คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : 12 - 02 - 02 : มันแย่มากเลยล่ะฮะ
02 กุมภาพันธ์ 2012
มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริง ๆ นะฮะ ผมอยากได้คำอธิบาย อยากได้ยินคำพูดอะไรก็ได้จากปากของยุนโฮ แต่จนแล้วจนรอด เมื่อวานนี้ยุนโฮก็ไม่กลับห้องมาอีกเลย เขาจะรู้บ้างไหมว่าผมเป็นห่วงเขาแค่ไหน แล้วเรื่องของคารัมอีกล่ะ ผมงงไปหมดเลย อยู่ดี ๆ ทำไมคารัมถึงกลับมา และทำไมคารัมถึงหายุนโฮเจอ แล้วทำไมต้องเป็นยุนโฮด้วยล่ะที่คารัมมาหา ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้นะ เกลียดที่คิดถึงแต่เรื่องของยุนโฮ เพราะทุกครั้งที่คิดถึงยุนโฮ ผมก็จะรู้สึกเศร้าขึ้นมาทุกที
วันนี้ผมก็เลยตัดสินใจจะไปนอนค้างกับจุนซู ผมไม่สนหรอกว่าจะเป็น กขค. ระหว่างจุนซูกับยูชอนหรือเปล่า ผมจะอ้างแค่ว่าอยากมานอนดูบอลด้วยกันนี่แหละ เพราะจุนซูยังไม่รู้เรื่องที่ผมชักจะรู้สึกพิเศษ ๆ กับยุนโฮขึ้นมาจริง ๆ (ในความเห็นของจุนซู เขาเหมาว่าผมกับยุนโฮเป็นแฟนกันไปแล้ว มันเลยยากที่จะอธิบายฮะ ผมรักจุนซูนะ แต่เพราะรักนี่แหละ ถึงรู้นิสัยจุนซูดีว่าเป็นยังไง แถมคนแบบจุนซูก็ตรงกันข้ามกับผมด้วย เพราะงั้นทางออกของจุนซูเนี่ย ผมคงทำไม่ได้แหง ๆ) ผมแค่... ไม่รู้สิ ไม่อยากอยู่คนเดียวล่ะมั้ง ผมเบื่อแล้วที่จะคิดอะไรต่อมิอะไรฟุ้งซ่านไปเองคนเดียว สู้ไปฟังเสียงง้องแง้งของคู่รักปัญญาอ่อนดีกว่า
แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เตรียมตัวเก็บของ ก็มีคนมาเคาะประตูห้องผม แน่นอนว่าผมหวังเป็นอย่างมากว่าอยากให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องตอนนี้เป็นยุนโฮ ผมจึงรีบเปิดประตูออกไปด้วยความตื่นเต้น
และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม...
ก็เป็นยุนโฮจริง ๆ ด้วย
ความโล่งอกมันผุดขึ้นมาในใจทันควัน เหมือนกับว่าความเครียดทั้งหมดมันจางหายไปในพริบตาที่เห็นหน้าเขา แต่มันก็คงเป็นเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้นแหละฮะ เพราะผมจับได้ว่าบรรยากาศระหว่างเราสองคนมันแปลก ๆ แห้ง ๆ ยังไงพิกล
พวกเรายืนมองหน้ากันเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ ที่จริงผมมีเรื่องอยากถามเขาเยอะแยะ แต่สีหน้าเฉยชาผสมเหนื่อย ๆ ของยุนโฮก็ทำเอาผมถามอะไรไม่ออก ผมเชื่อว่าถ้าเขาอยากเล่า เขาก็คงจะเล่าให้ผมฟังเอง เพราะฉะนั้นผมจึงควรให้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัวแก่เขา จะไม่ทำให้ยุนโฮรำคาญหรือคิดว่าผมจุ้นจ้านใส่ ซึ่งสุดท้ายแล้วยุนโฮก็ยอมเอ่ยจุดประสงค์การมาเยือนของเขา... ที่เหมือนทำลายการรอคอยทั้งหมดของผม
“ฉันจะไม่อยู่ที่นี่สักพักนะ”
“...หมายความว่าไง” ผมกำลูกบิดประตูแน่น ข่มความรู้สึกเอาไว้ข้างในไม่ให้เขารู้ แต่บางทีมันอาจไม่มีประโยชน์ก็ได้นะ ก็ผมเล่นละครไม่เก่งนี่ “นาย... จะไปไหนอย่างนั้นเหรอ”
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” แต่ยุนโฮก็ไม่ตอบคำถามผม เขาบอกให้ผมดูแลตัวเองดี ๆ แล้วก็กลับเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผม ซึ่งในวินาทีที่ไม่รู้ตัวนั้น ผมเดินไปหยุดที่หน้าห้องเขาเสียแล้ว เกือบจะยกมือขึ้นเคาะเรียกแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นจังหวะนั้นเองที่ผมได้สติ เคาะแล้วยังไงล่ะ เคาะแล้วยุนโฮจะออกมาอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ ในเมื่อนิสัยของยุนโฮ... แม้จะรู้ไม่หมด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูด เขาก็จะไม่มีวันพูด แล้วกับเรื่องคารัมที่เป็นคนสำคัญของยุนโฮ เขาจะอยากเล่าให้คนนอกอย่างผมฟังแค่ไหนเชียว
ความคิดนี้ทำให้ผมเหน็บชา บางทีอาจเป็นเพราะอากาศหนาวก็ได้ ผมต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ในการชั่งใจว่าจะเอายังไงดี แต่ผมคงคิดนานเกินไป เพราะยุนโฮเปิดประตูพรวดออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบโต เขาดูตกใจที่เห็นผมไม่ยอมกลับห้อง
พวกเรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้น ผมมองเขา และเขาก็มองผม แต่สุดท้ายยุนโฮก็ก้มลงดูเวลา และเอ่ยปากถามผมออกมาว่า
“มีอะไร”
แม้จะเป็นคำถามสั้น ๆ แต่ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ของเขา มันก็เหมือนผมเป็นตัวเกะกะอยู่ตรงนั้น ผมนึกสงสัยนักเชียวว่ายุนโฮคนเก่าหายไปไหน หรือเพราะผมไม่จำเป็นกับเขาอีกต่อไปแล้วกันล่ะ
และคงเป็นเพราะความคิดบ้า ๆ นี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้ผมเผลอหลุดปากพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว
“นายจะไปอยู่กับคารัมอย่างนั้นเหรอ”
มันบ้าใช่ไหมฮะ ผมบ้าใช่ไหมที่ถามอะไรออกไปอย่างนั้น แต่ผมไม่ได้ต้องการคำตอบจริง ๆ หรอกนะ ผมไม่ได้อยากรู้คำตอบมากนัก เพราะผมกลัว... กลัวว่าคำยืนยันของยุนโฮจะยิ่งทำให้ผมเศร้า
แต่ที่ทำให้ผมถามออกไปก็คงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ความน้อยใจบ้า ๆ บอ ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะยุนโฮไม่กลับมาทั้งคืน อันที่จริงผมก็พอจะเดาออกอยู่แล้วล่ะว่ายุนโฮไปนอนที่ไหนมา ในเมื่อเขาออกไปกับคารัม เขาก็คงอยู่กับคารัมตลอดนั่นแหละ และตอนนี้ยุนโฮก็แค่กลับมาเอาชุดเท่านั้น
แล้วทำไมผมถึงยังถามอะไรงี่เง่าออกไป
แค่เพราะอยากให้ยุนโฮรู้... ว่าผมรู้เรื่องของเขาน่ะเหรอ
ทำไมผมถึงกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจแบบนี้นะ
ตอนนี้ผมเกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ซะแล้วสิ ผมไม่ชอบอารมณ์น้อยใจแบบนี้ ประชดประชันแบบนี้ เสียดสีแบบนี้ เพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจเรื่องราวของยุนโฮมากขึ้นเลย แต่ผมก็หยุดความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะยุนโฮที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมช่างเฉยชาเสียเหลือเกิน เขาทำเหมือนกับว่าไม่แคร์ผมด้วยซ้ำ
และถ้าหากกลัวผมแค่คิดไปเองแล้วล่ะก็ ยุนโฮก็ยืนยันด้วยประโยคถัดมาของเขา
“มันก็เป็นเรื่องของฉันกับคารัม”
มันเหมือนโดนฟาดด้วยอะไรสักอย่างที่เจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจ ผมหมดแรงจะพูดไปเลย มันไม่เชิงจุก แต่แค่มีอะไรบางอย่างมาบีบคอให้พูดไม่ออกมากกว่า วินาทีนั้นผมแทบไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว ยุนโฮเดินผ่านผมออกไป หายลับไปโดยที่ไม่เหลียวกลับมามองผมอีกเลย
ยิ่งเขาเป็นอย่างนี้ ยิ่งยุนโฮผลักไสผมอย่างนี้ ผมก็ยิ่งอึดอัดจนอยากร้องออกมาดัง ๆ แต่ผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงด้วยเหมือนกัน
ความรู้สึกแบบนี้... มันเหมือนผมโดนทิ้งเลยนะฮะ เหมือนเป็นแค่ของคั่นเวลา แล้วพอตัวจริงมา ผมก็หมดค่า มันง่าย ๆ แค่นั้นใช่ไหม เรื่องราวของผมกับยุนโฮมันง่าย ๆ แบบนั้นใช่มั้ยฮะ ที่ผ่านมาผมเคยคิดว่ามันมีแต่ในเอ็มวีเพลงเศร้ากับละครน้ำเน่า แต่ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง และความรู้สึกของคนที่โดนทิ้งมันก็สุดจะพรรณนาจริง ๆ
มันตลกไหมฮะ
มันตลกรึเปล่า
ถ้าผมจะรู้จักคำว่า ‘รัก’ และ ‘อกหัก’ ได้ในเวลาเดียวกัน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมยืนกรานปฎิเสธมาตลอด แต่พอมาวันนี้ วันที่หัวใจมันแทบร้องไห้แบบนี้ ผมก็เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองขึ้นมาทันที มันมีอยู่แค่ไม่กี่ความรู้สึกหรอกฮะที่จะทำให้เราเศร้าเสียใจได้มากขนาดนี้
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรัก
ผมคงรักยุนโฮ
ผมคงตกหลุมรักหมีติสต์แตกโดยไม่รู้ตัว
มันน่าอายใช่ไหมฮะ มันคงเป็นเพราะความหัวอ่อนของผม พอเห็นเขาทำดีด้วยหน่อย ก็โอนเอียงไปหาเขาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว ก็แล้วใครให้ยุนโฮมาทำตัวแบบนั้นใส่ผมกันล่ะ อ่า น่าอายชะมัด แต่ก็น่าเศร้าด้วย เพราะกว่าจะเข้าใจตัวเอง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว
ทำไมนะ
ทำไมผมต้องรักยุนโฮด้วย
เพราะต่อจากนี้ผมคงต้องทำใจใช่ไหม แม้ผมจะรู้ตัวแล้วว่าผมรู้สึกพิเศษกับยุนโฮมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่มองโลกแห่งความเป็นจริง หลายคนบอกว่ายุนโฮเองก็รู้สึกพิเศษ ๆ กับผม แต่ถ้าเขาเป็นอย่างนั้นจริง แล้วทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้ล่ะฮะ ทำไมเขาต้องทำผมเจ็บขนาดนี้
ถ้าเขารักผม... เขาก็ไม่ควรทำให้ผมเสียใจไม่ใช่เหรอฮะ
เพราะฉะนั้น... ในเวลานี้... เวลาที่ผมกำลังเสียใจ
มันก็แปลว่า... เขาไม่ได้รักผมเลย
แจจุง
ความคิดเห็น