับ” คาเงยามะพูด ก่อนจะลองเซตอีกรอบให้โออิคาวะดู
“ทำได้ดีขึ้นนะ แต่ต้องฝึกอีกหน่อย จะได้ทำได้ดีกว่านี้” โออิคาวะพูด ก่อนจะดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม “วันนี้พอแค่นี้เถอะ”
“ครับ” คาเงยามะพูดตอบ ก่อนจะเอาลูกวอลเลย์ไปเก็บที่ห้องอุปกรณ์ แล้วรีบออกมาเปลี่ยนเสื้อเตรียมตัวกลับบ้านพร้อมกับโออิคาวะ
“จริงสิ พรุ่งนี้จะมีค่ายเตรียมความพร้อมก่อนแข่งแล้วนิ ตื่นเต้นหรือเปล่า?” โออิคาวะพูดขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังเปลี่ยนเสื้อ
“มากๆ ครับ มันเป็นครั้งแรกของผมเลย ที่ได้เข้าค่ายอะไรแบบนี้” คาเงยามะตอบ “ในค่ายเขาจะทำอะไรกันบ้างเหรอครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก นอกจาก ซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ ซ้อมล่ะนะ” โออิคาวะพูด
“น่าสนุกจังเลยนะครับ” คาเงยามะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“อื้อ สนุกๆ มากๆ เลยล่ะ อีกอย่างเราจะได้อยู่กับเพื่อนๆ ในชมรม ทำให้ทุกๆ คนสนิทกันมากขึ้น”
“ชักอยากเข้าค่ายเร็วๆ แล้วสิครับ”
“งั้นก็รีบไปนอนสิ ในค่ายนี้ก็ซ้อมหนักเอาการนะ ถ้าไม่นอนเดี๋ยวก็ไม่ไหวเอาหรอกนะ” โออิคาวะพูด
“ครับผม” คาเงยามะตอบ “แต่ว่า… พรุ่งนี้นัดเช้าจังเลยนะครับ”
“อื้อ ก็ปกตินะ จริงๆ ปีนี้ช้ากว่าปีที่แล้ว ปีที่แล้วน่ะ นัดตั้งแต่ตีสี่ครึ่งแหนะ” โออิคาวะพูดพร้อมกับทำท่าแหยงๆ “ฉันนอนตื่นสายไปหน่อย เกือบมาไม่ทันแหนะ”
“ถ้าไปโรงเรียนไม่ทันจะเจออะไรเหรอครับ?”
“อืม… ก็วิ่งรอบโรงเรียนร้อยรอบมั้งถ้าจำไม่ผิด”
“เหนื่อยแย่เลยนะครับนั่น” คาเงยามะพูด
“ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้น อย่ามาสายนะ” โออิคาวะพูดกำชับ
“จะพยายามครับ” คาเงยามะพูดขึ้นอย่างหนักใจ
“ทำไมเสียงนายฟังดูหนักใจขนาดนั้นล่ะ?”
“ก็บ้านผมอยู่ค่อนข้างไกลจากโรงเรียนน่ะครับ แถมตอนนั้นรถไฟก็ยังไม่มี ดูท่าคงจะต้องเตรียมใจวิ่งร้อยรอบแล้วล่ะครับ”
“ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ?” โออิคาวะถาม
จริงๆ มานอนบ้านฉันก็ได้นะ….
“จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” คาเงยามะพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างไม่อยากให้โออิคาวะเป็นห่วง
“แน่ใจเหรอ… ถ้ายังไง…”
“เอ๋?! เวลาขนาดนี้แล้วเหรอ ขอโทษนะครับ ผมคงต้องรีบไปแล้วล่ะครับ” คาเงยามะพูด ก่อนจะก้มขอโทษที่เสียมารยาท รีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องแต่งตัวไปอย่างรวดเร็วจนโออิคาวะไม่มีโอกาสพูดตอบอะไร
จริงๆ ตอนนั้นฉันน่าจะรั้งตัวนายไว้ ชวนนายไปค้างที่บ้าน อยู่กับนายทั้งคืน….
-------------------------------
เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันผ่านไปรวดเร็วจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของการเรียนการสอน วันปัจฉิมนิเทศของนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีที่สามกำลังจะมาถึง ที่ชมรมวอลเลย์บอลเอง ก็มีการเลี้ยงส่งรุ่นพี่ปีสุดท้าย
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก ทุกๆ คนต่างกินอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“คาเงยามะ ออกมาคุยด้วยกันหน่อยสิ” โออิคาวะเรียกรุ่นน้องของตัวเองพร้อมกับชี้มือออกไปทางข้างนอกประตู เมื่อคาเงยามะเห็นเขาก็เดินตามโออิคาวะออกไป
“โออิคาวะซัง?” คาเงยามะมองบุคคลผมสีน้ำตาลที่กำลังเงยหน้ามองดาวบนฟ้า
“ตลอดทั้งปีมานี้ ขอบคุณมากๆ นะ โทบิโอะจัง” โออิคาวะพูดขึ้นมา คาเงยามะเงียบรอฟังอย่างตั้งใจว่าเด็กหนุ่มรุ่นพี่ของตนกำลังจะพูดอะไร “ฉันมีความสุขมากๆ เลยล่ะ”
โออิคาวะหันหน้ามามองคาเงยามะ
คนที่เข้ามาเป็นรุ่นน้องของเขา คนที่ทำหน้าที่เดียวกับเขา คนที่สร้างชื่อเสียงให้คิตางาวะไดอิจิเหมือนเขา…..
คนที่เดินเข้ามานั่งในหัวใจของเขา…. และทำให้เขา ตกหลุมรัก….
“จริงๆ ฉันมีสิ่งสิ่งหนึ่งอยากบอกนายมาตั้งนานแล้วล่ะ….” โออิคาวะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “คือจริงๆ แล้ว ฉันน่ะ….”
“โออิคาวะ แกหายไปไหนวะ?!!” เสียงของอิวาสึมิดังมาจากในตัวโรงยิมที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ทำให้คาเงยามะหันไปมอง
“ดูเหมือนรุ่นพี่เขากำลังเรียกโออิคาวะซังอยู่นะครับ” คาเงยามะพูด มองเข้าไปในโรงยิม
“คือว่าฉันน่ะนะโทบิโอะจัง…” โออิคาวะไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนสนิทเขาจับมือของคาเงยามะเอาไว้ไม่ให้สนใจอิวาอิสึมิ
คาเงยามะมองโออิคาวะด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดอะไรออกมากันแน่
“ฉัน….” โออิคาวะ รวบรวมความกล้าของตัวเอง พยายามพูดประโยคที่ตัวเองอยากจะบอกกับรุ่นน้องตรงหน้าออกมา ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว “ฉัน….”
“มาอยู่นี้เองเหรอแก!!” อิวาอิสึมิเดินออกมาจากประตูโรงยิม พร้อมกับรอยยิ้มโหด “กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย คนอื่นเขาตามหาตัวแกกันให้ควั่ก”
“เดี๋ยวฉันค่อยตามเข้าไป” โออิคาวะพูด “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคาเงยามะอยู่”
“ไม่ได้! นายต้องเข้าไปเดี๋ยวนี้ โค้ชเองก็มีเรื่องอยากจะพูดกับนายเหมือนกัน เข้าไปเดี๋ยวนี้”
“แปปนึ่งน่า”
“ไม่!”
โออิคาวะมองเพื่อนของตัวเองอย่างชั่งใจ ก่อนที่ในที่สุดเขาก็ยอม “ก็ได้”
อิวาสึมิเดินเข้าไปในโรงยิมอย่างมั่นใจว่าโออิคาวะจะต้องเดินตามเขามาแน่ๆ ในขณะที่เจ้าตัวนั้น หันกลับมามองคาเงยามะอีกครั้ง รวบรวมความกล้าครั้งใหม่
“โทบิโอะจัง… ฉันน่ะ ฉัน…”
“ไอ้โออิคาวะ แกเข้ามาได้แล้ว! เลิกโอ้เอ้สักที!!!คาเงยามะ ลากตัวมันเข้ามาทีสิ!” อิวาสึมิตะโกนออกมาจากในตัวโรงยิม และนั่นทำให้คาเงยามะ มองกลับเข้าไปในโรงยิม
“เราไปกันเถอะ” หลังจากที่ถูกขัดขวางมาสองครั้ง ความกล้าที่รวบรวมก็หายไปหมด โดยไม่อาจเรียกคืนมาได้ อีกทั้งในตอนนี้ ดูเหมือนว่าคนทั้งงานกำลังรอพวกเขาอยู่ จะเห็นแก่ตัวรั้งเวลาเอาไว้ก็คงไม่ดี
บางทีหลังจากเสร็จงาน ค่อยเรียกกลับมาอีกครั้งก็ได้มั้ง….
แต่แล้วหลังจากที่เข้างานไปครั้งนั้น ฉันก็ไม่มีโอกาสปลีกตัวออกมาคุยกับนายอีกเลย จนกระทั่งนายขอตัวกลับก่อน
จริงๆ ตอนนั้น ฉันน่าจะเห็นแก่ตัวมากกว่านี้อีกสักนิด ยอมเห็นแก่ตัว รั้งตัวนายไว้ สารภาพความในใจออกไป
น่าจะบอกรักนายออกไปตั้งแต่ตอนนั้นแท้ๆ
-------------------------------
สองขาของโออิคาวะรีบวิ่งลงมาจากอาคารเรียน ในมือข้างหนึ่งถือถุงชุดพละเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนอาโอบะโจวไซของเขามีนัดซ้อมแข่งอย่างไม่เป็นทางการกับโรงเรียนการาสุโนะของคาเงยามะ
หลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน ยังไม่ได้สารภาพรักความในใจ วันนี้ เมื่อพบกันฉันตั้งใจไว้แล้วโทบิโอะจัง ฉันจะสารภาพรักกับนาย บอกความในใจทุกอย่างให้นายได้ยิน
แต่ทว่า…..
“คาเงยามะ!!!” เสียงเจื้อยแจ้วของใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก ผมสีน้ำตาลของคนคนนั้นช่างเหมือนกับเขาเพียงแต่มัน… สดใสกว่า
ยิ่งได้เห็นสายตาที่คาเงยามะมองนักตบตัวเล็กจิ๋วคนนั้นแล้ว หัวใจก็พลันรู้สึกเจ็บปวด
สายตานั้นมันเป็นสายตาของคนที่กำลังมองไปยังคนที่ตัวเองรัก…
สายตาแบบเดียวกันกับที่เขาใช้มองคาเงยามะ เด็กหนุ่มผมดำที่ทำหน้าที่เป็นเซตเตอร์อยู่ในสนาม
เขาช้าไป…. ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
ต่อให้เขาบอกรักคาเงยามะไปในตอนนี้ ก็คงไม่ทันแล้ว
ไม่มีโอกาสจะทำคะแนนอีกต่อไป ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดอีกต่อไป
ในตอนนี้ คาเงยามะ โทบิโอะ ไม่ใช่รุ่นน้องตำแหน่งเซตเตอร์ของโรงเรียนคิตางาวะไดอิจิของเขาอีกต่อไป…
เขาควรจะต้องทำยังไง….
ไม่อยากจะเสียสิ่งสำคัญสิ่งนี้ไป….
…….แต่ถ้าความรักที่ฉันมีให้ไม่สามารถรั้งนายไว้ได้ล่ะก็…. ความเกลียดชังจะทำให้นายอยู่กับฉันต่อไปใช่ไหม…..
ความอยากเอาชนะของนาย จะทำให้นายยังคงอยู่กับฉันใช่ไหม
ถ้าอย่างนั้น…. นายก็จงเกลียดฉันซะ อยากเอาชนะฉันซะสิ
พอถึงวันหนึ่งที่นายเองชนะฉันได้ วันนั้น ฉันคงทำใจ รอรับการจากลาอย่างสมบูรณ์ของพวกเราไว้ได้แล้วล่ะ….
“ไงครับ เซตที่ได้มาถูกขโมยไปแล้วเหรอครับเนี่ย?” พูดออกทั้งใบหน้ายิ้มทั้งๆ ที่ในใจเจ็บเจียนตายที่ยังต้องเห็นทั้งสองคนนั้นอยู่ในสนาม จุดที่เขากับคาเงยามะไม่มีโอกาสได้ยืนด้วยกัน
“โอ้ว! มาแล้วเหรอ ขาเป็นไงบ้าง?”
“ดีขึ้นแล้วครับ จริงๆ มันก็แค่ขาแพลงนิดหน่อย ตอนนี้คงเข้าร่วมการฝึกได้อย่างปกติแล้วล่ะครับ” โกหกออกไป ทั้งๆ ที่ความจริง ขาก็ยังไม่หาย แต่ให้ทำยังไง ถ้าไม่โกหก ก็คงไม่มีโอกาสได้แข่งกับคาเงยามะอีก
สองขาเดินเข้าสนาม ใบหน้ายังคงฝืนยิ้มไว้ได้อย่างดีเกินคาด
“ไงล่ะ ราชา” จงใจเรียกคำที่รู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดเพื่อตอกย้ำตัวเอง จากนี้ คงจะไม่มีโทบิโอะจังคนเก่าที่อยู่ซ้อมด้วยกันจนดึกจนดื่นอีกต่อไป
ดูจากสายตาก็รู้… สายตาที่โทบิโอะจังมองฉันในตอนนี้ มันไม่ใช่โทบิโอะจังคนเก่าอีกต่อไป….
สุดท้ายแล้วการแข่งในครั้งนั้น โรงเรียนอาโอบะโจวไซจะได้รับความพ่ายแพ้ไป….
“…..ถึงยังไง สำหรับฉัน ก็อยากจะขยี้รุ่นน้องที่น่ารักในเกมปกติที่เท่าเทียมกันในฐานะของตัวเซตไงล่ะ….” ไม่เคยอยากเป็นแบบนั้นเลยสักครั้ง
ในครั้งนี้สายตาของคาเงยามะที่มองมาทางเขา มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงแววตาของคนที่อยากเอาชนะ ไม่ใช่แววตาชื่นชมอย่างที่เขาเคยได้รับมาก่อน
แต่ก็เอาเถอะ คนที่เลือกที่จะเดินบนทางนี้มันก็เขาเองนี่นา….
“ลาก่อนโทบิโอะจัง” โออิคาวะพึมพำเบาๆ ไปกับสายลม มองชมรมวอลเลย์บอลของโรงเรียนการาสุโนะที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
.................................END.................................
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น