คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
การะเกดยืนหันรีหันขวางอยู่กลางห้องไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ควรไปตามนาดา หรือใครที่มีหน้าที่นี้โดยตรงมาช่วยทำให้ความต้องการของคนเจ้าอารมณ์สมปรารถนาคงจะดีกว่า
"จะไปไหน" ชีคหนุ่มถามหน้าตาบึ้งตึง
"ไปตามคุณนาดาหรือไม่ก็..."
"ไม่ต้อง ตอนนี้เป็นหน้าที่เธอแล้ว"
"หน้าที่ฉัน" การะเกดชี้มาที่ตัวเองเพื่อทวนคำสั่ง
"เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวแบบนี้ เพราะฉะนั้นเธอก็ควรดูแลฉันเป็นการตอบแทนไม่ใช่เหรอ"
"แต่ต้องไม่ใช่การอาบน้ำ" หญิงสาวปฏิเสธลั่น
"ทำไม แค่อาบน้ำแค่นี้มันยากนักหรือไง"
เอาอีกแล้ว มีอะไรไหมที่การะเกดจะไม่ทำให้เขาอารมณ์เสีย เจ้าหล่อนพูดไม่รู้เรื่องหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่
"ฉันไม่เคยอาบน้ำให้ใคร" การะเกดรีบบอกทันที
"ไม่เคยก็ลองทำซะ เพราะกว่าฉันจะหายไม่แน่เธออาจจะอาบจนชำนาญแล้วก็ได้"
"แต่ว่าฉัน..."
ให้ตายซิ ต้องอาบน้ำให้ด้วยงั้นเหรอ แค่คิดภาพที่เขาแช่น้ำอยู่ในอ่างแล้วเธอถูสบู่ให้ โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย ทำไม่ได้แน่ ไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด
"จะยืนเป็นหุ่นแบบนี้อีกนานไหม ฉันจะอาบน้ำ" ชีคหนุ่มเริ่มโวยวายอีกครั้ง
"ไปผสมน้ำรอซิ น้ำอุ่นนะ ฉันอยากอาบน้ำอุ่น" เขาย้ำเสียงดังอีกหน
เมื่อไม่มีทางเลือกการะเกดต้องยอมทำ หญิงสาวผสมน้ำอุ่นในอ่างพร้อมกับคิดหาทางที่จะทำอย่างไรให้พ้นจากหน้าที่นี้ให้เร็วที่สุด
"เสร็จหรือยัง" เสียงตะโกนถามดังมาจากนอกห้อง
"เสร็จแล้วค่ะ"
"เสร็จแล้วก็ออกมาซิ"
นักข่าวสาวเดินก้มหน้าออกไปทันที ไม่กล้าเงยหน้าเพราะไม่รู้ว่าชีคหนุ่มจะอยู่ในสภาพไหนกันแน่ เขาอาจจะเปลือยกายล้อนจ้อนไม่สนว่าใครจะอยู่ในห้องด้วยก็ได้
"ถอดเสื้อให้หน่อย"
เอาแล้วไง การะเกดคิดหาตัวช่วยให้ตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี
"เร็วซิ ฉันเหนื่อยอยากจะนอนแล้ว" เขาเร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่กับที่
"แขนกับมือคุณไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ทำไมทำเองไม่ได้" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพูด
"แล้วที่ฉันระบบเจ็บไปทั้งตัวนี่เพราะใคร"
การะเกดนับหนึ่งถึงสิบในใจดังๆ เพราะเขาช่วยเธอไว้ เพราะเขาช่วยเธอไว้ หญิงสาวท่องคำนี้ไว้ในใจดังๆ เพื่อสะกดจิตตัวเองให้ยอมทำตามคำสั่งโดยไม่ต้องโต้เถียง
หัวใจนักข่าวสาวเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสองมือจับชายเสื้อถอดออกอย่างช้าๆ ผิวเนื้อผู้ชายสีแทนที่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีปรากฏให้เห็นชัดๆ ตรงหน้า การะเกดร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องทำอะไรให้ใครเช่นนี้มาก่อน
ทำไมนะ ทำไม ทำไมไม่ไปให้ผู้หญิงนับล้านที่เป็นแฟนคลับคนรักชีคดาเนียลมาทำหน้าที่นี้แทน ทำไม...
"ที่เหลือคุณทำเองแล้วกัน" หญิงสาวชักมือกลับและหันหลังหนีทันที
ชีคดาเนียลถอนหายใจออกมาดังๆ การะเกดกลัวอะไรหนักหนา เขาแค่ยกแขนไม่ขึ้น ไม่ได้คิดที่จะให้มาดูแลทำธุระส่วนตัวอะไรให้ทั้งนั้น ใครจะบ้ามาถอดผ้าต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยแล้ว คิดมากไปหรือเปล่า
การะเกดจำเป็นต้องอยู่รอจนชีคหนุ่มอาบน้ำเสร็จตามคำสั่ง ระหว่างที่รอนั้นหญิงสาวถือโอกาสสำรวจไปรอบๆ ห้องเป็นการฆ่าเวลา ห้องนี้ตกแต่งคล้ายกับห้องนอนของเธอแตกต่างตรงที่พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าและมีตู้หนังสือมากกว่าเท่านั้นเอง
รูปภาพที่อยู่ข้างเตียงเป็นภาพของชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวเต็มยศ การะเกดเดาว่านี่คงเป็นชีคฟาอิส อดีตผู้นำของคาลีจที่สละตำแหน่งเพราะสุขภาพที่ไม่เอื้อต่อการทำภารกิจส่วนสุภาพสตรีที่เคียงข้างด้วยคงเป็นนางนาตาชา มารดาของชีคดาเนียลนั่นเอง
การะเกดไม่เห็นรูปของอัสมันในห้องนอนของชายหนุ่ม แต่จำได้ว่าที่ห้องด้านล่างมีรูปอยู่ เขาอาจจะไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่หรืออาจจะมีใครเก็บรูปเหล่านั้นออกไป เพื่อไม่ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อทนความคิดถึงไม่ได้นั่นเอง
ดูเหมือนว่าชีคดาเนียลจะมีชีวิตเพื่อคาลีจทุกลมหายใจ เพราะเท่าที่เห็นทั้งห้องมีแค่ที่นอนเท่านั้นกระมังที่ไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง ธงชาติ แผนที่ รูปถ่าย กองเอกสาร จากห้องทำงานล้นมาถึงห้องนอน นี่เขาเอาเวลาส่วนใหญ่อยู่กับประชาชนขนาดนี้เชียวหรือ
"ดูพอหรือยัง" เสียงชีคดาเนียลดังขึ้นด้านหลัง
"ฉันไปได้หรือยังคะ" การะเกดก้มหน้าถาม อยากจะกลับไปที่ห้องเต็มทีแล้ว ชีคดาเนียลคงไม่ได้อยากมีเวลาอยู่กับตนนานนักหรอก
"ยังไม่ได้ทายา" เขาตอบเสียงห้วนแล้วเดินเข้ามาใกล้
"ถุงยาอยู่ห้องทำงานไปหยิบมาให้หน่อย"
การะเกดหันหลังเดินไปหยิบแต่ไม่ยอมเงยหน้า ก้มหน้าเดินจ้ำพรวดไปเปิดประตูและหยิบถุงยากลับมาอย่างรวดเร็ว
ชีคดาเนียลนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง ในมือมีเอกสารถืออ่านรอคนที่จะมาทายาให้ การะเกดอ่านภาษาอาหรับไม่ออกจึงไม่รู้ว่ายาตัวไหนทำอะไร
"อันนี้กิน ไปหยิบน้ำมาด้วย อันนี้ทา ทาก่อนแล้วค่อยกิน ไม่ดีกว่า กินก่อนแล้วค่อยทาดีกว่า" ชีคหนุ่มอ่านป้ายฉลากยาทีละตัว
"ตกลงจะเอาไง กินก่อนหรือทาก่อน" การะเกดชักจะปวดหัวกับการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนป่วยแล้ว
"กินแล้วกัน เธอไปเอาน้ำให้หน่อย"
พยาบาลจำเป็นเดินถือแก้วน้ำมาไว้ตรงหน้า ชีคดาเนียลเงยหน้ามองการะเกดด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าน้ำในแก้วเป็นน้ำเย็น
"ฉันไม่กินยากับน้ำเย็น ไปเอาน้ำอุ่นมา"
"น้ำอะไรก็กินได้ไม่ใช่เหรอคะ ยาไม่ได้บอกว่าไม่ให้กินกับน้ำเย็น" การะเกดเถียง
"ฉันไม่กินน้ำเย็น ฉันจะกินน้ำอุ่น เข้าใจไหม"
"เข้าใจค่ะ" นักข่าวสาวกระแทกเสียงรับแล้วเดินเอาแก้วน้ำไปเปลี่ยนมาให้ใหม่อีกครั้ง
การะเกดกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำอุ่นใบใหญ่ นาดาและสาวใช้คงจะแยกย้ายไปพักผ่อนกันหมดแล้ว หญิงสาวไม่อยากรบกวนใครจึงจัดแจงหาน้ำอุ่นด้วยตนเอง
"อ้าว คุณเกด ผมว่ากำลังจะไปหาที่ห้องพอดี" ราเชสเข้ามาตรวจอาการเพื่อนรักเรียบร้อยและตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาวที่ห้อง เพื่อบอกความคืบหน้าเรื่องบันทึกที่อ่านไปได้ครึ่งเล่มและพบเจออะไรบางอย่าง
"มีอะไรต้องไปพูดกันที่ห้อง พูดที่นี่ไม่ได้หรือไง" ชีคดาเนียลจ้องหน้าการะเกดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย มีอะไรสำคัญหนักหนาถึงต้องนัดพบกันกลางดึกแบบนี้
"น้ำค่ะ" การะเกดทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ถาม วางแก้วน้ำลงแล้วหันไปหายา
"อันนี้ครับ" คุณหมอหนุ่มยื่นให้
การะเกดจัดยาให้คนป่วยทานเรียบร้อย ชีคดาเนียลพยายามใช้สายตากดดันเพื่อให้พยาบาลจำเป็นตอบคำถามในสิ่งที่อยากรู้ แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะจงใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอตัวจะกลับห้องแต่คนป่วยกลับไม่ยอมให้ไป
"ฉันยังไม่ได้ทายา" เขาอ้างอาการบาดเจ็บอีกครั้ง
"แผลนายไม่มีอะไรมากนี้ ไม่ต้องทาก็ได้ หรือถ้าอยากทามาฉันทำให้" ราเชสอาสา
"ไม่ต้อง" ชีคหนุ่มปฏิเสธเสียงดังอย่างลืมตัว
"นายไปพักผ่อนเถอะ ให้คนอื่นทำก็แล้วกัน พรุ่งนี้นายต้องขับรถกลับโอม่าร์แต่เช้า" ชายหนุ่มลดน้ำเสียงลงมาให้เป็นปกติ เมื่อเห็นสายตาราเชสจ้องมองมาด้วยความแปลกใจ
"เอางั้นเหรอ" คุณหมอหนุ่มลังเลว่าจะออกไปดีหรือไม่
"ตามนั้นแหล่ะ ขอบใจมากพรุ่งนี้เจอกัน" ชีคหนุ่มตัดบท แล้วหยิบหลอดยาจากมือคุณหมอหนุ่มยื่นส่งให้การะเกดหน้าตาเฉย
ราเชสออกไปแล้วแต่การะเกดยังยืนอยู่ที่เดิม ชีคดาเนียลยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อนักข่าวสาวไม่ขยับเขยื้อนเข้ามาหา และทำท่าอาลัยอาวรณ์เหมือนอยากจะออกไปหาคุณหมอหนุ่มใจจะขาด
"ตกลงจะทาไหม หรืออยากจะตามราเชสไปก็ไม่ว่านะ"
"ฉันตามไปได้จริงๆ เหรอคะ"
"การะเกด" นัยน์ตาพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายวาววับขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้ง
การะเกดถอนหายใจเบาๆ กับอารมณ์ขี้โมโหของชายหนุ่ม ยอมเดินมาทายาให้ตามคำสั่ง ระหว่างทารอยฟกช้ำที่แผ่นหลังชีคดาเนียลก็มีคำถามที่ทำให้หญิงสาวต้องตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบอีกครั้ง
"เธอนัดราเชสไปทำอะไรที่ห้อง"
"ฉันไม่ทราบว่าคุณหมอจะมาที่ห้อง" การะเกดพูดตามความจริง
"แล้วราเชสไปทำไม"
ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เชื่อ ปกติราเชสเป็นคนอารมณ์ดีก็จริง แต่ไม่ใช่คนที่จะสนิทสนมกับใครง่ายๆ แล้วทำไมถึงจะไปหาการะเกดที่ห้องในยามวิกาลแบบนี้ ผู้ร้ายปากแข็งต้องง้างเอาความจริงออกมาให้หมด เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนรักกลายเป็นเหยื่อของผู้หญิงใจร้ายเหมือนอัสมันอีกคนแน่
"ฉันก็ไม่ทราบค่ะ" การะเกดไม่รู้จะอธิบายคำไหนดีแล้ว เธอก็ไม่รู้มาก่อนว่าคุณหมอหนุ่มจะมาหาที่ห้องเหมือนกัน
"ไม่ทราบๆ พูดคำอื่นเป็นไหมนอกจากคำนี้ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะ ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ใช้ได้กับอัสมันคนเดียวเท่านั้น" ชีคดาเนียลจ้องหน้าการะเกดราวกับจะค้นหาความจริงที่เจ้าตัวปิดบังอยู่
"ฉันทายาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ" การะเกดเบื่อที่จะพูดกับคนพูดไม่รู้เรื่องเต็มทีแล้ว
"เดี๋ยว ยังไปไม่ได้จนกว่าจะบอกมาว่าราเชสไปที่ห้องเธอทำไม" เขายังไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้
"ฉันไม่รู้ ถ้าอยากรู้มากก็ไปถามคุณราเชสเองแล้วกันว่ามาหาฉันทำไม" นักข่าวสาวพูดอย่างระอาแล้วหันหลังเดินหนีไป
"ฉันไม่ถาม แต่เธอต้องบอก" ชีคหนุ่มลุกขึ้นมาขวางทางไม่ให้การะเกดออกจากห้อง
"ไม่รู้ค่ะ คุณจะถามอีกกี่ทีก็ไม่รู้ค่ะ" เธอยืนยันคำเดิมหนักแน่น
"ปากแข็งจริงนะ ต้องทำอย่างไรถึงจะง้างปากให้พูดได้" ชีคดาเนียลก้าวเข้าหาช้าๆ นักข่าวสาวถอยหลังกรูด้วยความระแวง
"จะ จะทำอะไร ถะ ถอยไปนะ"
ชีคดาเนียลอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่า และชอบบังคับให้คนอื่นทำตามใจที่ตนเองต้องการ เป็นผู้นำประสาอะไรไม่รู้จักที่จะฟังคนอื่นบ้าง อยากรู้จริงว่าที่ดูแลคาลีจให้ประสบความสำเร็จมาได้ขนาดนี้ เพราะเที่ยวบังคับคนอื่นไปทั่ว หรือเก่งด้วยฝีมือกันแน่
"บอกมาเธอคุยอะไรกับราเชส ถึงต้องไปหากันที่ห้องดึกดื่นขนาดนี้" น้ำเสียงดุดันบังคับให้อีกฝ่ายยอมจำนน จนต้องคายในสิ่งที่ต้องการให้ได้
ที่จริงชีคดาเนียลก็ไม่ได้ชอบบังคับใครสักเท่าไร แต่กับการะเกดไม่รู้ว่าทำไม ถึงต้องบีบบังคับให้เจ้าหล่อนพูดออกมา เหมือนกับว่าถ้าคืนนี้ไม่รู้เรื่องมันจะนอนไม่หลับอย่างไรอย่างนั้น
"ฉันไม่ได้คุยอะไรกับคุณหมอ" หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง
การะเกดเริ่มรู้สึกว่านอกจากชีคดาเนียลจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีเหตุผล ชอบบังคับและข่มขู่เก่งแล้วจนไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว การได้อยู่ใกล้ๆ ในระยะใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบแบบนี้ ก็ทำให้หัวใจนักข่าวสาวเต้นไม่เป็นจังหวะจนพูดติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นตัวเองที่ฉะฉานทุกคำเหมือนแต่ก่อน
ถ้าเธอเป็นแค่นักข่าวสายเศรษฐกิจธรรมดาที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ชีคหนุ่มที่หล่อเหลาและร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างชีคดาเนียลล่ะก็ รับรองได้ว่าการะเกดคงเป็นบุคคลที่สาวๆ ทั่วโลกต้องอิจฉาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยากแบ่งปันความอิจฉานี้ให้ใครสักคนก็ได้มารับไปก่อน แล้วจะรู้ว่าหล่อแต่งี่เง่าเป็นอย่างไร
"ไม่ได้คุยแล้วเดินไปไหนสองคนค่ำๆ มืดๆ ตกดึกก็ยังจะไปหากันอีก เธอใส่ยาเสน่ห์อะไรให้เพื่อนฉันหรือเปล่า มันถึงได้ร้องหาแต่เธอจนแทบไม่หลับไม่นอนแบบนี้"
"ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณพูดทั้งนั้น ถอยออกไป ฉันจะกลับห้อง" การะเกดเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อใบหน้าของชีคหนุ่มยิ่งโน้มเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า
"ฟังนะ ราเชสไม่ได้อ่อนต่อโลกเหมือนอัสมัน และไอ้ลูกไม้ตื้นๆ ที่เธอคิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนฉันมันไม่ได้ผลหรอก ใครๆ ก็รู้กันทั่วว่าเธอมันเป็นผู้หญิงใจร้าย"
"ฉันจะเป็นไงมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ อยากจะคิดอะไรก็คิดไปตามสบาย แล้ววันหนึ่งคุณจะรู้ว่าความจริงคืออะไร ถอย ฉันจะกลับห้อง" การะเกดไม่พูดเปล่า แต่ออกแรงผลักอกแกร่งที่ขวางทางอยู่ให้ถอยเพื่อจะเดินออกไป
คำพูดของการะเกดเหมือนยั่วให้ชีคดาเนียลอารมณ์เสียขึ้นไปอีก เจ้าหล่อนผลักเขาออกห่างด้วยสายตาที่ไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดใดๆ ก่อนหน้า แถมยังกล้าดีสะบัดหน้าเดินหนีไปโดยที่ยังไม่ตอบคำถามให้เรียบร้อย แบบนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้เสียบ้างแล้วว่า อย่าบังอาจมาอวดดีกับผู้นำแห่งคาลีจอย่างชีคดาเนียล
การะเกดถูกกระชากแขนให้หันหลังกลับโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กถลาเกือบหน้าคว่ำดีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามารับไว้ทัน น้ำหนักตัวของหญิงสาวโถมทับลงไปที่ร่างกำยำ ใบหน้าหวานฝังลงที่อกแกร่ง ผวากอดยึดสองแขนแข็งแรงไว้เป็นที่มั่นเพื่อไม่ให้ตนเองล้มไป
"ทำบ้าอะไร ฉันเจ็บนะ" เธอตกใจมากกว่า ที่เงยหน้าขึ้นมาเกือบถูกริมฝีปากของใครบางคนที่เฉียดหน้าผากไปเพียงนิดเดียว ไม่ใช่เฉียดแต่ปลายจมูกคมสัมผัสผ่านไปอย่างจัง
"นึกว่าชอบที่ได้อยู่ในอ้อมแขนผู้ชายแบบนี้" ชีคดาเนียลยิ้มยั่ว อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นการะเกดโมโห
"ไอ้บ้า ปล่อยนะ" นักข่าวสาวดันตัวออกห่างทันที
ชีคดาเนียลยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าฉวยโอกาสกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยโทษแรงอย่างการะเกด แต่ก็น่าแปลกที่ความหงุดหงิดใจเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่ได้แกล้งอีกฝ่ายให้ตกใจเล่นและได้ดอมดมความหอมของหน้าผากเนียนที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี
"เลิกทำนิสัยแบบนี้ได้แล้ว ให้อัสมันเป็นคนสุดท้ายที่ถูกเธอหว่านเสน่ห์จนลุ่มหลงถอนตัวไม่ขึ้นดีกว่า บาปกรรมมันมีจริง เชื่อฉันซิ"
"ไอ้..." การะเกดไม่รู้จะพูดคำไหนมาตอบโต้ ชอบนักใช่ไหม ชอบว่าคนอื่นนักใช่ไหม ได้ ... เดี๋ยวเธอจัดให้
"แหม คุณหมอราเชสอยู่ในสเปคด้วยซิ นี่ขนาดยังไม่ได้งัดมารยาร้อยเล่มเกวียนออกมาเลย คุณหมอยังเป็นขนาดนี้ คอยดูนะ ไม่นานเกินรอรับรองได้ว่า..." เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตาตอบโต้กลับอย่างไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นแววตาที่ลุกเป็นไฟของชีคหนุ่ม การะเกดก็ยิ่งยั่วปั่นหัวมากขึ้นไปอีก
"หว่านเสน่ห์เก่งนักใช่ไหม มารยามีเท่าไรงัดออกมาซิ ฉันนี่แหล่ะจะเป็นคนปราบเธอเอง"
ชีคหนุ่มโกรธจัดที่ที่เห็นท่าทางลอยหน้าลอยตา และน้ำเสียงที่ยั่วเย้ยหยันแสดงกริยาที่คิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงออกมา เขาไม่เคยต้องทำรุนแรงกับใครเช่นการะเกดมาก่อน สองมือจับไปที่ต้นแขนของหญิงสาวรั้งตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงไปประทับกับเรียวปากอิ่ม
นี่เป็นครั้งแรกที่การะเกดกลัวชีคดาเนียลจับใจ ท่าทีโกรธเกรี้ยวของเขาที่แสดงออกมายังไม่น่ากลัวเท่ากับ จูบที่รุนแรงและเดือดดาลจนระบมเจ็บไปหมดแล้วในเวลานี้
การะเกดไม่เคยถูกจูบและไม่คิดมาก่อนด้วยว่าจะถูกจูบด้วยความรุนแรงที่เกิดจากแรงโทสะ รสจูบที่ร้อนราวกับไฟเผาหลอมละลายให้ท่าทีเมื่อครู่หายไปในพริบตา ไม่น่าเล่นกับไฟโทสะของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเลยจริงๆ กว่าที่จะรู้ว่าคิดผิดจูบแรกของชีวิตก็ถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือมันเริ่มต้นด้วยโทสะ แต่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเพลิงเสน่หาที่เพิ่งเคยรู้จักครั้งแรกในชีวิต
เขากำลังโกรธที่การะเกดยั่วยวนปั่นหัวด้วยคำพูดที่ทำให้ต้องสั่งสอน แต่เพลิงโทสะวอดหายไปตอนไหนชีคดาเนียลแทบไม่รู้สึกตัว เพราะกำลังเพลิดเพลินกับเพลิงเสน่หาจากริมฝีปากช่างเจรจาของหญิงสาวอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
รสจูบที่เดือดดาลกลายเป็นแค่น้ำเดือดที่พลุ่งพล่านสม่ำเสมอ การต่อต้านผลักไสและป้องกันกลายเป็นเริ่มคล้อยตามอย่างพร้อมใจ ชั้นเชิงชายแห่งคาลีจปลดปล่อยความหวานละมุนออกมาให้สาวน้อยอย่างการะเกดหวั่นไหว นานเป็นนาทีกว่าที่ชีคดาเนียลจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
"คนบ้า..." การะเกดหน้าแดงหอบหายใจสะท้าน
นักข่าวสาวไม่อยู่รอฟังว่าชีคหนุ่มจะพูดอะไรต่อ เจ้าหล่อนรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุม การะเกดอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รีบวิ่งออกไปจากห้องนอนทันที
ในขณะที่อีกคนแววตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดและเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากเกิดขึ้นเล็กน้อย คืนนี้เขาคงหลับอย่างสบายใจไม่รู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้น ยาดียาวิเศษของหมอราเชสก็ไม่เท่า ยาขนานเอกที่ตนเองเพิ่งได้ลิ้มลองจากเรียวปากนุ่มของแม่ตัวดีแน่
อารมณ์ดีๆ ของชีคดาเนียลเมื่อคืนนี้ต้องหมดไปแต่เช้าตรู่ เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหารแล้วเห็นนาดา ราเชสและการะเกดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะราเชสที่ยื่นกระดาษแผ่นเล็กส่งให้หญิงสาวต่อหน้าต่อตาเขา
"ทำอะไรกัน" น้ำเสียงกังวานแฝงความไม่พอใจสลายวงสนทนาที่กำลังสนุกสนานให้แยกจากกันทันที
"อรุณสวัสดิ์ เพื่อน" ราเชสเอ่ยทักทายเป็นคนแรก
"ชีคจะรับกาแฟเลยไหมคะ" นาดาหันไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมกาแฟสำหรับชายหนุ่ม
การะเกดเป็นคนเดียวที่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นและไม่สบสายตามองหน้าคนที่นั่งเป็นประธานที่หัวโต๊ะ การสนทนาส่วนใหญ่เป็นราเชสกับชีคดาเนียลมากกว่า นานๆ ครั้งที่จะพาดพิงมาถึงหญิงสาว
"อาทิตย์หน้าฉันจะแวะมาหานายใหม่" ราเชสบอกก่อนที่จะกลับ
"นายว่างขนาดนั้นเชียว" ชีคหนุ่มปรายตามองไปที่การะเกดซึ่งอยู่อยู่ด้านหลัง สงสัยว่าราเชสจะตกหลุมเสน่ห์ของแม่นี่เข้าให้อีกคนแล้ว
เขาหมั่นไส้ตั้งแต่ที่เดินลงมาเห็นการะเกดหัวร่อต่อกระซิกสนุกสนานกับราเชสและคนอื่นๆ แต่พอนั่งทานข้าวกลับกลายเป็นนางใบ้ไม่พูดไม่จา มองหน้าก็ไม่ยอมมองและเจตนาแสดงความต้องการที่จะคุยกับคุณหมอหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น เห็นเขาเป็นอะไร เขาคือชีคดาเนียล พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายที่ผู้หญิงทั่วโลกอยากอยู่ใกล้
"ก็จะพยายามทำตัวให้ว่างๆ" ราเชสบอกยิ้มๆ
"ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะโทร.มา หรือถ้าคุณเกดมีอะไรด่วนก็โทร.หาผมได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะครับ แล้วอย่าลืมที่ผมบอก" คุณหมอหนุ่มย้ำอีกครั้ง
"ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ" การะเกดขอบคุณจากใจจริง
ทุกคนส่งราเชสกลับบ้านเรียบร้อย นาดาชวนการะเกดกลับเข้าข้างในเพื่อไปจัดการเรื่องสมุดบันทึกที่เหลืออยู่ สองสาวเริ่มลงมือทำจนใกล้เวลาอาหารกลางวัน ชีคดาเนียลจึงเดินลงมาจากห้องทำงานเห็นทั้งคู่ง่วนอยู่กับกองสมุดบันทึกจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
"สมุดอะไร" เจ้าบ้านถาม
สมุดเล่มหนาและเก่ามีแต่ภาษาอาหรับเต็มไปหมด การะเกดกำลังทำอะไร ดูเหมือนว่าจะเป็นของสำคัญมากเพราะนาดาช่วยอ่านและแปลกเป็นภาษอังกฤษทีละประโยคช้าๆ
"บันทึกของคุณอัสมันค่ะ" การะเกดตอบสั้นๆ
"อัสมันมีบันทึกด้วยเหรอ" ชีคดาเนียลถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องชายผู้จากไปมีบันทึกอะไรเช่นนี้ด้วย
"ไว้ฉันแปลจบเล่มก่อนจะเอามาให้คุณอ่าน "
"ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้" ชีคหนุ่มออกคำสั่ง และให้ทั้งคู่หยุดอ่านเพื่อเล่าให้ฟังว่าบันทึกนี้มีไว้เพื่ออะไรและสำคัญแค่ไหน
"อัสมันพูดถึงผู้หญิงคนนั้นในบันทึกเหรอ" ชีคดาเนียลมองหน้าการะเกดทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
"มีบันทึกยืนยันจะแก้ตัวอะไรอีกไหม" ชีคหนุ่มเค้นไรฟันถาม
"ไม่มีค่ะ เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉัน" การะเกดตอบเสียงดังฟังชัด
"ชีคคะ ใจเย็นๆ ก่อน เรายังไม่รู้ว่าผู้หญิงในบันทึกคือใคร ตอนนี้เพิ่งอ่านได้เล่มเดียวเท่านั้น ส่วนอีกเล่มที่เป็นบันทึกล่าสุดอยู่ที่คุณหมอราเชส" นาดาอธิบายอย่างใจเย็น
"ว่าไงนะ ราเชสเอาบันทึกไป แล้วให้ไปได้ยังไงทำไมไม่ถามฉันก่อน" เมื่อรู้ว่าขนาดคนไกลอย่างคุณหมอราเชสยังรู้เรื่องนี้ แล้วคนที่ควรจะรู้ทุกเรื่องในคาลีจอย่างเขากลับไม่รู้ได้อย่างไรกัน แบบนี้มันเท่ากับข้ามหน้าข้ามตากันชัดๆ
"ใครอนุญาตให้ราเชสเอาสมุดบันทึกของอัสมันไป"
"เธอมีสิทธิ์อะไรให้ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต บันทึกของอัสมันอยู่ที่นี่ก็เท่ากับเป็นของฉัน ทุกอย่างที่อยู่ในคาลีจแม้แต่ทรายเม็ดเดียวจะให้ใครก็ต้องบอกฉัน" เขาหันมาเล่นงานนักข่าวสาวทันที งานนี้มีทบต้นทบดอกที่ทำให้ไม่พอใจตั้งแต่เช้าตรู่แน่
"ฉันไม่ทราบค่ะว่าต้องขออนุญาตก่อน แค่เห็นว่าเป็นบันทึกเล่มเดียวคงไม่ต้องบอกก็ได้ ขอโทษจริงๆ" การะเกดยอมขอโทษแต่ก็ไม่วายประชดเล็กน้อย
"ถ้างั้นก็รู้ไว้ซะว่าต่อจากนี้ไป เธอจะทำอะไร จะพูดกับใคร พูดว่าอะไร ทุกเรื่องฉันต้องรู้หมด" ชีคหนุ่มประกาศกร้าว
"ค่ะ" นักข่าวสาวกระแทกเสียงรับคำ
ไม่อยากมีปัญหามากจึงยอมรับปากตามที่สั่ง แต่จะทำหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องเพราะการะเกดถือว่าตนไม่ใช่คนคาลีจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของคนบ้าอำนาจ
"ไหน บันทึก" ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้า การะเกดจำต้องยื่นบันทึกที่อ่านค้างอยู่ให้
ไม่ถึงสิบนาทีที่เปิดอ่านผ่านๆ จากทางด้านหลัง ชีคดาเนียลก็วางสมุดลงและสั่งให้นาดาเอาบันทึกทั้งหมดไปไว้ที่ห้องทำงานของเขาทันที
"ส่วนเธอไปกับฉัน" เขาหันมาคว้าข้อมือการะเกดเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
"คุณจะพาฉันไปไหน" นักข่าวสาวขืนตัวเอาไว้ หันหน้ามองนาดาเพื่อขอความช่วยเหลือ
"ไปเอาบันทึกคืน เธอให้ใครไปก็ไปเอาคืนจากคนนั้นมาให้ฉัน เรื่องของอัสมันฉันจะเป็นคนจัดการเอง"
หมายความว่าการะเกดจะต้องนั่งรถไปโอม่าร์กับชีคดาเนียลอย่างนั้นหรือ นาดามองตาค้างเมื่อชีคหนุ่มบอกว่าจะขับรถไปเองและไม่ต้องการผู้ติดตามใดๆ ทั้งสิ้น นักข่าวสาวนั่งตัวลีบไปตลอดทางไม่กล้าพูดอะไรสักคำ รถมาถึงด่านที่จะข้ามไปโอม่าร์เธอถึงได้ยินคำพูดประโยคแรกจากปากชายหนุ่ม
"อัสมัส แก โง่มาก ทำไมแกถึงไม่บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น"
การะเกดไม่รู้ว่าชีคดาเนียลพูดเรื่องอะไรและไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น ได้แต่นั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้านของราเชสในอีกสองชั่วโมงต่อมา บันทึกในตอนท้ายเธอยังอ่านไม่ถึง อัสมันเขียนอะไรไว้ถึงทำให้ชีคหนุ่มต้องขับรถมาเอาบันทึกเล่มนี้ถึงโอม่าร์ อยากรู้จริงๆ
ความคิดเห็น