คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 11 - 12 - 23 : คนเราต้องเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นสินะฮะ
23 ธันวาคม 2011
ตอนนี้ผมนอยด์มาก ๆ เลยล่ะ เพราะงั้นภาษาอาจแปร่ง ๆ หรือไม่ก็วกวนไปบ้าง แถมยังไม่ค่อยมีอารมณ์พิมพ์เท่าไหร่ด้วย ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ เดี๋ยวผมจะค่อย ๆ เล่าแน่นอน ดังนั้นต้องขอโทษทุกคนล่วงหน้าไว้ก่อนเลยนะฮะหากมันจะสั้น ๆ ไปบ้าง แต่ผมจะพยายามพิมพ์ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
สรุปก็คือ... สุดท้ายวันนั้นผมก็ไปฮะ คงเพราะเสียงของเพื่อน ๆ ในห้องนี้ส่วนใหญ่บอกให้ผมไปล่ะมั้ง ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วผมไปเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่ทุกคนพูดก็มีเหตุผลนี่นา ถ้าผมไป ผมก็อาจจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นก็ได้ (แต่ชอบยุนโฮงั้นเหรอฮะ? เอ่อ... ผมไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าเสียงส่วนใหญ่จะบอกกันอย่างนี้ มันออกแนว... ยังไงก็ไม่รู้แฮะ ถึงผมจะไม่ได้ต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นจริง ๆ นะ)
พวกเราไปถึงมหาลัยกันตอนเกือบ ๆ จะห้าโมงเย็น แล้วจุนซูก็ตรงดิ่งไปที่ห้องเรียนที่ว่าทันที มาถึงตอนนี้ผมเริ่มป๊อดอีกแล้วล่ะ (ผมยอมรับฮะว่าผมป๊อด แต่ผมไม่มีจุดมุ่งหมายในการเดินเข้าไปหายุนโฮจริง ๆ นี่นา) ผมเริ่มถ่วงเวลา แต่แหงล่ะที่จุนซูจะไม่สนใจ สุดท้ายเราสองคนก็มาถึงหน้าห้องจนได้
“พี่ยุนโฮ!” จุนซูพุ่งพรวดเข้าไปแบบไม่สนใจมารยาท (ตามสไตล์เขาล่ะ) แต่ปรากฏว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มติวกัน เพราะอาจารย์ติดประชุมอยู่ ยุนโฮก็เลยถือโอกาสนี้ลงไปซื้อของกินข้างล่าง เหลือซุนเอคนเดียวที่นั่งรออยู่ในห้อง ใจนึงผมก็เสียดายนะที่ไม่ได้มาเห็นเองกับตา แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งยังไงก็ไม่รู้ที่ไม่ต้องมาเห็นเต็มสองตา มีกองหนังสือวางอยู่บนโต๊ะทั้งสองตัว และเมื่อดูจะความกว้างของโต๊ะแล้ว ผมก็คิดว่าพวกเขาคงไม่ได้ใกล้ชิดติดกันเป็นตังเมจนหนวดยุนโฮทิ้งแก้มซุนเออย่างที่จุนซูพร่ำบอกผมตลอดระยะทางที่ขึ้นรถเมล์มาหรอก
และผมก็กำลังจะเดินออกมาอยู่แล้วเชียว แต่ถ้าเรื่องมันจบแค่ตอนนั้น ผมก็คงไม่นอยด์มาจนถึงวันนี้แน่ ๆ เพราะดูเหมือนจุนซูจะเคยแวะมาปะฉะดะที่นี่แล้วหนนึง งวดนี้ซุนเอก็เลยพร้อมหาเรื่องกลับเต็มที่
“ฉันถามพี่ยุนโฮแล้ว” เธอเกริ่นประโยคขึ้นมา แถมยังส่งยิ้มแปลก ๆ ให้ผมอีกต่างหาก ผมหันไปมองจุนซูเป็นเชิงถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แต่จุนซูกลับไม่สนใจผมเลย เขาเอาแต่เขม็งมองซุนเออย่างกับเกลียดขี้หน้ากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ปล่อยให้ซุนเอได้สานต่อประโยคของตัวเองจนจบ และเป็นประโยคที่ทำเอาผมหน้าชาด้วย “พี่ยุนโฮบอกว่าเขา - ไม่ - ได้ - เป็น - อะไร - กับแจจุง”
ผมอยากถามจุนซูเดี๋ยวนั้นเลยว่าเขาเอาผมไปพูดอะไรไว้บ้าง แต่จุนซูก็ยังปากไวกว่าผมอยู่ดี
“พี่ยุนโฮเขาก็แค่ไม่อยากตกเป็นข่าวเท่านั้นแหละ” ผมว่าผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วล่ะ ผมพยายามจะลากจุนซูออกไปจากห้อง แต่เขาหนักกว่าผม ผมก็เลยลากออกไปไม่ไหว บ้าชะมัด “พี่ยุนโฮก็เป็นคนดัง ส่วนแจจุงน่ะเหรอ หึ ถ้าไม่ติดว่าคนทั้งมหาลัยเขารู้กันว่าแจจุงเป็นโรคกลัวคนแปลกหน้าขึ้นสมองนะ เธอก็เธอเถอะ ได้แพ้แจจุงหลุดลุ่ยแน่”
“พอเถอะจุนซู” ผมพยายามปราม ชักไม่ชอบแล้วเหมือนกันที่เขาทำอะไรไม่ปรึกษาผมก่อนอย่างนี้ จริงอยู่ที่จุนซูเป็นคนแรง แต่ครั้งนี้เขาก็แรงเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับยุนโฮสักหน่อย เขาไม่ควรเอามาป่าวประกาศผิด ๆ แบบนี้สิ “เราออกไปคุยกันก่อนดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อนสิแจจุง” กลับเป็นซุนเอที่รั้งผมไว้ ผมไม่ชอบสายตาของเธอที่กำลังมองผมเลย รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของเธอผมก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน “นาย... ชอบพี่ยุนโฮเหรอ”
“...เปล่า” ผมตอบออกไปแค่นั้นเพื่อตัดบท
“แต่ฉันชอบพี่เขา” เป็นซุนเอที่ไม่ยอมจบ แล้วเธอจะมาบอกผมทำไมล่ะ ผมไม่ได้อยากรู้เสียหน่อยว่ามีใครบ้างที่ชอบยุนโฮ “และถึงนายจะปากแข็งยังไง แต่การที่นายมาหาพี่ยุนโฮถึงที่นี่แบบนี้... ฉันก็เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นล่ะนะ”
“ก็เรื่องของเธอสิ” ผมใช้น้ำเสียงที่ปกติที่สุดในการตอบเธอกลับไป
“แล้วก็ดูเหมือนพี่ยุนโฮเขาจะสนิทกับนายระดับหนึ่ง”
“เธออยากพูดอะไรกันแน่”
“ฉันอยากตัดไฟแต่ต้นลม” อยู่ดี ๆ ซุนเอก็ถือขวดน้ำเดินมาหาผม ตอนแรกผมนึกว่าจะโดนเธอสาดน้ำใส่แล้วซะอีก แต่ผิดคาดเลยฮะ เธอกลับค่อย ๆ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นเทใส่หัวตัวเองท่ามกลางความตกตะลึงของผมกับจุนซู
“เป็นบ้าไปแล้วรึไง” จุนซูเหมือนจะอ่านเกมออก เขารีบดึงแขนผมหนีทันที แต่ก็ช้ากว่าเสียงของซุนเอที่อยู่ดี ๆ ก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา เล่นเอาผมตกใจหมดเลย แต่ที่ผมตกใจยิ่งกว่าก็คือมีเสียงฝีเท้าวิ่งตรงมาทางห้องเราอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยการปรากฏตัวของยุนโฮในวินาทีถัดมา
“แจจุง? ...ซุนเอ!!?” ยุนโฮมองหน้าผมงง ๆ แวบเดียว ก่อนที่จะมองข้ามหัวผมไปหาซุนเอ เขาก้าวเท้าผ่านผมไปหาเธอทันทีเพื่อถอดเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองให้ซุนเอได้คลุมทับไว้แทน (วันนั้นซุนเอใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนครับ มันเลยเห็นอะไรต่อมีอะไรได้ง่ายมาก) “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมตัวเปียกอย่างนี้ล่ะ”
“พะ... พี่ยุนโฮ” ซุนเอรีบซบยุนโฮทันที ผมว่าผมเริ่มหมั่นไส้เธอแล้วล่ะ “คือเมื่อกี้แจจุงเขา...”
“แจจุงไม่ได้ทำ!” จุนซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย ในขณะที่ผมยังได้แต่อ้าปากเหวอเพราะตามเกมนี้ไม่ทัน
“มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอแจจุง” สุดท้ายยุนโฮก็หันมาถามผม แต่สายตาที่เขาใช้มองผมนี่สิ มันเหมือนกับว่าเขาเชื่อซุนเอไปหมดแล้ว และถ้าเขาเชื่อไปแล้วอย่างนี้ แล้วเขาจะยังมาถามผมอีกทำไมกัน และที่สำคัญคือทำไมผมต้องเสียใจมากขนาดนี้ด้วย
“พี่ยุนโฮจะบอกว่าฉันเอาน้ำราดตัวเองงั้นเหรอคะ!?” ซุนเอฉวยจังหวะที่ผมเอาแต่เงียบดึงความสนใจจากยุนโฮไปหาตัวเอง และก็สำเร็จเสียด้วยสิ
“พี่แค่อยากฟังความทั้งสองข้าง”
“พี่ก็รู้ว่าแจจุงต้องพูดแก้ตัวให้ตัวเองอยู่แล้ว แต่ฉันเป็นผู้เสียหายนะคะพี่! ฉันเป็นคนที่โดนเอาน้ำสาดใส่นะคะ แล้วในห้องนี้ก็มีกันอยู่แค่นี้ มันจะเหลือใครได้อีกล่ะที่แกล้งฉันน่ะ!”
ผมรู้สึกจุกไปหมดกับการเล่นละครของเธอ นี่อาจเป็นมารยาหญิงอย่างที่ผมเคยได้ยินมาก็ได้ และอาจเพราะเพิ่งเคยเห็นจะ ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต ผมก็เลยตั้งตัวไม่ทันอย่างแรง มันทั้งเคว้งแล้วก็เจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากเถียงกลับไปว่าไม่จริง มันไม่ใช่อย่างที่ซุนเอพูดซักอย่าง แต่เพราะสายตาที่ยุนโฮมองมามันสามารถสะกดผมไว้ได้ทุกคำพูด ความโกรธจางหายไป แล้วถูกทดแทนด้วยความเศร้าที่ไร้เหตุผลแทน
“ว่าไงล่ะแจจุง” ยุนโฮยังรอคำตอบจากปากของผม แต่ตอนนั้นผมเลือกที่จะไม่มองหน้าเขาแล้ว มันไม่ใช่เพราะกลัวหนวดรุงรังนั่นอย่างทุกครั้ง แต่เป็นเพราะผมกลัวว่าเขาจะเป็นความอ่อนแอของผม
“ฉันไม่ได้ทำ” ผมตอบออกไปได้แค่นั้น ก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากห้องทันที ผมไม่กล้ายืนอยู่ตรงนั้นต่อ เพราะกลัวว่าตัวเองจะคุมให้นิ่งไม่ได้ ปกติผมก็ไม่ได้เป็นคนขี้โวยวายหรือโผงผางอยู่แล้ว ผมชอบที่จะอยู่เงียบ ๆ ในมุมของตัวเองเสมอมา มีครั้งนี้นี่แหละที่ผมถูกกดดันให้ต้องหนี... ใช่ ผมอยากจะหนี หนีไปให้ไกลจากทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งจุนซู ซุนเอ ...แล้วก็ยุนโฮ
เขาทำให้ผมเศร้า เศร้าที่เขาไม่อยู่ข้างผม แต่เลือกที่จะอยู่ข้างซุนเอ
มันคงไม่สำคัญแล้วล่ะว่าผมจะรู้สึกยังไงกับยุนโฮ
เพราะอย่างไรเสีย... ผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน
แล้วนับตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายหลบหน้ายุนโฮ ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขาแล้วคุยเรื่องของซุนเออีกครั้ง ผมเกลียดการถูกเค้น ถูกถาม ถูกกดดันให้ต้องตอบ เพราะลึก ๆ แล้วผมรู้ดีว่ายุนโฮเลือกที่จะเชื่อใครกันแน่ ก็แน่ล่ะสิ ในเมื่อมีในห้องนั้นมีแค่ผม จุนซู แล้วก็ซุนเอ เธอก็ย่อมพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะยุนโฮต้องมองว่าจุนซูจะเข้าข้างผมในฐานะเพื่อนอยู่แล้ว เพราะแม้แต่ตัวผมเอง... ถ้าผมเป็นยุนโฮ ผมก็คงเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นนั่นแหละ ผมคงเชื่อการแสดงของซุนเอ ดังนั้นผมไม่โทษเขาหรอก... ผมไม่โทษยุนโฮหรอกในเรื่องนี้... แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังไม่อยากเจอหน้าเขาอยู่ดี
มีหลายครั้งที่ยุนโฮเคาะประตูห้องผม แต่ผมก็เลือกที่จะทำเป็นไม่อยู่ และไม่ว่ายุนโฮจะรู้ความจริงนี้หรือไม่ สุดท้ายแล้วเขาก็จะล่าถอยไปเพราะไม่อยากสร้างเสียงรบกวนห้องอื่น ๆ
ยุนโฮยังคงติดติวทุกเย็น ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีของผม เพราะทำให้ผมเลี่ยงที่จะพบเจอเขาได้ง่ายขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นทุกเช้า ยุนโฮก็จะยังหิ้วถุงข้าวต้มและโพสท์อิทมารบกวนประตูห้องผมอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ผมอุตส่าห์เขียนโน้ตแปะไปว่าหายแล้ว แต่เขากลับเขียนตอบกลับมาว่าไม่เชื่อ ยุนโฮต้องกำลังแกล้งผมแน่ ๆ
และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังยึดมั่นที่จะใช้ความเงียบสยบทุกความเคลื่อนไหว จริงอยู่ที่มันไม่ถูก ผมรู้ดีว่ามันไม่ถูกที่ทำตัวขี้ขลาดอย่างนี้ แต่ว่าผมไม่อยากเจอหน้ายุนโฮนี่นา แล้วพอปล่อยไปหลาย ๆ วันเข้า กำแพงของผมก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนทลายไม่ลงแทนแล้ว เหมือนกับว่าระยะห่างที่ผมจงใจขีดไว้กำลังทำให้ผมห่างจากยุนโฮเข้าจริง ๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมเริ่มกังวล บางทีผมไม่น่าหนีตั้งแต่แรก เพราะมันเหมือนเป็นการยอมรับทางอ้อมว่าตัวเองทำผิด แต่มาคิดได้เมื่อสายไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ยังไงผมก็หนีมาตั้งหลายวันขนาดนี้แล้ว ผมคงหมดโอกาสที่จะแก้ตัวแล้วล่ะมั้งฮะ แล้วยิ่งช่วงที่ผมไม่ยอมเจอหน้าเขาอย่างนี้ ซุนเอคงใส่ไฟผมมันปากเลยเชียว ป่านนี้ยุนโฮอาจจะมองผมเป็นตัวร้ายนิสัยเสียไปแล้วก็ได้
สุดท้ายผมก็เลยมานั่งจิตตกเสียใจอยู่คนเดียว ไม่อยากรับโทรศัพท์ใครทั้งนั้น ไม่อยากออกไปไหนด้วย อาการไข้ที่คล้ายว่าจะหายดีก็กลับมาซ้ำเติมกันอีก สงสัยผมจะโชคร้ายต้อนรับวันคริสต์มาสเป็นคนแรกของโลกแน่ ๆ เลยล่ะครับ
ให้ตายสิ... ผมเกลียดตัวเองตอนนี้ชะมัด
แจจุง
เนื่องจากอาซินเริ่มขี้เกียจ (ตามประสาอาซินสไตล์) ก็เลยเริ่มอยากทำเกมโอเวอร์ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ (ออกแนวเลวอย่างเปิดเผย) แต่เพราะอาซินเป็นคนมีจริยธรรมในระดับหนึ่ง (???) เพราะงั้นอาซินจะไม่ตัดจบด้วยตัวเอง แต่จะพยายามสุมปัญหาให้แจจวงของทุกคนกลุ้มใจมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนทุกคนเล่นโอเวอร์ไปเอง...
แผนเด็ดใช่มั้ยล่า~
ก็มาดูกันเน้อ ว่าคนอ่านจะดึงความกล้าของแจจุงออกมาได้หรือไม่ แล้วตาหนวดของชาวเราจะมีบทบาทมากกว่านี้รึเปล่า และชางมิน (ของอาซิน) ที่ทุกคนถามหา จะได้ออกมาในบทบาทแบบไหนกันหนอ
อาซินจะพยายามกลับมาอัพให้ถี่กว่านี้ค่ะ ช่วงนี้ติดขี้เกียจจริง ๆ ยอมรับความผิดแต่โดยดี ขอโทษค่ะ ขอโทษที่อาซินเป็นอาซิน คือแบบมันมีเรื่องให้คิดให้ทำมากมาย และก็ตัดสินใจไม่ได้ด้วยว่าจะปรานีแจจุงถึงขั้นไหนดี (??)
ปล. รักคนอ่าน
ความคิดเห็น