ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Academy Secrets [::HUNHAN//CHANBAEK]

    ลำดับตอนที่ #2 : Academy Secrets:1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 364
      5
      12 เม.ย. 61

    © themy  butter

     

    Chapter 1






     

                 “เก็บของซะ เราคงอยู่ที่นี้ไม่ได้แล้วล่ะ ตำรวจคงแห่กันมาลากคอเราเข้าคุกแน่”  มินซอกบอกขณะที่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในบ้านด้วยความร้อนรนเพราะไม่มีใครรู้ว่าตำรวจจะบุกมาที่บ้านเมื่อไร ตอนไหน  ทางที่ดีพวกเขาควรจะรีบเก็บข้าวของและออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


                 “แล้วเราจะไปไหน หนีออกนอกประเทศเหมือนในหนังน่ะเหรอลู่หานหันมาถามเพื่อนตัวเล็กที่เดินวนไปวนมาอยู่นานด้วยความกระวนกระวาย



                 “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ มันไม่หมือนในหนังนะ




                 “นั้นดิ เราไม่มีเงินพอตั๋วเครื่องบินด้วยซ้ำลู่หานถอดหายใจอย่างสิ้นหวังก่อนที่จะเก็บข้าวของตัวเองต่อไปเขาไม่น่าสร้างปัญญานี่ให้เกิดขึ้นเลยมินซอกเลยต้องพลอยซวยไปด้วย


                 “เอาเถอะ ฉันมีที่ ที่ปลอดภัยกว่าการที่หนีไปหลบอยู่ต่างประเทศแล้วกันล่ะมินซอกฉีกยิ้มบางๆก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงของเพื่อนสนิท


                 “ที่ไหนเหรอ..?


                 “เมื่อไปถึงนายก็รู้เอง....ออ จริงสิตอนที่อยู่ห้องจัดนิทรรการนายเป็นอะไรไปทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อนึกขึ้นได้มินซอกก็ยิงคำถามที่สงสัยมาทั้งนานถามลู่หานทันที




                 “อ่อ...ไม่รู้สิฉันควมคุมตัวเองไว้ไม่ได้หลังจากที่มองภาพนั่นนานๆมันเหมือนมีกระแสไฟวิ่งพล่านในตัวฉันหลังจากนั่นก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกเลย ฉันไม่เข้าใจ...ทั้งๆที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเป็นแบบนี้ แต่ทำไมครั้งนี่มันถึงได้หนักกว่าทุกครั้งก็ไม่รู้



                 “ฉันว่ายิ่งนานเข้าพลังของนายก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้านายยังควมคุมพลังนี่ไม่ได้ล่ะก็ มันจะเป็นอันตรายกับนายและคนที่อยู่รอบข้างนายด้วย


                 “อย่าพูดให้ฉันดูไม่เหมือนคนสิหมินฉันสับสนจะแย่อยู่แล้วลู่หานถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆตั้งแต่ที่เขาอายุย่างเข้า16ปี เรื่องราวแปลกๆมากมายก็เริ่มเกิดขึ้นกับตัวเขา มันเหมือนมีพลังลี้ลับบางอย่างที่ยากจะอธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจว่าตกลงแล้วเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ มันเหมือนจะเป็นผลดีให้กับตัวเขาเองแต่บางครั้งมันก็เป็นหายนะขนาดมินิที่สร้างความหวาดกลัวให้กับเขาเองและคนรอบข้าง

            

                 ยิ่งนานๆไป พลังที่มีในตัวเขาก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตาม ในเมื่อก่อนเขาอาจจะคุมพลังนั่นได้บ้างในวัยเด็กแต่ตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาไม่รู้วิธีควบคุมมันไม่รู้แม้กระทั่งวิธีใช้มัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังแปลกประหลาดนี้แท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรด้วยซ้ำ


                 “คิดมากน่า.....ยังมีคนที่เลวร้ายกว่านายและเป็นเหมือนนายอีกเยอะอย่าพึ่งท้อสิคนตัวเล็กยักไหลอย่างชิวๆเพราะเขาเองก็มีพลังบางอย่างที่แปลกต่างจากคนทั่วไปอยู่เหมือนกันและบางครั้งมันอาจจะร้ายแรงกว่าลู่หานด้วยซ้ำ

                 “พลังที่แค่มองก็ทำให้ของเคลื่อนย้ายได้เองบางครั้งยังมองห็นอนาคตที่เลวร้ายอีกน่ะนะลู่หานาสาทยายข้อเสียนานาชนิดให้ฟังถ้ามีคนที่เหมือนเขาอยู่ก็ดีนะสิเขาจะได้ไม่เป็นตัวประหลาดในสายของคนอื่นแบบนี้


                 “ฮ่ะฮะๆๆ มีคนที่เหมือนนายอยู่บนโลกนี่แน่นอนลู่หาน


                 “แต่เดี๋ยวนะ นายก็มีพลังแปลกๆนั้นเหมือนฉันใช่รึป่าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเขาได้เห็นเรื่องที่มหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆ พื้นปูนธรรมดาก็กลายเป็นพื้นน้ำเเข็งได้ในพริบตาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะคนที่จะทำได้ก็มีแต่ เจ้าหญิง เอลซ่า ในเรื่อง Frozen เท่านั้น


                 หรือมินซอกเพื่อนรักเขาจะเป็น เอลซ่า?


                  “ประมาณนั้นมั้งมินซอกยกไหล่อย่างชิวๆรีบๆเก็บของเถอะ  ถ้าตำรวจแห่มาจะซวยเอา”


                  “อื้ม เข้าใจแล้ว ว่าแต่ทำไมนายไม่เห็นเก็บของอะไรเลย?”ลู่หานหันไปถามเพื่อนตัวเล็กอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เห็นมินซอกจะเก็บอะไรเลยมีแต่เดินไปเดินมาแล้วนั่งเล่นอยู่บนเตียงเขาเนี่ย


                  “มันไม่จำเป็นไง แล้วแม่นายจะกลับมาจากนอร์เววันไหนล่ะ”มินซอกเลิกคิ้วถามเพราะแม่ลู่หานไปทำงานต่างประเทศนานถึง2ปีแล้วจนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกแถมยังปล่อยลู่หานอยู่บ้านคนเดียวถึงแม้จะส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือนก็เถอะ

                  “จนกว่าจะหาพ่อใหม่รวยๆดีๆที่นู่นได้ล่ะมั้งลู่หานถอนหายใจหนักๆจนเวลาผ่านไปเกือบ2ปีแล้วแม่สุดที่รักของเขาก็ยังหาพ่อใหม่มาให้เขายังไม่ได้เลยซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากจะได้พ่อหัวทองคนใหม่สักเท่าไหร่เพราะไม่ว่าจะพยายามหามายังไงสุดท้ายก็เลิกกันทุกรายจนมันเป็นเรื่องที่ชินตาไปแล้วสำหรับลู่หาน

                  “พนันว่าคงอีกไม่นาน”

     

                  “แล้วถ้าฉันไม่อยู่ใครจะมาดูแลบ้านล่ะลู่หานถามเสียงแผ่วสีหน้าเริ่มไม่ดีสักเท่าไหร่เพราะไม่เคยอยู่ห่างบ้านที่เป็นสมบัติเดียวของตัวเองที่หลืออยู่เกินสามวันเลย

     

     

                  “เรื่องนั่นไม่ต้องห่วงหรอกน้าห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย?....เก็บของเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ อ่ะใส่หมวกกับผ้าปิดปากด้วยนะเผื่อตำรวจจำเราได้จะแย่เอามินซอกเดินไปหยิบหมวกกับผ้าปิดปากสีดำมาให้ลู่หานก่อนที่พวกเขาสองคนจะจัดการใส่มันซะเพื่อปกปิดใบหน้าเอาไว้เผือไม่ให้ตำรวจหรือใครก็ที่อยู่ในเหตุการณ์จำพวกเขาได้เมื่อต้องออกไปเผชิญต่อสายตาผู้คนในที่สาธารณะ

     

     

     

     

                  ตอนนี้ทั้งคู่ยืนรอรถอยู่หน้าป้ายรถเมย์เป็นเวลานานเกือบ 30 นาที ได้ผู้คนก็เริ่มพุพลานกันมากขึ้นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานและเลิกเรียนของวัยหนุ่มสาวผู้คนก็มักจะเยอะเป็นธรรมดาและพวกเขาเหล่านั้นก็ต่างมองมาที่ชายสองคนด้วยสายตาที่แปลกๆจะไม่แปลกได้ไงก็เล่นใส่หมวกกับผ้าปิดปากซะมิดดวงตาซะขนาดนี้ถ้าไมได้หนีเจ้าหนี้ก็เป็นโจรปลดธนาคารแล้วล่ะ

                   “รถมาแล้วไปกันเถอะ ...มินซอกเอ่ยก่อนจะจูงมือเพื่อนหน้าหวานที่ยืนหวาดระแหวงคนรอบข้างอยู่ขึ้นรถประจำทางไปไปอย่างรวดเร็วเพราะเดี๊ยวจะไม่มีที่ให้นั่งเอา.

                   “...”

                   “ไหวรึป่าว ไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้วนะมินซอกหันไปถามชายน่าหวานที่นั่งเป็นหุ่นด้วยความเป็นห่วงเขาไม่อยากให้ลู่หานคิดมากในหลายๆเรื่อง

                   “ไหว”พยักหน้าเบาๆก่อนจะใช้มือดึงผ้าปิดปากออกเพราะเขารู้สึกร้อนที่บริเวณใบหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว


                   “ถ้างั้นนายอยากจะพักผ่อนมั้ย ถ้าถึงเดี๋ยวฉันปลุกก็ได้


                   “อื้ม...ก็ดีเหมือนกันรู้สึกหนักเปลือกตายังไงชอบกลร่างบางพยักหน้ารับพร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างเช่นทุกครั้ง


                   “งั้นก็พักผ่อนเถอะ....ทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี


                   “ขอบใจนะมินซอกลู่หานส่งยิ้มบางๆให้เพื่อนตัวเล็กก่อนจะเอนคอพิงกับขอบหน้าต่างแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆเพื่อพักผ่อนสายตาที่ทำงานหนักมาทั้งวัน

     









     

     

                   “อื้ม...อื่อ.....อ่า..ซะ...เซฮุน..น่าเสียงหวานปนเซ็กซี่ครางเบาๆเมื่อมีใบหน้าหล่อมาคล้อเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวๆใบหน้าสวยเชิดขึ้นนิดๆเพื่อที่จะให้จมูกโด่งๆไซ้ได้สะดวก

                   “อืม..?”ชายหนุ่มถามในลำคอเบาๆในขณะมือหนายังคงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างพอใจจมูกโด่งเป็นสันค่อยๆเลื่อนลงมายังเนินอกของหญิงสาวอย่างช้าๆพร้อมกับพรมจูบไปทั่วเรือนร่างบางที่ขาวซีดราวกับกินกลูต้ามาทั้งโรงงาน

                   “จะดีหรอ..ถ้าเฮียรู้เขาจะ...ไม่ทันได้พูดจบริมฝีปากบางที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อก็ถูกปะกบจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวเข้ามาในโพรงปากอย่างชำนาญทำเอาหญิงสาวถึงกับเคลิ้มมือเรียวทั้งสองกอดคอชายหนุ่มไว้อย่างลวมๆ

     
     

                   “หึ เสร็จกูแน่ ไอ้เพื่อนเวร...เจ้าของเสียงนุ่มแสร้งยิ้มบางๆอยู่ในมุมหนึ่งของห้องที่มืดสนิทจนไม่สามารถมองเห็นเจ้าของเสียงได้เลยนอกจากดวงตาขาวและฟัน....

                นับเวลารอได้เลย...

                5

     

                4

     

                3

     

                2

     

                1

                ปัง!!!!

     

                ประตูห้องถูกเปิดด้วยฝ่าเท้าขนาดใหญ่พร้อมกับการปรากฎตัวของชายร่างสูงท่าทางสง่าใบหน้าหล่อนั้นเต็มไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเปิดประตูแล้วต้องพบกับน้องชายแท้ๆของตัวเองกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเก้าอี้อย่างสนุกสนานโดยมีหญิงสาวผมแดงนั่งคร่อมอยู่เนื้อตัวเธอเหลือเพียงชั้นใน Valisere สีแดงกับกระโปรงสั้นสีดำตัวกระจิ๊ดเท่านั้น



                   “ไอ้น้องเวร !!!! ตะโกนออกมาเสียงดังลั้นห้องพร้อมกับเดินมายังน้องชายตัวดีที่ตอนนี้มีสีหน้าที่เหวอสุดๆ
     

     

                   “มาได้ไงว่ะ...ชายหนุ่มสบถเบาๆก่อนจะผละออกจากหญิงสาวโดยเร็ว


                   “มานี้เลยไอ้ฮุน!..”ชายร่างสูงเดินเข้ามาล็อคคอน้องรักของตัวเองอย่างเร็ว”ส่วนเธอ....ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกไปจากห้องนี้ซะ”สั่งเสียงเรียบแต่ทุกถ้อยคำนั้นทำเอาผู้ฟังนั้นต้องแอบผวาเพราะความกลัว

                   “ค่ะๆหญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที


                   “ตามฉันมานี้เลยไอ้น้องเวร!!... นี่คือคำที่ใช่แทนสรรพนามของน้องชายสุดที่รักก่อนที่เขาจะลากคอน้องชายตัวดีไปยังห้องทำงานของเขาอย่างแรง


                   “โอ๊ยเฮียเบาๆหน่อยสิมันเจ็บนะเว๊ย” โอเซฮุนรีบแกะมือหนาของพี่ชายออกทันทีที่ถูกลากมาจนถึงในห้องทำงานแล้ว“ทำไมต้องรุนแรงกับน้องตัวเองด้วยว่ะเนี่ย”


                   “ก็เพราะมีน้องเลวๆไงเลยต้องรุนแรงกับมันไม่งั้นมันไม่ซึมเข้าเซลล์สมองของมันหรอก หึ...ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเอาผู้หญิงมานอนในห้องทำไมสมองขี้เลื่อยแกถึงไมจำบ้างว่ะ


                   “โธ่เฮียผมไม่ได้เอาผู้หญิงมานอนสักหน่อยแค่เอามาเป็นเพื่อนเเก้เหงาก็แค่นั้นพอเสร็จแล้วก็กลับไปนอนห้องใครห้องมันมันผิดกฎอะไรตรงไหนเนี่ย”ยักไหลให้อย่างกวนๆก่อนจะย้นก้นนั่งบนโซฟาอย่างเร็วยืนนานๆแล้วรู้สึกปวดขา


                   “ใครให้แกนั่ง...


                   “อ้าวเฮียโซฟาถ้าไม่ได้ซื้อมานั่งแล้วจะซื้อมาตั้งโต๊ะหมู่บูชารึไงล่ะครับ”



                    “อ้าว!ไอ้เวรนี่จะกวนตีนฉันรึไงห๊ะ!ฉันจะมาทำอะไรก็เรื่องของฉันแต่แกห้ามนั่ง”


                    “แต่ผมจะนั่งแล้วเฮีย จะ - ทำ - ไมเซฮุนยักคิ้วให้พี่ชายอย่างกวนประสาทยังไงซะพี่ชายแท้ๆของเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรเขาแน่นอกจาก...
     

     

                    ป้าบ!!!

                    ฝ่ามือพิฆาตบรรจงตบบนหัวทุยๆของน้องชายเบาๆแต่สร้างความเจ็บปวดยิ่งกว่าสิบล้อเหยียบเป็นร้อยเท่า

                    “โอ้ย!! มาตบผมทำไมว่ะเนี่ย” คนโดนตบหันไปถามด้วยสายตาอาฆาตรแต่ก็ต้องก้มหน้าหลบสายตาคมๆของพี่ชายทันทีใครจะไปกล้ามองหน้าคนอย่าง อู๋อี้ฟาน กันล่ะ แค่เห็นหน้าก็แทบจะก้มกราบเท้าด้วยความจงรักภักดีแล้ว

                    “ก็มึงถามกูนี่..

                    “แค่ถามปะวะ?ไม่ได้ให้ตบหัวสักหน่อย แล้วใครเป็นคนบอกเฮียเรื่องนี้ ไอ้ เทเลพอร์ต ใช่มั้ย ??

                    “ใช่! กูเอง แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าเทเลพอร์ตได้แล้วไอ้ชานม”เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายผิวสีที่โผล่มายืนอยู่ๆข้างอี๋ฟาน

                    “เฮียดูมันเรียกผมว่าชานมดิตบเกรียนแตกเล้ยเฮียเซฮุนรีบกระโดนไปเกาะแขนพี่ชายพร้อมกับถูๆไถเพื่ออ้อนแต่นั้นก็ใม่ได้ทำให้คนอย่างเฮียคริสยอมสงสารเขาเลยสักนิดแต่มือหนากับดันหัวน้องชายออกอย่างสอิดเสงี่ยน


                    “ได้ยินอยู่ฉันไม่ได้หูหนวก


                    “ได้ยินก็จัดการให้ผมดิ ดูมันว่าน้องสุดหล่อของเฮียเลยนะ ทนได้ไงเนี่ยนี่ก็ไม่ค่อยที่จะหลงตัวเองเท่าไหร่เลยทำเอาคริสแทบจะยกเท้าก่ายหน้าผากตัวเองอยู่แล้ว


                    “จัดการกันเองสิว่ะมายุ่งอะไรกับฉันแกน่ะตัวดีฉันยังไม่ได้จัดการกับแกเลยนะที่เอาผู้หญิงถึงในห้องนี่ยคริสหันไปทำหน้าดุใส่เซฮุนอย่างเอาเรื่องจนเซฮุนก้มหลบสายตาแทบไม่ทัน

                    “นี่อุส่าต์พี่แท้ๆของมึงยังไม่ช่วยแกเลยอ่ะเพื่อนไคได้ทีก็พูดแกล้งเพื่อนรักเอาใหญ่และผลที่ตามมาก็คือฝ่ามือใหญ่ๆตบเข้าที่ศรีษะไปหนึ่งที

                    “หุบปากไว้แดกกลูต้าเหอะดำ


                    “พอกันทั้งคู่แหละคริสรีบทำการห้ามศึกเอาไว้ก่อนที่จะเกิดสงครามอันนองเลือดเกิดขึ้นไอ้ฮุน แกก็รู้ว่าที่นี้มีกฏระเบียบอย่างเคร่งครัดที่นี่เป็นสถาบันนะไม่ใช่โรงแรมจะได้พาใครมานอนน่ะถึงแม้แกจะเป็นน้องฉันแต่แกก็เป็นนักเรียนของที่นี้ แกต้องทำตามกฎที่นี้โดยไมมีข้อยกเว้น และยิ่งแกเป็นเอสเทอร์แล้วด้วยเรื่องพวกนี้ยิ่งห้ามทำเด็ดขาด นี่แกเข้าใจที่ฉันพูดอยู่รึป่าว


                    “ครับ...เซฮุนพยักหน้ารับแต่เฮียเองก็ยังเป็นคิดว่าผมไม่รู้รึไงว่าเฮียก็แอบพาผู้หญิงเข้าห้องอยากรู้จริงว่าถ้าอี้ชิงรู้นี่จะเป็นยังไงน่า...เซฮุนลากเสียงยาวพร้อมกับทำทาคิดภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

     

                    “หุบปากไปซะ ไอ้น้องเวร ถ้ากูไม่บอกอี้ชิงก็ไม่รู้ และก็อย่าริอาจไปบอกเด็ดขาดไม่งั้นกูฆ่าแกแน่


                    “โธ่....เฮียห้องนี่มีผมอยู่คนเดียวซะที่ไหนไอ้ไคก็อยู่ด้วยไหนมาด่าแต่ผมล่ะครับ

                    “แกด้วยจงอิน ห้ามไปบอกอี้ชิงเด็ดขาดไม่งั้นนายได้ขึ้นเขียงตามเพื่อนเลวๆของแกเเน่คริสหันไปทำตาเขียวให้เป็นการขู่จงอินรีบพยักหน้ารับอย่างรู้ความแค่คริสไม่ทำสายตาดุๆแบบจะกินตับแล้วยังหน้ากลัวเลยยิ่งทำตาเขียวใส่ยิ่งโคตรน่ากลัวเข้าไปใหญ่ไม่รู้ว่าอี้ชิงทนมองหน้าแบบนั่นไปได้ยังไงสู้ก้มมองเล็บเท้าตัวเองจะดีกว่า

                   

     

     

                   “...”

                   “ฉันขอเตือนแกเป็นครั้งที่พันแปดถ้าแกยังไม่ทำตามกฏของสถาบันอีกล่ะก็ ฉันจะปลดแกออกจากตำแหน่งเอสเทอร์ซะ”

     

     

                   “อะไรนะเฮีย! ถึงขั้นปลดเลยเหรอ!!!” 

     

     

                   “ก็ใช่น่ะสิ....ถ้าไม่ทำแบบนี้แกก็คงไม่จำใส่สมองกลวงๆของแกหรอก”

     

     

                   “โคตรไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ! ผมจะไปฟ้องศาลโลก”

             

     

                   “เชิญแกขี่มังกรสามหัวไปฟ้องเลย   ยังไงซะฉันก็ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด”

     

     

                   “โอเคๆ  ตามนั่นก็ได้ต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก ผมสัญญา”เซฮุนชูสามนิ้วปฏิญาณตนต่อหน้าพี่ชายสุดที่รักอย่างมุ่งมั่น หากแต่มืออีกข้างปาดก็ทำนิ้วไขว้กันเป็นเครื่องหมายกากบาทไว้ด้านหลัง


                   ‘ที่พูดมาถือว่าเป็นโมฆะล่ะกันนะครับ


                  “ดี...ทำให้มันได้อย่างที่พูดไว้ล่ะกัน อย่าลืมว่าแกสัญญากับฉันแล้ว ผิดสัญญาเมื่อไรแกได้ตายดีแน่”ชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษ“หมดเรื่องล่ะพวกแกออกไปได้แล้วฉันจะทำงานบอกก่อนจะยกมือขึ้นไล่อย่างรำคาญแล้วจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานที่มีเอกสารกองโตวางไว้อยู่เบื้องหน้า


                   “ครับ/ครับชายทั้งสองโค้งให้ชายร่างสูงผู้เกรงขามตรงหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวน อู๋อี้ฟานที่กำลังยุ่งอยู่กับเอกสารกองโต



                   ปัง!

                   เมื่อประตูห้องถูกปิดลงอย่างเบามือสงครามทางฝีปากก็เริ่มขึ้นไปจนตลอดทางเดิน



                   “เพราะมึงลยจงอิน ถึงทำฉันถูกจับได้เนี่ย ไอ้เพื่อนเลวทันทีที่ออกจากห้องของคริสเซฮุนก็อ้าปากด่าเพื่อนรักอย่างจงอินทันทีแล้วมีเรอะที่เขาจะไม่สวนกลับ



                   “ช่วยไม่ได้ว่ะ ครั้งที่แล้วมึงพาเฮียมาตรวจห้องกูจำไม่ด้รึไง กูเลยได้เลยนั่งหูชาฟังเฮียแกเทศน์เป็นบทสวดแถมยังต้องมานั่งเรียนวิชาบ้าๆเพิ่มขึ้นอีกทั้ง3ชั่วโมง มึงสิเลว ทำผิดแล้วยังไม่ถูกลงโทษอีก




                   “แล้วมึงได้นั่งเรียนคนดียวรึไง กูก็ซวยได้นั่งเรียนกับมึงด้วยเนี่ย



                   “หุบปากไปเลยก็มึงอยากไปฟ้องเฮียคริสเองก่อนทำไมล่ะโทษใครได้ว่ะ



                   “พอเลยๆ พูดเรื่องนี้แล้วหมดอารมณ์ว่ะไปหาความสุขแก้เครียดกันเถอะป่ะฉันมีสาวๆในสต็อกอีกเพียบ ” มือเรียวคว้าคอเพื่อนรักมากอดไว้เเน่นไม่มีใครสั่งคนอย่าง โอ เซฮุน ได้แม้กระทั่งอู๋อี้ฟ่านที่เป็นพี่ชายแท้ๆยังสั่งเขาไม่ได้เลยยิ่งห้ามมันก็เหมือนยิ่งยุ สำหรับเซฮุน


                   “อย่ามากอดคอกูะเว๊ย ขนลุก นี่มึงยังไม่เคล็ดอีกรึไงที่ถูกเฮียจับได้” จงอินพยายามเบี่ยงออกจากการรัดกุมของเซฮุนแต่ยิ่งขัดขืนไอ้เพื่อนเวรสุดน่ารักของเขาก็ยิ่งกอดคอเขาแน่นกว่าเดิมจนหายใจแทบจะไม่ออกนี่ กะจะให้ตายคามือเลยรึไง


                   “เพื่อนกันจะขนลุกทำห่าไร นี่จะบอกให้ว่าคนอย่างกูน่ะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ


                   “โห้ย!!ก็คนมันขนลุกหนิหว่า...แล้วที่สัญญากับเฮียนี้มันไม่มีความหมายห่าอะไรเลยช่ะ?

     

     

     

                   “มีดิเพื่อน.....แต่...มันยังไม่ถึงเวลาที่จะทำ”

     

     

                   “แล้วเวลาที่ว่านั่นมันชาติไหนว่ะครับหื้ม?....ถามจริงเหอะมึงเคยมีความรักกับเขาบ้างมั้ยรักที่ใจไม่ใช่หลงใหลแค่ร่างกาย.. ”คำถามของจงอินทำเอาเซฮุนยอมปล่อยมือออกจากการรัดกุมทันที


                   “ถามทำไม...หน้าของเซฮุนเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมันเป็นใบหน้าที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆจนอีกคนรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจมืดนี้



                   “ก็ไม่เคยเห็นมึงคบใครหรือรักใครแบบจริงๆจังๆเลยสักคนตั้งแต่ลู่...



                   “พอเลยไม่ต้องพูดล่ะ...ก็เพราะว่ากูมีเหตุผลของกู ซึ่งมึงไม่มีทางเข้าใจหรอก หนอย...พูดยังมึงไม่เป็นเหมือนกูอย่างงั้นแหละเพื่อน


                   “ไม่เหมือนเว๊ยกูเเค่ไม่เจอคนที่ใช่ แต่มึงไม่ยอมเปิดใจรับต่างหากหลายคนที่เดินข้ามาหามึงทุกคนล้วนแต่ถูกแกหลอกฟันแล้วทิ้งถามจริงเถอะแกมีความสุขการใช้ชีวิตแบบนี้รึไง

                   “...” เซฮุนเงียบเป็นป่าซากเขาไม่รู้จะตอบกลับยังไงที่ไคพูดมันก็ถูกหมดทุกอย่างเขาไม่เคยเปิดใจรับใครเลยสักคนไม่ว่าคนๆนั้นจะดีกับเขาขนาดไหนก็ตามจนบางครั้งเขาก็ดูเหมือนคนที่ไร้หัวใจ รักใครไม่เป็น


                   “มึงไม่ต้องตอบกูตอนนี้ก็ได้ เก็บไปนอนคิดนั่งคิดรึตีลังกาคิดก็ตามใจและตอบคำถามนี้กับตัวเองให้ได้ว่าแกมีความสุขดีรึป่าวรึแค่เล่นสนุกกับมันไปวันๆมือหนาตบเข้าที่บ่าเซฮุนเบาๆก่อนที่เขาจะหายวาร์ปไปอย่างรวดเร็วเผื่อบางทีการอยู่คนเดียวอาจจะทำให้เซฮุนคิดอะไรดีๆออกได้บ้าง


                   “กูแค่ไม่อยากทำให้ใครต้องมาตาย....

     









     

     

                “อย่าบอกนะว่านายหนีตำรวจมาอยู่ที่ปราสาทร้างนี่...  

                   ลู่หานถามทำลายความเงียบเมื่อพวกเขาทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าของปราสาทร้างที่มีแต่เถาวัลย์พันรอบตัวปราสาทรอบข้างมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ที่ทอดกิ่งก้านออกมาจากลำต้นแทบจะไม่มีต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่เลย และนั้นก็สร้างบรรยากาศหลอนๆได้เป็นอย่างดี

                   ปราสาทร้างแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองของโซลไม่มากนักชายหนุ่มหน้าหวานกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณด้วยความหวาดกลัวที่นี้ไม่มีบ้านคนหรือแม้แต่โคมไฟข้างถนนแถมถนนก็ยังไม่มีรถขี่ผ่านข้างอีกทางนั้นก็ยิ่งไปกันใหญ่มีแต่ป่าและป่าร้านขายของแถวนี้ก็ไม่มีเขายังมองไม่เห็นหนทางการเอาชีวิตรอดจากที่นี้ได้เลย

                   “ใช่ที่นี้แหละพอนายเข้าไปนายก็จะเห็นเองเหละว่ามันน่าอยู่ขนาดไหน



                   “เอาจริงๆนะฉันยังมองไม่เห็นความสวยงามรึความน่าอยู่เลยนอกจากความสยองพูดไปลูบแขนตัวเองไปอยู่ที่นี่นานๆแล้วขนลุกนี่ไม่ต่างจากมาถ่ายรายการคนอวดผีเลยเผลอๆน่ากลัวกว่านั้นเยอะถ้ามีเสียงหมาหอนนี้ใช่เลย

     

     

     

                   “ฮ่าๆๆ ยืนรอสักพักน๊ะเดี้ยวฉันจะไปเปิดประตูมินซอกเดินตรงไปยังประตูรั่วของตัวปราสาทก่อนจะใช้มือจิ้มๆที่เสาหินเพื่อใส่รหัสอะไรบางอย่าง.

                ครืน! เสาหินค่อยๆเลื่อนเปลี่ยนรูปโดยมีรูปปั้นหัวมังกรโผล่ออกมาอยู่ตรงกลางของเสา

                   “ยินดีต้อนรับ สู่ Capricorn โปรดสแกนม่านตา”


                   ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นเพื่อบอกขั้นตอนต่อไป
    มินซอกจึงยืนหน้าให้ดวงตาทั้งสองตรงกับดวงตาของรูปปั้นมังกรเพื่อทำการสแกนม่านตา


                   “เสร็จสมบูรณ์


                แอ็ด!....ประตูรั่วบานใหญ่ของปราสาทค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆสร้างความแปลกใจให้กับผู้มาใหม่อย่างลู่หานเป็นอย่างมาก
     

                   “เข้ามาเถอะลู่ ที่นีไม่น่ากลัวอย่างที่นายคิดมินซอกส่งยิ้มให้แล้วเดินนำเข้าไปข้างในปราสาทร้างอย่างเช่นทุกครั้งไม่ว่าจะมากี่ครั้งๆที่นี่ก็ไม่เคยเปลี่ยนยังคงสร้างภาพลวงตาได้เหมือนปราสาทร้างได้แนบเนียนที่สุด



     

                   “ฉันจะเชื่อนายลู่หานอมยิ้มแห้งๆพร้อมกับถอนหายใจหนักๆแล้วรีบเดินตามมินซอกเข้ามาอย่างติดๆสายตาก็มองไปรอบๆตัวเองเผื่อมีตัวอะไรโผล่ออกมาจะได้หนีทัน


                ปังประตูรั่วถูกปิดลงอย่างแรงเมื่อชายทั้งสองเดินเข้ามาภายในปราสาทและมันจะไม่มีวันเปิดออกนอกจากจะได้รับอนุญาติจากประธานสถาบัน

                พรึบ พรึบ ๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!

     

                   ทันทีที่ทั้งสองคนก้าวเข้ามายังปราสาทโคมไฟบนทางเดินก็ถูกเปิดขึ้นเป็นทางยาวทอดไปถึงตัวปราสาทร้างและจากปราสาทที่เคยทิ้งร้างที่มีเพียงความมืดและเถาวัลย์ที่พันล้อมตัวปราสาทกับต้นไม่ซึ่งไรใบก็กลายเป็นปราสาทสไตร์ยุโรปที่สูงสง่าที่มีแสงไฟตกแต่งอย่างสวยงามท่ามกลางดวงจันทร์สีนวลมันเหมือนโรงเรียนในโลกแฟนตาซีมากกว่าจะมาอยู่ในที่แห่งนี้


                   “โว้วววว...!!โคตรเจ๋งอ่ะ”ลู่หานอ้าปากค้างดวงตากลมโตเบิกกว้างเพราะความอึ้งและทึ้งในเวลาดียวกันไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือไปได้จากปราสาทใกล้เคียงกับบ้านผีสิงกลับกลายเป็นปราสาทที่สวยงามราวกับตอนนี้เขาได้เข้ามาอีกมิติหนึ่งของโลกไม่อยากจะเชื่อว่าประเทศเกาหลีนี่จะมีปราสาทแบบนี้อยู่ด้วย


                   “ยินดีต้อนรับสู่ สถาบันของ Capricorn ที่ที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้”


                   “ว่าแต่อะไรคือ Capricorn ??“ ลู่หานถามในสิ่งที่เขาสงสัยที่สุดแล้วที่เรียกว่า Capricorn



                   “มันคือสถาบันลับสำหรับผู้ที่มีพลังพิเศษเหมือนกับนาย แต่ล่ะคนก็มีพลังที่แตกต่างกันออกไปที่นี้จึงมีไว้สำหรับมนุษย์อย่างนายเอาง่ายๆมันก็เหมือนโรงเรียนแต่สอนในการควบคุมพลังไม่ใช่วิชาสามัญการที่นายมองเห็นภายนอกเป็นปราสาทร้างเพราะนั้นเป็นภาพลวงตาเพื่อปกปิดสถาบันนี้ไว้



                   “แล้วประตูนั้น...



                   “อ่อประตูรั่วที่นี้เป็นประตูกลมันจะจดจำใบหน้าของทุกคนที่เป็นคนของ Capricornได้การที่ฉันต้องใส่รหัสเพราะมันเป็นคำสั่งของประธานเพื่อให้แน่ใจว่าป็นคนของที่นี้จริงๆ




                   “แล้วคนที่มีพลังพิเศษแต่ไม่ได้เป็นคนของ Capricorn จะเข้ามาได้ยังไงล่ะ....”


                   “ไม่มีคนที่มีพลังพิเศษคนไหนมาคนดียวโดยที่รู้จักเส้นทางแน่นอนเพราะเส้นทางนี้มีเพียงพวก Capricornเท่านั้นที่รู้ ที่นี้จะมีกลุ่ม  ฮันลิส ซึ่งมีหน้าที่ตามหาผู้ที่มีพลังพิเศษในรายชื่อและพวกฮันลิสก็จะพาคนที่มีอยู่ในรายชื่อมาที่ Capricorn เอง.


                   “แสดงว่าฉันก็มีชื่ออยู่ในรายชื่อของ Capricorn แล้วนายก็คือพวกฮันลิส... .



                   “ฮ่ะฮ่าๆๆๆ นายเก่งจริงๆ ใช่ฉันคือกลุ่มฮันลิส แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนรักของนายอยู่หมือนเดิม




                   “ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยลู่หานถอนหายใจยาวๆ เอ่อ แล้วแท็กซี่คันนั้นล่ะเขารู้ทางมาที่นี้ได้ยังไง...



                   “ก็มันเป็นเท็กซี่ของ Capricorn คนที่จะขึ้นได้ต้องมีรหัสเท่านั้น



                   “ทุกอย่างที่นี้ดูเหมือนจะต้องใส่รหัสกันทั้งนั้นเลย ทำไมถึงต้องใช้รหัสด้วยล่ะมันดูยุ่งยากยังไงไม่รู้สิ



                   “ก็เพราะมันคือความปลอดภัยของพวกเราที่นี้ เออลู่หาน รอฉันอยู่นี้นะเดี๋ยวฉันจะเข้าไปรายงานการทำงานให้ท่านประธานก่อนเดินคุยจนเพลิน เพลินจนไม่รู้ว่าได้เข้ามาข้างในของสถานบันCapricornตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                   เมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของประธานบริหารสถาบันCapricornมินซอกก็หันมาบอกลู่หานที่กำลังยืนมองดูรูปถ่ายอัดกรอบทองของประธานสถาบันของแต่ล่ะรุ่น ที่ถูกแควนไว้บนพนังกำแพงอย่างเป็นระเบียบ

     

     

             

                   “อื้มได้ ฉันจะยืนรอนายอยู่ที่นี้ลู่หานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสายตาก็ยังคงไม่ล่ะจากรูปถ่ายของประธานคนก่อนหน้าตาเขาคุ้นมากเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนที่มันติดอยู่ที่ปากนี้เเหละ แต่ก็ชั่งเถอะ คนหน้าเหมือนกันมีตั้งเยอะ บางทีเขาอาจจะจำผิดก็ได้

     

                   “งั้นอย่าไปไหนนะมินซอกหันมากำชับอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขาจะไม่เดินไปไหนที่ไกลตา

     

                   “ได้ๆๆไม่ต้องเป็นห่วงลู่หานพยักหน้ารับอีกครั้งมินซอกเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หมดห่วงหน่อยยังไงซะลู่หานก็คงไม่ผิดคำพูดกับเขาแน่


                   ผ่านไปกว่า10 นาที มินซอกก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะออกมาจากห้องนั้นง่ายๆเลย  ทั้งนั่งตบยุงรอเพื่อฆ่าเวลาก็แล้วเดินจงกลมเพื่อให้จิตใจสงบรอก็แล้ววิดพื้นรอก็แล้วทำแพลงกิ้งหน้าห้องรอก็แล้ว เพื่อนตัวจิ๋วของเขาก็ยังไม่ออกมาสักทีนี่กะจะไปตั้งหลักปักฐานอยู่ข้างในนั่นเลยใช่มั้ยถึงไม่ยอมออกมาช่วยสงสารคนรอเถอะตอนนี้ชั่งปวดดากเหลือเกิน


                   พอกันทีพี่หานคนนี้จะไม่ทนอีกต่อไป!!!

     

     

                 ลู่หานถอนหายใจรอบที่99ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ตัวยาวที่วางไว้อยู่หน้าห้องก่อนจะ

    จัดการวางกระเป๋าเป้ที่ขนเสื้อผ้ากับสัมภาระต่างๆไว้บนเก้าอี้ตัวยาวและไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าผ้าสะพายข้างใบใหญ่ที่บรรจุอุปกรณ์วาดภาพนาๆชนิดไปด้วยเพราะเขาขาดสิ่งของพวกนี้ไปไม่ได้ร่างบางเดินตามทางที่เป็นเหมือนเขาวงกตไปเรื่อยๆจนไปถึงห้องๆหนึ่งเขาจึงชะงักฝีเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นอ่านป้ายที่แควนไว้อยู่หน้าห้องว่า ‘library’


                   “เข้าไปอ่านหนังสือก็ยังดีกว่านั่งบริจาคเลือดยุงล่ะว่ะลู่หานตัดสิ้นใจเดินเข้าห้องสมุดทันทีอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากถ้ามินซอกหาเขาไม่เจอเดี๋ยวก็คงจะโทรหาเอง


                ครืน!.... ประตูไม้ของห้องสมุดเลื่อนเปิดออกอย่างอัตโนมัติเมื่อร่างบางยื่นอยู่หน้าประตูทำเอาลู่หานถึงกับเงิบไปเลยเมื่อประตูไม้เปิดเองอัตโนมัติถ้าเป็นประตูกระจกเหมือนร้านค้าทั่วไปเขาจะไม่แปลกใจเลยแต่นี้มันเป็นประตูไม้!!!

                   “โคตรเจ๋ง...เปิดเองได้ด้วยยืนชมประตูได้สักพักลู่หานก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้วยความเกร็งนิดๆไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปิดเองได้อีกนอกจากประตูเปิดเองได้...ดีไม่ดีอาจจะเป็นหนังสือเปิดขึ้นเองก็ได้เมื่อมีคนหยิบมันขึ้นมาดูรึแค่พูดชื่อหน้ามันก็อาจจะเปิดหาหน้าเองก็ได้ถ้าเป็นแบบนี้จริงคงเป็นโลกของแม่มดชัดๆ


                   “ว้าววว~~”เมื่อเข้ามายังภายในห้องสมุดก็ทำเอาลู่หานอ้าปากอ้างอยู่หลายวิ เขายอมรับจริงๆว่าที่นี้มีอะไรที่ทำให้ต้องตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ตลอดเวลา มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการจับลลากของขวัญวันปีใหม่ในห้องเรียนมอปลายเสียอีก

                   เมื่อเทียบกันแล้วห้องสมุดที่นี้ใหญ่กว่าห้องสมุดสาธารณะในเกาหลีซะอีกมันใหญ่มากเมื่อเทียบกับบ้านของเขาทั้งหลังหนังสือกว่า5000เล่มถูกจัดเรียงไว้บนชั้นวางหนังสืออย่างมีระเบียบห้องสมุดมีอยู่3ชั้นซึ่งชั้นล่างจะมีโต๊ะเก้าอี้หลายสิบตัวเรียงไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือส่วนรอบนอกก็จะเป็นชั้นวางหนังสือประเภทต่างๆเรียงเป็นล็อคตอนลึกอย่างสวยงามเมื่อเดินตรงไปจนสุดทางจะมีบันไดวนไม้สำหรับขึ้นไปอ่านหนังสือยังขั้นสองและชั้นสาม

                   “จะเริ่มอ่านจากมุมไหนดีล่ะทีนี้...ลู่หานกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณห้องสมุดที่กว้างใหญ่จนไม่รู้จะเริ่มเดินจากจุดไหนดีเมื่อตัดสินใจได้ร่างบางจึงก้าวขายาวๆมุ่งไปยังบันไดวนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นบนขาเรียวค่อยๆก้าวขึ้นบันไดอย่างช้าๆและลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุดเพราะถ้าเดินลงน้ำหนักที่บันไดบันมากมันอาจจะทำให้เสียงก้องไปทั่วทุกบริเวณห้องก็ได้


                    “อ่ะ...อื้ม...อ่า...เมื่อเดินมาถึงชั้นสองลู่หานก็ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ทันทีแล้วเอียงหูฟังเสียงอะไรบางอย่างที่ดังมาจากล็อคหนังสือแนวสืบสวนเสียงมันดังชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูกรึว่าที่นี้จะมีผี..?

                บ้าน้า...ผีคงไม่ร้อง อ่ะ..อื้ม..อ่า.. หรอกมั้ง


                    “อ่า....อื้มม....เสียงหญิงสาวปริศนาก็ดังขึ้นอีกครั้งและเหมือนคราวนี้จะดังยิ่งกว่าเดิมทำเอาขนลุกไปทั้งตัวลู่หานสูดลมหายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจและรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ก่อนที่จะเดินไปดูต้นเหตุของเสียงปริศนาที่ดังมื่อครู่ถ้าโชคดีอาจจะไม่ใช่ผีแต่ถ้าโชคร้ายขึ้นมาก็คงเป็นกรรมของเขาแล้วล่ะ

     

                    “ห๊ะ!!!!!!!!!ร่างบางรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างเร็วเพื่อไม่เสียงได้เล็ดลอดออกไปดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาเดินมาถึงช่องแคบของล็อคหนังสือมุมสุดก็ทำเอาลู่หานอึ้งไปอยู่นานไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครกล้ามาฟีเจอริ่งกันอยู่แถวนี้ถึงแม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังขาวที่เปลือยเปล่าของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาเรียวทั้งสองข้างของหญิงสาวโดยมีมือเรียวคองคอเขาไว้อยู่อย่างลวมๆแล้วลู่หานก็พอจะเดาออกว่าพวกเขากำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่และยิ่งได้ยินเสียงครางของหญิงสาวแล้วก็ยิ่งรู้ลึกไปถึงทวารหนักเลยทีเดียวลู่หานคลี่ยิ้มออกมาบางๆเขาคิดอะไรสนุกๆทำได้แล้วไม่คิดว่าจะเจอของดีอยู่ในที่แบบนี้มาก่อน

                 ในที่สุดก็เจอนายแบบนู้ดสักทีถึงแม้จะเปลือยแค่ท่อนบนก็ตาม...

                     ลู่หานหัวเราะร้ายในใจและไม่รอช้าที่จะหยิบอุปกรณ์วาดภาพออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ก่อนที่จะนั่งแอบๆอยู่ด้านข้างของชั้นวางหนังสือดีนะที่มุมนี้มันสามารถมองเห็นได้พอดีถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้าของทั้งสองคนแต่แค่เห็นเรือนร่างอันเฟอร์เฟ็คชัดๆแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับลู่หานในที่สุดเขาก็มีผลงานชิ้นเอกโบว์แดงไปส่งอาจานย์แล้วถึงแม้อนาคตข้างหน้าเขาจะไม่รู้มาตัวเองจะได้มีโอกาศได้กลับเรียนในสิ่งที่เขาชอบอีกไหมอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนไม่มีใครรู้อนาคตของตัวเองว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปแต่เราควรทำปัจจุบันให้ที่ดีสุดก็พอ

                     ลู่หานรีบทำการจดจำลายระเอียดของนายแบบที่จะวาดก่อนที่มือเรียวจะค่อยๆร่างโครงสร้างของภาพลงบนกระดาษอย่างบรรจงแต่รวดเร็วเขาพยายามไม่กดปลายดินสอให้เข้มนักเพราะมันอาจจะมีเสียงแล้วทำให้นายแบบของเขารู้ตัวและนั้นคงไม่ดีแน่ไม่นานภาพก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เหลือก็แค่ช่วงล่างเท่านั้นอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นภาพชิ้นโบว์แดงของขาก็จะเสร็จ...

    ‘ringgggggggggggggggggggggggggggg'



                     ไม่ทันที่จะวาดช่วงขาด้วยซ้ำโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นมาซะได้ทำเอาลู่หานมือไม้อ่อนดินสอที่เคยจำอยู่ในมือก็หล่นลงใบหน้าสวยก็ร้อนผ่าวขึ้นเหมือนกับมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนช่วงอยู่ภายในร่างกายเขา ลู่หานรีบตัดสายทิ้งไปทันทีทั้งๆที่ยังไม่ทันได้อ่านหน้าจอว่าใครเป็นคนโทรมาแต่ตอนนี้ชีวิตสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดเพราะชายร่างสูงที่เขาแอบนั่งวาดอยู่ก็เกิดรู้ตัวซะแล้วว่ามีคนแอบดูพวกเขาทำกิจกรรมอย่างว่าอยู่

                     “ใครน่ะ!!!”เสียงทุ่มตะโกนถามอย่างหัวเสียงเขาชะงักกิจกรรมยั้งว่าไว้ก่อนจะหันมายังต้นเสียง

                     “...”

                  ซวยแล้วตรู....


                      ลู่หานซีดปากอย่างขัดใจก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดเข้ากระเป๋าอย่างร้อนรนถ้าถูกจับได้ขึ้นมามีหวังได้ตายเป็นผีเฝ้าห้องสมุดที่นี้แน่และแน่นอนว่าเขาเองก็ยังไม่อยากตายในตอนนี้ด้วย


                      “ฉันถามว่าใคร!!!”เสียงทุ่มตะโกนถามอีกครั้งและครั้งนี้ก็ดังมากจนทำให้ร่างเล็กะดุ้ง”ใส่เสื้อผ้าซะแล้วก็ทะลุกำแพงออกไป”ชายหนุ่มสั่งเสียงเรียบพรางจัดเสื้อให้เข้าที่ส่วนหญิงสาวได้แต่พยักและรีบทำตามคำสั่งของชายร่างสูงตรงหน้าอย่างเร็ว

     

                   ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงมีมารมาผจญอยู่เรื่อยเลยว่ะ....

     

     

                      “เหมียว...เหมียว...ลู่หานพยายามทำเสียงให้คล้ายกับเสียงแมวน้อยสุดน่ารักเพื่อกลบเกลื่อนทุกอย่างภถึงจะรู้ว่ามันเป็นเเผนสมองสองบาทก็ตาม เขาถือโอกาศนี้วิ่งลงบันไดอย่างเร็วดีนะทีไม่ตกบันไดคอหักตายซะก่อน


                      “หึ...แมวแก่ใกล้ตายนี่เอง...ร่างสูงแค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากซอกแคบๆสายตาคมคู่สวยก็เหลือบไปเห็นชายร่างบางที่กำลังวิ่งลงบันไดเร็วกว่าจรวจท่าทางรีบร้อน

     

     

                   ยังไงก็หนีฉันไม่พ้นหรอก...

     

     

                      “ปากเหรอนั่น!!”ลู่หานสบถด่าเบาๆเสียงออกจะน่ารักไม่รู้มันฟังยังไงถึงว่าเหมือนแมวแก่ใกล้ตายเขาอยากจะตะโกนถามกับไปว่าเอาหูที่ไหนฟังฟ่ะแต่นั้นก็แค่ความคิด.....
                      ร่างบางรีบวิ่งตรงไปยังประตูไม้ก่อนจะเปิดมันออก....แต่โชคดีที่วันนี้พระเจ้าไม่เข้าข้างเขา ประตูเจ้ากรรมมันกลับเปิดไม่ออกไม่ว่าจะตุบจะพังรึแงะยังไงก็ตามมันก็ยังคงเปิดไม่ออก


                   ทำไมมันถึงไม่ออกว่ะเนี่ย...

                      “กรุณาใส่รหัส...


                      “รหัส!!! ลู่หานแทบจะหงายเงิบทุกอย่างที่นี้ต้องมีรหัสแม้แต่ประตูห้องสมุด...โอ๊ย...พี่หานอย่างจะบ้าตายทีเข้าทำไมถึงเข้าง่ายยังกะปลอกกล้วยให้ลิงกินแต่พอจะออกเท่าแหละแมร่งก็ยากกว่าการแย่งกล้วยออกจากปากลิงซะอีก


                      ถ้านี่เป็นฉากในละคร ตอนนี้ก็คงจะมีเพลงที่น่าตื่นเต้นเป็นซาวด์ประกอบกับจังหวะการเดินของร่างสูงและหัวใจของเขาอยู่แน่ๆ

     


                   โอ้พระเจ้า! ใครก็ได้ช่วยยิงหัวกุทีสิ 



                      “แกล้งตายตอนนี้จะทันมั้ยว่ะเนี่ย



                      “เกรงว่าจะไม่ทันเสียงทุ่มกระซิบเข้าข้างหูคนตัวเล็กเบาๆพร้อมกับแสร้งยิ้มบางๆคิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ


                      “เฮ้ย…!!”ลู่หานสะดุ้งด้วยความตกใจสุดขีดไม่รู้ว่าร่างสูงมาอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเขาจะได้ยินที่ตัวเองพูดรึป่าวมือเรียวรีบดึงหมวกที่ใส่อยู่ลงปิดใบหน้าตัวเองพร้อมกับถอยหลังออกห่างชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้เขาเพื่อหลบสายตาคมๆของชายร่างสูงที่ยืนทำหน้าโหดให้


                   นี่มันวันซวยอะไรว่ะเนี่ย....


                      “นายเป็นใคร แล้วนั่นอะไร...ถามเสียงเข้มสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ที่อีกคนซ่อนไว้ด้านหลังดูมีพิรุจยังไงๆชอบกล



                      “เอ่อ....ลู่หานได้แต่อั้มๆอึ่งๆกำสายกระเป๋าไว้แน่นไม่รู้จะตอบคนตรงหน้ายังไงดีแม้แต่หน้าเขายังไม่กล้ามองเลยมันรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้อย่างไงชอบกลจะโทรหามินซอกก็ไม่ได้ด้วยก็เล่นจ้องกันแบบนี้ใครจะกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกันล่ะแค่หายใจแรงลู่หานยังไม่กล้าเลย




                      “ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไง..!! ”เสียงทุ่มตะโกนถามเสียงดังลั่นห้องมันทำให้ลู่หานอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าไอ้คนตัวสูงนี่จริงๆอยู่ใกล้กันเเค่นี้เองอะ



                      “เฮ้!!!!!..แล้วทำไมต้องตะโกนด้วยเล่า! !”และในที่สุดลู่หานก็เป็นฝ่ายขึ้นเสียงใส่บางทนมานานกับไอ้พวกที่ชอบใช้เสียงดังๆขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าทำให้คนอย่างพี่หานต้องโกรธเพราะเขาจะไม่หวานเหมือนน่าตาเขาแน่


                      “หึ...นายกล้ามากนะที่ขึ้นเสียงกับฉันคนตัวสูงแค้นหัวเราะในลำคอหมอนี่กล้ามากที่กล้าขึ้นเสียงใส่เขาไม่รู้รึไงว่ากำลังยืนคุยอยู่กับใคร……



                      “ทำไมฉันจะไม่กล้า นายเป็นพระเจ้ารึไงทีนายยังตะคอกใส่ฉันได้เลย



                      “หึ...เก่งดีนี้ร่างสูงฉีกยิ้มร้ายที่มุมปากก่อนจะดันร่างเล็กจนแผ่นหลังบางติดกับกำแพงลู่หานตกใจนิดๆเพราะคนตัวสูงยืนอยู่ใกล้เขามากจนจะสามารถเข้าสิงเขาอยู่เเล้วถึงจะมีหมวกแก๊ปสีดำคันไว้อยู่ก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย


                      “ขอบคุณ แล้วทำไมต้องทำเสียงหึห่ะ บ้าบออะไรอยู่ในลำคอด้วยฮะ เท่งั้นเหรอ เหอะ แล้วนี้ทำไมต้องมาอยู่ใกล้ฉันด้วยว่ะเนี่ย มันอึดอัดรู้ปะลู่หานร่ายซะยาวก่อนจะดันหน้าอกอีกคนออกห่างๆเพราะเขาเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้องแต่ยิ่งดันคนตัวสูงก็ยิ่งต่อต้าน


                      “ปากเก่งจังเลยนะ หื้ม..?”ร่างสูงแค้นยิ้มบางๆกับการกระทำของคนตัวเล็กเขาอยากจะเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกของอีกคนนักว่าจะหน้าตาดีเหมือนปากรึป่าว


                      “แล้วไง?”ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าอย่างท้าทายอำนาจมืดใบหน้าหล่อฉีกยิ้มที่มุมปากอีกครั้งอย่างพอใจลู่หานเริ่มจะหัวเสียกับรอยยิ้มบ้าๆนี้จริงๆ




                      “ก็ไม่เเล้วไง....ที่แท้ก็เป็นพวกโรคจิตที่ชอบแอบดูนี่เอง


                      “อะไรนะ!...โรคจิตงั้นเหรอ”ลู่หานถึงกับสติหลุดที่มีคนมาว่าเขาเป็นโรคจิตดวงตากลมกลอกกลิ้งไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดลึกๆเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดเป็นน้ำต้มสุกให้เย็นลงไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต่อยคนตรงหน้าให้หงายเงิบไปเลยก็ได้จะได้รู้ว่าคนอย่าง ลู่หานแมนขนาดไหน


                      “ใช่.....นี่ยังไม่รู้ตัวเองอีกงั้นหรอคนดีๆที่ไหนเขาจะมาแอบมองคนอื่นกำลังฟีเจอริ่งกันอยู่



                      “โห้ย!!...แล้วคนดีที่ไหนเขาจะแอบมาฟีเจอริ่งกันอยู่ในห้องสมุดหันล่ะห๊ะนี่แยกไม่ออกรึยังไงระหว่างห้องสมุดกับห้องนอนน่ะ


                      “ฉันคงคิดผิดสินะที่มาที่นี่ไม่คิดว่าจะมีโรคจิตมาแอบดูแถมยังทำลายบรรยากาศอีก


                      “ฉันไม่ได้แอบดูปฎิเสธทันควันลู่หานไม่ได้แอบดูพวกเขาฟีเจอริ่งกันสักหน่อยแค่ขออนุญาติในใจแล้วนั่งวาดภาพพวกเขาเป็นผลงานชิ้นเอกเงียบๆก็เท่านั้นเขาควรจะขอบใจลู่หานด้วยซ้ำที่ได้เป็นนายแบบภาพนู้ดให้ดาวคณะอย่างลู่หานมากกว่าที่จะมาด่าว่าเป็นโรคจิต


                      “ถ้าไม่ได้แอบดูแล้วนายมาทำอะไร รึเป็นสายให้เฮีย


                      “สายให้เฮียอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ก็แค่มาอ่านหนังสือก็เท่านั้น


                      “งั้นเหรอ...ร่างสูงยิ้มที่มุมปากอยางชอบใจเขาอดที่ขำเสียงใสๆที่ชอบตอบหวนๆให้ไม่ได้แค่เสียงก็พอจะเดาออกแล้วว่าหน้าตาภายใต้หมวกสีดำนั้นจะเป็นยังไงคงจะหยิ่งน่าดู และถ้าเขาเชื่อในสิ่งที่คนตัวเล็กพูดจริงๆก็คงมีเขางอกออกมาบนหัวแล้วล่ะเห็นๆกันอยู่ว่าคนตัวเล็กพยายามโกหกเขาอยู่และมันก็ไม่เนียนเลยด้วย


                      “ยิ้มอะไรลู่หานถามด้วยน้ำเสียงหวนๆ


               

                       “ป่าวหน้าฉันมันเหมือนคนยิ้มรึไง



                       “ถามมาได้ก็เห็นๆกันอยู่ว่ายิ้ม ไหวรึป่าว ต้องการยามั้ย??รึเมื่อเช้าไม่ได้กินยา??”


                       “ตลกมามากพอแล้ว.....เข้ารื่องกันเลยดีกว่านายไมใช่คนของ Capricorn ใช่มั้ย”หลังจากที่เสียเวลายืนคุยกับคนตัวเล็กนานพอสมควรเขาก็ถามเข้าประเด็ดที่ตัวเองสงสัยมานานสักทีเพราะถ้าเป็นพวก Capricorn จริงๆชายร่างเล็กคนนี้จะต้องรู้วิธีในการเปิดและรหัสของประตูห้องสมุดแต่นี้เขาไม่รู้จักวิธีการเปิดเลยด้วยซ้ำนั่นมันยิ่งทำให้เขาสงสัยคนตัวเล็กนี่กว่าเดิมและอีกอย่างเขาไม่รู้จักเฮียคริสได้ยังไง...

                       ทั้งๆที่เฮียคริสเป็นประธานสถาบันแห่งนี้...


      

                       “แล้วทำไมฉันต้องบอกนาย


                        “....”ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรแต่กับคว้าข้อมือเล็กข้างขวาขึ้นมาแล้วรูดแขนเสื้อกันหนาวของคนตัวเล็กขึ้นเพื่อดูอะไรบ้างอย่าง


                     ไม่มีงั้นเหรอ..งั้น...ฉันคงคิดไม่ผิดสินะ....


                         “เฮ้ ทำอะไรของนายว่ะเนี่ยลู่หานรีบดึงแขนตัวเองคืนมาพร้อมกับจ้องมองชายตรงหน้าด้วย                แววตาที่ไม่พอใจอยู่ๆก็มาจับแขนคนอื่นแถมยังรูดแขนเสื้อขึ้นอีกเขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ไม่มีมารยาทซะจริง



                          “นายไม่ใช่พวกCapricornจริงๆด้วย”และเขาก็คิดถูกจริงๆด้วยชายร่างเล็กตรงหน้าไม่ใช่คนของCapricorn แล้วหมอนั่นเป็นใคร?เข้ามาที่นี้ได้ยังไงแล้วมาเพื่ออะไรกันแน่ทั้งหมดคือคำถามที่เขายังคงสงสัยชายร่างเล็กตรงหน้าที่ใส่หมวกสีดำปิดบังใบหน้าไว้อย่างลึกลับแน่นอนว่าไม่มีใครหน้าไหนที่จะสามารถเข้ามาในcapricornได้นอกจากเป็นคนของที่นี้และชายร่างเล็กที่ยืนทำหน้าบึ้งใส่เขาอยู่ก็ไม่ใช่คนของที่นี้แล้วเขาเข้ามาที่นี้ได้ยังไงรึจะเป็นสายของGriffin ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็ต้องเจอดีกันหน่อยล่ะ

     

     

                           “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ใช่


                           “ก็ถ้าเป็นนักเรียนของCapricornล่ะก็จะต้องสักสัญลักษณ์Capricornไว้ที่ข้อหลังข้อมือขวาแต่นายไม่มีและอีกอย่างนักเรียนของCapricornต้องรู้รหัสและวิธีเปิดประตูห้องสมุด แต่นายไม่รู้อะไรเลย”

     


                           “เอ่อ...ลู่หานยืนนิ่งเป็นหินอยู่ๆเขาก็เกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะงั้นคำด่าที่พึ่งเตรียมมาเป็นชุดเมื่อกี้ก็มะลายหายไปพร้อมๆกับคำพุดทั้งหมดที่มีอยู่ในหัว



                           “มีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ย??”ถามเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาจนอีกคนสัมผัสได้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหนจนบ้างครั้งมันก็ทำให้บรรยากาศในห้องนี้เริ่มจะอึดอัดสำหรับลู่หาน



                           “...”ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากก้มหน้าก้มตารับความผิดที่ตัวเองก่อถึงแม้ว่าเขาจะมีรายชื่ออยู่ในCapricornแต่เขาก็ไม่รู้จะอธิบายให้อีกคนเข้าใจได้ยังไงดีไม่ดีอาจจะโดนด่ากลับมาก็ได้เพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับที่นี้เลยสักอย่าง และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็เขาก็อยากจะนั่งๆนอนๆเกลือกเล่นอยู่หน้าห้องรอมินซอกออกมาจะดีกว่า


                           “...งั้นก็มากับฉัน...แค้นในลำคออย่างสมเพชคนตรงหน้าก่อนที่จะคว้าข้อมือเล็กแล้วเดินตรงไปยังหน้าประตูของห้องสมุดแล้วทำการใส่รหัสอะไรบางอย่างไม่นานประตูก็เปิดออกอย่างอัตโนมัติลู่หานได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามคนตัวสูงออกมาจากห้องสมุดโดยไม่ขัดขืนและไม่พูดอะไรนอกจากเดินตามเขามาอย่างเงียบๆถึงแม้มือหนาจะกำข้อมือของเขาแรงขนาดไหนก็ตามลู่หานก็ไม่คิดที่จะบ่นหรือขัดขืนอะไรเขาเลย




                           นายได้เจอดีแน่ไอ้พวกกริฟฟิน...


     

     


     

     





           

     นี้คือัญลักษณ์ของCapricorn
     

    #จบไปอีกคอนเล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียวเรื่องนี้ต้องใช้จินตนาการสูงมาก
    เพราะมันออกแนวแฟนตาซีเรื่องนี้อาลู่ก็เกรียนแตกบางบ้างครั้ง
    ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้แน่นอนจ่ะ
    มันอาจจะมีคำผิดเเละก็พิมตกอยู่เยอะ
    ยังไงไรต์จะทยอยเเก้ไข
    ถ้าชอบก็เม้นโหวตเเอดแฟ๊บกันเยอะๆนะจ๊ะ


     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×