ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคสั้น

    ลำดับตอนที่ #9 : ไอดอลที่รัก > L&Suzy > part 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 56


    :) Shalunla

         


     
     เสียงฝีเท้ากับเสียงหอบแห้งของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีกลุ่มชายหลายคนมานาน จนในที่สุดเธอก็ถึงทางตัน เธอหันกลับไปมองคนที่ตามเธอมาเหล่านั้น ก่อนจะสังเกตุเห็นชายคนหนึ่งที่มองดูเหตุการณ์นั้นมาแต่ไกล เธอพยายามส่งสายตาไปบอกเขาคนนั้นให้เข้ามาช่วยเหลือเธอ

    “หนีไปไหนไม่ได้แล้ว ! ถ้าวันนี้เธอไม่จ่ายเธอได้กลายเป็นศพเฝ้าลานจอดรถแน่” ชายคนหนึ่งขู่เธอ

    “ออกไปนะ !!” เธอคว้ากระเป๋าสะพายของเธอใส่คนพวกนั้นก็จะวิ่งฝ่าคนพวกนั้นออกไป

    “ช่วยด้วยค่ะ !! ช่วยด้วย” เธอพยายามร้องเรียกคนให้มาช่วยเธอ

    “กรี๊ด !!” แล้วเธอก็กรี๊ดออกมา เมื่อจู่ๆก็มีมือหนึ่งมาคว้าร่างของเธอไป เมื่อเธอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในช่องแคบๆ ที่ไฟส่องเขาไม่ถึง กับชายตรงหน้าที่สวมเสื้อและหมวกสีดำปกปิดใบหน้า

    “เงียบๆ ! แล้วคุณจะปลอดภัย” เขากระซิบข้างๆหูของเธอ

    “ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันกลัวแล้ว” เธอร้องขอชีวิตต่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

    “เชื่อใจผมน่ะ คุณจะต้องปลอดภัย” เขาว่าจบก็เลือนใบหน้าลงมาจูบเธออย่างจงใจ เธอพยายามขัดขืนการกระทำของเขาด้วยการผลักร่างของเขาออกไป และทำให้เธอได้เห็นรอยแผลเป็นที่หัวไหล่ของเขาอย่างชัดเจน

    “ยัยนั้นมันหายไปไหนแล้วว่ะ”

    “เด็กสมัยนี้มันจริงๆเลย เห้ย ! ไอหนูตรงนี้ที่สาธารณะ ถ้าอยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแนะนำให้ไปที่ห้องแล้วอย่าหาว่าป๋าไม่เตือน” เสียงของเหล่าคนพวกนั้นดังขึ้นเมื่อเห็นการกระทำของเขา ที่กำลังปฏิบัติต่อเธอ และไม่สงสัยแต่ประการใด ก่อนจะวิ่งไปตามหาเธอที่อื่นต่อ หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆผละหน้าออกจากเธอ

    “ผมจะไม่ขอถามหรอกนะว่าเพราะอะไรทำไมคนพวกนั้นถึงตามคุณ เพราะตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” เขาพูดทั้งๆที่เธอยังคอึ้งอยู่

    //แช่ะ// เสียงชัตเตอร์ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง และมันคือด้านหน้าของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาทั้งสองกำลังโดนปาปารัสซี่แอบถ่ายรูปอยู่ก่อนที่ปาปารัสซี่จะวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างเร็ว เมื่อเขาเห็นการกระทำเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปตามกล้องโดยทิ้งให้เธอยืนอึ้ง และงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่คนเดียว

    .

    .

    .

    .

    .

            เช้าวันต่อมา ก็มีข่าวดังทั่วทั้งประเทศออกมา เมื่อปาปารัสซี่ถ่ายรูป สมาชิกวงอินฟินิทอย่างแอล (มยองซู) กำลังอยู่กับหญิงสาวนิรนามในที่ลับตาคนด้วยท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม และตอนนี้มันแพร่ออกไปว่อนเน็ต อินสปิริททั่งโลกก็กำลังร้อนล้นอยู่ไม่ได้ อนึ่งในอินเตอร์เน็ตเหล่าแฟนๆต่างสัญนิฐานว่าผู้หญิงในรูปคือจียอน สมาชิกวง ทีอาร่า แต่ตอนนี้ต้นสังกัดยังไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวแต่อย่างใด ทำให้ผู้หญิงตัวจริงที่อยู่กับแอลเริ่มเดือดร้อน

    “ซูจื !! ดูข่าวอะไรอยู่เหรอ ?” พี่พนักงานที่ฝึกงานให้เธอถามมา

    “เปล่าค่ะ ! พี่ค่ะ ฉันขอทำข่าวนี้ได้ไหม ?” ซูจีถามไป

    “อื้ม ! ดีเหมือนกัน เธอจะได้สร้างผลงาน งั้นก็เริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้เลยแล้วกัน งั้นพี่ไปก่อนนะ พอดีพี่มีนัดหน่ะ” เขาพูดก่อนจะแตะบ่าซูจีเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

    “ผู้ชายเมื่อคืนคือแอล อินฟินิทจริงๆเหรอเนี่ย” ซูจีบ่นออกมาก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    “นี่เราทำให้คุณจียอนเดือดร้อนเหรอเนี่ย เอาล่ะ ! งั้นฉันต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ฉันต้องทำให้คุณจียอนหลุดจากข่าวลือนี้ให้ได้” ซูจีให้กำลังใจตัวเองก่อนจะหยิบกล้องของตัวเองเดินออกมานอกสำนักงาน และเดินไปตามถนนในย่านกังนัม ซึ่งหอของอิฟินิทก็อยู่ในย่านนี้เช่นกัน

    .

    .

            ฝั่งของอินฟินิทเมื่อได้ยินข่าวนั้นก็โดนต้นสังกัดเรียกตัวไปประชุมทันที ขณะที่กำลังนั่งรถไปที่บริษัทสมาชิกทุกคนหนักใจมากว่าจะทำเช่นไรกับข่าวลือนี้ เพราะข่าวลือนี้เป็นจริงถึง 98% ส่วนอีก 2% นั้นคือ ผู้หญิงในข่าวและความสัมพันธ์ของทั้งสองเท่านั้น

    “มยองซู ! นายไม่เป็นอะไรนะ” ลีดเดอร์ของวงพูดก่อนจะเอามือมาแตะบ่าน้องเบาๆ

    “ครับพี่ซองกยู ผมไหวอยู่ครับ” แอลเงยหน้าขึ้นไปตอบ แต่ใบหน้ายังคงเศร้าซึมอยู่เช่นเคย

    “ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงพวกเราก็จะอยู่ข้างๆนาย” อูฮยอนพูดขึ้น

    “ครับพี่อูฮยอน” แอลหันไปตอบเช่นเคย

    “นายพอจะเล่าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” ครั้งนี้โฮย่าถามมาบ้าง

    “คือ เมื่อคืนตอนที่ผมออกไปซุปเปอร์มาเก็ตตอนขากลับผมบังเอิญเจอกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังทำร้ายผู้หญิงอยู่ครับ” แอล

    “นายก็เลยโชว์พาว์เข้าไปช่วยเหรอ ?” ดงอูพูด ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องที่ดงอู

    “เปล่าครับ ! เธอมองมาที่ผม สายตาของเธอตอนนั้นบอกกับผมว่าช่วยด้วย” แอลพูด ทุกสายตาหันกลับมาสนใจแอล

    “พี่ก็เลยโชว์แมนเข้าไปช่วย” ซองจงพูด ทุกสายตาหันมามองหน้าน้อง

    “เปล่า ! ฉันแค่เดินออกมาหาที่หลบ” แอลพูด ทุกคนก็หันมาหาแอลอีกครั้ง

    “โห !! เหี้ยว่ะ ไม่ช่วยผู้หญิงแล้วยังหลบอีก !!” ชองยอลด่าเงิบๆ ทำให้ทุกคนหันมามองซองยอล

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ !! ถ้าทุกคนขัดผม ผมจะไม่เล่าแล้วนะ !!” แอลเริ่มโมโห ตะโกนออกมา

    “เอาล่ะงั้นพวกเราจะไม่กวนนายแล้ว รีบๆเล่ามาเลย” ซองกยูพูดตัดบท ก่อนที่จะเกิดศึกกลางรถ

    “แล้วเธอก็คว้ากระเป๋าเป้ของเธอใส่พวกมันก่อนจะวิ่งออกมา ผมเลยคว้าเธอเข้ามาซ่อนในที่ๆผมกำลังซ่อนอยู่” แอลพูด

    “แล้วไงต่อ” อูฮยอนพูด ทุกคนเริ่มเกาะติดคำพูดต่อไปของแอลยิ่งกว่าเกาะติดผลบอล

    “ผมกลัวว่าตอนที่พวกมันเดินผ่านมาจะเจอ ผมก็เลย...” แอลลากเสียงยาว

    “อย่าบอกนะว่านายจูบเธอ !!” ซองกยูพูด

    //เอี๊ยด...// แล้วจู่ๆรถก็เบรกอย่างแรง จนทุกคนหัวทิ่มไปตามๆกัน

    “จริงหรือเปล่าแอล !!” ผู้จัดการของวงหันควับมาเกาะติดขอบสนามด้วยเช่นกัน

    “คืองี้ครับ ! ผมก้มหน้าลงไปเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะจูบเธอหรอกครับ แต่เพราะว่าที่ตรงนั้นมันมืดมาก ผมมองหน้าเธอไม่เห็น ก็เลยก้มลงไปเรื่อยๆแล้วก็โดนปากเธอ หลังจากนั้นพอพวกนั้นมันไปแล้วผมก็รีบเอาหน้าออกมาทันทีเลยครับ แล้วบังเอิญพวกปาปารัสซี่มาเห็นพอดีก็เลยเป็นข่าว” แอลเล่าพลางเอามือข้างหนึ่งมาจับที่ศีรษะของเขา

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นคือ จียอน ทีอาร่า จริงหรือเปล่า” ผู้จัดการถามมาอีกครั้ง

    “ผมเห็นหน้าเธอจากที่ไกล แล้วก็ไม่นานมาก แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่าไม่ใช่จียอนครับ” แอลตอบมา

    “นายแน่ใจนะ” ผู้จัดการย้ำ

    “แน่ใจครับพี่กอนัม” แอลยืนยันคำตอบ

    “งั้นนายก็ออกไปปฏิเสธข่าว นายพูดความจริงไปซะ ฉันจะช่วยนายเอง” ผู้จัดการพูด

    “ครับ” แอลตอบไป แล้วผู้จัดการก็ค่อยๆขับรถออกไป

    .

    .

            ฝั่งค่ายต้นสังกัดของทีอาร่า เมื่อได้ยินข่าวนั้นก็เรียกตัวจียอนเข้ามาทันที

    “เธอห้ามพูดอะไรเกี่ยวกับข่าวนี้ทั้งนั้นเข้าใจไหม” จียอนเข้ามาไม่ทันได้เอ๋ยปากอะไรประธานบริษัทก็พูดสั่งเธอทันที

    “หมายความว่าไงค่ะ คุณจะให้ฉันยอมรับเหรอ” จียอนถาม

    “เธอแค่ไม่ต้องพูดอะไร แค่นั้นก็พอ” ประธารไม่ใส่ใจคำพูดของเธอ

    “คุณกำลังให้ฉันรับผิดในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำนะ” จียอน

    “ดีไปซะอีก เธอจะได้ดังๆไงล่ะ” ประธาน

    “ดังอย่างนี้มันดีตรงไหน ยิ่งมีแอนตี้มากไปกว่าเดิมเสียอีก ถ้ามีนักข่าวมาถามยังไงฉันก็จะปฏิเสธไปค่ะ” จียอนพูดจบก็เดินออกไปจากห้องนั้นทันที โดยไม่ใส่ใจประธานบริษัทของเธอ

    .

    .

            ฝั่งของซูจี เพื่อจะเข้ามาหาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอจึงปรับการแต่งตัวใหม่เป็น เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาเดฟสีดำ และฮูดสีดำ รวมไปถึงหมวกสีดำของเธออีก และกล้องประจำตัวที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าเป้สะพายข้างอย่างมิดชิด เมื่อเห็นอินฟินิทเข้ามาเธอจึงทำเนียนเดินเข้าไปร่วมกลุ่มด้วยทันที

    “เดี๋ยวพวกนายจะไปด้วยไหม” ซองกยูถาม

    “พี่เข้าไปเถอะครับ พาพวกเราเข้าไปก็เป็นภาระเปล่าๆ” อูฮยอนตอบ ระหว่างนั้นซูจีก็หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอมาอัดเสียงไว้แล้ว

    “ยังไงก็สู้ๆนะพี่ พวกเราจะรอไปทำงานด้วยกัน” โฮย่าพูด ก่อนที่ทั้ง 5จะหยุดอยู่กับที่ ส่วนแอล ซองกยู และผู้จัดการก็เดินต่อไป ซูจีจึงเดินตามไปอีก

    .

    .

            เมื่อทั้ง 3 เดินเข้าไปในห้องประชุมซูจีก็พลางตัวเป็นจิ้งจกเกาะติดกับประตูแล้วเอาโทรศัพท์แนบเพื่ให้ได้ยินเสียงจากด้านใน โดยไม่ใส่ใจสายตาคนที่มองเธอ แล้วหลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออกทำเอาเธอล้มหน้าทิ่มลงไปนอนคร่อมอยู่กับชายคนหนึ่ง

    “ข...ขอโทษค่ะ !” ซูจีรีบลุกขึ้นและโค้งคำนับทันที

    “ม...ไม่เป็นไรครับ !” ชายคนนั้นพูด

    “งั้นฉันขอตัวนะค่ะ !” ซูจีพูดเสร็จก็ทำท่ารีบร้อนจะเดินออกไป

    “เดี๋ยวก่อน !!!” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำเอาซูจีตั้งตัวไม่ทัน

    “ค..ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” เธอหันกลับไปถามก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาดูโทรศัพท์ของเธอที่ตอนนี้อยู่ในมือของผู้จัดการวงอินฟินิท และที่สำคัญพวกเขาเปิดฟังเสียงที่ฉันอัดแล้วด้วย

    “ยัยตัวดี !! เธอใช่ไหมที่ปล่อยข่าวแอล” แล้วจู่ๆ ซองกยูก็โมโหเลือดขึ้นหน้า คว้าตัวของเธอเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูอย่างมิดชินแล้วโยนเธอลงกับพื้นห้อง

    “ฉันไม่ได้เป็นคนทำนะค่ะ !!” เธอปฏิเสธ

    “ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร นี่เธอมาคอยหาข่าวอีกใช่ไหม ? เธอจะทำให้แอลเสียหายไปถึงไหนห๊ะ !!” ซองกยูถล่มคำด่าใส่เธอ

    “ฉันยอมรับค่ะว่าฉันเป็นนักข่าวสายบันเทิงจริง !! แต่ฉันเป็นแค่เด็กฝึกงานนี้เป็นงานแรก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณแอลเสียหาย แต่ฉันจะช่วยคลี่คลายและบอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คุณจียอน” เธอกล่าว

    “เธอมั่นใจได้ยังไง !!! บอกมาสิว่าเธอรู้ได้ยังไง !” ซองกยูคว้าไหล่เธอให้เธอลุกขึ้นมาคุยกับเขา

    “ฉันเจ็บนะค่ะ” เธอร้องออกมาพลางใช้มือของเธอแกะมือของซองกยูออก

    “ปล่อยก่อนเถอะครับพี่ซองกยู ! ที่เธอพูดมันถูกทุกอย่างเลยครับ” แอลห้ามเอาไว้ทำให้ซองกยูเลิกการกระทำของเขา

    “งั้นเธอรู้ใช่ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” แล้วผู้จักการของวงอินฟินิทก็ซักเธอต่อ

    “จะหมายความอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบ

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร ?!” ซองกยูจู่โจมเข้ามาถามเธออีกครั้ง

    “ฉันค่ะ !!” เธอพูด

    “อะไรน่ะ ! ? ที่เธอพูดมันหมายความว่าอะไร” ซองกยูถามมา

    “ฉันกำลังจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือฉันเองค่ะ” เธอพูด

    “เธอจะสร้างกระแสเธอกับแอลใช่ไหม ?” ซองกยูยังไม่เชื่อ

    “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ !! ผู้หญิงคนนั้นคือฉันจริงๆ แต่ !! ฉันไม่ได้แน่ใจอะไรมากหรอกนะค่ะ เพราะที่ตรงนั้นมันมืดมาก ฉันมองหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่ฉันมีวิธีพิสูทธิ์” เธอพูด

    “อะไร ? บอกมาสิ่ !” ซองกยู

    “ตอนที่เขา ... เอ่อ .. ฉันบังเอิญเห็นแผลเป็นที่หัวไหล่ของเขา ถ้ามันเป็นรอยเดียวกันคงจะใช่” เธอพูด

    “แอล !! นายมีแผลเป็นที่หัวไหล่จริงหรือเปล่า” ประธานบริษัทถาม

    “มีจริงครับ” แอลตอบ

    “งั้นเธอลองไปเปิดดูสิว่าอยู่ตรงไหน” ประธานพูด เธอหันหน้าไปมองประธานบริษัทสักพักก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆแอล แล้วค่อยๆถลกคอเสื้อข้างซ้ายของแอลลงจนเห็นรอบแผลเป็นได้อย่างชัดเจน

    “นายจะยอมรับไหมแอล” ประธานหันมาถาม

    “ผมขอดมกลิ่นเธอก่อนได้ไหมครับ” แอลพูด

    “คุณจะบ้าเหรอ ? อะไรกันจะมาดงมาดมอะไรฉันน่ะ หยุดคิดไปได้เลยนะ” เธอรีบค้านทันที

    “มานี่ !!” แอลพูดพลางเอามือทั้งสองข้างของเขารวบตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

    “ครั้งก่อนมากว่านี้ผมก็ทำมาแล้ว แค่อยู่นิ่งๆก็พอ” แอลพูดจบก็ยื่นหน้าชองเขาเข้ามาใกล้ซอกคอของเธอ ส่วนเธอก็ขยับออกไปเรื่อย

    “ถ้าเธอทำอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะเสร็จล่ะห๊ะ !!” ผู้จัดการพูดก็จะดันหัวของเธอเข้าไปใกล้ๆหน้าของแอล

    “ใช่ครับ ! เป็นเธอจริงๆ” แล้วสักพักแอลก็เอาหน้าออกไปก่อนจะตอบ

    “งั้นฉันจะให้โทรศัพท์เธอคืน แต่แลกอะไรบางอย่าง” ประธานพูด

    “อะไรกันค่ะ” เธอถาม

    “ออกไปยอมรับว่าคนๆนั้นคือเธอ” ประธานพูด

    “ห๊ะ !! นั้นมันหมายความว่าชีวิตฉันดับเลยนะ ! พวกอินสปิริทจะว่ายังไงกันค่ะ” เธอท้วง

    “กอนัม ! เรียกนักข่าวด่วนเลย” ประธานว่า ผู้จัดการก็เดินออกไปทันที

    “เดี๋ยวสิลุง ! ลุง ! ฉันไม่เอานะ ! ลุง !!!” เธอแหกปากร้อง

    .

    .

            เมื่อถึงเวลาแถลงข่าว นักข่าวสายบันเทิงจากหลายสำนักก็มาร่วมตัวกันที่บริษัท

    “ผู้หญิงในรูปใช่คุณจียอน ทีอาร่าจริงหรือเปล่าครับ” “คุณแอลไปทำอะไรตรงนั้นครับ” “คุณแอลจะปฏิเสธข่าวนี้ยังไงครับ” “แล้วเหล่าอินสปิริทและเมมเบอร์ว่ายังไงกันบ้างครับ” เหล่านักข่าวตะลุมคำถามมา

    “คืออย่างนี้นะครับ เมื่อคืนนี้แอลออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตแล้วไปเจอกับแฟนสาวของเขา แต่ไม่ได้ไปเดทกันครับ แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆก็เลยยืนคุยกัน” ผู้จัดการตอบ

    “แล้วทำไมต้องไปคุยในที่ลับตาคนด้วยค่ะ” “แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครกันค่ะ” นักข่าวตะลุมคำถามมาอีกครั้ง

    “เพราะทั้งสองกลัวว่าจะมีแผนคลับมาเห็นแล้วไม่พอใจครับ เลยรอเวลาเปิดตัว และขอยืนยันครับว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่จียอน สมาชิกวงทีอาร่า แน่นอนครับ” ผู้จัดการว่าต่อ

    “แล้วเธอคนนั้นเป็นใครค่ะ” “รู้จักกันได้ไงค่ะ” “แล้วเอาเวลาไหนไปรักกันค่ะ”

    “คือทั้งสองเจอกันก่อนเข้าวงการนะครับ พักหลังอินฟินิททำงานกันหนักมากพอเจอกันอีกครั้งก็เลยทำตัวไม่ถูก” ผู้จัดการว่าต่อ

    “งั้นบอกได้ไหมค่ะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร จะเปิดตัววันไหนค่ะ”

    “วันนี้เราตั้งใจจะเปิดตัวเธอเลยครับ และหวังว่าอินสปิริทจะเข้าใจแอล และมอบความรักให้กับแอลและแฟนสาวของเขา และอีกอย่างทางค่ายไม่ได้ห้ามไม่ให้ศิลปินออกเดท จึงถือว่าไม่เป็นความผิดอะไรครับที่แอลจะออกเดท” ผู้จัดการ

    .

    .

            และเมื่อการแถลงข่าวจบลง แอลก็ขึ้นอันดับหนึ่งในการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องแฟนสาวของเขาทันที รวมไปถึงกระแสวิพากย์วิจารณ์ต่างๆนานา จนซูจีกลุ้มใจ ยิ่งกว่าจะไม่มีที่อยู่

    “ขอบคุณนะที่คุณช่วยผม” แอลพูด ขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องให้สัมภาษณ์กับซูจีเช่นเดิม ถึงแม้ว่านักข่าวจะกลับไปหมดแล้ว

    “ฉันช่วยคุณจียอนต่างหาก” ซูจีพูดแบบไม่พอใจ

    “ยังไงคุณก็ช่วยผมอยู่แล้ว งั้นเราหายกันนะ ผมช่วยคุณให้หนีจากคนพวกนั้น คุณก็ช่วยผมจากข่าวนี่”

    “คุณคิดว่าฉันอยากช่วยคุณเหรอ ? คุณรู้ไหมว่าจากนี้ชีวิตฉันจะเจออะไร จะมีพวกนักข่าวมาที่บ้านฉัน พวกอินสปิริทก็จะรุมฉัน แล้วที่แย่ไปกว่านั้น คนพวกนั้นจะรู้ความเคลื่อนไหวของฉันทุกอย่าง เป็นอย่างนี้ฉันจะยังมีความสุขอยู่อีกเหรอ อ่อ ! และที่สำคัญฉันไม่คิดว่าการที่คุณขโมยจูบของฉันไปมันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับฉันด้วย” ซูจีพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ

    “เดี๋ยว !! คนพวกนั้นเป็นอะไรกับคุณ ทำไมพวกเขาต้องตามคุณด้วย ?” แอลพูดขัดเธอเอาไว้

    “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ !!” ซูจีพูด

    “ถ้าคุณไม่บอกผม ผมจะช่วยคุณได้ยังไง ถ้าคุณเดือดร้อนเพราะผม อย่างน้อยให้ผมได้รู้จักคุณกว่านี้จะดีกว่าไม่ใช่เหรอ ?”

    “คุณช่วยจำชื่อของฉันให้ได้ก่อนเถอะ” แล้วเธอก็เดินออกไป

    .

    .

             ค่ำของวัน ซูจีเดินออกมาจากอาพาทเม้นเพื่อจะเดินออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างทางเดินมีพวกสาวๆมองมาเนกลุ่มใหญ่ หลังจากซื้อของเสร็จเธอก็เดินกลับมาเช่นเดิม เธอเริ่มคิดว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติเมื่อรู้สึกว่ามีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งตามเธอมาไม่เลิก เธอจึงตัดสินใจทิ้งของและวิ่งไปในซอยๆหนึ่งทันที

    “อย่าหนีไปไหนอีกเลย ! ทำไมเธอไม่กลับไปเรียนให้ดีล่ะ เป็นนักข่าวสายบันเทิงดูไม่เหมาะกับเธอเลยนะ” แล้วกลุ่มเด็กผู้หญิงพวกนั้นก็ล้อมเธอเอาไว้

    “ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน” เธอพูดแบบกลัวๆ

    “งั้นเธอจะเป็นอะไรดีล่ะ อะไรดีที่เหมาะกับเธอ” กลุ่มสาวๆพูดมา

    “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ตรงนี้” เธอพูดและเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ

    “ฉันว่าฉันหาอะไรที่เข้ากับเธอได้แล้วแหล่ะ หน้าด้านๆอย่างเธอ ต้องโดนไข่ไก่อย่างดีจากฟาร์มเป็นไงล่ะ”

    “ญาติพวกเธอเปิดฟาร์มเลี้ยงไก่หรือไง ถึงได้เอาอาหารมาเล่นอย่างนี้ ! หรือบ้านพวกเธอรวยมากจึงไม่ต้องทำงานทำการอะไร”

    “นี้แกกล้าว่าฉันเหรอ ? งั้นก็เล่ะไปพร้อมกับไข่ไก่พวกนี้แล้วกัน” เด็กสาวว่าพลางปาไข่ไก่มาใส่เธอ

     

    @ ซูจี

            ตอนนี้ฉันหลับตาปี๊เพราะกลัวอิทธิพลของไข่ไก่พวกนั้น แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงสัมผัสเมือกๆของไข่ไก่เลยนะ ทั้งๆที่กลิ่นคาวของมันก็คลุ้งไปทั่วบริเวณ

    “อยู่นิ่งๆแล้วเธอจะปลอดภัย” เสียงที่คุ้นหนูของฉันดังขึ้น ใช่แล้ว เขาคนนั้นคือแฟนจำแลงของฉัน แอล มือหนึ่งที่เขากำลังกอดหลังของฉันไว้ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น อีกมือหนึ่งที่กอดหัวของฉันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย นี้ฉันทำเขาเดือดร้อนเหรอ

    “คุณมาที่นี้ได้ยังไง” ฉันถามเขา

    “ผมมาร้านซักรีดแล้วเจอคุณกับพวกสาวๆที่เดินตามคุณผมเลยเดินตามมา” เขาตอบฉัน

    “เรื่องนี้ต้องโทษคุณคนเดียวเลยที่ทำให้ฉันลำบากขนาดนี้” ฉันต่อว่าเขา

    “ไปกันเถอะ” เขาพูดไม่ทันได้จบดีเท่าไหร่ก็จูงมือของฉันแล้ววิ่งออกจากที่นั้น เขาพาฉันวิ่งมาเรื่อยๆจนถึงร้านซักรีดแห่งหนึ่ง

    “ป้าครับ ฝากซักอีกตัวนะครับ” เขาเดินไปคุยกับเจ้าของร้านซัก ก่อนจะเดินกลับมาด้วยสัมภาระมากมาย

    “ขนอะไรมาเยอะแยะ จะย้ายบ้านหรือไง” ฉันพูดแซว แต่ไม่คิดว่าเขาจะคิดมากหรอกนะ

    “ใส่เสื้อตัวนี้ซะ” เขายื่นเสื้อฮูดสีดำมาให้ฉันพร้อมกับสีหน้าจริงจัง ฉันจึงรับมาใส่แต่โดยดี

    “แกะผมของคุณออกมาด้วย” เขาพูดจบฉันก็เอามือไปดึงยางมัดผมออกก่อนที่เขาจะเอาหมวกใบสีดำมาสวมให้

    “ถอดรองเท้าด้วย” เขามาจบฉันก็ถอดรองเท้าและเขาก็เอารองเท้าผ้าใบมาสวมให้

    “คู่นี้ของซองจงหวังว่าคุณคงจะใส่ได้นะ” เขาพูด

    “มักเน่วงคุณบอบบางขนาดนั้นฉันกลัวว่าเท้าฉันจะใหญ่เกินไปมากกว่า” ฉันพูดไปแบบไม่คิด หวังว่าเขาคงไม่คิดมากนะ

    “แล้วก็เอาหมวกฮูดมาใส่ด้วย” เขาพูดก่อนจะดึกหมวกของเสื้อฮูดมาคลุมที่หัวฉันให้

    “ตอนนี้สภาพของฉันไม่แตกต่างไปจากอาชญากรใช่ไหม” ฉันถาม

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” เขาพูดก่อนจะใส่หมวกสีดำให้ตัวเอง

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องปิดบังตัวเองด้วย” ฉันถาม

    “พรุ่งนี้ผมมาเอานะครับป้า” เขาหันไปพูดกับเจ้าของร้าน

    “ฉันถามคุณอยู่นะ” ฉันย้ำ

    “เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรผิดไงล่ะ ถึงต้องทำแบบนี้ ศิลปินอย่างพวกเราถึงแม้ไม่ได้ห้ามไม่ให้เดทแต่ก็เดทไม่ได้อยู่ดี” เขาพูดก่อนจะจูงมือฉันออกไปจากร้าน ฉันเดินเข้าไปชิดตัวเขามาที่สุดเพื่อหลบสายตาคน แล้วเขาก็เอามือที่กุมมือฉันมาโอบไหล่ฉันไว้แทน

    “จะฉวยโอกาสฉันเหรอ” ฉันถามแต่ก็ไม่ได้เดินหนีแต่อย่างใด

    “ผมกำลังช่วยคุณจากอินสปิริทต่างหาก” เขาตอบโดยที่ไม่หันมามองหน้าฉัน

    “ทำไมคุณไม่ต่อว่าอินสปิริทที่ทำอย่างนั้นกับฉันล่ะ พวกเธอจะได้ไม่ทำอย่างนั้นกับฉันอีกไง” ฉันถาม

    “ผมทำไม่ได้” เขาพูดก่อนที่เขาจะเดินเร็วขึ้น

    “แล้วถ้าฉันเป็นแฟนของคุณจริงๆล่ะ คุณจะว่าพวกเธอไหมที่ทำอย่างนั้นกับฉัน” ฉันถามไปอย่างจริงๆ

    “ถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ว่าพวกเธอไม่ได้ ต่อให้คุณสำคัญกับผมขนาดไหน...ผมก็ว่าอินปิริทของผมไม่ได้” เขาตอบ

    “ทำไม ! คุณไม่รักแฟนของคุณเหรอ ?” ฉันยิงคำถามไปเพราะตอนนี้ฉันกำลังโกรธอยู่นิดหน่อย

    “ถึงผมรักแฟนของผมมากเท่าไหร่ ผมก็รักอินสปิริทมากกว่า พวกเธอไม่ใช่แค่คนสำคัญ แต่พวกเธอวิตามิน คืออาหารของชีวิตของอินฟินิททุกคน และเป็นคนที่สำคัญมากรองจากคนในครอบครัวและเมมเบอร์ของผม”

    “แม้แต่แฟนก็เทียบไม่ได้เลยเหรอ ?”

    “ไม่มีทางที่จะเทียบกันได้”

    “แล้วถ้าแฟนของคุณทะเลาะกับอินสปิริทอย่างหนักล่ะ คุณจะ...เลือกที่จะอยู่กับใคร ?”

    “ผมจะ...ต่อสู้กับพายุนั้นไปพร้อมกับคนที่ผมรัก สักวันพวกเธอจะเข้าใจ และยอมรับในตัวของคนรักของผม ถึงแม้มันจะเป็นเวลานานถึง 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชีวิตผมก็จะต่อสู้” เขาเถียงกับฉันมาตลอดทาง และเมื่อฉันรู้อีกทีเขาก็พาฉันมาที่ไหนสักที่ซึ่งฉันไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน รู้อีกทีเขาก็ไขประตูและพาฉันเข้าไปข้างในแล้ว

    “ถอดรองเท้าเร็วเข้า” เขาพูดพลางถอดรองเท้าตัวเอง ฉันรีบถอดรองเท้าของฉันและเดินตามเขาไป สิ่งแรกที่เห็นเมื่อฉันเข้าไปข้างในแล้วนั้นคือคุณโฮย่าที่กำลังวิดพื้นอยู่และที่สำคัญเขาถอดเสื้อออกจนเห็นชั้นของซิกแพ็กทั้ง 3 ชั้นของเขา

    “กรี๊ด..!” ฉันกรี๊ดและปิดตาอย่างไวเพราะกลัวกุ้งจะยิงตาเสียก่อน

    “ใครอะ ?” เสียงของใครบ้างคนพูดขึ้น

    “แฟนผมน่ะ !! โฮย่าฮยองรีบไปใส่เสื้อสิครับ” แอลรีบพูด แล้วคว้ามือฉันออกมาจากหลังของเขา

    “เปิดตาได้แล้วครับ” เสียงพูดหลุดสำเนียงของโฮย่าดังขึ้นฉันจึงค่อยๆลืมตามอง

    “คุณมาที่นี่ได้ไงครับ” คุณอูฮยอนพูด

    “เพื่อนคุณพาฉันมาที่นี่” ฉันตอบไป

    “อะไรน่ะ !! นี้คุณตามผู้ชายมาเหรอ ?!” เสียงของมักเน่หน้าสวยของวงพูดขึ้น แล้วพูดกวนด้วยเดี๊ยวปั๊ด !!

    “พูดดีๆนะ !! ถึงจะเป็นผู้ชายฉันก็สู้นะ” ฉันพูดก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปหาเรื่อง แต่เมื่อของแอลมาคว้าร่างฉันและทิ้งลงกับพื้นก่อน

    “คุณ !! ฉันเจ็บนะ” ฉันพูดก่อนจะเอามือไปจับที่เจ็บ

    “ทำไมตอนโดนพวกผู้หญิงพวกฉันรุมถึงไม่สู้เหมือนตอนนี้ล่ะ !” แอลพูดมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    “ก็ตอนนั้นฉันรับมือไม่ทันหนิ !! แอ่ะ ! นี่คุณพาฉันมาที่นี้เพื่อจะหาเรื่องเหรอ ?” ฉันถามและลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางหาเรื่อง

    “ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็เจียมตัวไว้ด้วย” แอลพูดก่อนจะเดินไปนั้นรวมกับพวกเมมเบอร์จอมแสบ

    “แล้วใครว่าฉันจะอยู่ที่นี่ ฉันจะกลับบ้าน” ฉันพูดก่อนจะหันหลังเดินกลับไป แล้วมือหนึ่งก็มาดึงผมของฉันจนฉันต้องเดินกลับไป

    “โอ้ยยยย..! ฉันเจ็บนะ !!” ฉันพูดและหันกลับไปจึงรู้ว่าไอ้มือบอนนั้นคือ แอล !

    “หรือเธอจะออกไปโดนพวกผู้หญิงพวกนั้นทำร้ายอีก ! แล้วไหนจะเรื่องกลุ่มผู้ชายที่ตามเธออีก ! อยู่ที่นี่แหล่ะดีแล้ว” แอลพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของเขา

    “รู้แล้วน่า.. รู้แล้ว !” ฉันพูดอย่างหัวเสีย

    “งั้นเดี๋ยวคุณนอนห้องผมแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจะไปนอนห้องอื่นเอง” อูฮยอนพูดก่อนจะเดินเข้าห้องไปหอบผ้าหอบผ่อนออกมา หลังจากนั้นฉันจึงเข้าไปอยู่ในห้องนั้น

    “ฉันควรจะดีใจสินะที่มีคนที่ยังเป็นห่วงฉัน” ซูจีพูดก่อนจะนอนลงบนเตียงนุ่มๆของอูฮยอน

    .

    .

    เวลา 06:00 AM.

            ซูจีที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มๆคอยๆลุกขึ้น และเดินออกมาจากห้องมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำทันที เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำก็พบก็ร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังทำอะไรบางอยู่อยู่กับโถส้วม ด้วยสภาพน่าเป็นห่วง

    “เป็นอะไรไปค่ะ” เธอรีบเดินไปดู และพบว่าเป็นซองกยูที่กำลังอาเจียนอยู่อย่างหนัก

    “ม...ไม่เป็นไร” หลังจากที่อาการเริ่มดีเขาจึงหันมาตอบ

    “นี่ค่ะการดาษทิชชู่” ซูจีดึงกระดาษทิชชู่ส่งไปให้ซองกยู

    “อย่าบอกพวกเด็กๆล่ะ” ซองกยูพูดก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเล

    “นี้เหรอลีเดอร์ที่เมมเบอร์ชอบแกล้ง สร้างภาพเป็นคนใจร้ายแต่ความจริงสุขภาพไม่ดีเลยสักนิด !!” ซูจีพูดก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างหน้าบ้วนปากของตัวเองให้ดีและเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น

    “ใส่ของพวกนี้แล้วออกไปจากที่นี้ได้แล้ว” เมื่อเธอเดินออกมาก็พบกับแอลที่ยืนอยู่และยื่นเสื้อผ้ามาให้

    “ขอบใจที่ดูแลแล้วกัน” เธอรับของพวกนั้นมาและเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ

    “หมวกน่ะใส่ให้ปิดหน้าแล้วเอาฮูดคลุมอีกที อย่าเดินให้เป็นจุดสนใจ อย่าพูดกับใคร อย่าทำให้คนอื่นสงสัย ห้ามแวะที่ไหน มุ่งกลับบ้านอย่างเดียว และฉันจะโทรไปอีก 20 นาที” เขาพูดในขณะที่ซูจียืนฟังอย่างเศร้าใจอยู่ในห้องน้ำ

    .

    .

            หลังจากที่ซูจีผูกเชือกรองเท้าอย่างแน่นแล้ว ก็เดินออกจากหออินฟินิทอย่างลับๆ โดยไม่ให้มีใครรู้ เมื่อเธอเดินมาถึงบ้านก็เดินไปที่หน้ากระจกทันที และสำรวจดูเสื้อผ้าที่ดำทั้งชุดที่แอลเอามาให้เธอใส่

    “นายเป็นไอดอลภาษาอะไรกันนะ !! ดูชุดพวกนี้สิ !” ซูจีพูดก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง และมองเสื้อผ้าที่มีสีดำซึ้งไม่ต่างไปจากที่เธอกำลังใส่อยู่เท่าไหร่

    “ฉันก็คงจะไม่ต่างกันสินะ” ซูจีพูดก่อนจะเดินถอยกลับไปนั่งที่เตียงเล็กๆของเธอ ก่อนจะหันไปมองรูปภาพของเธอเด็กผู้ชายคนหนึ่งในวัยเด็ก

    “ดงกึนอ่า... นายไปอยู่ชิคาโกแล้วเป็นไงบ้างนะ ฉันคิดว่านายคงกำลังจะหาฉันอยู่เหมือนกัน” ซูจีหยิบรูปนั้นขึ้นมาก่อนจะวางมันใว้ข้างๆหมอนและนอนลงดูมันจนหลับไปอีกครั้ง

    .

    .

    เวลา 02:06 PM.

    @ แอล

            วันนี้ผมโทรไปหาเธอเป็น 100 ครั้งหลังจากผ่านไป 20 นาที พอขึ้นรถไปถ่ายรายการก็โทรไปอีก พอถ่ายเสร็จก็โทร ก่อนถ่ายแบบก็โทร ระหว่างพักก็โทร ผมคิด่าผมโทรหาเธอจนผมสามารถปิดตาและกดเบอร์ของเธอถูกแล้ว ผมเป็นห่วงเธอจนแทบบ้า ไม่เป็นอันทำการทำงานอะไร เพราะเธอไม่รับโทรศัพท์ผมเลย และในระหว่างช่วงพักขณะซ้อมผมก็โทรไปอีกเช่นเคย และเธอก็ไม่รับอีกเช่นเคย

    “มยองซูฮยอง ! เป็นไรไปครับ” ซองจงมักเน่ของวงเดินมาถามผม

    “เปล่า ฮยองไม่ได้เป็นอะไร” ผมโกหกไป

    “โกหกมันบาปไม่ใช่เหรอฮยอง ! วันนี้ผมเห็นฮยองจับแต่โทรศัพท์จนมันจะเป็นส่วนหนึ่งของมือฮยองไปแล้ว ! ถ้าเป็นห่วงก็ไปหาเธอสิครับ” ซองจงพูดเหมือนรู้อะไรมาบางอย่าง

    “เธอ ? ใคร ?”

    “ก็คนที่เป็นข่าวกับฮยองไง ผมรู้นะว่าฮยองชอบเธอไม่งั้นคงไม่ถล่ำตัวลงไปลึกขนาดนี้หรอก ถ้าเป็นห่วงก็ไปหาเธอสิครับเดี๋ยวผมจะอ้อนซองกยูฮยองให้”

    “ท่าทางของฉันมันเห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “เพราะพวกเราเป็นครอบครัวกันไงครับ !

    “ซองจง ! มยองซู ! มาซ้อมได้แล้ว !!” เสียงของฮยองที่ซ้อมแม้เวลาลับอย่างโฮวอนฮยองเรียกพวกเรา บางทีโฮวอนฮยองก็โหดไปนะ

    ____________________________________________________________________



     Happy Xmes ย้อนหลังทุกคนจ้าา 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×