ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 528
      0
      31 ส.ค. 66

    ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่าการที่ได้เห็นเห็นชีคดาเนียลและการะเกดกลับมาอย่างปลอดภัย แม้ว่าชีคหนุ่มจะมีบาดแผลที่เกิดจากการช่วยเหลือนักข่าวสาวก็ตามที

    ราเชสขับรถมาส่งเพื่อนรักและหญิงสาวด้วยตนเองตามที่ตั้งใจไว้ และคืนนี้จะค้างที่คฤหาสน์กลางทะเลทรายของชีคดาเนียล แล้วจึงค่อยเดินทางกลับโอม่าร์ในพรุ่งนี้เช้า

    "ชีคคะ" นาดาถลาไปหาด้วยความดีใจ นางตกใจแทบแย่เมื่อได้รับข่าวว่าชีคดาเนียลบาดเจ็บเพราะช่วยการะเกด

    "ผมโอเค นาดาไปดูโน่นดีกว่า" ชายหนุ่มผินหน้าไปหาคนก้าวลงจากรถตามหลังมา

    ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาการะเกดไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าราเชสจะชวนคุยบ้างก็ตามที แต่เธอก็ถามคำตอบคำและเอาแต่นิ่งเงียบ เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ชีคดาเนียลแอบคอยสังเกตเป็นระยะๆ ว่ามีความผิดปกติอะไรไหม เพราะเกรงว่าเจ้าหล่อนอาจจะยังคิดหนีอีก

    "คุณโอเคนะคะ" นาดาผละมาหาการะเกดทันที

    "โอเคค่ะ ฉันไม่เป็นไร" สีหน้าซีดเซียวของนักข่าวสาว ทำให้นาดารีบพาไปพักก่อน เมื่อดูแลการะเกดเรียบร้อยแล้วจึงสั่งให้สาวใช้อยู่เป็นเพื่อน ก่อนจะรีบมาดูแลชีคดาเนียลต่อทันที

    แต่จู่ๆ ฟาติมาก็มาที่คฤหาสน์โดยไม่ได้นัดหมาย ด้วยท่าทีร้อนใจเมื่อรู้ข่าวว่าชีคดาเนียลกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บ

    "คุณฟาติมา" นาดาทักทายด้วยความแปลกใจ

    "ดาเนียลเป็นไงบ้างคะ เจ็บมากหรือเปล่า" น้ำเสียงเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

    "ไม่เป็นไรมากค่ะ"

    "ถ้างั้นฉันขอไปเยี่ยมดาเนียลหน่อยได้ไหมคะ"

    "เชิญค่ะ" นาดารับคำแล้วเดินนำฟาติมาไปที่ห้องทำงานทันที

    คุณหมอราเชสเล่าถึงเรื่องที่คุยกับการะเกดก่อนที่จะออกเดินทางมาให้ชีคดาเนียลฟังอีกครั้ง เขาจับประเด็นการหนีของหญิงสาวได้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

    "ที่แท้ก็กลัวตาย" ชีคดาเนียลสรุปสั้นๆ หลังจากที่ฟังราเชสวิเคราะห์จบ

    "คุยอะไรกันอยู่คะ หนุ่มๆ" นาดาเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

    "อ้าว ฟาติมา" ชีคดาเนียลแปลกใจที่เห็นฟาติมาเดินเข้ามาพร้อมนาดา

    "ได้ข่าวว่าบาดเจ็บเหรอคะ" หญิงสาวนั่งลงแล้วถามไถ่ด้วยความห่วงใยเป็นคำแรก

    "ไม่เป็นไรมาก แค่นิดหน่อย"

    ฟาติมายิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง แล้วหันมาทักทายคุณหมอราเชสที่ไม่ได้พบหน้านาน

    "สบายดีนะ ฟาติมา" คุณหมอหนุ่มทักทายตามประสาเพื่อนที่คุ้นเคยกันมานาน

    "สบายดีค่ะ ว่าแต่ลมอะไรหอบราเชสมาถึงที่นี่ได้คะ"

    "เรื่องมันยาวไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง" ชีคหนุ่มตัดบทแล้วหันมาหานาดาเพื่อพูดอะไรบางอย่างด้วย

    "ราเชสบอกว่าการะเกดหนีเพราะกลัวตาย"

    "ตายจริง ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ ชีคขู่เธอเหรอ" นาดาอุทานด้วยความตกใจเช่นกัน

    "ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ แม่นี่กลัวเพราะทำผิดเอาไว้เยอะไง คงกลัวว่าจะถูกลงโทษตามจารีตของเรา" น้ำเสียงชายหนุ่มเยาะเย้ยเล็กน้อย

    "แต่เธอบอกว่านายไม่ได้ขู่ ไม่ได้พูดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ" คุณหมอหนุ่มเอ่ยขึ้น

    "ถ้างั้น คุณการะเกดเอาเรื่องนี้มาจากไหน" นาดายังติดใจเมื่อรู้ว่าสาเหตุของการหนีที่แท้จริง มาจากความกลัวที่จะต้องถูกลงโทษด้วยชีวิต ซึ่งก่อนหน้าก็ยังไม่มีใครเคยพูดถึงเรื่องนี้

    นางเองก็สงสัยเหมือนกันว่าการะเกดทำแบบนี้เพราะอะไร ความกล้าหาญที่อยู่ในตัวเธอหายไปไหนหมด หลายวันก่อนเพิ่งร้องขอความเป็นธรรม และขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ยอมรอคำตอบที่เรียกร้องและกลับใช้วิธีการหนีเป็นทางแก้ปัญหา

    สิ่งหนึ่งที่นาดาค้างคาใจก็คือ เส้นทางการหลบหนีของการะเกด เจ้าตัวรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือคฤหาสน์กลางทะเลทรายที่อยู่กับกับชายแดนโอม่าร์ ในเมื่อตั้งแต่วันที่ชีคดาเนียลจับตัวมาหญิงสาวยังไม่มีโอกาสก้าวออกนอกคฤหาสน์แม้แต่นิดเดียว

    "ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะคิดได้ตอนมาอยู่ที่นี่มั้ง" ชีคดาเนียลยักไหล่เล็กน้อย

    "ทำไมนายไม่ลองให้โอกาสเธอสักครั้ง" ราเชสพูดเรื่องเดิม

    "ชีคยอมแล้วนี่คะ" นาดาจำได้ว่าวันที่การะเกดหนีไป ชีคหนุ่มตกปากรับคำว่ายินดีให้เวลาหญิงสาวพิสูจน์ตัวเอง

    "ไม่ต้องให้โอกาสอะไรแล้วมั้ง การหนีก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากลัวเพราะทำผิดจริง" ชีคดาเนียลสรุป

    "แล้วถ้าหนีเพราะไม่ได้ทำล่ะ นายคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ไหม" คุณหมอหนุ่มมองหน้าเพื่อนรัก

    "ไม่รู้ซิ แต่ฉันคิดว่ามันไม่น่าใช่"

    "ที่จริงเรื่องนี้น่าให้ฟาติมาตัดสินใจนะ" ราเชสหันมาหาฟาติมาที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ ทั้งสิ้น

    "ฉันเหรอคะ" ฟาติมามองหน้าชีคดาเนียลเพื่อขอความคิดเห็น

    "ฟาติมาเป็นคู่หมั้น ตามหลักแล้วเรื่องนี้ต้องให้คนที่เป็นเจ้าทุกข์ตัดสินใจเอง" คุณหมอหนุ่มพูดด้วยเหตุด้วยผล ทุกคนในห้องรวมถึงชีคดาเนียลต่างก็หันมาหาฟาติมากันหมด เพื่อรอฟังว่าเจ้าตัวจะว่าอย่างไร

    "จะให้ฉันตัดสินอะไรคะ" ฟาติมาถามด้วยความสงสัย

    "เธอคงยังไม่รู้ซินะว่า ฉันได้ตัวผู้หญิงที่ใช้ล็อกอินคุยกับอัสมันมาอยู่ที่นี่แล้ว" ชีคหนุ่มหมายถึงการะเกด

    "ฉันทราบแล้วค่ะ" ฟาติมาพูดต่อไปอีกว่า

    "เมื่อวันก่อนฉันมาเอาของในห้องทำงานของอัสมัน ก็เลยได้รู้ว่าคุณการะเกดมาอยู่ที่นี่แล้ว"

    "เมื่อวันก่อนคุณฟาติมาพบกับคุณการะเกดแล้วค่ะ ฉันลืมบอกชีคเพราะมัวแต่ยุ่งๆ" นาดาพูดขึ้นมาอีกคน

    เพราะเกิดเรื่องการหายตัวไปของการะเกด ทำให้นางลืมรายงานเรื่องนี้ให้ชีคดาเนียลรับรู้ อีกทั้งไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ฟาติมาจะมาที่คฤหาสน์กลางทะเลทราย เพราะเมื่อสมัยที่อัสมันยังมีชีวิตอยู่ หญิงสาวก็เข้านอกออกในตระกูลซาเมียร์เสมือนสมาชิกของบ้าน

    "ถ้าเจอแล้วก็ดี งั้นเธอจะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้" ชีคดาเนียลถามอีกครั้ง

    "คุณต้องการให้เธอทำอะไรคะ" ฟาติมาย้อนถาม

    "สำหรับฉันแค่ให้สำนึกในความผิดที่ทำกับอัสมันก็พอ ถ้าสำนึกแล้วยอมขอโทษจากใจ ฉันก็จะส่งการะเกดกลับ"

    "แสดงว่าต้องให้ยอมรับและสำนึกจากใจใช่ไหมคะ แต่เธอยืนยันว่าไม่ใช่คนที่ใช้ล็อกอินนั้นแน่ๆ แบบนี้เท่ากับว่าเธอไม่ยอมสำนึกผิดและคงไม่มีทางขอโทษอัสมันจากใจแน่ๆ"

    "งั้นฉันก็จะทำให้ยอมรับให้ได้" ชีคหนุ่มตาวาวเมื่อได้ฟังคำพูดของฟาติมา การะเกดช่างเป็นผู้ร้ายปากแข็งเหลือเกิน

    "นานแค่ไหนล่ะคะกว่าเธอจะยอมรับ" ฟาติมาหันหน้ามาพูดกับชีคหนุ่มต่ออีกว่า

    "อัสมันตายไปแล้ว คุณเองก็มีภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ให้จบไปดีกว่าไหมคะ"

    "ไม่ได้" ชีคดาเนียลตวาดกร้าวเสียงดังลั่นห้อง

    "จะปล่อยการะเกดลอยนวลอยู่แบบนี้ไม่ได้" เขาย้ำชัดทุกคำจนทุกคนในห้องเงียบกริบ

    "ถ้าเธอไม่เอาเรื่อง งั้นฉันจะจัดการการะเกดเอง"

    "แต่ว่า..." ฟาติมาอ้าปากจะพูดต่อ แต่ถูกชายหนุ่มชิงตัดหน้าพูดต่อเสียเองว่า

    "ฟาติมาไม่ติดใจเรื่องนี้ ในเมื่อคู่หมั้นให้อภัย ฉันในฐานะพี่ชายต้องการรู้ว่าความจริงเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นการะเกดจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป" ชีคดาเนียลประกาศชัดเจน

    "แล้วนายจะทำอะไรกับเธอ" ราเชสที่นั่งฟังอยู่นานถามขึ้น

    "การะเกดต้องยอมรับและสำนึกในความผิดที่ทำ พร้อมกับขอโทษต่อหน้าหลุมศพของอัสมันจากใจจริง"

    "แล้วถ้าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ล่ะ นายจะขังเธอไว้ที่นี่นานแค่ไหนกัน ดาเนียล" คำถามของคุณหมอหนุ่มทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองท่านผู้นำแห่งคาลีจเป็นตาเดียว

    "ไม่รู้ แต่ฉันเชื่อว่าสักวันการะเกดจะยอมรับในสิ่งที่งทำ" เขามั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางเสียล่ะ ที่จะปล่อยให้คนผิดลอยนวลอยู่ได้

    "งั้นฉันขอเสนอให้นายลองทำตามที่เธอขอ ยืดเวลาแค่เดือนเดียวบางทีอาจจะรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน หรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็ถือว่าให้โอกาสคนผิดได้ใช้เวลาไตร่ตรองความผิดของตัวเอง เพื่อจะได้สำนึกออกมาจากใจจริง ดีไหม"

    ชีคดาเนียลสบตากับนาดาเมื่อได้ฟังคำพูดของราเชส ชายหนุ่มลังเลใจที่จะยอมทำตามคำแนะนำของเพื่อนดี หรือว่าเชื่อในสิ่งที่ตนตัดสินใจและมีหลักฐานแน่ชัด การะเกดจะใช่คนที่หลอกลวงให้อัสมันอกหักทรยศต่อคู่หมั้นจนลงเอยด้วยการจบชีวิตจริงหรือไม่ คงต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์

    การะเกดไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย เอาแต่นั่งซึมไม่พูดไม่จาท่าทีหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เมื่อต้องกลับมาที่คฤหาสน์กลางทะเลทรายของชีคดาเนียลอีกครั้ง

    เธอคงไม่รอดจากชะตากรรมที่ชีคดาเนียลกำหนด และคงใกล้เวลาที่จะได้รับคำพิพากษาที่ไม่อาจโต้เถียงอะไรกลับไปได้ นักข่าวสาวหมดแรงที่จะต่อสู้กับอำนาจของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายอีกต่อไป ทำได้แค่ก้มหน้ารับทั้งที่หัวใจเรียกร้องหาความยุติธรรม

    สิ่งเดียวที่การะเกดคิดถึงสุดหัวใจคือครอบครัว ที่ไม่อาจได้พบหน้าเพื่อกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย ป่านนี้มารดาและบิดาคงร้อนใจต่อการหายตัวไปของเธอ เสียดายและเสียใจอย่างที่สุดที่ไม่อาจได้กลับกราบเท้าผู้มีพระคุณที่รักที่สุดในชีวิต

    ชีคดาเนียลตัดสินใจมาพบการะเกดที่ห้อง หลังจากที่คุยกับนาดาและราเชสอีกสักพักใหญ่ คำพูดของคุณหมอบางคำที่ทำให้ต้องมาขอคำตอบจากเธอ เพื่อพิสูจน์ว่าหญิงสาวคือคนใจร้ายคนนั้นใช่หรือไม่

    "เราคุยกันหน่อยดีไหม" เสียงชีคดาเนียลทำให้การะเกดรู้สึกตัว

    "แต่เธอต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกหกและพูดความจริงเท่านั้น" สายตาชีคหนุ่มจ้องมาที่ดวงตาคู่สวยที่ไร้แววแห่งความสดชื่น

    "ทุกคำที่ฉันพูดคือความจริง แต่ถ้าคนฟังไม่เชื่อนั่นก็คือคำโกหก" น้ำเสียงของการะเกดหนักแน่นอย่างเห็นได้ชัด

    "โอเค ฉันขอถามคำแรก เธอรู้จักอัสมันหรือเปล่า"

    "ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่รู้จักเขาแม้แต่นิดเดียว"

    "ถ้างั้นอัสมันคุยกับใคร ในเมื่อล็อกอิน..."

    "ถ้าคุณจะพูดเรื่องเก่าในสิ่งที่คุณเชื่อ ไม่ต้องเสียเวลาค่ะ คุณจะเอาไงว่ามา"

    ถ้าเขาจะถามเพื่อให้ยอมรับว่าเป็นต้นเหตุของการสูญเสีย การะเกดจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพราะรู้ดีว่าถึงพูดอะไรออกไปเป็นความจริงแค่ไหน ชีคดาเนียลก็ยังคงยืนยันคำเดิมที่จะให้เธอยอมรับตามที่ต้องการ

    "การะเกด นี่ฉันกำลังให้โอกาสเธอนะ" ชีคดาเนียลพยายามข่มอารมณ์ที่ไม่พอใจไว้ รับปากนาดาและราเชสแล้วว่าจะไม่โมโห และจะยอมรับฟังการะเกดมากขึ้น

    "ไม่จำเป็นค่ะ" หญิงสาวสวนกลับทันควัน

    "มันไม่ใช่โอกาส แต่มันคือการบังคับให้ฉันยอมรับในสิ่งที่คุณต้องการ"

    "แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมรับมันแต่โดยดี เพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบลง ฉันแค่ต้องการให้เธอสำนึกและขอโทษน้องชายฉัน"

    "เพราะฉันไม่ได้ทำ" การะเกดจ้องหน้าผู้นำของคาลีจอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น แววตาของหญิงสาวเด็ดเดี่ยวจนชีคดาเนียลรู้สึกได้

    "แล้วจะให้ฉันยอมรับได้อย่างไร"

    ห้องทั้งห้องเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น มีเพียงแค่แววตาของคนทั้งสองที่จับจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ชีคดาเนียลกำลังมองหาสิ่งที่เรียกว่าคำโกหกจากดวงตาคู่สวยที่แข็งกล้าไม่ยอมลดละ แต่เขากลับได้เพียงความว่างเปล่าและความหนักแน่นที่ยืนยันถึงสิ่งที่เอ่ยออกมาจากปากของการะเกด

    "จะให้ฉันทำยังไง" ในที่สุดชีคหนุ่มก็เอ่ยปากออกมาก่อน

    เขาเริ่มรู้สึกว่าปัญหานี้จะไม่จบและจะเป็นเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้ หากไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดผ่อนลง การะเกดยืนยันหัวชนฝาว่าไม่ได้ทำ ในขณะที่หลักฐานทุกอย่างที่ชายหนุ่มมีคือเครื่องยืนยันที่ชัดเจน หลักฐานมีครบแต่คนทำไม่ยอมรับ เถียงกันให้ตายคงไม่มีวันจบ

    "ให้เวลาฉันหาหลักฐาน" การะเกดเอ่ยต่อไปอีกว่า

    "และคุณต้องเชื่อในสิ่งที่ฉันหามาให้"

    "ทำไมฉันต้องเชื่อ" ชีคดาเนียลถามกลับทันที

    "หลักฐานของเธออาจคือคำโกหก"

    "ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ต้องให้โอกาส ไม่ต้องมาเสียเวลาพูดมาก จะฆ่าหรือลงโทษอย่างไรก็ตามใจคุณเลย ฉันเบื่อกับข้อกล่าวหาที่คุณยัดเยียดจนความสุขของฉันหายไปหมดแล้ว" การะเกดระเบิดอารมณ์แห่งความอัดอั้นออกมาอย่างสุดกลั้น

    พูดไปพูดมาก็คือไม่เชื่อ ไม่แม้แต่ที่จะยอมรับ แล้วแบบนี้จะให้โอกาสกันทำไม ในเมื่อไม่แม้แต่จะเปิดประตูใจยอมรับฟังสักนิดก็ไม่มี

    "คนเราถ้าไม่เปิดใจ ต่อให้ความจริงมาอยู่ตรงหน้ามันก็คือคำโกหก" การะเกดเค้นความขมขื่นออกมาทั้งน้ำเสียงและแววตา

    "คุณปักใจเชื่อว่าฉันคือคนที่ทำร้ายน้องคุณ ทั้งๆ ที่ฉันพูดความจริงว่าไม่รู้จัก คุณเชื่อในสิ่งที่คุณบอกว่าถูกและบอกว่าสิ่งที่คนอื่นพูดคือคำโกหก ในโลกนี้คงไม่มีใครพูดความจริงกับคุณได้อีกแล้วมั้ง ชีคดาเนียล"

    ถ้อยคำที่ตอบโต้รุนแรงโดยปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย ทำให้แววตาของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายวาววับขึ้นมาทันที การะเกดพูดจาแบบนี้คือต่อว่าว่าเขาไม่รับฟังคนอื่นอย่างนั้นซิ

    "เธอควรจะขอร้องฉัน ไม่ใช่มาพูดจาเสียงดัแบบนี้" อย่างไรเสียเขาก็คือชีคแห่งคาลีจ ผู้นำที่ใครๆ ควรให้เกียรติ โดยเฉพาะผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างการะเกดที่ควรจะขอร้องและวิงวอนขอความเห็นใจ

    "ไม่จำเป็นต้องขอร้องหรือขอความเห็นใจใดๆ จากคุณ ฉันพร้อมแล้วที่จะรับคำพิพากษาในสิ่งฉันไม่ได้ทำ จากคนที่ไม่มีเหตุผลอย่างคุณ ชีคดาเนียล" นอกจากไม่ขอร้องแล้ว การะเกดยังจ้องหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอีกด้วย

    "ดี พร้อมแล้วใช่ไหม" ชีคหนุ่มเสียงดังใส่กลับไปบ้าง

    "ถ้างั้นก็เตรียมตัวไปอยู่กับอัสมันได้เลย บทลงโทษที่ทำให้ผู้อื่นต้องจบชีวิต คือการเอาชีวิตชดใช้ พร้อมแล้วใช่ไหมการะเกด" เขาแค่ขู่ และคิดว่าเมื่อเธอกลัวก็จะยอมอ่อนลงให้ แต่...

    "ถ้าฆ่าแล้วคุณสบายใจมีความสุข เชิญได้เลย แต่ขอให้คุณจำไว้นะ คุณฆ่าคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่นิดเดียว ชีวิตคุณจะมีมลทินนี้ติดตัวไปตลอดกาล"

    การะเกดหลับตาลงทันที ไม่มีน้ำตา ไม่มีความกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เธอยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาด้วยความจำใจ แต่จะไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ทำความผิดที่ไม่ได้ก่อเป็นอันขาด

    ชีคดาเนียลจะประหารหรือจะทำอะไรก็ช่างเธอไม่ใส่ใจ ที่นี่คือแผ่นดินคาลีจ การะเกดไม่คิดร้องขอและไม่หวังที่จะมีรอดพ้นใดๆ อีกต่อไปแล้ว

    "แต่ฉันเปลี่ยนใจยังไม่ฆ่าเธอตอนนี้" น้ำเสียงที่แข็งกร้าวเปลี่ยนลงมาเป็นพูดตามปกติ

    "อีกหนึ่งเดือน ถ้าหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ เธอได้ตายสมคำเรียกร้องแน่"

    การะเกดแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของชายหนุ่ม เขาให้โอกาสตามที่เคยร้องขอ แต่...มีสิ่งหนึ่งที่เธอยังกังวลอยู่

    "แล้วคุณจะเชื่อในหลักฐานที่ฉันหามาให้ไหม"

    นี่คือเรื่องใหญ่สำหรับการต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง ต่อให้การะเกดมีหลักฐานชัดเจนแค่ไหนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ชีคดาเนียลไม่ยอมรับและเพียงแค่ยืดเวลาเพื่อทำให้ใครต่อใครเห็นว่ามีเหตุผลรับฟังคนอื่น สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอ่ยไม่ต่างอะไรกับตอนนี้

    "ถ้ามันคือเรื่องจริงก็ต้องเชื่อ"

    "ถ้างั้นไม่ต้อง ฆ่าฉันตอนนี้เลยจะได้จบ" การะเกดสะบัดหน้าหนี ทำเหมือนกำลังงอนอย่างไรอย่างนั้น

    "ตกลงไม่เอาใช่ไหมโอกาส"

    เขาเริ่มจะหมดความอดทนและรู้สึกหมั่นไส้เข้ามาแทนที่ เจ้าหล่อนจะเอาไงอีก พอให้โอกาสก็บอกว่าไม่ต้อง พอไม่ให้โอกาสก็บอกว่าไม่มีเหตุผลแถมยังมาสะบัดหน้าใส่อีก มันน่านักเชียว

    "มันไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณไม่เชื่อ"

    "ทำให้ดูก่อนซิว่ามันน่าเชื่อหรือเปล่า ตกลงเธอฟังฉันเข้าใจไหม" ชีคดาเนียลชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันที่พูดไม่รู้เรื่อง

    "เข้าใจ แต่คุณต้องเชื่อในหลักฐานที่ฉันหามาได้ สัญญาก่อนซิ" การะเกดหาทางให้เขายอมรับข้อเสนอจากใจ

    "ไม่ต้องสัญญา ฉันจะเชื่อต่อเมื่อมันเป็นความจริง การสัญญาไม่มีประโยชน์ถ้าเรื่องนั้นคือการโกหก"

    สายตาของทั้งคู่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว แววตาของชีคดาเนียลที่แสดงความจริงใจในคำพูดของตนเอง ทำให้การะเกดรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็พอมีเหตุผลกว่าที่คิดไว้แต่แรก และแววตาที่แสดงความจริงใจของชีคหนุ่มเป็นแววตาที่มีความอ่อนโยนและอบอุ่น จน...หัวใจนักข่าวสาวเต้นไม่ค่อยปกติรีบหันไปมองทางอื่นทันที

    "เป็นอันว่าตกลงตามนี้ นับต่อจากนี้ไปเธอมีเวลาหนึ่งเดือนเพื่อหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง"

    "ตกลงค่ะ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอยากขอคุณ" น้ำเสียงการะเกดอ่อนลงเล็กน้อย

    "เรื่องอะไร"

    "ฉัน เอ่อ ฉันอยากติดต่อไปที่เมืองไทย อยากบอกพ่อกับแม่ว่าปลอดภัยและทำอะไรอยู่ แล้วก็อยากจะบอก..."

    "ฉันบอกหัวหน้าเธอแล้วว่า ให้เธอมาดูงานที่นี่หนึ่งเดือน เขาคงบอกครอบครัวเธอแล้ว"

    "อะไรนะคะ" การะเกดอึ้งไปเล็กน้อย

    ชีคดาเนียลเป็นคนส่งอีเมล์ไปหาหัวหน้างานของการะเกดด้วยตนเองว่า ต้องการเชิญนักข่าวคนเก่งสายเศรษฐกิจมาดูงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าหนึ่งเดือนที่หญิงสาวมาอยู่ที่คาลีจ เขายินดีจะเป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายรวมถึงเงินเดือนที่หญิงสาวควรจะได้ตามสิทธิให้แทน

    ซึ่งหัวหน้าที่เมืองไทยตอบรับในข้อเสนอนี้ทุกอย่าง และยินดีที่จะให้การะเกดอยู่ที่นี่ตามที่ชีคดาเนียลต้องการ และบอกอีกด้วยว่าหากเสร็จสิ้นภารกิจที่คาลีจแล้ว หญิงสาวค่อยกลับไปทำงานตามปกติ

    "ไม่ต้องห่วงกลัวว่าจะตกงาน เพราะตอนนี้ฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือนแทนเจ้านายเธอ และเมื่อไรที่กลับไปเธอก็สามารถไปทำงานต่อได้โดยไม่เสียผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น"

    "แต่ครอบครัวฉันล่ะ พวกเขาอาจจะไม่รู้" การะเกดอยากจะเป็นคนบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

    "ฉันคิดว่าหัวหน้าเธอคงบอกไปแล้ว"

    "แล้วถ้าไม่ได้บอกล่ะคะ" นักข่าวสาวสวนขัดขึ้นมาทันที

    "ถ้าไม่ได้บอก คุณคิดดูว่าพวกเขาจะร้อนใจแค่ไหน " น้ำเสียงการะเกดเครือเล็กน้อย

    "ถ้าได้ยินเสียงฉัน บางทีพวกเขาอาจจะสบายใจขึ้น ขอร้องได้ไหมคะ ให้ฉันติดต่อกลับไปหาครอบครัวสักครั้งได้ไหม"

    น้ำเสียงและแววตาที่วิงวอนขอร้องของการะเกดทำให้ชีคดาเนียลใจอ่อนอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ซึ้งและให้ความสำคัญกับคำว่าครอบครัวมากเช่นกัน และเข้าใจในสิ่งที่นักข่าวสาวพูดทุกอย่าง

    "ฉันขอแค่นาทีเดียว นาทีเดียวจริงๆ ให้ฉันบอกที่บ้านสักนิดได้ไหมว่าอยู่ดีมีสุขและกำลังทำงานสำคัญอยู่" การะเกดร้องขออีกครั้ง

    ในที่สุดชีคดาเนียลก็ยอมตามที่การะเกดขอ เพียงแต่มีข้อแม้ว่านักข่าวสาวจะบอกให้ที่บ้านรู้แค่ว่ามาทำงานสำคัญที่คาลีจ โดยจะไม่มีการพูดถึงเรื่องอื่นทั้งสิ้น

    "ฉันแค่อยากให้ที่บ้านได้ยินเสียงและรู้ว่าฉันสบายดีเท่านั้น รับรองว่าจะไม่พูดเรื่องอื่นเด็ดขาดค่ะ" การะเกดให้สัญญาหนักแน่น

    การะเกดใช้โทรศัพท์ของชีคดาเนียลต่อสายตรงไปที่เมืองไทย เพียงแค่ได้ยินเสียงคนรับซึ่งเป็นมารดาของหญิงสาว การะเกดก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    "แม่คะ เกดมาทำงานด่วนที่คาลีจ มีใครที่สำนักพิมพ์บอกแม่หรือยัง"

    "อีกเดือนหนึ่งเจอกันค่ะ เกดรักแม่นะคะ รักพ่อด้วยค่ะ"

    แค่ได้ยินเสียงบุพการีบังเกิดเกล้าทั้งสอง หัวใจของการะเกดก็มีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คำอวยพรของบิดามารดาให้เธอปลอดภัยและรีบกลับบ้านเสมือนพรอันประเสริฐที่คุ้มกายและใจหญิงสาว นักข่าวคนเก่งสูดลมหายใจเรียกขวัญตนเองกลับมาอีกครั้ง ปาดน้ำตาข้างแก้มที่ไหลซึมออกมาตอนคุยโทรศัพท์ให้แห้ง หันหน้ากลับมาหาชีคดาเนียลด้วยสายตาที่เป็นประกาย

    "หัวหน้าบอกให้ที่บ้านรู้แล้วว่าฉันอยู่ที่นี่"

    "ทีนี้เธอก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วใช่ไหม" เขารับโทรศัพท์คืนจากมือหญิงสาว รับรู้ได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของการะเกด ตอนนี้นักข่าวสาวดูกระตือรือร้นมากขึ้น สายตาที่มีความกลัวแปรเปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่นและกล้าหาญ น่าแปลกที่ชีคดาเนียลชอบกริยาอาการของเธอในขณะนี้ มันทำให้การพูดคุยดูมีชีวิตชีวาและผ่อนคลายมากขึ้น

    "ค่ะ ฉันจะใช้เวลาทุกนาทีต่อจากนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด" น้ำเสียงหญิงสาวร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    "ดี และหวังว่าเธอจะทำได้สำเร็จ"

    "ขอบคุณค่ะ" การะเกดน้อมรับคำอวยพรนั้น แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมจู่ๆ ชีดาเนียลถึงได้อวยพรให้เธอหาหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ ทั้งๆ ที่เขาควรจะบีบบังคับกระแหนะกระแหนหรือพูดจาบั่นทอนกำลังใจมากกว่า

    "อ้อ อีกเรื่องผลงานเธอคราวนี้ที่ทำให้ฉันเจ็บ ช่วยรับผิดชอบด้วย" จู่ๆ ชีคดาเนียลก็เปลี่ยนเรื่องพูด และหันมามองที่แขนขวาของตน

    "จะให้รับผิดชอบยังไง" นักข่าวสาวหันหน้ามามองแขนขวาที่มีตอนนี้มีเฝือกอ่อนคล้องคออยู่

    "มือขวาฉันต้องทำงานดูแลคนทั้งคาลีจ ตอนนี้แม้แต่จับปากกายังเจ็บ เพราะงั้นเธอต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย"

    "นี่คือคำสั่งใช่ไหม" หญิงสาวถามด้วยความหมั่นไส้

    "ใช่ และตั้งใจทำด้วย เพราะเรื่องของคาลีจจะผิดพลาดเพียงคำว่าไม่รู้ไม่ได้"

    การะเกดไม่มีทางเลือก นอกจากยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ก่อนที่เขาจะกลับออกจากห้องพักยังไม่วายหันมาสั่งอีกเรื่องว่า

    "แล้วไม่ต้องคิดหนี เพราะไม่ว่าทะเลทรายหรือที่ไหนในโลกนี้ ฉันก็ตามเจอ การะเกด"

    ข้อนี้การะเกดรู้ดี เพราะประจักษ์ชัดมากับตาแล้วว่าที่ไหนในโลกนี้ ชีคดาเนียลก็ตามหาเจอจริงๆ โดยเฉพาะในยามที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาคือคนที่ให้โอกาสชีวิตเธอแล้วครั้งหนึ่ง

     

    การะเกดถูกตามลงมาที่ห้องทำงานของอัสมันอีกครั้ง คุณหมอราเชสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกลางห้อง หญิงสาวยิ้มทักทายคุณหมอหนุ่มด้วยแววตาที่สดใสเป็นกันเองมากขึ้น

    "สบายใจขึ้นนะครับ" ราเชสสังเกตจากสีหน้าของการะเกด

    ชีคดาเนียลมาบอกให้เขากับนาดาทราบว่า ได้ตกลงกับการะเกดเรื่องอัสมัสเรียบร้อยแล้ว เวลาหนึ่งเดือนนับจากนี้หญิงสาวจะต้องหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

    "อย่างน้อยก็ยังไม่ตายตอนนี้ค่ะ" น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    การะเกดให้กำลังใจตนเองว่าต้องอยู่ต่อ และในหนึ่งเดือนนี้จะต้องหาหลักฐานมาปลดปล่อยข้อกล่าวหาร้ายแรงนี้ให้ได้ เธอเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและจะสามารถหาความจริงนี้ได้

    เมื่อเรียกกำลังใจตนเองกลับมาได้ การะเกดจึงวางแผนเป็นขั้นตอนว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน เพื่อนำไปสู่การไขปริศนาการตายของอัสมัน

    "ฟาติมาเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี้เองครับ" จู่ๆ ราเชสก็เอ่ยถึงฟาติมาขึ้นมา และแอบสังเกตท่าทีของหญิงสาวอยู่เงียบๆ

    "คุณฟาติมามาเหรอคะ" การะเกดอดห่วงไม่ได้ว่าชีคดาเนียลจะรู้หรือไม่ว่า การหนีของตนมีฟาติมาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ แล้วเธอจะโดนคนใจร้ายเล่นงานหรือไม่

    "ครับ เห็นบอกว่าวันก่อนเจอคุณด้วย"

    "ค่ะ เราเจอกันแล้ว" นักข่าวสาวพยักหน้ารับ ตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องที่ฟาติมาช่วยพาหนีให้ใครฟังทั้งนั้น เพราะไม่อยากให้มีใครเดือดร้อนเพราะตัวเองอีก

    "ฟาติมาบอกว่าไม่เอาเรื่องที่คุณทำให้อัสมันต้องตายน่ะครับ" ราเชสพูดต่อไปอีกว่า

    "ดังนั้นตอนนี้มีคนเดียวที่เอาเรื่องคุณก็คือดาเนียล"

    "แล้วนี่ เขาอยู่ไหนล่ะคะ"

    เมื่อครู่สาวใช้บอกว่าให้เธอลงมาที่นี่เพราะชีคดาเนียลรออยู่ แต่เมื่อมาถึงกลับเจอราเชสแทน

    "เดี๋ยวตามมาครับ" คุณหมอหนุ่มชวนการะเกดคุยเพื่อฆ่าเวลารอ สักพักใหญ่ชีคแห่งคาลีจถึงตามมาสมทบ

    "มาพอดีเลย คุณเกดรอนายอยู่" ราเชสร้องทักเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของชีคหนุ่มที่เดินเข้ามาถึง

    "รอทำไม จะทำอะไรก็ทำไปซิ" เขาแปร่งหูกับคำเรียกชื่อที่ราเชสใช้เรียกการะเกด

    อีกทั้งสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่ทั้งคู่มีต่อกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้จิตใจของชีคดาเนียลไม่ปกติ ทั้งหมั่นไส้และอยากเข้าไปขวางทุกครั้งที่เห็นหญิงสาวยิ้มและหัวเราะร่าเริงด้วย

    "อัสมันเป็นแอดมินเวปไซต์นาย แล้วตอนนี้ใครทำแทน" คุณหมอหนุ่มถามอย่างเป็นงานเป็นการ

    "ฉันจ้างบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว ว่าจะปิดเวปด้วยซ้ำ"

    เวปไซต์พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเป็นความคิดของอัสมันแต่ต้น เนื่องจากคาลีจเป็นเมืองเล็กๆ บนคาบสมุทรอาหรับ การขุดพบบ่อน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทุกปีทำให้คาลีจเริ่มมีบทบาทและอำนาจในตลาดน้ำมันโลกมากขึ้น ชีคฟาอิสบิดาของชีคดาเนียลมองการณ์ไกลแล้วว่า ควรให้บุตรชายมาดูแลผลประโยชน์มหาศาล ที่จะพัฒนาให้ชาวคาลีจมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    จึงส่งชีคหนุ่มและอัสมันไปหาความรู้ในต่างแดนเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศในอนาคต เมื่อชีคดาเนียลมารับหน้าที่แทนบิดาที่สละตำแหน่งเพราะปัญหาสุขภาพ อัสมันเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จหลายสิ่ง หนึ่งในนั้นรวมถึงการทำให้คาลีจเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    นอกจากธุรกิจน้ำมันที่ขายตัวมันเองได้แล้ว คาลีจมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามเหมาะที่จะให้ชาวโลกได้รับรู้ แผนการณ์อันแยบยลของอัสมันก็คือ เสนอสิ่งที่โลกสนใจเพื่อดึงดูดความสนใจนั้นสู่คาลีจ และสิ่งที่อัสมันมองเห็นก็คือชีคดาเนียลนี่ล่ะ ที่จะทำให้คาลีจสว่างสดใสในสายตาของชาวโลก

    เวปไซต์พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายถูกจัดทำขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้จักคาลีจผ่านชายหนุ่ม อัสมันทำหน้าที่แอดมินที่ดีในการอัพรูปภาพและความเคลื่อนไหวที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยของท่านผู้นำ แค่สองชั่วโมงแรกที่เปิดสาวๆ ทั่วโลกได้รู้จัก ก็ได้รับความสนใจอย่างเกินความคาดหมาย

    ซึ่งเรื่องเหล่านี้เจ้าตัวกลับไม่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในเวปไซต์เหล่านั้นเลย งานของชีคดาเนียลตั้งแต่ลืมตาจนเข้านอนทำงานทุกอย่างเพื่อชาวคาลีจ อัสมันดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเวปไซต์และทำงานเบื้องหลังสนับสนุนงานท่านผู้นำตลอดมา เรียกว่าถ้าไม่เกิดเรื่องชีคดาเนียลก็คงไม่มีโอกาสได้แตะต้องเวปไซต์ ที่ทำให้ตนเองเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกเป็นแน่

    "ถ้างั้นเอารหัสอัสมันให้คุณเกดดีกว่า เผื่อว่าจะได้เข้าไปดูข้อมูลเชิงลึกได้" คุณหมอราเชสเอ่ย

    ชีคดาเนียลหมั่นไส้มากขึ้นเมื่อเห็นการะเกดพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของชายหนุ่ม เมื่อได้สวมตำแหน่งแอดมินแทนคนที่จากไป ข้อมูลบางอย่างที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวสามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนได้เป็นสิ่งแรก

    "สมัครตั้งแต่วันนี้ ล็อกอินรวมถึงพาสเวิร์ดถูกตั้งให้เข้าเวปโดยอัตโนมัติ ซึ่งฉันมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งไว้แน่" การะเกดเปิดหน้าเวปอธิบายอย่างช้าๆ

    "การคุยกันของคุณอัสมันกับผู้หญิงที่ล็อกอินชื่อฉัน หลังจากนั้นหนึ่งปี" หญิงสาวยื่นเอกสารที่ปริ้นท์ออกมาให้ชายหนุ่มดู

    "ตอนนั้นฉันไปทำงานอยู่ ภูฎาน เนปาล แล้วก็อินเดีย" การะเกดเปิดรูปในเฟสบุ๊ซส่วนตัวให้ดู

    "แล้วไง" ผู้นำคาลีจรับฟังด้วยท่าทีสงบ

    "ก็ไม่แล้วไง ก็แสดงว่าฉันไม่ได้คุยจริงๆ"  

    "แค่นี้ไม่ได้บอกว่าเธอไม่ใช่คนร้าย" ชีคดาเนียลเอ่ยเสียงเรียบ

    "นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้นะคะว่าล็อกอินของฉันมีคนแฮกไป" การะเกดแย้งขึ้นมาทันที อย่างน้อยนี่ก็คือสิ่งยืนยันได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่เข้ามาในเวปไซต์

    "เธอพูดเองว่าจะหาตัวคนผิดมาให้ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ไม่สามารถเจอตัวคนนั้น งานของเธอก็ยังไม่จบ การะเกด" ชีคหนุ่มพูดหน้าตาเฉยแล้วเดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้การะเกดมองตามด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจว่า ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอไม่ใช่คนร้ายอย่างที่กล่าวหา

    แต่อย่างน้อยการะเกดก็มีกำลังใจเมื่อสามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าไม่ใช่คนที่ใช้ล็อกอินเจ้าปัญหา หญิงสาวขลุกอยู่ที่นั่นจนถึงเวลาอาหารเย็น นาดาต้องให้สาวใช้มาตามถึงจะยอมวางมือจากหน้าคอมพิวเตอร์

    "ไปแล้วค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้น อารามความรีบร้อนทำให้ปากการ่วงหล่นลงไปที่ใต้โต๊ะ กล่องไม้ใบใหญ่ที่อยู่ด้านล่างสะดุดตานักข่าวสาว

    การะเกดลากกล่องไม้ที่มีลวดลายฉลุงดงามออกมา ไม่มีกุญแจล็อกปากกล่องจึงถือวิสาสะเปิดดูว่าข้างในมีอะไร สมุดบันทึกหนาและเก่าเป็นสิบเล่มถูกเก็บอยู่ในนั้น ทุกเล่มมีลายมือเขียนภาษาอาหรับเต็มไปหมด

    วิญญาณนักข่าวสั่งให้ถือสมุดเล่มเก่านี้ติดมือไปด้วย คืนนี้เธอจะต้องหาคนมาช่วยอ่านและแปลข้อความในสมุดนี้ เผื่อว่าบางทีอาจจะทำให้งานเสร็จเร็วและจบภารกิจได้เสียที

     

    อาหารมื้อเย็นคงไม่อร่อยเพราะชีคดาเนียลรับประทานไปไม่กี่คำ ก็ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องโดยบอกว่ารู้สึกเจ็บแผล นาดารีบตามไปดูแลปล่อยให้การะเกดอยู่กับราเชสตามลำพังสองคน

    "สงสัยแผลจะระบม" คุณหมอหนุ่มคิดว่าก่อนเข้านอนคืนนี้ คงจะต้องไปตรวจดูอาการเพื่อนรักเสียหน่อยว่ามี นอกจากแขนที่บาดเจ็บแล้วยังมีส่วนอื่นส่วนใดที่บุบสลายหรือเป็นปัญหาหรือไม่

    "เจ็บเพราะทำหน้ายักษ์ใส่คนอื่นมากกว่า" การะเกดพึมพำคนเดียว

    "คุณเกดว่าอะไรนะครับ" ราเชสถามด้วยความสงสัย

    "ไม่มีอะไรค่ะ ฉันคิดอะไรนิดหน่อยก็เลยพูดออกมาคนเดียว เออ จริงซิคะ ฉันมีอะไรให้คุณหมอดูด้วย" การะเกดรีบหยิบของที่ติดมือมาส่งให้ราเชสทันที

    "บันทึกประจำวันครับ" ราเชสพลิกดูสองสามหน้าแล้วก็ส่งคืนต่อให้หญิงสาว ที่แท้การะเกดสงสัยถูกต้อง สมุดเล่มเก่าที่ถือติดมือมาเป็นบันทึกส่วนตัวของอัสมัน  

    "เสียดายนะคะ ฉันอ่านภาษาอาหรับไม่ออก ไม่งั้นคงได้รู้ว่าคุณอัสมันเขียนอะไรไว้บ้าง เผื่อว่ามีอะไรน่าสนใจในนั้น" การะเกดพูดด้วยความเสียดาย

    "ก็ไม่ยากนี่ครับ ลองให้นาดาช่วยแปลให้ก็ได้ หรือไม่คืนนี้ผมแปลกให้ถ้าไม่ง่วงเสียก่อน" ชายหนุ่มอาสา

    "จริงเหรอคะ แต่กว่าจะแปลหมดจะทันเวลาหรือเปล่า"

    "เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ"

    "ในลังมีประมาณสิบกว่าเล่มได้ค่ะ"

    ราเชสพลิกดูวันที่ที่อัสมันเขียนไว้ด้านใน นี่เป็นสมุดบันทึกล่าสุดของปีนี้ แสดงว่าในลังจะต้องมีทั้งก่อนหน้านี้ และอาจจะมีถึงปัจจุบันจนวันสุดท้ายที่เกิดเหตุร้ายขึ้น  ถือว่าเป็นโชคดีของการะเกดที่ได้เบาะแสบางอย่างเพิ่มขึ้นอีก

    "ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปขนมาไว้ทั้งหมดเลยดีกว่าค่ะ เผื่อว่าจะได้ช่วยๆ กันอ่าน"

    นักข่าวสาวชวนราเชสย้อนกลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง กล่องไม้ใบใหญ่ถูกเปิดออกพร้อมกับสมุดบันทึกถูกลำเลียงนำออกมา คุณหมอหนุ่มช่วยรื้อดูเพื่อจะหาเล่มที่ใกล้เคียงช่วงเวลาที่สุด

    "เล่มที่คุณเกดถือมาเป็นเล่มล่าสุดที่อัสมันเขียนไว้"

    "เขียนไว้เมื่อไรคะ" การะเกดถามด้วยความอยากรู้

    "หน้าสุดท้ายลงวันที่ไว้หนึ่งเดือนก่อนเกิดเรื่องครับ" ราเชสคำนวนวันเวลาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงตอบ

    "แสดงว่ามันต้องมีเล่มต่อจากนี้" เธอมั่นใจว่าต้องมีแน่ คนชอบเขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกไม่มีทางหยุดเขียนความในใจของตนเองแน่ อัสมันก็เช่นกัน การะเกดเริ่มอยากรู้ว่าในบันทึกเขียนอะไร

    บางทีสมุดพวกนี้อาจะมีเบาะแสบางอย่างที่จะสืบหาไปถึงเจ้าของล็อกอินอันนั้น และไม่แน่ว่าเงื่อนงำปริศนาการตายที่นักข่าวสาวเชื่อมาตลอดว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตายเพราะรัก อาจจะอยู่ในบันทึกเหล่านี้ด้วยก็ได้ แน่นอนว่ามันจะทำให้พ้นข้อกล่าวหาที่ชีคบ้านั่นพยายามยัดเยียดให้อย่างแน่นอน

    "ต้องค่อยๆ ไล่ดูครับ แต่ดูจากสภาพแล้วนี่น่าจะเป็นของเก่ามากกว่า" คุณหมอหนุ่มพลิกดูทีละเล่มด้วยความสนใจ ดูวันที่ที่เขียนไว้บันทึกลังนี้น่าจะย้อนหลังไปประมาณครึ่งปีเห็นจะได้ ก่อนหน้านั้นอัสมันจะเขียนไว้หรือเปล่าไม่มีใครตอบได้

    "เอากลับไปก่อนดีกว่าค่ะ แล้วเดี๋ยวค่อยๆ อ่านก็ได้ ฉันคิดว่ามันน่าจะมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง"

    การะเกดและราเชสแบกสมุดบันทึกมาเก็บไว้ที่ห้องนอนเรียบร้อยแล้ว คุณหมอหนุ่มเอาบันทึกเล่มหลังสุดไปอ่านก่อนคืนนี้ แล้วจะส่งคำแปลมาให้พรุ่งนี้เช้า

    "ขอบคุณมากนะคะ" การะเกดขอบคุณจากใจจริง

    "ไม่เป็นไรครับ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้อัสมันตัดสินใจทำแบบนั้น"

    "แล้วเราจะได้รู้กันค่ะ ฉันมั่นใจว่าต้องหาตัวคนๆ นั้นเจอแน่"

    "พรุ่งนี้ผมต้องกลับไปโอม่าร์ จะรีบอ่านให้จบแล้วแปลออกมาให้คุณเกดอ่าน ส่วนที่เหลือคงต้องพึ่งให้นาดาช่วยแปลให้ แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินคุณเกดติดต่อผมได้ตลอดเวลานะครับ"

    "อ้อ อีกเรื่องหนึ่งนะครับ" ราเชสนึกอะไรขึ้นมาได้

    "เรื่องอะไรคะ" การะเกดรอฟังอย่างตั้งใจ

    "ถ้ามีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจ หรืออยากรู้อะไรในสิ่งที่ฟังมาหรือข้องใจ แนะนำว่าให้ถามดาเนียลหรือไม่ก็นาดา หรือถ้าไม่สะดวกใจจริงๆ ให้ถามผมก็ได้"

    "คุณหมอหมายความว่าไงคะ" หญิงสาวฟังแล้วไม่เข้าใจ

    "หมายความว่าอย่าเชื่อคำพูดคนทั้งหมด แต่จงเชื่อในสิ่งที่เห็นด้วยตาตนเอง และถ้าให้ดีถามเจ้าตัวเลยดีกว่าว่าอะไรเป็นอะไร ผมรับรองได้ว่าดาเนียลและนาดาไม่มีใครใจร้ายฆ่าคนได้ลงคอหรอกครับ"

    "คุณหมอ"

    "ผมไม่รู้ว่าคุณไปฟังหรือได้ยินอะไรมา แต่เอาเป็นว่าไม่ต้องหนีและหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวคุณซะ พวกเราทุกคนก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อัสมันฆ่าตัวตาย ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ใช้ล็อกอินนั้นจริงๆ ก็เท่ากับว่าคุณทำให้พวกเราตาสว่างและรู้ความจริงสำหรับเรื่องนี้ ผมเอาใจช่วยให้คุณทำสำเร็จนะครับ" ราเชสให้กำลังใจ

    "ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ฉันรับรองค่ะจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด" นักข่าวสาวยิ้มหวานแทนคำขอบคุณ เริ่มรู้สึกว่ามีความหวังเกิดขึ้นมาเล็กน้อย หวังว่าบันทึกเหล่านี้คงช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย

     

    การะเกดถูกชีคดาเนียลเรียกตัวไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อเปิดประตูห้เข้าไปก็เห็นเจ้าของห้องทำสีหน้าบอกบุญไม่รับนั่งรออยู่ที่โซฟาแล้ว

    "มีอะไรคะ" การะเกดหยุดยืนตรงหน้า

    "จะรับผิดชอบกับแผลที่ฉันเจ็บตัวเพราะเธอยังไง" น้ำเสียงที่ถามแสดงอารมณ์ไม่โสภาสักเท่าไร สีหน้ายิ่งไม่ต้องบอกบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

    "เดี๋ยวคุณหมอจะมาดูอาการคุณให้อีกครั้ง ถ้าไงรอคุณหมอก่อนดีไหมคะ"

    "เพิ่งคุยกันไม่ทันข้ามวัน รู้สึกว่าจะรู้ไปหมดนะว่าจะทำอะไรตอนไหน" สีหน้าบึ้งตึงขอที่มาพร้อมกับคำประชดทำให้การะเกดเงียบไม่ต่อปากต่อคำต่อ

    "จะยืนอย่างนี้อีกนานไหม" ชีคหนุ่มถามด้วยความหงุดหงิดที่ไม่เห็นการะเกดทำอะไรสักอย่างนอกจากยืนเฉยอยู่ที่เดิม

    "ต้องทำอะไรบ้างล่ะคะ คุณหมอราเชสกำลังจะมาดูอยู่แล้ว"

    ผู้ชายอะไรเจ้าอารมณ์เหลือเกิน การะเกดอยากประกาศให้สาวๆ ทั้งโลกที่คลั่งไคล้พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ได้รู้ความจริงเหลือเกินว่าพ่อเจ้าประคุณเรื่องมากขนาดไหน

    "ฉันอยากพักผ่อน จะอาบน้ำด้วย" เขาพูดลอยๆ คล้ายกับจะสั่งให้ทำตามที่พูด

    "ฉันจะไปตามคุณนาดามาให้ค่ะ" การะเกดหันหลังจะเดินออกไป

    "ไม่ต้อง นาดาไม่ใช่คนที่ทำให้ฉันเจ็บตัว ใครทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ" เจ้าแห่งคาลีจประกาศชัด

    ชีคดาเนียลค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูข้างโต๊ะทำงานซึ่งเป็นประตูเชื่อมไปอีกห้องหนึ่ง การะเกดถอนหายใจออกมาดังๆ กับความเจ้าอารมณ์ของคนที่ออกคำสั่ง ก่อนจะเดินตามไปในที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×