[YAOI]Carta Visa [ตอนพิเศษ] จอมโจรขโมยบ.ก. - [YAOI]Carta Visa [ตอนพิเศษ] จอมโจรขโมยบ.ก. นิยาย [YAOI]Carta Visa [ตอนพิเศษ] จอมโจรขโมยบ.ก. : Dek-D.com - Writer

[YAOI]Carta Visa [ตอนพิเศษ] จอมโจรขโมยบ.ก.

โดย Lingbahh

ตอนพิเศษฉลองรวมเล่มนิยาย Carta Visa ท่องโลกหรรษากับวีซ่าเจ้ากรรม ค่ะ

ผู้เข้าชมรวม

8,442

ผู้เข้าชมเดือนนี้

25

ผู้เข้าชมรวม


8.44K

ความคิดเห็น


5

คนติดตาม


233
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  30 พ.ย. 54 / 18:33 น.

แท็กนิยาย

yaoi carta visa lingbahh nabu



ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

หมายเหตุ : นิยายตอนนี้เป็นตอนพิเศษของ Carta Visa ท่องโลกหรรษากับวีซ่าเจ้ากรรม
http://writer.dek-d.com/nabu-palace/story/view.php?id=432876

************************************************ 

[Pre-Order] เปิดจองนิยาย Carta Visa, Help me ร้านนี้มีผีครับ และ บุพเพ (รีพริ้นท์ครั้งสุดท้าย)

เปิดจอง 18 พฤศจิกายน  - 20 ธันวาคม 2554 เท่านั้น

 

สวัสดีค่ะ

นาบูกลับมาแล้วววว~หลังจากที่หายหน้าหายตากันไปพักนึง คิดถึงกันไหมเอ่ย
แบบว่าทีมงานนาบูไปแข่งมาราธอนมาน่ะค่ะ ต้องคอยวิ่งผลัด
สี่คูณร้อยหนีวาฬน้อยที่ว่ายเข้ากรุงเทพฯ มา  แม้ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมจะยังลูกผีลูกคนอยู่ แต่ว่าสต๊าฟเราก็ไม่ท้อ และหอบเอานิยายสามเรื่องสามรสฝ่ากองทัพน้องวาฬมานำเสนอให้ทุกท่านได้อบอุ่นหัวใจในยามตึงเครียดด้วยการเรียกเสียงหัวเราะกัน

เชิญพบกับ :

1. Carta Visa : (ท่องโลกหรรษากับวีซ่าเจ้ากรรม) ในที่สุด เจ้าเพชรซ่าก็ถึงเวลากางปีกเหินฟ้าซะที... โดน Lingbahh ทำเครื่องบินดีเลย์มาสามปี อย่างนี้บ.ก.ต้องเรียกร้องค่าเสียหาย ...อ่ะ ว่าแล้วลิงบ้าก็จัดเต็มมาเลยค่ะ ตอนพิเศษ(โคตร)ยาวสี่ตอนถ้วน! อ่านกันให้จุดใจ หัวเราะให้ท้องคัดท้องแข็งจนความเครียดกระเด็นไปเลย (ขอบอกๆ บ..ชอบตอนพิเศษเล่มสองเรื่องที่สองมาก ขำจนน้ำตาเล็ดอ่ะ)

2. Help me! ร้านนี้มีผีครับ : ชื่อเรื่องอาจจะฟังเหมือนหนังผี แต่เปล้าาา อย่าเข้าใจผิด เรื่องนี้ผีหล่อพ่อรวยต่างหาก(แล้วมันต่างกันยังไง?) Blackbunny ผู้ชนะเลิศการประกวดนิยาย Nabu Award ปี 2554 ควงปากกา มือซ้ายพร้อมตะหลิวมือขวามาจัดอาหารจานเด็ดชวนหิวเสิร์ฟถึงมือทุกท่านบนร่างชายหนุ่ม โอย... ว่าแล้วก็อยากกิน(ชายหนุ่มหรืออาหาร?)

3. บุพเพ :  ขอบอก...รีปริ้นรอบสุดท้ายแล้วนะจ๊ะ ใครพลาดนิยาย ในตำนาน รอบนี้ไป จะไม่มีอีกแล้ววว บ.ก.พูดจริงๆ ไม่อิงนิยาย พิมพ์ครั้งสุดท้ายในโลกใบนี้แล้วววว (ถ้าใครไปดาวอังคารอาจจะได้อ่าน)

ป.ล. เนื้อหาด้านในและปกของบุพเพรอบนี้จะเหมือนกับรอบที่แล้วทุกประการ ใครที่เคยซื้อไปแล้วก็ชิลๆ ค่ะ  แต่ถ้าอยากซื้อเก็บไว้เป็นเล่มสำรองเผื่อนิยายเปื่อยจากน้ำท่วม บ.ก.ก็ไม่ว่าอะไรนะ เพราะบอกแล้วว่ารอบสุดท้ายจริงๆ

 

มีเรื่องสำคัญมากต้องย้ำกันสักนิด

1)      การเปิดจองรอบนี้ ขอให้ทุกคนอ่านรายละเอียดให้ดีๆ และละเอียดถี่ถ้วนมากๆ เลยนะคะเพราะเราเปิดจองนิยายสามเรื่องพร้อมกัน แถมราคายังต่างกันทั้งสามเรื่องอีกต่างหาก ไหนจะโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมหลายอย่างบานตะไท ดังนั้น ใครไม่อ่านให้ดี ระวังสั่งจองผิดเข้ามานา... เราเตือนคุณแล้ว

2)      สามารถรับหนังสือด้วยตนเองได้ ช่วงประมาณ 24 - 25 ธันวา (เวลาและสถานที่จะแจ้งในภายหลัง / แถวๆ สยาม-ราชประสงค์) แต่ต้องโอนเงินมา Pre-order ในช่วงเวลาที่กำหนด

 

жжжжжжжж

คลิกที่

www.nabu-publishing.com

เพื่ออ่านวิธีสั่งซื้อ, เลขที่บัญชี, เงื่อนไขการจัดส่งฟรี ฯลฯ

รวมทั้งอัพเดทข่าวสารของหนังสือทั้ง 3 เรื่องนี้ที่หน้าร้านค้าเป็นหลัก  หากเข้าหน้าร้านไม่ได้หรือหน้าร้านล่ม สามารถสอบถามได้ที่ Facebook ของนาบู  https://www.facebook.com/pages/Nabu-Publishing/107965129248966

 

жжжжжжжж

ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

     

    หมายเหตุ
    :

    1)      ตอนพิเศษตอนนี้ไม่มีความประสงค์จะรวมไว้ในเล่ม ไม่มีการตรวจตัวสะกด ตัวพรูฟเนื้อเรื่อง ไม่มีอ.ย.และม.อ.ก. ไม่รับประกันว่าจะปนเปื้อนมลพิษหรือไม่ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน ลิงกี้เขียนขึ้นหลังจากเกิดไอเดียแปลกๆในกลางดึกคืนหนึ่งที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้  เขียนเอามันส์ ก็อ่านเอาขำนะคะ

    2)      มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆที่ไม่รู้จะเอาไปแทรกไว้ที่ไหนของเนื้อเรื่องหลัก หาที่ลงเหมาะเหม็งไม่ได้จริงๆ

     



    Carta Visa
    : จอมโจรขโมยบ.ก.

    By Lingbahh

     

     

     

    Guten Tag! สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน

    ก่อนอื่น  ขอแนะนำตัวสักหน่อยว่าผมเป็นใครอะไรมาจากไหน  ผมชื่อ พุดดิ้ง เป็นหมาพันธ์ปั้กสีกาแฟใส่นม วัย 2 ขวบกว่าๆ มีเจ้าของเป็นหนุ่มแว่นหน้าใสหล่อเกาหลีที่ทุกๆ คนรู้จักในชื่อว่า พี่ปุณ  อันที่จริงแล้วพี่ปุณไม่ใช่เจ้านายเพียงคนเดียวของพุดดิ้งนะ  เพราะอันที่จริงแล้วพี่ลูกชิด  เจ้านายขาโหดฮาร์ดคอร์ของพี่ปุณต่างหากที่ไปรับผมมาเลี้ยงดูตั้งแต่อ้อนแต่ออก  แต่ว่าหลังจากนั้นคุณพ่อคุณแม่ของพี่ชิดตัดสินใจขายบ้านหลังใหญ่แล้วย้ายไปอยู่ที่กาญจนบุรีด้วยกันสองตายาย  พี่ชิดก็ตกที่นั่งลำบากเพราะดันซื้อคอนโดที่ไม่ให้เลี้ยงสัตว์ ไปฝากใครก็ไม่มีใครเลี้ยงเพราะผมมันนหน้าย่นๆ ดูแก่ๆ หงำๆ ไม่ได้หล่อเหมือนพวกไซบีเรียนฮัสกี้ ผมนึกน้อยใจอยู่หลายวัน  พี่ชิดก็กลุ้มใจจนกระทั่งโชคเข้าข้างในวันงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท 
    พี่ปุณดันเมาปลิ้นจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว  จะพึ่งพาพี่เพชรก็ไม่ได้เพราะรายนั้นก็เมาจนเต้นรูดเสาได้แล้ว  พี่ชิดจำยอมแบกพี่ปุณกลับมานอนที่บ้านและขอร้องแกมบังคับให้พี่ปุณเอาผมไปเลี้ยงดูเป็นการตอบแทน  พี่ปุณตกกระไดพลอยโจน  รับผมกลับบ้านไปแบบงงๆ แต่ก็ดูแลผมเป็นอย่างดีเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้ที่ผมขึ้นแท่นเป็นลูกชายคนโปรดอันดับหนึ่งในใจปะป๊าหม่าม้าแทนพี่ปุณกับพี่ป่านน้องชายเป็นที่เรียบร้อย 

    ท่านผู้อ่านอาจจะงงๆ ว่าเราเคยเจอกันในตอนหลักหรือเปล่า ขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่า “ไม่เคยครับ” เพราะพี่ลิงกี้ไม่ยอมเขียน  แต่ว่าถ้าเกิดว่าผู้อ่านนึกรักพุดดิ้ง เอ็นดูพุดดิ้ง สามารถพบกับผมได้อีกครั้งในฉบับรวมเล่มนะครับ

    ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนตีสามของ  5 วันก่อนหน้านี้ ในค่ำคืนที่วังเวงแหละเหน็บหนาวบนพรมเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำ  ในคืนที่ชาวกรุงเทพกว่า 30% จมอยู่ใต้บาดาลเสมือนกำลังแคสติ้งหนังเรื่อง Waterworld  คืนนั้นเองที่ความลึกลับได้คืบคลานเข้ามายังห้องรับแขกพร้อมกับเสียง ---ปี๊บ---

    ผมงัวเงียตื่นเมื่อได้ยินเสียงครืดคราดและแสงไฟกระพริบสีส้มจากเครื่องแฟกซ์ที่ตั้งอยู่เหนือหัวของผม  เสียงปี๊บดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกระดาษเอสี่อุ่นๆ หนึ่งแผ่นที่วางอย่างหมิ่นเหม่บนขอบโต๊ะ  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  ผมกระโดดงับที่มุมกระดาษแล้วดึงมันลงมา  หัวกระดาษเป็นลายมือกลมๆ ดูน่ารักผสมอัปลักษณ์ไปในตัวแต่ช่วยไม่ได้ พุดดิ้งอ่านไม่ออกแต่ก็อยากรู้  จึงคาบมันไว้ในปากโดยพยายามที่จะไม่ให้น้ำลายไหลจนเปียกกระดาษ  ผมเคาะประตูห้องนอนของพี่ปุณแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ  จึงเคาะใหม่อีกครั้ง  คราวนี้ประตูเปิดออกพร้อมกับพี่ปุณที่สวมเพียงกางเกงฟุตบอลเก่าๆ ไม่สวมท่อนบน ยืนขยี้ตาอยู่หน้าห้อง แว่นตาก็ถือไว้ในมือไม่ยอมใส่

    พี่ปุณมองผมตาปรือๆ “ว่าไง พุดดิ้ง มาปลุกทำไม พี่เพิ่งได้นอนเอง”

    ผมทำหน้าพยักเพยิดให้พี่ปุณดูกระดาษในปาก  แต่ด้วยความง่วง พี่ปุณกระชากกระดาษออกจากปากผมขณะที่อุ้มผมขึ้นมา “ไปคาบอะไรมาเล่นอีกแล้ว!! ทิ้งซะ”

    โฮ่ง!! เปล่านะ มีแฟกซ์มา พุดดิ้งอยากรู้ อ่านให้ฟังหน่อย

    “หน็อย  นี่มาปลุกเพราะไม่มีคนอยู่ด้วยล่ะสิแก เป็นหมาอะไรหัดกลัวผี” นี่แหน่ะ! ว่าแล้วก็ตบหัวผมแรงๆ ทีหนึ่งแล้วก็โยนผมลงบนเตียงนอนที่ยู่ยี่ โดยไม่ฟังเสียงทัดทาน

    แม้จะถูกโยนลงมาแต่เป็นการกระแทกที่นุ่มนวลและหอมหวาน  เตียงนอนพี่ปุณเนี่ยกลิ่นหอมมากแต่ไม่ได้หอมเพราะเจ้าของห้องหรอกนะ เป็นเพราะหม่าม้าเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีต่างหาก  พี่ปุณย้ายตัวเองขึ้นมานอนข้างๆผม แล้วลูบหัวสองที “Good night พุดดิ้ง อย่าซนล่ะ  อย่าฉี่ใส่เตียงด้วยนะ”

    ฮุ่ย เรื่องนั้นไม่บอกก็รู้ พุดดิ้งเป็นหมามีมารยาทนะ ไม่ฉี่ใส่เตียง

    ว่าแล้วพี่ปุณก็หลับป๊อกลงไปตั้งแต่หัวยังไม่ถึงหมอน  ผมยืดคอมองกระดาษทั้งๆที่อยากรู้ แต่ตัดสินใจนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของร่างที่หอมสบู่นั้น  และหลับไปอีกครั้งด้วยความสุขใจ เรื่องแฟกซ์ไว้ค่อยถามพรุ่งนี้ก็ได้

    õõõõõõõ

            
       
    โฮ่ง โฮ่ง
    !! พี่ปุณณณณ  ออกจากห้องน้ำได้แล้วน้า รถบีเอ็มมารับแล้ว!!!

                ผมส่งเสียงเรียกเจ้าของร่างขาววิ้งเหมือนกินโอโม่แทนข้าวที่กำลังแปรงฟันอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่ในห้องน้ำ   ตอนเช้าๆ พี่ปุณมีสภาพเหมือนซอมบี้  ตาโตๆก็จะเปิดแค่ครึ่งเดียว เสื้อผ้าก็ใส่ไม่ค่อยเรียบร้อย ลืมใส่แว่นบ้างในบ้างวัน  อะไรๆก็ทำช้าลง 50% แต่ขอเดียวที่ไม่เคยลืมคือ อุ้มผมขึ้นมากอดแล้วลูบหัวเบาๆ ก่อนออกจากบ้าน พี่ปุณของพุดดิ้ง is so gentle!

                ก่อนหน้านี้พี่ปุณหายไปไม่กลับบ้านกลับช่องครั้งละเป็นอาทิตย์ๆ กลับมาทีก็ซักครึ่งวันก็หายตัวไปใหม่เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่เดือน ช่วงนั้นพุดดิ้งเหงาแทบแย่แหน่ะ ถึงพี่ป่านจะอยู่บ้านบ้างแต่ก็ไม่ค่อยยอมให้ผมเข้าไปเล่นด้วยใกล้ๆ  เพราะกลัวว่าจะไปทำโมเดลถาปัตย์ของแกพัง ผมน่ะอยากจะบอกว่าพี่ป่านดูถูกกันมากเกินไปแล้ว  หมาเลิศๆ ฉลาดๆ อย่างพุดดิ้งไม่เล่นกับโมเดลของเล่นหรอก! เชอะ!

    จนกระทั่งวันหนึ่งปะป๊าถูกหามเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเพราะความดันขึ้นสูงผิดปกติหลังการออกกำลังกาย  หลังจากนั้นเป็นต้นมา พ่อลูกชายหนีออกจากบ้านก็กลับมานอนบ้านทุกคืน ไม่รู้เพราะเป็นเด็กดีหรือกลัวถูกตัดออกจากกองมรดกกันแน่   ผมล่ะแสนดีใจ  รู้งี้บอกป๊าให้รีบๆเข้าโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว

    โฮ่ง! ผมเห่าเรียกอีกครั้ง พี่ปุณทำหน้ายุ่งแล้วรีบไดร์ผมที่เปียกอยู่ อีกมือก็ติดกระดุมเสื้อไปด้วย พุดดิ้งว่าค่อยๆทำทีละอย่างต้องเสร็จเร็วกว่าแหง็มๆ

    “เอ๊ะ กระดาษอะไร” พี่ปุณเพิ่งเห็นเรอะ  ผมคาบมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้

    ร่างสูงก้มลงเก็บกระดาษ A4 ที่เปื้อนคราบน้ำลายของพุดดิ้ง (ผู้อ่านอย่าแอบทำหน้าอี๋  น้ำลายแห้งไปแล้ว!) แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ใครเล่นบ้าอะไรเนี่ย ปัญญาอ่อน ฝีมือไอ้เพชรแน่ๆ”

    พี่ปุณเนี่ยใจร้ายเนอะ  เรื่องอะไรติงต๊องๆ ต้องโทษพี่เพชรคนแรกเลย พี่เพชรจะรู้ไหมเนี่ยว่าคุณป๋าของพี่เพชรน่ะ ชอบแอบนินทาให้พุดดิ้งฟังลับหลังอยู่เรื่อย...  ผมมองที่ลายมือโย้เย้บนกระดาษอีกครั้งแล้วถอนใจ ....ปัญญาอ่อนหรอกเหรอ  ว้า! นึกว่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำซะอีก  งั้นพี่ปุณแต่งตัวไปก่อนนะ  ผมลงไปดูหน้าบ้านซักกะหน่อย เผื่อเจ้าฝรั่งรูปหล่อเจ้าของบีเอ็มจะซื้อตับย่างติดมือมาฝากผม   

    ว่าแต่...หมอนั่นชื่ออะไรนะ  ผู้ชายหล่อๆ ผมทอง ตาสีฟ้าหน้าตาใจดีคนนั้นน่ะ  จำไม่ได้ซักที  ก็เล่นซื้อของกินมาฝากบ้าง ไม่ฝากบ้าง ความจำของพุดดิ้งไม่ค่อยดี แต่ถ้าเอาไก่ย่างมาฝากทุกจันทร์  ตับย่างทุกอังคาร ไส้กรอกทุกพุธ หมูปิ้งวันพฤหัส เนื้อเค็มวันศุกร์ แบบนี้คงพอจะเป็นเพื่อนกันได้อยู่หรอก....

    อ้อ  เสาร์อาทิตย์ไม่ต้องเอาอะไรมาฝากก็ได้นะ  ผมต้องไดเอ็ทน่ะ เข้าใจ๋?

    õõõõõõõ

    ตกเย็น  พี่ปุณกลับมาบ้านพร้อมกับพี่เพชร เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของพี่เพชรแล้วเดาว่าสองคนนี้แอบหนีเที่ยวอีกแน่ๆ ได้ยินแว่วๆ ว่ามีคิวถ่ายงานที่อ่าวมะนาว  ประจวบคีรีขันธ์แล้วจะถือโอกาสเที่ยวต่อซะเลย...หาเรื่องเที่ยวได้ทุกสถานการณ์เลยล่ะสองคนนี้

                พี่เพชรมาทักทายผมด้วยท่าทางดีใจกว่าผมเห็นพี่เพชรอีก  แต่ผมไม่รังเกียจการถูกกอดหรอกนะ  ใครล่ะจะไม่ชอบถูกคนน่ารักๆ กอด  ผมดมกลิ่นของพี่เพชรฟุดฟิดๆ แล้วเผลอจามออกมา น้ำลายกระเด็นไปหมด  ซอรี่ซอรี่

                “พี่อาบน้ำแล้วนะเว่ย ไอ้พุดดิ้ง”

                พี่เพชรอาบน้ำแล้วน่ะใช่  แต่ผมจามเพราะกลิ่นของบุหรี่นอกที่ติดอยู่ที่ผมของพี่เพชรต่างหาก  กลิ่นของมันไหม้นิดๆ หอมติดอยู่ที่ปลายจมูก ใครกันนะที่เป็นเจ้าของกลิ่น  ชอบจัง อยากเจอแล้วสิ  แค่กลิ่นบุหรี่ก็หล่อแล้ว

    “พี่ปุณดูถูกผมนะเนี่ย”  พี่เพชรมองกระดาษแฟกซ์แล้วหันไปทำเสียงเขียวใส่เจ้านายรูปหล่อของพุดดิ้ง  “พี่คิดว่าลายมือผมมันเลวร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ  แกเห็นด้วยกันฉันใช่ไหมพุดดิ้ง”

    ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี ทำเป็นฟังไม่รู้เรื่องแล้วกัน

    “อ้าว ก็ใกล้เคียงลายมือเอ็งที่สุดแล้วนะไอ้เพชร”

    หม่าม้าเข้ามาในห้องรับแขกที่ยุ่งเหยิงกระเจิงด้วยฝีมือสองหนุ่มพอดี  พี่เพชรยกมือไหว้หม่าม้าแล้วทำท่าจะหอม  เกือบถูกพี่ปุณยันออกไปด้วยฝ่าเท้า “พอแล้ว ไอ้เพชร มากเกินไปแล้ว นี่แม่กู  มึงไม่ต้องอ้อนมาก”

    “หม่าม้า ดูลูกชายหม่าม้าดิ  หวงไร้เหตุผล” พี่เพชรลอยหน้าฟ้องหม่าม้าหน้าตาเฉย  ไม่รู้ไปฝึกจริตเยี่ยงนี้มาจากไหน “หม่าม้าครับ เพชรสัญญาว่าจะไม่ทำตัวน่ารักจนหม่าม้าอยากแบ่งมรดกให้เพชรครึ่งหนึ่ง” ว่าแล้วก็จุ๊บ หม่าม้าไปหนึ่งที  เล่นเอาพี่ปุณคันตีนจนยันเกือบตกโซฟาไปจริงๆ ผมเผลอหัวเราะโฮ่งโฮ่งออกมาด้วย พี่เพชรค้อนขวับ

    “เดี๋ยวเหอะ ไอ้พุดดิ้ง หมาพี่ปุณ  ฉลาดเกินหมาแล้วนะ”

    “ไอคิวสูงเกินหน้ามึงด้วยว่ะเพชร  เอ้า ตกลงกระดาษแผ่นนี้ของใคร”

    “ไม่ใช่โผมมมมม” พี่เพชรยืนยันเสียงหนักแน่น “พี่ชิดไม่มาทำงาน 32 ชั่วโมง ทำไมพี่มาป้ายสีให้ผม  นั่นเจ้านายสุดที่รักของพี่นะ เจ้านายพี่หายไปพี่ก็ไปตามเองเด้!”




     

    หากรูปไม่ขึ้น  คลิกที่นี่ >> http://i189.photobucket.com/albums/z261/nabupublishing/Ghee/thief.png


    “แล้วเอ็งเห็นคำนี้หรือเปล่า มันเขียนว่า ลิงเพชร! นั่นแปลว่าเป็นภารกิจร่วมกันของพี่กับเอ็งโว้ย  นี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่คือคำสั่ง!”

    “อย่ามาทำเนียนด้วยการใช้ชื่อนิยายของนาบูมาบังคับให้ผมทำงาน” พี่เพชรขึ้นเสียงใส่พี่ปุณ  อย่างกับเวลาอีหนูจอมเกรี้ยวกราดตวาดผัว เหมือนกันเป๊ะๆ “แล้วพี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าพี่ชิดหายไปไหน”

    พี่เพชรถึงจะเสียงเขียวกลับก็ทำหน้ากลุ้มใจนะเออ  ตากลมๆนั่นดูครุ่นคิดเท่าที่ปัญญาเท่าหัวถั่วงอกนั้นจะมี  อ๊ะ อย่าหาว่าผมด่าพี่เพชร  ผมจำมาจากพี่ปุณ  แฟนคลับพี่เพชรจงไปเอาเรื่องกับพี่ปุณนะครับ

    “มันก็น่าแปลกใจนา...พี่ชิดไม่เคยเป็นแบบนี้เลย  ไม่มาออฟฟิศแบบไม่มีเหตุผล  โทรไปไม่รับ ไม่ออนไลน์สไกป์...เอ...พี่ปุณครับ”

    “หือม์” ในที่สุดก็เข้าสู่โหมดปกติ พี่เพชรกระแซะไปเบียดใกล้ๆ เจ้านายผม เอาจริงๆนะ ใครเขาไม่รู้ต้องคิดว่าสองคนนี้มีซัมติงรองกันเป็นแน่แท้

    “ถึงจดหมายนี่มันจะดูสติไม่ค่อยดี...แต่เราก็น่าจะไปดูพี่ชิดกันหน่อยนะ”

                พี่ปุณคว้าโทรศัพท์มากดหาพี่ชิดอีกที  แล้วก็จิ๊ปากด้วยความขัดใจ มือขาวๆคว้ากุญแจรถฮอนด้าแจ๊สขึ้นมาแล้วดึงพี่เพชรขึ้นมาจากโซฟา “ปะ...ไปบ้านพี่ชิดกัน”

                “เดี๋ยวๆ ไอ้จดหมายน้อยนี่ ไม่ได้บอกว่าพี่ชิดอยู่ที่ไหนนี่นา”

                “ก็...” เออ จริงของพี่เพชร แสดงว่าในสมองถั่วงอกนั้นมีความฉลาดอยู่เต็มเปี่ยมสินะ! พี่ปุณเม้มปากแน่น “ถ้ามันให้เราเอาแมคบุ้คไปด้วย แปลว่าต้องเป็นที่ที่ทำงานได้ มีปลั๊กไฟ นั่นหมายถึงบ้าน!  จะเป็นบ้านใครถ้าไม่ใช่บ้านพี่ชิด”

                Work in boat ไงพี่” พี่เพชรกวนตีน วอนถูกกุญแจฮอนด้าจิ้มตาซะแล้วไหมล่ะ  บอกแล้วว่าอย่าแหย่พี่ปุณ เห็นหล่อๆ ยิ้มๆ แกดุเอาเรื่องนะครับ

                “พี่ปุณๆ เดี๋ยวๆ นั่นกุญแจรถผม ไม่ใช่ของพี่”

                “ก็จะขับรถเอ็งไป”

                “แล้วรถพี่ล่ะ”

                “เพิ่งล้างเสร็จเมื่อเย็น ไม่อยากเอาไปคลุกฝุ่นอีก”

                เอาเข้าไป....

    พุดดิ้งลองคิดง่ายๆ สมมติว่าแก๊งค์จอมโจรขโมยบ.ก. นี่มีพี่ชิดอยู่ในกำมือและเตรียมฆ่าปาดคอ  กว่าเจ้าสองคนนี้จะไปถึง มีหวังพี่ชิดล่วงหน้าไปถึงยมโลกแล้วแน่ๆ  เพราะมัวแต่เถียงกันเนี่ยแหล่ะ

    õõõõõõõ

    “ไปขึ้นรถ!  พี่ปุณกดกุญแจรีโมตดังปิ๊บ  ผมรีบวิ่งแซงหน้าพี่เพชรไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อรออยู่ใกล้ๆ ประตูที่นั่งข้างคนขับ  พี่เพชรมองผมแล้วขมวดคิ้ว

    “เฮ้ย พุดดิ้ง แกอยู่ในทีมด้วยเหรอเนี่ย”

    แน่นอน! ผมตอบประสาผม

    พี่ปุณถอนหายใจ “คือ เพชร ไอ้พุดดิ้งเนี่ยมันคิดว่ามันเป็นลูกชายคนโตของบ้านนี้ ดังนั้นมันต้องได้นั่งหน้า กินข้าวร่วมโต๊ะ ฯลฯ ดังนั้น แกต้องอุ้มมันขึ้นรถไปก่อนแล้วหลังจากนั้นจะโยนลงแล้วขับรถหนีหรืออะไรก็ว่าไป”

    ฮึก! พี่ปุณใจร้าย  พุดดิ้งก็อยากไปช่วยพี่ชิดเหมือนกันนี่นา

    พี่เพชรสบตาผม ท่าทางเข้าใจความรู้สึกจึงยอมเปิดประตู “เอาวะ ไปด้วยกันไปไอ้พุดดิ้ง  เผื่อพวกโจรทำหลายหลักฐานใบหน้า แกจะได้ไปช่วยตำรวจพิสูจน์กลิ่น”

    พี่เพชรนี่สงสัยจะอ่านนิยายฆาตกรรมมากไปหน่อย   โจรที่บังคับให้พี่เอาคอมพิวเตอร์ไปด้วยคงไม่ใจร้ายถึงขั้นอำพรางศพกันหรอกนะ

    โฮ่ง  เอาเป็นว่าตกลง  ผมปีนขึ้นไปบนเบาะที่นั่ง  เอาขาหน้าเหยียบคอนโซลหน้ารถแล้วมองซ้ายขวา

    RRR RRR

    เสียงโทรศัพท์ของพี่เพชรดังขึ้นตอนที่พี่ปุณออกรถแล้วกดรีโมตปิดประตูหน้าบ้าน   พี่เพชรหยิบโทรศัพท์ LG Chocolate สภาพเหมือนผ่านสมรภูมิรบขึ้นมา  ผมหวังว่าพี่เพชรจะเปลี่ยนมือถือไปใช้ไอโฟนในเร็วๆนี้ เราจะได้ facetime หากันได้ยามเหงา facetimeกับผมนะ ไม่ใช่พี่ปุณ

    “สวัสดีครับ เพชรพูดครับ”

                ทันใดนั้นหน้าพี่เพชรก็เปลี่ยนสีไป  พี่ปุณเหลือบมอง “เพชร ใครโทรมา”

                พี่เพชรกระซิบลอดไรฟัน “ไม่รู้ว่ะ  ผู้หญิงพูด เสียงโหดมาก”

                พี่ปุณคว้ามือถือพี่เพชรแล้วกดปุ่มให้เสียงออกลำโพง ได้ยินชัดๆ “ฮัลโหล  นี่ปุณเองนะครับ ไม่ทราบใครพูดสายครับ”

                ใจจืดใจดำจริงๆนะ  เจ้านายจะตายอยู่แล้วยังไม่มาดูใจกันอีก...

                !?! เราสามคน เอ๊ย สองคนหนึ่งตัวมองหน้ากันอย่างหวาดๆ “ใครครับ”

                คนที่กุมชีวิตบ.ก.ลูกชิดอยู่ยังไงล่ะ...

                “อย่ามาล้อเล่น  พี่ชิดอยู่ไหนกันแน่!”

                สามทุ่ม  สามสิบสามนาที  ถ้าฉันไม่เจอแกสองคนที่บ้านพี่ลูกชิดล่ะก็  เจ้านายแกตายหยังเขียด! ห้ามบอกใคร  ห้ามแจ้งตำรวจ

                ตายล่ะวา....ดูท่าจอมโจรขโมยบ.ก.นี่จะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นซะแล้ว

                “เอ่อ อย่าทำอะไรพี่ชิดนะครับ เดี๋ยวผมกับเพชรจะเข้าไป....เอ่อ....ทำทุกอย่างที่คุณจอมโจรต้องการเลยครับ”

                เอาแมคบุ้คมาหรือเปล่า

                “เอามาครับ สองตัวเลย มีที่ชาร์จพร้อม  รางปลั๊กไฟก็มี”

                พี่เพชรมองหน้าพี่ปุณ “นี่พี่เตรียมการพร้อมสรรพเลยนะเนี่ย สมรู้ร่วมคิดเปล่าวะ”

                “จะปล่อยให้เป็นอะไรไปได้ยังไงเล่า” พี่ปุณหันมาแหวใส่ “ก็พี่ชิดทั้งคนก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา! พี่ชิดตายไป ใครจะเซ็นรับรองเงินเดือนให้ HR”

                พี่ปุณนี่มองการณ์ไกลจริงๆ... กลัวไม่มีเงินเดือนมาซื้ออาหารหมาให้ผมด้วย ผมแอบทึ่งปนๆ ปลื้มไม่ได้

                แล้วพิซซ่าล่ะ สั่งหรือยัง

                “มีแล้วครับๆ”

                หน้าอะไร

                โจรบ้าอะไรวะ โคตรเรื่องมาก.... พี่เพชรบ่นด้วยสายตา “พิซซ่าหน้าเจครับ สร้างกุศลอันดีงามด้วยพิซซาเจ ไม่เบียดเบียนชีวิตใคร”

                พิซซ่าเจ พ่อมึงตาย!!!!!  คราวนี้จอมโจรที่อยู่ปลายสายตะโกนมาอย่างเกรี้ยวกราด  เล่นเอาพี่ปุณตกใจกระทืบเบรกจนหน้าทิ่ม ดีนะไม่มีรถวิ่งตามหลังมา ไม่งั้นคนตายต้องเป็นเราทั้งสามแหงๆ

                “ไอ้เพชรมึ๊ง กวนตีนซะเกือบได้เรื่อง---“ พี่ปุณหันมาแยกเขี้ยวใส่ “ขอโทษครับคุณจอมโจร เอ่อ เราซื้อพิซซ่าสุพรีมรวมมิตรทะเล  กับ หน้าไส้กรอกอิตาเลียนมาครับ (…) ครับ  (…) สองถาดครับ  รับไก่นิวออลีนวิงค์เพิ่มไหมฮะ”

    พุดดิ้งไม่ยักรู้ว่าพี่ปุณเคยขายพิซซ่ามาก่อน คุยได้เป็นวรรคเป็นเวรเชียว พอวางสายได้ก็หันมาเบิ๊ดกะโหลกพี่เพชรแรงๆ เสียหนึ่งที  ข้อหาสร้างความตกใจ ผิดกาลเทศะ

                “พี่ปุณอ้ะ” พี่เพชรทำเสียงงอน  ลูบหัวป้อยๆ “เอะอะก็ตบตี ใจร้าย”

                “เป็นเมียพี่ก็ต้องรู้หน้าที่ อย่าให้ต้องลงไม้ลงมือ” นี่แหน่ะ ฟาดอีกทีให้หายหมั่นไส้ พี่เพชรหน้าง้ำหน้างอ

                พุดดิ้งมองหน้าพี่เพชรแล้วอยากหัวเราะเสียงดังๆ ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า

    õõõõõõõ

                ตอนแรกประชาสัมพันธ์สาวก็จะไม่ยอมให้คีย์การ์ดสำรองพวกเรามาหรอก แถมจะไม่ให้ผมขึ้นคอนโดด้วย แต่พี่เพชรก็เข้าไปออเซาะจนได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือพร้อมกับเบอร์สาวซะด้วย  เรื่องแบบนี้เนี่ยนะ  คารมดีมีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ

                เราขึ้นไปจนถึงชั้น 8 ห้อง 811 พี่ปุณเคาะประตูอย่างร้อนรน  ไม่สิ เรียกว่าทุบจะเหมาะกว่า อาการผิดกับพี่เพชรที่ดูวิตกกังวลแต่เก็บอาการได้ดีกว่า

                ประตูห้องก็ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแต่ความมืดที่วังเวงจนขนลุก

                พี่ปุณกลืนน้ำลายเอื๊อก...ก้าวเข้าไปคนแรก แทรกกายเข้าไปในความมืดอย่างคล่องแคล่วซึ่งแสดงว่ารู้ลักษณะทางกายภาพของห้องเป็นอย่างดีแม้จะอยู่ในความมืดก็ตาม  ผิดกับพี่เพชรที่เดินชนนั่นชนนั่นข้าวของร่วงกระจาย

                “พี่ชิดครับ...” ผมวิ่งไปเป็นเพื่อนพี่ปุณแล้วค้นพบพร้อมๆกันว่า สวิตซ์ไฟห้องรับแขกเสีย  พี่เพชรถอดรองเท้าเดินไปรอบๆ (แน่นอนว่าดันไปเตะตู้อะไรซักอย่างจนร้องจ๊าก โวยวายว่าเล็บฉีก) ไม่ปรากฏว่ามีร่างของพี่ชิดอยู่ที่ไหนเลย ไม่ว่าจะห้องนอน  ห้องน้ำ ห้องครัว เครื่องซักผ้า หรือ ในตู้เย็น (ไม่ทราบว่าพี่ปุณคิดอะไรอยู่ถึงเปิดตู้เย็นเพื่อหาพี่ชิด?)และในที่สุดก็ค้นพบว่าห้องนอนเล็กที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องทำงานนั้นลูกล็อกอยู่จากภายใน

                “เฮ้ย ล็อกว่ะเพชร”

                “เอาไงดี  พังประตูเข้าไปดีไหม”

                “มึงนึกว่ามึงเป็นพระเอกหนังเหรอ ไอ้บ๊อง” พี่ปุณเอ็ด “เคาะประตูสิวะ”

                แถวบ้านพุดดิ้งเรียกว่าคอมมอนเซ้นส์ครับพี่เพชร เผื่อพี่ไม่รู้

                พี่เพชรบ่นอุบอิบ แล้วเป็นฝ่ายเคาะ “พี่ชิดครับ....พี่ชิดอยู่หรือเปล่า ผมมาถึงแล้วน้า ก่อนเวลานัด สองนาที สี่สิบสามวินาที พี่ชิดตอบผมหน่อย”

                เงียบงัน....

                ลางสังหรณ์สยองขวัญทำให้ผมขนหัวลุกซู่...หรือว่า หลังประตูบานนี้พี่ชิดจะกลายเป็น....ศพ

                พี่ปุณกัดริมฝีปากแน่น ส่งเสียงบ้าง “พี่ชิดครับ ผมซื้อพิซซ่ามาฝาก”

                ประตูเปิดผลัวะพร้อมกับมือปีศาจที่โผล่มากระชากกล่องพิซซ่าไปจากมือ “พิซซ่าสองกล่องนี้ไม่ใช่ของพี่ลูกชิดเฟ่ย!!”

                พี่ปุณหน้าเหวอ พี่เพชรพูดไม่ออกเมื่อประตูเปิดออกกว้างแล้วเห็นพี่ลูกชิด บ.ก.สุดโหดนอนสลบเหมือดอยู่บนโต๊ะทำงาน ข้างๆมีสิ่งมีชีวิตสองตัว ตาแดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปน  ผิวกายขาวซีดท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง  นี่น่ะรึจอมโจร  ดูไม่ต่างจากซากมนุษย์ที่ใกล้อดตายแถวโซมาเลียเลยสักกะนิดนึง

                จอมโจรคนหนึ่งกระชากกล่องพิซซ่าไปแล้ว อีกคนเดินตรงมายังเราทั้งสามด้วยบรรยากาศคุกคาม “พวกแกมาถึงตรงเวลาก็ดีแล้ว หึหึ” มือแข็งแรงกระชากคอเสื้อของพี่เพชรและพี่ปุณ โยนเข้าไปในห้องแล้วกระแทกประตูปิดดังปังดังสนั่นหวั่นไหว  ทิ้งไว้แต่ผมที่ตกใจจนลืมเห่า

                “แก...พวกแกเป็นใคร  พวกแกใช่ไหม จอมโจรขโมยบ.ก.”

                “ถูกต้อง....หึหึหึ”

                เสียงนั้นดังมาจากด้านใน  ผมแนบหูกับประตูเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น

                “เจ้าเพชร....ตกลงแกซื้อพิซซ่าอะไรมาให้พวกฉันกิน”

                “หน้าเจ!”

                พลั่ก!!! แรงเยอะอย่างกะควายไบซัน  ผมเดาว่าพี่เพชรคงต้องบาดเจ็บที่ใดที่หนึ่ง “ไม่ใช่เพื่อนเล่นและไม่กินเจโว้ย รู้ไว้ซะด้วย”

                ครับๆ พี่จอมโจร....เชื่อแล้วครับ จอมโจรต้องเป็นคนบาป ห้ามกินเจครับ

                “พวกแกบังอาจลองดี  ก็จะไม่ปรานีล่ะน่ะ  เอ้า ปลุกบ.ก.ลูกชิดให้ฟื้นแล้วกลับมาทำงานต่อเดี๋ยวนี้!!”

                กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า จอมโจรขโมยบ.ก.เป็นใครกันแน่ !?!

    õõõõõõõ

                ผมถูกทิ้งไว้หน้าห้องเป็นเวลาสามชั่วโมงแล้ว โดยไร้คนเลียวแล  ใจผมน่ะห่วงแสนห่วงทั้งพี่ลูกชิด พี่ปุณ และพี่เพชร อีหนูของพี่ปุณ  อยากจะกดโทรศัพท์ไปฟ้องฝรั่งผมทองใจดีคนนั้น  ก็ดันสื่อสารกันไม่รู้เรื่องอีก  เฮ้อ ตูล่ะเหนื่อย....

                ผมหลับไปงีบหนึ่งก่อนที่จะตื่นมาพร้อมเสียงคร่ำครวญโหยหวนของพี่เพชร “เจ๊บ.ก.ครับ อย่าทำอะไรพี่ชิดเลยครับ  อย่าทำผมด้วย อะไรยังไงก็ไปเอากับพี่ปุณเถอะนะครับ”

                บ.ก. คนที่สอง ?? นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ?  ผมเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

                “โอ๊ย  อย่าเฆี่ยนโผมมมม  สงสารเพชรเถอะครับ  อย่าทำโผมมมม  เจ๊อยากได้อะไรรีบบอกมาเลย เดี๋ยวผมแก้ให้ โอ๊ย โอ๊ย!! เจ๊สั่งให้ผมตรวจพรูฟภาษาอังกฤษเนี่ยนะ  ใช้งานผิดคนแล้วเจ๊”

                ทันใดนั้นพี่ปุณ มาดแมนแฮนด์ซั่มก็เข้ามาขวาง “เจ๊จอมโจรครับ ผมขอเป็นพยานครับ ว่าไอ้เพชรตรวจภาษาอังกฤษไม่ได้จริงๆ คือ มันท่อง เอ ถึง แซด ได้ไม่ครบ 26 ตัว  ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก ก็ได้ไม่ครบ 48 ตัวด้วยครับคุณจอมโจร”

                “เดี๋ยวเหยียบให้แบนทั้งคู่เลย ภาษาไทยมี 44 ตัวย่ะ!! บ.ก. เฆี่ยนไอ้แว่นต่อมภาษาไทยอักเสบนี่เลย  เจ้าเพชรหัวถั่วงอกด้วยค่า”

                อ๊ากกกกกกกกกกกก ช่วยด้วยยยยยยยย

                ในห้องเกิดอะไรกันขึ้น พุดดิ้งชักหวั่นใจ  ทำไมมีการทำร้ายร่างกายและด่าทอถึงมันสมองของพี่ๆ ทั้งสองคน แล้วพี่ชิดมัวทำอะไรอยู่

                “งั้นสลับหน้าที่กัน พี่ลูกชิดไปคุมตรวจพรูฟ  ลิงเพชรไปแต่งภาพปก  ส่วนแว่นปุณทำเนื้อใน --- คืนนี้ต้องเสร็จนะ ไม่งั้นล่ะก็...ลูกชิดตายคนแรก! จากนั้นก็...”

                ท้ายประโยคมีแต่ความเงียบ พุดดิ้งร้อนใจเหลือเกินกับความเงียบงันที่น่ากลัวนี่ หรือว่าจอมโจรทั้งสองคนลักพาตัวพี่ลูกชิดเพื่อล่อพี่ปุณกับพี่เพชรให้ติดกับเพื่อทำมิดีมีแต่ร้ายXXXYYYZZZ แล้วเอาผู้ชายหน้าตาดีสามคนไปฆ่าหั่นศพโยนทิ้งลงพื้นที่น้ำท่วมให้จระเข้มากิน  โอ้ว  ม่ายน้า มันน่าสยดสยองเกินไปแล้ว

    õõõõõõõ

          
         
    แอ๊ด...ในที่สุดประตูก็เปิดออก เสียงดังมาจากประตูห้องที่เปิดแง้มออกพร้อมโจรสาวทั้งสอง  ผมมองเข้าไปเห็นสามหนุ่มสะบักสะบอมอยู่หลังแมคบุ้คสามเครื่อง  น่าสงสารอะไรเยี่ยงนี้  พี่เพชรตาเขียวปั้ดเลย
    !! เป็นเพราะพิซซ่าหน้าเจแหงๆ

    “โอ๊ย  เมื่อยไปหมดเลยน้า  ในที่สุดก็ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ซักที” โจรสาวใส่แว่นหันมาจ้องตากับพุดดิ้งดุๆ หงิง  อย่ากินเค้านะ  เค้ากลัวแล้ว

                “ว่าไงพุดดิ้ง อยากจะเข้าไปข้างในไหม”

    ผมรีบส่ายหัวดิก  ขนลุกเกรียวเมื่อรองเท้าโอนิสึกะไทเกอร์สีแดงที่เจ้าหล่อนใส่อยู่มาเลียบๆเคียงๆ ตัวผม  ผมทำตัวลีบ

    หูได้ยินเสียงกริ๊ก เป็นการล็อกประตูห้องจากด้านนอก  โจรสาวผมยาวสลวยดำขลับที่มีลักยิ้มเก๋ไก๋บนใบหน้าหันมามองผมแล้วยิ้มให้ “ว่าไง ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม พุดดิ้ง”

    แล้วเจ๊ทั้งสองเป็นใคร จะพาผมไปไหน  ไปแล่เนื้อขายเป็นลูกชิ้นเนื้อหมาหรือเปล่า ไม่นะ  เจ๊แว่น เจ๊อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมขอร้อง

    “ปะ ลิงกี้ เราพาหมาไปเดินแล้วแล้วจัดการเจ้าพิซซ่าสองถาดนี่กันเถอะ  ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันละ” 

    ตายห่ะ!! จอมโจรทั้งสองคือ ลิงกี้  และบ.ก. อเมทิส แห่งสนพ.นาบูนี่เอง  ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องปิดตายนั้น หลุมดำที่ไม่มีใครอยากย่างกรายเข้าไป  คนที่รอดชีวิตมาแล้วไม่อยากกลับเข้าไปอีกเลย เพราะมันคือ...

    โรงงานนรกนาบู!

    “อ้าว แล้วบ.ก.อเมทิส จะไม่อยู่คุมสามคนนั้นทำงานเหรอ”

    บ.ก.สาวยักไหล่   “เอาเถอะน่า....ไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวกลับมาต้นฉบับ Carta Visa ก็เสร็จเอง  หรือไม่ก็จะเชือดทั้งสามคนแล้วพาดหัวว่านิยายฆาตกรรมซะเลย  ดีมะ กีกี้”

    “ไอเดียแจ่มแมวมากค่ะ บ.ก. ไปพุดดิ้ง --- อย่าขัดขืนเดะ  แกจะไปดีๆ หรือให้ฉันโยนลงไปจากชั้น 8 นี่”

    กึ๋ย!! จอมโจรแก๊งนี้โหดจริงๆ เลย  ผมเลยต้องไปเดินเล่นแบบจำยอมเพราะไม่อยากเป็นหมาบินลงไปยังถนนรัชดา  ผมขอลาทุกท่านตรงนี้เลยนะครับ

    บอกไว้ก่อน....หากใครได้อ่าน Carta Visa แล้วพบว่าตอนจบกลายเป็นนิยายฆาตกรรม  นั่นแปลว่า....พี่ลูกชิด  พี่ปุณ  และพี่เพชร ไม่สามารถทำต้นฉบับส่งโรงพิมพ์ได้ตามเวลาได้   ขอให้ทุกท่านอโหสิแก่บุคคลทั้งสาม อย่าได้จองเวรจองกรรมแก่กันและกันเลย....

    .

     

    .

     

    .

     

    อ้อ อย่าฟ้องพี่ปุณด้วยนะครับว่าผมกินพิซซ่าไปสองชิ้นแถมชักจะเพลินๆกับการที่สองโจรสาวหอมซ้ายหอมขวาซะด้วย อย่าบอกใครนะ จุ๊ๆ ไม่เอาไม่พูด....

     

    õõจบแล้วจ้า  รักเรื่องนี้อุดหนุนกันเยอะๆõõ

     

    เปิด Pre-Order Carta Visa แล้วนะจ๊ะ อ่านรายละเอียดได้ที่

    www.nabu-publishing.com เลยครับ

     
      

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×