คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
รถบรรทุกหลายสิบคันจอดรอรับการตรวจเพื่อที่จะข้ามแดนไปยังโอม่าร์ หลายคนดับเครื่องและลงไปตั้งวงสนทนา ฆ่าเวลาสำหรับการรอที่แสนยาวนาน
การะเกดยังคงอยู่ในรถบรรทุกคันที่นั่งมาจากหน้าคฤหาสน์ของชีคดาเนียล หญิงสาวได้รับความอารีจากเพื่อนผู้ร่วมทาง ช่วยหาผ้าผืนใหญ่มาคลุมตัวเพื่อบรรเทาความหนาว
เหลืออีกแค่คันเดียวก็จะถึงคิวรถของการะเกดแล้ว หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างใน นอกจากแสงไฟที่ส่องอยู่บริเวณด่านแล้ว ที่เหลือคือความมืดของทะเลทรายยามค่ำคืนที่มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
รถของการะเกดผ่านกระบวนการทุกอย่างเรียบร้อยและกำลังจะข้ามแดนไปโอม่าร์ แต่จู่ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าหน้าที่ปิดราวกั้นและเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คนขับรถพยักหน้ารับและยอมทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ด้วยการส่งตัวการะเกดไว้ที่ด่าน
"ปล่อยฉันลงที่นี่ไม่ได้นะคะ คุณต้องไปส่งฉันที่โอม่าร์" การะเกดร้องลั่นไม่ยอมขยับตัวลงไป เหลือบตามองในกระจกหลังเห็นแล้วว่าใครกันที่สั่งให้ทุกอย่างหยุด
"ชีคดาเนียล" นักข่าวสาวตัวชาวาบ เมื่อเห็นเขายืนหน้าถมึงทึงอยู่ที่ด่าน
การะเกดถูกนำตัวลงมาจากรถโดยมีเจ้าหน้าที่เดินตามหลัง เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องก้าวขาไม่ออกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่ ในเมื่อไม่มีใครเห็นในตอนที่วิ่งออกมา
"สนุกมากไหม" ชีคดาเนียลถามด้วยน้ำเสียงดุดันทันทีที่เจอหน้าการะเกด
"กำลังสนุกเลย ถ้าคุณไม่มาขัดจังหวะเสียก่อน" นักข่าวสาวเชิดหน้ากล้าพูดจาต่อปากต่อคำกลับไปอีก สร้างความเดือดดาลใจให้กับชีคหนุ่มเพิ่มมากขึ้น ชีคดาเนียลเจรจากับเจ้าหน้าที่ด่านอีกสองสามประโยค จากนั้นก็คว้าแขนหญิงสาวให้เดินตามมาในทันที
"ปล่อยฉันนะ" หญิงสาวสะบัดแขนหนี
"กลับ" เขาสั่งเสียงเข้มพร้อมทั้งฉุดกระชากลากตัวการะเกดกลับไปให้ได้
"ฉันไม่กลับ"
การะเกดมองรถที่กำลังจะผ่านด่านไปด้วยความเสียดาย ฟาติมาบอกว่ารถคันนี้จะพาเธอไปหาคนที่ช่วยเรื่องการเดินทางกลับแผ่นดินเกิด ถ้าชีคดาเนียลไม่มาขัดจังหวะพรุ่งนี้ก็คงได้กลับเมืองไทยตามที่ต้องการแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจเสียดายโอกาสดีๆ ที่หาได้ง่ายๆ
"จะไปไหน" ชีคดาเนียลร้องถาม เมื่อการะเกดตัดสินใจวิ่งตามรถบรรทุกคันดังกล่าวอีกครั้ง
"รอฉันก่อน รอด้วยค่ะ" หญิงสาวตะโกนโหวกเหวกลั่น ยกมือโบกส่งสัญญาณให้คนขับรู้ว่าต้องการไปด้วย
"จะทำอะไร กลับเดี๋ยวนี้นะ" ชีคหนุ่มตามมาเอาตัวเธอกลับไปอีกครั้ง
"อย่ามายุ่งกับฉัน" การะเกดน้ำตาคลอเมื่อเห็นรถบรรทุกข้ามแดนไปต่อหน้าต่อตา หมดโอกาสแล้วจริงๆ หรือ นี่เธอจะไม่ได้กลับบ้าน แต่ต้องกลับไปรับโทษที่ไม่ได้ก่อจากคนใจร้ายแทนอย่างนั้นใช่ไหม
"กลับเดี๋ยวนี้"
"ไม่"
หญิงสาวสะบัดมือชีคดาเนียลออกอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปทางหน้าด่านหมายจะข้ามเข้าสู่ดินแดนโอม่าร์ให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ การะเกดไม่รู้ว่าจะไปไหนรู้เพียงว่าต้องหนีให้ไกลที่สุด
เส้นทางรถบรรทุกที่วิ่งขวักไขว่ไม่ใช่เส้นทางที่การะเกดกำลังจะไป หญิงสาวเตลิดหนีออกมาจากถนนโดยไร้ทิศทาง ผืนทรายในความมืดไร้แสงสว่าง หัวใจที่ต้องการอิสรภาพคือแสงตะเกียงเพียงเล็กน้อย ที่นำทางให้วิ่งต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ร่างเล็กล้มลงเพราะความอ่อนล้า การะเกดวิ่งมาไกลแค่ไหนไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าต้องหนี หนีให้ไกลจากชีคดาเนียล ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันต่อไปภายหลัง แต่ตอนนี้ขอหนีให้พ้นจากคนไร้เหตุผลที่จะมาบงการชีวิตเธอก่อน
"การะเกด" ชีคดาเนียลตะโกนเรียกชื่อมาแต่ไกล เขาเห็นหลังเธอไวๆ ว่าวิ่งมาทางนี้
ยิ่งได้ยินเสียงชีคดาเนียลไล่ตาม การะเกดก็ยิ่งต้องหนี แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจนจะไปต่อไม่ไหว แต่ก็ยังกระเสือกกระสนหาทางไปแม้ต้องล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่า
"การะเกด ฉันสั่งให้หยุด" ชีคหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าแล้วกระโจนเข้าไปตะครุบตัวของคนที่กำลังจะวิ่งหนีอีกครา
"ปะ ปล่อย ฉัน" นักข่าวสาวดิ้นหนีการจับกุม
อิสรภาพคือสิ่งเดียวที่ปรารถนาและมันอยู่ต่อหน้าในเวลานี้ ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแค่ไหนการะเกดก็ขอแลกสิ่งนี้ด้วยชีวิต ชีคดาเนียลจะไม่มีวันกักขังเธอได้อีกต่อไปตราบไม่สิ้นลมหายใจ
"เธอทำอะไรของเธอ" ชายหนุ่มตวาดลั่น
การะเกดไม่รับรู้อะไรอีกต่อจากนั้น สาวน้อยหมดแรงต่อสู้เพื่อสิ่งที่ต้องการ ทันทีที่ชีคดาเนียลกดตัวเธอไว้ภายใต้กับผืนทราย ทุกอย่างก็ดับวูบลงเพราะความเหนื่อยล้า ที่เหลือคงต้องฝากไว้กับกงล้อแห่งโชคชะตาที่จะพานักข่าวสาวต่อไปในอนาคตก็แล้วกัน
เสียงอื้ออึงข้างหูปลุกให้การะเกดรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง พยายามลืมตามองว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน อาการปวดร้าวไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะศีรษะที่หนักอึ้งทำให้ต้องล้มลงไปนอนอีกหน
"อย่าเพิ่งขยับตัวนะคะ นอนเฉยๆ ก่อน"
"คุณ" เสียงหวานของใครบางคนทำให้การะเกดต้องลืมตามองอีกครั้ง
"คุณปลอดภัยแล้วค่ะ นอนพักอีกสักนิดฉันจะไปตามคุณหมอมาตรวจอาการอีกครั้ง"
"ที่นี่ที่ไหนคะ" หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นมานั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ ที่นี่คล้ายกับคฤหาสน์กลางทะเลทรายของชีคดาเนียล หรือว่าที่นี่คือคาลีจ
"ที่นี่คือบ้านคุณหมอราเชส"
"บ้านคุณหมออยู่ที่ไหนคะ"
พยาบาลคนสวยยังไม่ทันจะตอบชีคดาเนียลก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายคนหนึ่งท่าทางใจดี เขาคือคุณหมอราเชสเจ้าของบ้านและเป็นคนที่ช่วยการะเกดไว้
"รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ" คุณหมอใจดีถามพลางตรวจอาการของคนป่วยอย่างละเอียดอีกที
ร่างกายของการะเกดดีขึ้นมากพร้อมที่จะเดินทางได้ คุณหมอราเชสให้หญิงสาวพักที่นี่อีกคืน เพื่อจะเดินทางกลับคาลีจพร้อมชีคดาเนียลในวันพรุ่งนี้
"เอ่อ ฉันยังรู้สึกปวดหัวเหมือนจะมีไข้ แล้วก็เจ็บคอด้วยค่ะ" เพียงแค่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องกลับคาลีจ การะเกดก็พยายามหาทางถ่วงเวลาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไหนๆ ก็เข้ามาถึงแผ่นดินโอม่าร์แล้ว การะเกดต้องหาทางที่จะไปสนามบินเพื่อหาทางกลับเมืองไทยให้ได้ อย่างน้อยขอให้ไปถึงสนามบินได้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
"นอนพักแล้วค่อยรอดูอาการพรุ่งนี้เช้าอีกทีก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลมาวัดไข้ทุกสองชั่วโมง"
การะเกดยังไม่มีโอกาสได้คุยกับชีคดาเนียล เพราะชายหนุ่มเดินตามคุณหมอราเชสออกไปข้างนอก เท่าที่สังเกตเขาไม่มีท่าทีโมโหหรือไม่พอใจใดๆ ทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น หรือที่นี่ไม่ใช่คาลีจที่จะแสดงอำนาจได้ตามใจชอบ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ช่าง การะเกดคิดหาหนทางที่จะไปต่อ สนามบินโอมาร์อยู่ที่ไหนและใครจะสามารถบอกทางเธอได้บ้าง
ชีคดาเนียลตกเป็นจำเลยของคุณหมอราเชส เมื่อคนไข้สาวที่เขาแบกมาจากทะเลทรายฟื้นคืนสติรู้สึกตัวพ้นขีดอันตรายแล้ว จะมีก็แต่ท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่แห่งคาลีจที่กำลังรู้สึกว่า ตนเองมีภัยจากสายตาของเพื่อนรักที่กำลังจ้องมองในขณะนี้
"เธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาทำอะไรที่นี่" คุณหมอหนุ่มเปิดประเด็นคำถามด้วยความอยากรู้
เขาแปลกใจที่ชีคดาเนียลมาเยี่ยมเยียนกลางดึก แถมยังพาคนไข้สาวที่สลบไม่ได้สติมาให้รักษา พร้อมยื่นคำขาดว่าต้องช่วยให้ได้อีก คุณหมอราเชสทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณด้วยความตั้งใจ โชคดีที่อาการของการะเกดไม่เป็นไรมากดังนั้นจึงฟื้นตัวได้เร็ว
"นายจะเอาคำตอบไหนก่อน ราเชส" ชีคหนุ่มประชดเล็กน้อยในที
"คำตอบไหนก็ได้ที่นายอยากตอบก่อน"
"การะเกดมาจากเมืองไทย"
"มาทำอะไรที่นี่" ราเชสถามต่ออย่างตรงประเด็น
"นายอย่าบอกนะว่าเรื่องอัสมัน" เขาดักคออย่างรู้ทัน
ความสัมพันธ์ของคุณหมอหนุ่มและพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายแน่นแฟ้นด้วยความเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเด็ก ครอบครัวของราเชสเป็นชาวโอม่าร์ก็จริง แต่เนื่องจากบิดาของชายหนุ่มเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียง และเคยทำการรักษาคนในตระกูลซาเมียร์หลายคน ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเดียวที่กล้าพูดเล่นหรือแม้แต่ตำหนิในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย
"เฮ้ย ท่านชีคครับ ลักพาตัวข้ามประเทศเนี่ย ปัญหาระดับชาติหรือเปล่า" คุณหมอหนุ่มร้องลั่นเมื่อชีคดาเนียลพยักหน้ารับ
"ใครบอกว่าลักพาตัว ฉันมีหนังสือขอตัวการะเกดมาอยู่ที่นี่ในฐานะนักข่าวเศรษฐกิจที่สนใจคาลีจเป็นพิเศษ"
"แล้วผลเป็นไง นายได้คำตอบที่ต้องการหรือยัง"
"ยัง" ชีคหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ
"อย่าบอกว่าผิดตัว"
"เปล่า ถูกคนแต่ว่าไม่ยอมรับ"
"หมายความว่าไง" ยิ่งฟังราเชสก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ชีคดาเนียลตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ราเชสฟังอย่างละเอียด คุณหมอหนุ่มวิเคราะห์ออกมาเป็นฉากๆ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่สนับสนุนแนวคิดของการะเกดทั้งสิ้น
"ฉันแค่พูดในสิ่งที่เป็นไปได้ ทำไมนายไม่ให้โอกาสตามที่เธอขอ"
"ไม่จำเป็น เพราะหลักฐานทุกอย่างชัดเจน"
"แค่ล็อกอินกับอีเมล์เนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อ"
"ก็ถ้าไม่ได้ทำ แล้วทำไมต้องหนี"
"หนี" ราเชสตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนรักพูด
"เปิดประตูบ้านอ้าซ่าแล้ววิ่งออกมาเรียกว่าหนีหรือเปล่า เจอหน้าฉันที่ด่านก็วิ่งเตลิดจนเกิดเรื่องให้ต้องมาหานาย แบบนี้คิดว่ายังต้องให้โอกาสอยู่ไหม"
"ถ้าเป็นฉัน ฉันก็หนี หนีเพราะทำผิดก็อาจจะใช่ หรือหนีเพราะไม่ได้ทำก็เป็นไปได้เหมือนกัน"
"ราเชส" ชีคหนุ่มมองเพื่อนตาถลนจนราเชสต้องรีบอธิบาย
"ฉันไม่ได้เข้าข้างใครเพียงแต่คิดว่าอะไรจะเป็นไปได้บ้าง"
"ตกลงนายอยู่ข้างใคร ฉันหรือแม่นั่น" ชีคดาเนียลเริ่มหมั่นไส้นิดๆ
แม้แต่ราเชสเองก็คิดเหมือนกันกับนาดาหรือว่าควรให้โอกาสผู้ร้ายปากแข็งคนนี้ ชีคดาเนียลตกลงใจแล้วที่จะยอมรับคำขอของการะเกดในทีแรก แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมตั้งใจหนีในค่ำคืนที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ลังเลใจว่าจะให้โอกาสดี หรือพิพากษาคสิ่งที่ก่อให้จบสิ้นไปเสียที
"นายจับเธอมา แล้วบอกเหตุผลหรือว่าเพราะอะไร" คุณหมอหนุ่มเอ่ยถาม
"บอก ฉันพูดว่าแค่ให้สำนึกในสิ่งที่ทำกับอัสมัน ก็เท่านั้น"
"แล้วถ้าไม่ได้ทำ เธอจะสำนึกไหม"
"ถ้าไม่คิดจะสำนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดกับคนอื่น ฉันก็จะจัดการให้การะเกดรู้เองว่าบทลงโทษที่ควรได้รับคืออะไร" น้ำเสียงชีคดาเนียลจริงจึงขึ้นมาทันที
"นายจะทำอะไรเธอ ฆ่าให้ตายตามอัสมัน หรือว่าขังไว้โดยไม่รู้อนาคต"
คำถามของเพื่อนรักทำให้ชีคดาเนียลนิ่งไปเล็กน้อย นั่นซิ ถ้าการะเกดเป็นผู้ร้ายปากแข็งที่ไม่ยอมรับในความผิด เขาจะมีบทลงโทษอย่างไรให้ ชีคดาเนียลไม่ได้คิดวางแผนที่จะรับมือสิ่งเหล่านี้ไว้เลย
สุขภาพของการะเกดไม่มีปัญหาอะไรน่าเป็นห่วง สามารถเดินทางกลับคาลีจได้อย่างไม่มีปัญหา ชีคดาเนียลขอบคุณราเชสสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ก่อนจะบอกให้หญิงสาวเตรียมตัวเดินทางกลับ
"ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ" การะเกดขอตัวไปทำธุระส่วนตัวสักครู่ ปล่อยให้ทั้งสองคุยกันต่อไปเพียงลำพังก่อน
การะเกดสงบสติอารมณ์ตนเองอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ จนแน่ใจแล้วว่าพร้อมที่จะเสี่ยงอีกครั้งสำหรับการเอาตัวรอดกลับเมืองไทย หญิงสาวออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวัง ใช้ประตูหลังบ้านที่แง้มไว้เป็นเส้นทางการหลบหนี วันนี้จะต้องไปถึงสนามบินโอม่าร์ให้ได้
ชีคดาเนียลรอนานจนผิดสังเกต การะเกดยังไม่ออกมาจากห้องน้ำเสียที ราเชสอาสาไปตามให้แต่ก็ไม่พบใครอยู่ในห้องน้ำ
"การะเกด" ชีคหนุ่มคำรามด้วยความโมโหอีกครั้ง คราวนี้ถ้าจับได้จะต้องมีบทลงโทษสำหรับคนที่คิดหนีให้หลาบจำ และรับรองว่าจะไม่มีครั้งที่สามอีกแน่
คุณหมอราเชสเรียกพยาบาลที่ดูแลการะเกดเมื่อคืนมาถาม ได้ความว่าหญิงสาวถามทางไปสนามบิน เพียงแค่นั้นคุณหมอหนุ่มก็นำหน้าชีคดาเนียลไปตามเส้นทางที่คิดว่าเธอจะไปทันที
เส้นทางของการะเกดต้องผ่านตลาดเพื่อไปขึ้นรถ เนื่องจากไม่ใช่คนท้องถิ่นจึงไม่รู้ว่ามีเส้นทางอื่นที่ลัดผ่านไปถึงท่ารถได้เร็วกว่า ระหว่างทางที่เดินอยู่ในตลาดความสวยแปลกตาทำให้รู้ว่าไม่ใช่คนในท้องถิ่น ไปสะดุดสายตาของคนที่อยู่แถวนั้นซึ่งเดินตามอยู่ห่างๆ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวด้วยความสนใจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าภัยกำลังมาเยือนในไม่ช้า
ทันทีที่การะเกดเลี้ยวเข้าไปในซอยเพื่อเดินไปที่ท่ารถ พวกมันส่งสัญญาณหากันแล้ว เดินตามดักหน้าดักหลังล้อมตัวเธอไม่ให้หนีไปไหนได้
"ถอยไปนะ" การะเกดตวาดเสียงดังหวังให้พวกมันกลัว เห็นสายตาและท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงความต้องการออกมาแล้ว ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
"อย่าเข้ามานะ" การะเกดถอยจนจะติดกำแพงแล้ว
เปล่าเลย พวกมันแสยะยิ้มและเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ซอยที่จะผ่านไปท่ารถเป็นซอยเปลี่ยวไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน นักข่าวสาวเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ให้กับตนเอง
"อย่าเข้ามานะ" พวกมันเดินล้อมเข้ามาหาและปิดทางไม่ให้หนีได้ การะเกดกลัวเหลือเกินแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือพยายามหาอาวุธป้องกันตัว
ด้ามไม้ไผ่ท่อนขนาดพอมือเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวสำหรับการป้องกันตัวเอง นักข่าวสาวคว้ามันขึ้นมาถือไว้ในมือภาวนาว่าให้มีใครสักคนผ่านมาและช่วยด้วยเถอะ แต่คำขอไม่เป็นผล เมื่อหนึ่งในนั้นเอื้อมมือเข้ามาหมายจะจับตัว
"อย่านะ" หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ ใช้ด้ามไม้ไผ่ตีไปที่ข้อมืออย่างเต็มแรง
คนถูกตีร้องลั่นด้วยความเจ็บ พวกที่เหลือจึงกรูกันจะเข้ามาทำร้าย การะเกดกรีดร้องใช้อาวุธที่มีอยู่ในมือเพียงหนึ่งเดียวต่อสู้ แต่หนึ่งแรงหญิงหรือจะสู้หลายแรงชาย ในที่สุดด้ามไม้ไผ่ก็หลุดจากมือ
"ปล่อยนะ จะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ" การะเกดทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องและทำทุกทางเพื่อให้รอดพ้น
หญิงสาวไม่อยากคิดเลยว่าพวกมันจะทำอะไรต่อ ข่าวคดีข่มขืนมีให้เห็นทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะชาวต่างชาติต่างถิ่นที่ไม่รู้ภาษาและเข้าใจวัฒนธรรมที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้
การะเกดพยายามปกป้องตนเองจากภัยที่กำลังคุกคามอย่างหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หญิงสาวกรีดร้องลั่นเมื่อมีมือใครคนหนึ่งชกเข้าที่ท้อง พวกมันพยายามจะลากตัวเธอไปในบ้านร้างแห่งหนึ่ง พระเป็นเจ้ายังเข้าข้างคนดี เมื่อคุณหมอราเชสใช้ซอยนี้เป็นทางลัดไปสู่ท่ารถ
"อย่า..."
เสียงกรีดร้องของใครบางคนทำให้ชีคดาเนียลชะงัก เสียงของการะเกดเขาจำได้ ได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้งก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่เธอแน่
"ราเชส ทางนี้" ชีคหนุ่มได้ยินเสียงมาจากบ้านร้างทางด้านหลัง จึงรีบร้องเรียกให้คุณหมอหนุ่มตามมา
การะเกดถูกตรึงแขนขาไม่ให้ขยับไปไหนได้ และกำลังจะถูกมัดปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง มือสกปรกข้างหนึ่งเอื้อมมาลูบไล้ที่ข้างแก้มอย่างย่ามใจ นักข่าวสาวน้ำตาไหลสะอื้นด้วยความกลัวสุดชีวิต
"การะเกด" เสียงสวรรค์มาช่วยแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่การะเกดรู้สึกว่า การได้พบชีคดาเนียลเหมือนได้พบความสว่าง ชีคหนุ่มและคุณหมอราเชสเล่นงานผู้ไม่หวังดีที่คิดจะทำร้ายคนไม่มีทางสู้ได้อยู่หมัด
"ระวัง" หญิงสาวร้องลั่น เมื่อหันไปเห็นคนร้ายคว้าท่อนเหล็กที่พื้นและเข้ามาทางด้านหลังของชีคหนุ่ม
ชีคหนุ่มหลบไม่ทันจึงถูกตีที่แผ่นหลังเซไปกระแทกกับขอบเสาอย่างแรง เลือดที่หัวคิ้วทำให้การะเกดยิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จังหวะนั้นชีคดาเนียลลุกขึ้นรับมือกับคนที่ไม่เลิกรา ด้วยการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองใคร กว่าจะจัดการคนร้ายได้ก็เล่นเอาเจ็บตัวได้เลือดเหมือนกัน
ชาวบ้านที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงเข้ามาดู เมื่อรู้ว่าคุณหมอราเชสเกิดเรื่องจึงกรูกันเข้ามาช่วย ในที่สุดคนร้ายก็ถูกรุมประชาทัณฑ์และจับส่งตำรวจ ส่วนคุณหมอหนุ่มรีบพาชีคดาเนียลและการะเกดกลับไปดูอาการบาดเจ็บที่บ้านต่อทันที
การะเกดไม่รู้จะพูดคำไหนได้ดีไปกว่าคำว่าขอบคุณแล้ว หญิงสาวยังมีอาการผวาและตื่นกลัวในบางขณะ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าอาการบาดเจ็บของชีคดาเนียลที่มีตนเป็นต้นเหตุ
"แขนนายคงกระแทกตอนสู้กับพวกนั้นเข้าเฝือกอ่อนไว้ก่อน ถ้าไม่มีอะไรอีกสองอาทิตย์ก็น่าจะดีขึ้น ส่วนแผลที่อื่นเดี๋ยวให้พยาบาลจัดการให้" คุณหมอราเชสจัดการเรื่องเฝือกอ่อนให้กับเพื่อนเรียบร้อย และแนะนำให้ชายหนุ่มนอนพักอยู่กับที่เฉยๆ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเจ็บมาก
"ฉันจะกลับคาลีจ" ชีคดาเนียลแจ้งความประสงค์
"ถ้างั้นฉันไปส่งนายเอง ขอเคลียร์ธุระแป๊ปอีกครึ่งชั่วโมงล้อหมุน"
"ขอบใจมาก ราเชส" ชีคหนุ่มซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนรักเหลือเกิน
ระหว่างที่ราเชสจัดการสะสางงานอย่างรีบเร่งเพื่อไปส่งชีคดาเนียลที่คาลีจนั้น การะเกดเดินตัวลีบเข้ามาหาเพื่อกล่าวคำขอบคุณ และหวังจะขอความช่วยเหลือบางอย่าง
"ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน" การะเกดเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดเป็นคำแรก
"ไม่เป็นไรครับ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องหนี" ชายหนุ่มถามตรงไปตรงมา
"คุณรู้" สีหน้าของการะเกดตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคุณหมอหนุ่มจะรู้เรื่องจากชีคดาเนียลแล้วกระมัง
"คุณหนีจากคาลีจมาโอม่าร์ และกำลังจะหนีจากบ้านผมไปสนามบิน ถูกต้องไหมครับ"
"ฉันมีความจำเป็นที่ต้องทำค่ะ ขอโทษคุณหมอด้วย" การะเกดพูดสั้นๆ แล้วก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรต่อ
เพราะความต้องการที่จะหนีชีคดาเนียลไปให้ไกล ถึงได้เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัวขนาดนี้ และสุดท้ายก็ไม่พ้นที่จะต้องให้ตามไปช่วยเหลืออยู่ดี สรุปแล้วก็คือการะเกดไม่อาจไปไกลจากพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายใช่ไหม
"หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน คนอย่างชีคดาเนียลก็หาจนเจออยู่ดี ผมแนะนำว่าควรเผชิญซึ่งหน้าดีกว่า บางทีอาจทำให้เรื่องที่เป็นปัญหาให้คุณต้องหนีจบลงโดยเร็วก็ได้"
"คุณกลัวอะไรหรือเปล่า บอกผมได้ไหม" สัญชาติญาณของหมอดูออกว่าการะเกดรู้สึกอย่างไรตอนนี้
หนีโดยไม่คิดชีวิต และไม่กลัวด้วยว่าจะเกิดอันตรายใดๆ กับตน นี่แสดงว่าจิตใจของการะเกดเด็ดเดี่ยวมาก และคงไม่เลิกล้มความตั้งใจที่คิดจะหนีง่ายๆ แน่
"ฉัน เอ่อ ฉัน" นักข่าวสาวอึกอักพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นประโยคไหนก่อนดี ทีแรกตั้งใจว่าจะมาขอความเมตตาแต่กลับกลายเป็นว่ากำลังถูกต้อนให้จนมุมหรือเปล่า
"ผมรู้เรื่องของคุณหมดแล้ว"
"ถ้างั้นคุณคงคิดเหมือนคนอื่นซิคะ" การะเกดไม่ต้องเสียเวลาร้องขอความช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป ราเชสก็คงคิดว่าเธอคือคนทำร้ายอัสมันเช่นเดียวกันแน่
"ไม่ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเป็นผม ผมจะไม่หนีและจะสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง"
"แม้จะรู้ว่าบทลงโทษที่จะได้คือความตายอย่างงั้นหรือคะ" การะเกดย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหวาดกลัวและปวดร้าวจากหัวใจ
ราเชสชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ชีคดาเนียลโหดร้ายกับผู้ถูกกล่าวหาขนาดนี้เชียวหรือ หรือว่าความเสียใจที่น้องชายสุดที่รักจากไป จึงเปลี่ยนให้จิตใจคนโหดเหี้ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"เขาขู่คุณเหรอ" คุณหมอหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
เขารู้จักชีคดาเนียลมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าอยู่ห่างกันที่แต่ก็พอจะรู้ว่าเพื่อนรักไม่ใช่คนใจคออำมหิตโหดเหี้ยมฆ่าแกงใครได้ง่ายๆ ทว่าบางครั้งความเจ็บปวดอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้
"เปล่าค่ะ" การะเกดก้มหน้า
พูดตามความจริง การะเกดเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะใจดำโหดเหี้ยมได้ขนาดนั้น แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ โดยเฉพาะใจที่ปิดตายไม่รับฟังความคิดของใครด้วยแล้ว
"แล้วใครบอกคุณ" ชายหนุ่มซักด้วยความอยากรู้
"เอ่อ คือ" การะเกดอึกอักเล็กน้อย
"ถ้าต้องการให้ตายจริงคงไม่แบกคุณมาจากทะเลทรายกลางดึก เพราะกลัวว่าคุณจะหนาวตายซะก่อน และคงไม่เอาแขนที่ต้องใช้ทำงานมาช่วยรับท่อนเหล็กที่จะทำร้ายคุณหรอกนะ คนที่คิดจะฆ่าคนอื่นได้ทำแบบนี้หรือเปล่า ผมถามหน่อย"
คำพูดของคุณหมอราเชสทำให้การะเกดนิ่งไปทันที เริ่มสับสนในจิตใจตนเองว่า ตกลงแล้วชีคดาเนียลเป็นคนอย่างไร เขาสร้างภาพเพื่อให้ตายใจ หรือช่วยเพราะมีสาเหตุอื่นใดแอบแฝงกันแน่
ความคิดเห็น