ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] +:-= Because of Love =-:+ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #18 : 12 - 02 - 01 : ผมรู้แล้วล่ะว่า 'เขา' คนนั้นของยุนโฮคือใคร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.22K
      5
      13 ก.พ. 55

     

     

     

     

    01  กุมภาพันธ์  2012

     

     

                วันนี้ผมเฟลมากเลยล่ะ  มันมีทั้งเรื่องดีแล้วก็เรื่องร้าย (สำหรับผม) เกิดขึ้นจนผมสับสนไปหมด  อาจจะเวิ่นเว้อไปหน่อยนะฮะ  ที่จริงผมอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่เวิ่นเว้อแล้วแท้ ๆ เชียว  เพราะรู้สึกว่าทุกคนในห้องนี้ดุขึ้นอ่ะ  ทำไมเวลาอ่านความเห็นในบอร์ดนี้ผมถึงรู้สึกเหมือนโดนดุทุกทีเลย  ..ขอโทษนะฮะถ้าการกระทำของผมมันขัดตาขัดใจเพื่อน ๆ   แต่วันนี้ผมไม่ไหวแล้วจริง ๆ   ผมรู้สึกแย่เอามาก ๆ เลยล่ะ  แต่ผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกันนะ  เพราะงั้นผมจะพิมพ์เล่าไปตามลำดับเหตุการณ์เลยก็แล้วกันนะฮะ

     

                ผมว่ามันเริ่มต้นขึ้นด้วยวันดี ๆ กับบรรยากาศดี ๆ ที่สืบเนื่องจากครั้งที่ยุนโฮบอกว่าชอบ เขา  (ผมจะปรับโหมดตัวเองให้สดใสก่อนก็แล้วกัน)

     

                แน่นอนว่ามันทำให้ผมกลายเป็นคนมองหน้ายุนโฮไม่ติดโดยสมบูรณ์  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นบ้าอะไร  คือมันไม่ได้กลัวเหมือนช่วงแรก ๆ ที่รู้จักยุนโฮนะ  แต่มัน....  อ่า  กระดากปากจัง  (ถึงจะเป็นการพิมพ์ก็เถอะ)  แต่ผมคิดว่าผมคงอายแหละมั้ง

     

                บ้าชะมัดเลยเนอะ  ทั้งที่ยังไม่มั่นใจเลยว่ายุนโฮชอบใคร  ผมก็ดันเหมาว่ายุนโฮหมายถึงผมซะแล้ว  ผมคงเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ

     

                และเพราะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ   ผมก็เลยไม่กล้าสู้หน้ายุนโฮเลยล่ะฮะ  เวลาเจอกันผมต้องเอาหลบตาเขาทุกทีเลยอ่ะ  (และพอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละลายแล้วจริง ๆ ผมก็ยกมือปิดหน้าซะเลย  ดีออก  ยุนโฮจะได้ไม่เห็นด้วยว่าผมแก้มแดง)  ก็เพราะยุนโฮนั่นแหละที่เล่นจ้องซะแบบนั้น  ผมก็ไปไม่เป็นเลยสิ  แรก ๆ ยุนโฮเขาก็ยังไม่ว่าอะไรผมนะ  แต่แค่จ้องแบบมึน ๆ งง ๆ ตามสไตล์เขานั่นแหละ  แต่พอหลาย ๆ วันเข้า  มันก็เหมือนว่าความอดทนของยุนโฮจะสิ้นสุดลงจนได้

     

                วันนี้เขาก็ลากผมให้ไปโกนหนวดที่ห้องเขาตั้งแต่เช้า  แต่ยังไง๊~ยังไง  ผมก็เขินอ่า  (บางทีผมก็อยากต่อยตัวเองนะ  ทำไมต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้  เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้จัง  ใครมีวิธีแก้บ้างมั้ยฮะ)

     

                และก็แน่นอน  พอไม่รู้จะมองตรงไหนอะไรยังไง  (เพราะยุนโฮเล่นจ้องผมเขม็ง)  ผมก็เลยยกมือขึ้นปิดหน้าซะเลย  เหลือแต่ลูกตาดำ ๆ ที่ช้อนขึ้นมองแบบสู้ได้ไม่สุดเท่าไหร่  และยุนโฮก็ยังไม่ยอมละสายตาจากผมจริง ๆ ด้วย  แล้วก็เป็นจังหวะนั้นเองที่ยุนโฮฉวยข้อมือผมไปจับเอาดื้อ ๆ   ผมก็ตกใจสิฮะ  กำลังจะอ้าปากถามอยู่แล้วเชียวว่าทำอะไร  แต่ยุนโฮก็ชิงพูดออกมาก่อนว่า

     

                “ถ้านายยังไม่เลิกทำตัวอย่างนี้  ระวังฉันจะหมดความอดทนเข้าสักวัน”

     

                “คะ... ความอดทน?”  ผมอึ้งเลยสิ  ยุนโฮโกรธผมงั้นเหรอ

     

                “ใช่  ไม่รู้รึไงว่าเห็นแล้วมันน่าแกล้ง”

     

                โหย!  ผมงี้แทบเข่าอ่อนอ่ะ  รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกม๊าาาา!!  รู้สึกร้อนไปถึงใบหูเลย  ยุนโฮนะยุนโฮ!  ไม่ไหวแล้ว  ไม่ไหวแล้วนะ  ตอนนี้ผมอยากมุดหน้าหนีม่ากกกก!  แต่เพราะยังอยู่ในห้องน้ำสองต่อสองกับยุนโฮ  แถมยังถูกเขาล็อกมือเอาไว้อีก  ผมก็เลยไปไหนไม่ได้

     

                “ปะ... ปล่อยมือฉันก่อนเถอะ”  อย่างน้อยก็ให้ผมมีเกราะกำบังหน่อยเถอะ  พลีส

     

                แล้วรู้มั้ยฮะว่ายุนโฮทำอะไร  รู้มั้ยว่าพอผมขอให้เขาปล่อยมือ  ตาหมีป่ายักษ์ใหญ่ขวางแกนโลกนั่นดันทำอะไรกับมือผม!  คือจากที่ผมอยากระเหยเป็นอากาศในตอนนั้นน่ะ  ผมอยากกลายร่างตัวเองเป็นทฤษฎีบิ๊กแบงกำเนิดจักรวาลแทนเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ

     

                เพราะ...

     

                เพราะว่า...

     

                ยุนโฮเขาจูบมือผม...!!  (ขอเวลาผมเขียนพินัยกรรมสามสิบวินาที)

     

                จริง ๆ นะ...  สาบานได้เลย...  ผมนึกว่าตัวเองจะหัวใจวายตายไปแล้ว  ริมฝีปากยุนโฮที่แนบอยู่ตรงฝ่ามือผมมันอบอุ่นมากเลยล่ะฮะ  แม้จะมีหนวดตอ ๆ ที่ยังไม่โกนตรงคางเขาทิ่มมือผมเบา ๆ จนจั๊กจี้  แต่ผมก็ไม่สามารถหัวเราะออกมาได้เลย  เพราะในเวลานี้ยุนโฮกำลังสบตาผมตรง ๆ ในระยะที่ใกล้มาก  คือมันมากจนผมไม่รู้ว่าตัวเองลืมหายใจไปรึเปล่า  และก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ายุนโฮเขาแช่ค้างอยู่ในท่านั้นนานแค่ไหน

     

                แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ปล่อยมือผม

     

                พร้อมอีกหนึ่งประโยค... ที่ติสต์มาก (ตามสไตล์เขา)

     

                “ถ้านายอยากจูบฉันทางอ้อม  ก็เชิญยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาตามสบาย”

     

                โอ๊ยยยยยย!!  ไปไม่เป็นอีกแล้ว  ไม่รู้แล้วว่าตัวเองต้องตอบโต้ยังไง  เขาเป็นใครและผมเป็นใครกันแน่เนี่ยยยย!?  ตอนนั้นผมรู้แค่ว่าอยากหนีกลับห้องตัวเองมากถึงมากที่สุด  แต่ยุนโฮก็เล่นล็อกเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย  (เป็นท่าโกนหนวดมาตรฐานของพวกเราไปแล้ว)

     

                ผมก็กระอึกกระอักสิฮะ  ไม่มีที่ไป  ไม่มีที่ลง  เอาล่ะสิ  ถ้ายกมือขึ้นปิดหน้า  ก็เท่ากับผมเอารอยจูบของยุนโฮมาแปะหน้าใช่มั้ย  แต่...  แต่ว่า....  อ่อก  ผมขอระเบิดตัวเองตายเลยดีกว่า

     

                แต่ก็เหมือนเสียงเคาะประตูห้องจะช่วยชีวิตผมไว้  (แต่หลังจากนั้นอีกสามนาทีผมถึงเปลี่ยนใจเป็นสิ่งที่ฆ่าผมแทน)

     

                ยุนโฮเลิกคิ้ว  ดูท่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมาหาเขาตั้งแต่เช้าขนาดนี้  แต่เพราะมีเสียงเคาะอีกครั้ง  เขาก็เลยยอมผละออกจากผมเพื่อไปดูว่าใครกันที่มา  ผมก็ถอนใจรอดตัวไปแบบเฉียดฉิวสิฮะ  แกล้งทำเป็นจัดของในห้องน้ำเพราะไม่พร้อมออกไปโดนยุนโฮจ้องหน้าอีกหน  แต่เสียงของยุนโฮก็ทำเอาผมชะงักจนได้

     

                “คารัม...”

     

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพี่ยุนโฮ”

     

                “คารัม!  นะ... นายมาได้ยังไง  แล้ว...  แล้วนาย.....  ให้ตายสิ!  นายหายไปไหนมาตั้งหลายปี!?  ผมไม่เคยเห็นยุนโฮตกใจเท่านี้มาก่อน  ตั้งแต่ที่ผมรู้จักเขามา  ยุนโฮมักหน้านิ่งและเก็บอารมณ์เก่งเสมอ  แต่ครั้งนี้...  แต่กับครั้งนี้มันไม่ใช่เลย  และคงเพราะความอยากรู้ว่าคารัมหน้าตายังไง  ผมก็เลยแอบมองลอดช่องประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มออกไปดู  ผมมองเห็นแผ่นหลังของยุนโฮ  เห็นประตูห้องที่เปิดค้าง  และเห็นแขกของเขายืนอยู่ตรงนั้น

     

                รู้มั้ยฮะ...  ตอนนั้นใจของผมหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม  เสียงของยุนโฮเมื่อสองเดือนก่อนแว้บเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง  เหตุผลที่เขาทำดีกับผม...  สาเหตุที่เขาเป็นห่วงเป็นใยผมเหมือนคนพิเศษ...

     

                นั่นเป็นเพราะผมคล้ายน้องชายที่หายตัวไปของเขา

     

                คล้าย...  คล้ายมาก...  ผมกับเขา  หน้าตาของเราสองคน  คล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด

     

                ผมมองน้องผู้ชายคนนั้นที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องยุนโฮอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง  มันเหมือนโลกหมุนเคว้ง  มันเหมือนโดนความจริงบางอย่างตอกย้ำในสิ่งที่ผมลืมไปนาน

     

                ใจหนึ่งผมก็คิดว่าไม่หรอก...  ไม่ใช่หรอก...  จริงอยู่ที่ตอนแรกยุนโฮเขาทำดีกับผมเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสแก้ตัวเป็นหนที่สอง  แต่พอเราสนิทกัน  รู้จักกันมากขึ้น  ผมก็มั่นใจว่ารอยยิ้มที่ยุนโฮมีให้ผมมันมาจากการที่เขามองผม  มองดูตัวตนของผม  และก็มองเห็นในสิ่งที่ผมเป็น 

     

                แต่รู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดนั้น

     

                “เอ่อ... เราออกไปคุยกันที่ร้านกาแฟข้างล่างเถอะ”  ยุนโฮเลือกที่จะกันเขาออกไปจากสายตาผม  ยุนโฮหยิบเสื้อโค้ตมาสวมทับลวก ๆ ก่อนที่จะรีบดันหลังคนที่ชื่อคารัมออกไปจากประตู  แต่ถึงอย่างนั้น...  แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่ยุนโฮเขากำลังจะปิดประตูลง  สายตาของเราทั้งคู่... ก็สบกันอีกครั้ง

     

                แต่ครั้งนี้ใจของผมกลับเจ็บ...

     

                มัน... เหมือนโดนทำลายความหวังสุดท้าย

     

                เพราะยุนโฮไม่พูดอะไรกับผมซักอย่าง  เขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในห้องด้วยซ้ำ  ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน  เป็นส่วนที่ยุนโฮกันออกมาเพื่อไม่ให้ไปวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขา

               

                ผมจำได้  ยุนโฮเคยเล่าว่าน้องชายที่หายไปของเขาชื่อฮยอนชอล  ส่วนคารัมเป็นชื่อเล่นที่ยุนโฮเรียกจนติดปาก  คารัมเป็นเด็กข้างบ้านที่ติดยุนโฮแจเหมือนพี่แท้ ๆ   พวกเขาโตมาด้วยกัน  สนิทกันมาก  แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งคารัมก็หายไป...  และไม่กลับมาอีกเลย

     

                ผมเองก็เคยสงสัยนะว่าถ้าเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน  แล้วทำไมยุนโฮถึงยึดติดกับการหายตัวไปของเขามากขนาดนั้น  ผมเคยสงสัยนะ  แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วล่ะ  ผมว่าผมรู้แล้วล่ะครับว่า เขา คนที่ยุนโฮชอบนั้นคือใคร

     

                ใครสักคนที่ไม่ใช่ผม

               

                ทั้งหมดที่ยุนโฮทำมา  อาจจะเพราะคิดถึงคารัมก็ได้

     

                ผมเดินกลับเข้าห้องตัวเองด้วยความรู้สึกโหวง ๆ   ถ้ามองในแง่ดี  อย่างน้อยมันก็ยังดีที่ผมไม่หลงตัวเองมากไปกว่านี้  อย่างน้อยมันก็ยังดีที่ผมไม่ทันได้ถามเขาออกไปว่าชอบใครกันแน่  เพราะถ้าผมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเองจริง  มันก็คงเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่ในชีวิตของผมเลย

     

                ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ  โดยเฉพาะกับคำถามที่เพื่อน ๆ ในบอร์ดนี้เคยถามผมเมื่อครั้งที่แล้วน่ะ  ถ้ายุนโฮมีคนอื่นมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขา  ถ้ายุนโฮมีอีกคนมาทำกับข้าวให้  โกนหนวดให้  มาทำทุกอย่างแทนที่ผมเคยทำ...  ผมจะรู้สึกยังไงกันนะ

     

                ผมไม่รู้เลย  ผมไม่รู้สึกอะไรเลย... นอกจากความเศร้า

     

                ผมเศร้า... เพราะนึกภาพเหล่านั้นออกได้ทันที

     

                คารัมคงมาแทนที่ผม  คงจะเข้ามาทำแทนสิ่งที่ผมทำได้ทุกอย่าง  และยุนโฮก็คงไม่รู้สึกแตกต่างด้วยเหมือนกัน  ในเมื่อคนที่เขาห่วงใยตั้งแต่ต้นจริง ๆ ก็คือคารัม

     

                ...เจ็บชะมัด  ผมเจ็บมาก ๆ เลยล่ะฮะ  มันเจ็บจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย  มันทั้งเหงา  ทั้งโกรธ  ทั้งเศร้า  แล้วก็โหวง ๆ อยู่ข้างในด้วย  ทุกคนว่ามันประหลาดไหมที่คนคนหนึ่งจะทำให้คนอีกคนรู้สึกอะไรต่อมิอะไรได้มากมายขนาดนี้

     

                แล้วทำไมยุนโฮต้องทำให้ผมรู้สึกอะไรต่อมิอะไรแบบนี้ด้วย

     

                แล้วมันก็หมายความว่าผมรู้สึกพิเศษกับ เขา ไปแล้วด้วยใช่ไหม

     

                แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม  ผมว่ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี  เพราะยังไง ๆ เสีย  คนที่ยุนโฮแคร์จริง ๆ ก็ไม่ใช่ผม  เพราะฉะนั้น...  เพราะฉะนั้นแล้วคนที่มาทีหลังอย่างผมก็ควรต้องเรียกว่ามาสายไปใช่ไหมฮะ

     

     

                แจจุง            

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เนื่องจากมั่นใจแล้วว่าไง ๆ ก็ปั่นไม่ทันวาเลนไทน์  (ไหนจะอีเวนท์วันเกิดแจกับยุนอีก)  อาซินก็เลยจัดให้มันเป็น bad วาเลนไทน์ไปซะเลย  เก๋ดีนะตัว

     

                ขอบอกก่อนว่าอาซินไม่อะไรกับคารัมทั้งนั้นนะคะ  แค่เผลอใจในบางหนเพราะเด็กมันยั่ว  กร๊าก  ก็ขำ ๆ   ฮาดีออกที่ยุนโฮได้มีแฟนบอย (ที่มีสถานภาพกึ่งน้องกึ่งชู้) เป็นตัวเป็นตน  มันสยิวใจดี  แต่เฮ้อ  พูดถึงยุนช่วงนี้แล้วก็ลำบ๊ากลำบากใจ  เพลียจิตจริง ๆ เนอะ

     

                เอาล่ะ  เลิกพูดอะไรที่ทำให้คิดถึงดราม่านั้นกันดีกว่า  (เข้าโหมดหนีความจริง)  แจจุงในไดอารี่ตอนนี้อ่อนไหวเปราะบางมาก  ดูแลกันดี ๆ นะคะ  เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว  เลี้ยงไม่ดีเดี๋ยวตายนะเอ้อ  (พูดเหมือนเลี้ยงทามาก็อตจิ)  อาจมีหลายคนเอือมระอากับนิสัยแบบนี้  ก็ขอบอกเลยว่ามันเป็นคาแรคเตอร์จริงจัง  เพราะถ้าจวงกล้า  คิดรึว่านางจะยอมมานั่งเวิ่นเว้อในเน็ต  คงออกไปฉะกับยุนโฮตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว  เพราะงั้นก็อดทนกันต่อไปนะคะ

     

                ตอนแรกอาซินก็ว่าจะให้หวานต่อไปเรื่อย ๆ เพราะไหน ๆ อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะวันวาเลนไทน์แล้ว  แต่... ก็นะ  ถ้าหวานตลอดก็ไม่ใช่อาซินสไตล์น่ะสิ  ฮา  มันต้องมีขม ๆ บ้างแบบช็อกโกแลตไงพี่น้อง

     

                แถมที่สำคัญนะ  ถ้าแจจุงยอมเป็นแฟนยุนโฮเมื่อไหร่  ก็ถือว่าจบเกมนะคะ  จบเลยนะ  ไม่อยากเล่นกันแล้วใช่มั้ย  (ซึ่งอาซินขอหลงตัวเองว่าไม่ใช่  คนอ่านอยากอยู่กับอาซินไปนาน ๆ ใช่มั้ยคะ)  เพราะงั้นเค้าก็เลยอยากหยอดดราม่าลงไดอารี่บ้างอะไรบ้าง  ถือซะว่าเป็นสีสันแล้วกัน  ไหน ๆ ก็อ่านแล้วกัดคีย์บอร์ดกันมาหลายตอนแล้วนี่  เนอะ ๆ ๆ  เปลี่ยนเป็นทุบคีย์บอร์ดบ้างอะไรบ้างเถอะ

     

                อ้อ  อาซินอัพนิยายแล้วนะคะ  สำหรับคนที่สนใจ  เชิญติดตามได้เลยค่ากับเรื่อง  A.B.Y.  (เหมือนหวยล็อกยังไงก็ไม่รู้  แต่เค้านับยอดแล้วจริง ๆ น้า)  ส่วนเรื่อง  Lovesick  ไว้อาซินอยากจิตเมื่อไหร่  เดี๋ยวเรามาเจอกันค่ะ

     

                ปล. รักคนอ่าน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×