คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : เซ็งจิต
เมื่อทั้งหมดมาถึงร้านอาหารพนักงานก็เข้ามาต้อนรับทั้งสี่อย่างดี ร้านอาหารมีบรรยากาศที่ร่มรื่นย์ มีต้นไม้และน้ำตกเทียม แต่สภาพจิตของธัญวลัยไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไรทั้งนี้ ตลอดเวลาเธอมีสีหน้าที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเง็กจูผู้เป็นมารดาถาม “ธัญ อยากกินอะไรไหมลูก เนี่ยพนักงานมารอออเดอร์แล้ว ทุกคนสั่งอาหารหมดแล้วเหลือแต่เราน่ะจะกินอะไร”
“อะไรก็ได้ค่ะ มาม้า” ธัญวลัยกล่าวอย่างเซ็ง ๆ แต่ก็ยิ้มรับเพราะไม่อยากให้มาม้าเป็นกังวล
“งั้นผมสั่งให้ก็แล้วกัน” ภีมภัทรเสนอตัว
“เอาทอดมันกุ้ง แล้วก็ต้มยำทะเลผัดแห้งก็แล้วกันครับ” ภีมภัทรหันไปบอกรายการอาหารพนักงานเสริฟ์ ซึ่งเมนูที่ภีมภัทรเป็นเมนูโปรดของธัญวลัยทั้งนั้น
ส่วนเง็กจูไม่ได้สังเกตสีหน้าธัญวลัยเพราะกำลังดีด๊าสุด ๆ กับข่าวดีที่ได้รับ ณ ขณะนี้บรรดาแม่ ๆ ของทั้งสองกำลังวางแผน วาดฝัน งานแต่งงานของบุตรของตนอย่างเพลิดเพลิน
ส่วนภีมภัทรก็จับสังเกตธัญวลัยตลอด จนเขาก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน อยากจะถามธัญวลัยแต่ก็ไม่กล้าพอนั่นก็เป็นเพราะมารดาของทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยนั่นเอง
จนเมื่ออาหารมาถึงโต๊ะ ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เว้นแต่ธัญวลัยที่นั่งเขี่ยข้าวไปมา นาน ๆ จึงจะตักข้าวเข้าปากซึ่งผิดวิสัยของเธอ เพราะปกติเธอจะฟาดไม่อั้น โดยเฉพาะทอดมันกุ้งของโปรดของเธอ
เง็กจูเห็นพฤติกรรมของธัญวลัยก็อดจะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “ธัญ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะม้า คือ หนูไม่ค่อยหิวนะคะ” ธัญวลัยปฏิเสธ
ภรณ์พรรณจึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะบอกว่า “สงสัยหนูธัญคงตื่นเต้น ที่จะได้เป็นเจ้าสาวเลยไม่อยากกินเยอะ เดี๋ยวใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวย จริงไหมลูก”
“ค่ะ” ธัญวลัยยิ้มเจื่อน ๆ
ภีมภัทรสังเกตพฤติกรรมของธัญวลัยก็พอเข้าใจว่าธัญวลัยรู้สึกอย่างไร จึงพยายามตักกับข้าวให้ธัญวลัยอย่างเอาใจ แต่ธัญวลัยกลับมองค้อนใส่ภีมภัทรและรวบช้อนหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม โดยทั้งที่ยังไม่ทันได้ตักกับข้าวเข้าปากเสียด้วยซ้ำ ภีมภัทรลอบถอนหายใจ ด้วยความเหนื่อยใจ
“อิ่มแล้วเหรอลูก” เง็กจูถามอย่างห่วงใย
“ค่ะ มาม้า หนูอิ่มแล้ว”
เมื่ออาหารมื้อกลางวันเสร็จสิ้นลง ภีมภัทรก็ทำหน้าที่สารถีพาเง็กจูและธัญวลัยกลับบ้าน เมื่อภีมภัทรมาส่งเง็กจูและธัญวลัยเสร็จก็ขอตัวกลับบ้านทันที เพราะเขารู้ดีว่าหากเขาเข้าไปในบ้านของธัญวลัย จะยิ่งทำให้ตัวธัญวลัยมีความอึดอัดมากขึ้น “มาม้าครับ วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ฝากขอโทษเตี่ยและเฮียอ๋องด้วยที่ผมไม่เข้าไปทักทายท่านเลย”
“คุณ
เง็กจูหันไปหาคุณ
“ไม่เป็นหรอกจ๊ะ เง็กจู ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดีอย่างนี้มานานแล้วนะคะ” ภรณ์พรรณกล่าวยิ้ม ๆ เพราะเธอรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
“หนูธัญ เดี๋ยวป้าไปก่อนนะลูก” ภรณ์พรรณหันมาทักธัญวลัยที่ยืนนิ่งสงบ สีหน้าเรียบตึงไร้ความรู้สึก
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณป้า” ธัญวลัยยกมือไหว้ และยิ้มนิ่ง ๆ ตอบภรณ์พรรณ
“งั้น ผมลานะครับมาม้า สวัสดีครับ” ภีมภัทรยกมือไหว้เง็กจู
“จ๊ะ ขับรถดี ๆ นะ” เง็กจูพูดด้วยความเอ็นดูและเป็นห่วงอย่างจริงใจ
เมื่อสองแม่ลูกเข้าบ้าน ธัญวลัยก็ส่งเสียงไปก่อนตามธรรมเนียมของตระกูล “เตี่ย เฮีย หนูกลับมาแล้ว” เตี่ยที่รอฟังข่าวดีตั้งแต่บ่าย ก็ยิ้มออก ลุกออกมาจากที่นั่งในห้องรับแขกของบ้าน เพื่อมาฟังข่าวดี
“เออ..กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง ” เตี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“เฮียเดี๋ยวอั๋วเล่าให้ฟังนะ เดี๋ยวอั๋วไปเตรียมอาหารเย็นก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันนะเอีย”
“แหม ก็อั๋วใจร้อนนี่น่า” เตี่ยพูดโดยไม่สนใจว่าธัญวลัยลูกสาวคนเดียวยกมือไหว้ทักทายเตี่ย ตามมารยาทที่ได้รับการสั่งสอนมาจากบุพการี ที่ว่า ไปมาลาไหว้ โดยเฉพาะพระอรหันต์ในบ้าน นั่นก็คือพ่อกับแม่ หากไหว้เช้าและเย็นก็จะดีกับตัวเอง แต่เตี่ยหาได้สนใจธัญวลัยไม่
JJJJJJJJJJ
ทางด้านภีมภัทรตั้งแต่กลับเข้ามาบ้านก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ระหว่างโต๊ะอาหารของครอบครัว เป็นใหญ่ ก็เริ่มคำถามถึงเหตุการณ์ในวันนี้
“คุณพรรณ วันไปหาฤกษ์กับแม่ของธัญวลัยเขาน่ะ เป็นอย่างไรบ้าง”
“แหม...ก็ดีนั่นสิคะ” ภรณ์พรรณยิ้มปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้
“คุณรู้ไหม ทั้งพระอาจารย์และก็ซินแสที่ทางคุณเง็กไปดูนะคะ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยนะคะว่าหนูธัญและก็ตาภีมของเราน่ะ เป็นคู่กัน และนี่นะ ท่านก็ให้ฤกษ์แต่งงานมาตรงกันเลยคุณรู้ไหม”
“จริงเหรอ” เป็นใหญ่รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
“เออ..แล้วแต่งเมื่อไรล่ะ” เป็นใหญ่ถามต่อด้วยความสนใจ
“ก็อีก 4 เดือนนี่ล่ะคะ” ภรณ์พรรณตอบแบบยิ้ม ๆ
ทั้งแฮมและพริมรตาที่นั่งกินอาหารด้วยกัน ถึงกับชะงัก กับสิ่งที่ได้ยิน
“เร็วดีนะ แล้วแกล่ะ รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะหืม” เป็นใหญ่ถามบุตรชายบ้างเพราะตั้งแต่เย็นมาไม่เห็นบุตรชายพูดอะไรเลย
“ก็ดีครับพ่อ” ภีมภัทรตอบยิ้มแบบแกน ๆ เมื่อพูดนี้ทีไร ก็มักจะทำให้เขาหวนคิดถึงสีหน้าที่มีความกังวลของธัญวลัยทุกครั้ง
“ดีแล้วล่ะ แกคงจะตื่นเต้นล่ะสิ “ เป็นใหญ่แซวบุตรชาย
ภีมภัทรไม่ตอบแต่ยิ้มรับ
“เออ..แล้วแฮมกับพริมล่ะมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้าง” เป็นใหญ่ถามความคิดเห็นสมาชิกในบ้าน เพราะการปกครองของบ้านนี้คือประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิออกความคิดเห็น บ่อยครั้งเป็นใหญ่มักจะให้ลูก ๆ ได้แสดงความคิดเห็นในทุก ๆ เรื่อง และเลือกทางเดินด้วยตนเอง ซึ่งผู้เป็นพ่อจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
“เอ่อ...พริมคิดว่าดีนะคะ เพราะว่าคุณธัญเธอก็เป็นคนที่น่ารัก อัธยาศัยดี จริงใจ พริมก็ชอบคุณธัญเหมือนกันนะคะ ” พริมรตาพูดด้วยความจริงใจ
“อืม..พ่อก็เห็นด้วยนะ” เป็นใหญ่หันไปถามความคิดเห็นลูกเขยบ้าง “แล้วแกล่ะแฮม มีความคิดว่าอย่างไร”
“ผมก็คิดแบบพริมล่ะครับ” แฮมตอบแบบยิ้ม ๆ หันไปสบตากับภรรยาสาวและกล่าวเบา ๆ “เนอะที่รัก” พริมรตายิ้มตอบและก็หัวเราะคลิกคักกันสองคนประหนึ่งเหมือน ณ ขณะนี้มีเพียงตัวแฮมและพริมรตาเท่านั้น เพราะสถานการณ์ชีวิตคู่ของเข้าเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น
“แหม...เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะคู่เนี่ย” ภรณ์พรรณแซวเอ่ยลูกเขยและลูกสาว สิ้นเสียงของภรณ์พรรณ สมาชิกในครอบครัวก็มีเสียงเฮฮาเล็กน้อย และมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคนไม่เว้นแม้แต่ภีมภัทร ที่รู้สึกว่าชีวิตคู่ของน้องสาวเขาเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว และเขาจะทำอย่างไรต่อไปดี รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเลยที่เขาต้องดึงธัญวลัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย
บรรยากาศอาหารมื้อเย็นของบ้านรังสิตสกุลเต็มไปด้วยความอิ่มอุ่น และมีความสุขกับข่าวดีของตระกูล
ช่วยเม้นต์และโหวตด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะที่ติดตามตลอดมา
ความคิดเห็น