คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Academy Secrets: 2
Chapter
2
ปึ้ง!! ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับคนตัวสูงที่เดินจูงมือชายร่างเล็กเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆหากแต่แววตาของเขากลับไม่เป็นแบบนั้นทั้งๆที่รู้ว่าการที่เข้าห้องของคนอื่นโดยไม่เคาะประตูก่อนมันเสียมารยาทแต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่เคาะประตูเพราะคำพูดที่ว่า ‘ถึงจะเคาะประตูรึไม่เคาะประตูยังไงก็เข้าห้องได้อยู่ดี...’
“เฮีย!!ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ร่างสูงบอกด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดพร้อมกับดึงมือร่างเล็กให้เดินตามมา
“มีอะไรของแกอีกเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเห็นมั้ยว่าฉันกำลังคุยธุระอยู่”ร่างสูงเจ้าของตำแหน่งประธานสถาบันถามอย่างไม่สบอารมณ์ไอ้น้องคนนี้มันเคยมีสามัญสำนึกไหมว่าเวลาจะเข้าห้องคนอื่นจะต้องเคาะประตูก่อน
“เห็นก็แค่คนของกลุ่มฮันลิส”ชายหนุ่มปรายตาไปมองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่แล้วแบ้ปากให้“แต่เรื่องของผมสำคัญกว่าแน่นอน”
“เรื่องอะไรของแก?” เสียงเรียบอันเย็นช้าที่เป็นเอกลักษณ์เอ่ยก่อนจะวางหนังสือรายชื่อลงบนโต๊ะ”แล้วนั้นใคร...”สายตาคมราวกับเหยี่ยวก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กที่ใส่หมวกแค๊ฟสีดำที่ยืนก้มหน้าดูก้มตาอยู่ข้างๆเซฮุนที่มีท่าทีแปลกๆก็อดถามไม่ได้
“หมอนี่ไม่ใช่คนของเราผมสงสัยว่าอาจจะเป็นคนของกริฟฟิน”
“กริฟฟิน...”มินซอกที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องก็ทวนชื่อนี้ขึ้นก่อนจะเงยหน้าจากพื้นขึ้นมาดูคนที่เซฮุนสงสัยว่าอาจจะเป็นคนของกริฟฟินและนั้นก็ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเห็นผี
เพราะคนที่เซฮุนเข้าใจผิดนั้นคือลู่หานเพื่อนคนสนิทของเขานั้นเองแต่ทำไมถึงถูกเซฮุนลากมาที่นี้ได้ล่ะก็บอกแล้วว่าให้รออยู่หน้าห้องอย่าไปไหนแท้ๆเชียวทำไมถึงไม่เคยเชื่ออะไรกันบ้างเลย
“หึ...พวกกริฟฟินงั้นเหรอ นายกล้ามากนะที่เข้ามาในที่ของฉัน”
“...”
“นายรู้มั้ยว่าพวกกริฟฟินที่แอบเข้ามาในCapricornมันต้องพบจุดจบแบบไหน”
“เอ่ออ...”
“ถูกเผ่าทั้งเป็น”เซฮุนพูดเสริมลู่หานตาโตขึ้นมาทันทีเขาอยากจะกัดลิ้นตายซะตอนนี้ยังจะดีกว่าถูกเผ่าทั้งๆที่ยังหายใจอยู่
ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน
“ผะ...ผะ...เผ่า!” ลู่หานเริ่มจะเกิดอาการช็อคจนพูดติดอ่างนี่พวกเขาคงไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย
เรื่องเผ่าทั้งเป็น!?
“ตกใจอะไร...พวกนายมันโหดกว่านี้เยอะแค่เผ่าทั้งเป็นมันยังน้อยไป”น้ำเสียงเข้มดวงตาคมราวกับเหยี่ยวไล่สำรวจชายร่างเล็กตรงหน้าอย่างพิจารณาตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ
นี้เหรอคนของกริฟฟิน อ่อนปวกปียกชมัด...
“คะ...คือว่า” ไม่รู้จะเริ่มอธิบายอะไรตรงไหนก่อนดีที่จะให้ชายร่างสูงทียืนจ้องหน้าด้วยสายตาดุๆได้เข้าใจว่าเขาไม่ใช่พวกกริฟฟินอย่างที่พวกเขาเข้าใจกัน
“ถอดหมวก…”น้ำเสียงเรียบหากแต่แอบแฝงไปด้วยคำสั่งที่ยากจะกล้าปฎิเสธแววตาที่ดุดันจ้องมองมายังคนตัวเล็กอย่างไม่ล่ะสายตา
พวกกริฟฟินมันต้องตายอย่างทุกข์ทรมานถึงจะสาสมกับที่พวกมันทำไว้กับเรา....
“ค่ะ...ครับ”ลู่หานเริ่มจะมือสั่นเล็กน้อยเนื้อตัวเริ่มสั่นเทาคอเริ่มจะเกร็งจนจะเป็นตะคริวมือเรียวค่อยๆถอดหมวกออกช้าๆพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อผ่อนคลายตึงเครียดและความอึดอัดที่โรยตัวบางๆอยู่รอบๆตัวเขาให้พังทลายหายไปโดยเร็ว
“ลู่ผิง...” เซฮุนเผลอเรียกชื่อใครอีกคนออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานภายใต้หมวกสีดำดวงตาคมเรียวสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเขาคงไม่ได้ตาฝาดอะไรไปใช่มั้ยที่มีคนหน้าเหมือนแฟนเก่าของตัวเองอย่างกะแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกำลังยืนอยู่ตรงหน้า...
“หื้ม..?”ลู่หานขมวดคิ้วนิดๆอย่างงงๆเมื่ออยู่ๆชายตัวสูงก็เรียกเขาว่า 'ลู่ผิง' ซึ่งนั้นไม่ใช่ชื่อเขาเลยถึงแม้จะฟังดูคล้ายๆกันก็ตามแต่ทำไมต้องจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่แปลกๆแบบนี้ด้วยล่ะ
“เฮีย..”เซฮุนหันไปมองหน้าคริสด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามตัวเท่าบ้านที่ลอยอยู่บนหัวซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับคริสสักเท่าไหร่พวกเขาคงไม่ได้ตาฝาดอะไรไปใช่มั้ยที่เห็นชายหนุ่มตรงหน้าที่มีใบหน้าคล้ายกับลู่ผิงประธานรุ่นก่อนที่กำลังจะได้ขึ้นรับตำแหน่งอันทรงเกียรติหากแต่ต้องมาตายก่อนเพราะพวกกริฟฟินที่มันฆ่าเธอ
ร่างสูงทั้งสองได้แต่มองมายังลู่หานตาไม่กระพริบไม่มีคำพูดอะไรนอกจากคำถามและความสงสัยที่มันอัดอั้นอยู่ในใจ
ชายคนนี้เป็นใครกันแน่...
“เออ...ท่านประธานครับ”มินซอกที่ยืนมองเหตุการณ์เงียบๆอยู่นานก็แทรกขึ้นก่อนที่อะไรๆมันจะมีแต่คำถามลอยออกมาจากดวงตาของชายร่างสูงทั้งสองแทนคำพูด
“หื้ม...มีอะไร?” ใบหน้าคมล่ะสายตาจากลู่หานแล้วหันมาขมวดคิ้วให้มินซอกเชิงถาม
“คือชายคนนั้นไม่ใช่พวกของกริฟฟินแต่เขาคือลู่หานสมาชิกใหม่ที่มีในรายชื่ออยู่ในฮันลิสครับ”
“ลู่หาน/ลู่หาน!”คริสกับเซฮุนพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมายมาก่อนดวงตาคมหันมาจ้องมองที่ลู่หานอีกครั้งมันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น
ชื่อก็ใกล้เคียงกัน หน้าตายังเหมือนกันอีกแตกต่างกันก็แค่ลู่ผิงเป็นผู้หญิงส่วนลู่หานป็นผู้ชายถ้าจับลู่หานแต่งหญิงสาบานได้ว่าทุกคนจะแยกแทบไม่ออก
“....!?”ลู่หานได้แต่ยืนมองหน้าชายทั้งสองสลับกันไปมา
ทำไมพวกเขาต้องตกใจอะไรมากขนาดนี้ด้วยก็แค่ชื่อธรรมดา
ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าชื่ออื่นๆเลย และที่แปลกทำไมพวกเขาต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย
เขามีอะไรที่ผิดปกติงั้นเหรอ?
ว่าแต่เสียงเมื่อกี้ นี่มันคุ้นๆเหมือน....
“มินซอก..” เมื่อเงยหน้าจากพี้นขึ้นมาเขาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนตัวเล็กยืนอยู่มุมหนึ่งของห้องมินซอกฉีกยิ้มให้ลู่หานอย่างปลอบใจเพราะเขารู้ดีว่าลู่หานรู้สึกหวาดกลัวและผวาแค่ไหนเมื่อมีสายตาคมราวกับเหยี่ยวกำลังจ้องมองเขาอยู่ทุกการกระทำ
“นี่คือคนที่อยู่ในการดูแลของนายใช่มั้ยมินซอก”
“ใช่ครับ... ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”มินซอกโค้งให้ชายร่างสูงตำแหน่งประธานสถาบันอย่างน้
อบน้อมลู่หานถอนหายใจอย่างโล่งอกดีนะที่มินซอกอยู่ห้องนี่ด้วยไม่งั้นเขาคงถูกเผ่าทั้งเป็นแน่
“ไม่เป็นไรหรอกมันไม่ใช่ความผิดของนาย”บอกเสียงเรียบตามเคย “ว่าแต่แกไปเจอลู่หานอยู่ไหน”หันไปถามน้องชายตัวแสบที่ยืนนิ่งเป็นหินถูกสาปอยู่ดวงตาเรียวคู่สวยก็ยังคงมองหน้าชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆราวกับถูกมนต์สะกดยิ่งมองลึกลงไปยังนัยน์ตาเป็นประกายคู่สวยของลู่หานแล้วก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบ้างอย่างลู่หานคนนี้ไม่ได้เหมือนแฟนเก่าของเขาแต่หน้าหากแต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังเหมือนราวกับเป็นคนๆเดียวกัน...
“...” ไม่มีการตอบรับจากโอเซฮุน
“เซฮุน”
“...” ยังคงไม่มีการตอบรับนอกจากมองหน้าลู่หานอยู่ท่าเดิมและแววตาเดิม
“ไอ้ เซ ฮุน!!”ตะโกนเรียกชื่อน้องชายเป็นครั้งที่สามถ้าเขายังไม่หันมาจากการมองหน้าลู่หานอีกล่ะก็ฝ่ามือเบาๆนี่แหละจะบรรจงตบที่เกรียนของน้องชายตัวดีแทน
“ครับ! เฮียว่าไงนะ”ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากผวังค์แล้วหันมามองยังคริสด้วยใบหน้าที่เหมอลอย
“ฉันถามแกไม่ได้ยินเลยรึไง”
“ได้ยินครับ เฮียเรียกชื่อผม...”
“นั่นมันเป็นประโยคคำถามตรงไหนว่ะหะ!!”คริสแทบจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากก็เล่นมีน้องชายที่ฉลาดกว่าเด็กป.1นิดเดียวแถมเขาพูดรึสั่งอะไรไปน้องชายตัวดีก็ไม่เคยคิดที่จะเชื่อฟังเขาเลยสักอย่างนอกจากตอบกวนๆและมักจะทำตรงข้ามกับที่สั่งและนั้นก็คือนิสัยของ
โอ เซฮุน ถ้าใครได้น้องชายเหมือนโอ เซฮุน ล่ะก็จะรู้ว่านรกมีอยู่จริง...
“ก็ผมได้ยินแค่นี้”เด็กหน้าตายตอบแบบส่งๆแน่นอนว่าสายตาคมก็กลับมามองยังคนหน้าหวานนั้นอีกครั้ง
“นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่มั้ย....”
“คงงั้นมั้งครับ”ตอบแบบหน้าตายอีกตามเคย
นี่ถ้าไม่ติดตรงนี้มีนักเรียนมาใหม่กับหัวหน้าฮันลิสยืนอยู่ในห้องนี้ล่ะก็คริสจะลงทุนตีลังกาไปตบเกรียนไอ้น้องชายตัวดีให้แตกสักทีหนึ่ง
“เอาล่ะฉันจะถามแกอีกครั้งและก็ช่วยตอบฉันดีๆด้วย”
“ได้ครับถ้าเฮียขอ ผมก็จะยอมทำตาม” เซฮุนฉีกยิ้มอย่างกวนๆแล้วหันมาตั้งใจฟังกับคำถามของพี่ชายอย่างว่าง่าย
“ไปเจอลู่หานอยู่ไหน”
“ห้องสมุด”
“นี่แกไปอ่านหนังสือมางั้นเหรอ..?”มันน่าเหลือเชื่อไหมล่ะที่น้องชายของเขามันจะเข้าห้องสมุดกับคนอื่นเขาก็เป็นด้วย
นี้คงจะเป็นรอบ1ปีสินะที่โอเซฮุนเดินเข้าห้องสมุดเพื่อไปอ่านหนังสือ
“อ่ะ...ครับเข้าไปอ่านหนังสือ”
“แน่ใจ? ว่าเข้าไปอ่านหนังสือ...” เสียงเล็กเอ่ยลอยๆ แล้วผินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ
“แน่สิ เข้าไปห้องสมุดก็ต้องไปอ่านหนังสือ
ไม่ใช่เข้ามาแอบดูคนอื่นเขา.....” เซฮุนลากเสียงยาวๆอย่างกวนประสาทและนั่นก็ได้ผลลู่หานหันหน้ามามองยังร่างสูงอย่างไม่พอใจพร้อมกับแยกเขี้ยวให้เป็นการขู่
“ฉันไม่ได้แอบดูนายล่ะกัน...”ตอบหวนๆอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก
“ลู่หาน นายไปแอบดูไอ้ฮุนมันอ่านหนังสืองั้นเหรอ?”คนตัวสูงขมวดคิ้วเข้มจนเป็นปม เขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันสักเท่าไหร่
แค่อ่านหนังสือทำไมต้องแอบดู
รึว่าน้องชายของเขามันจะไปแอบเล่นแทงโก้กับสาวๆที่นั่นมา....แค่คิดก็บรรลัยแล้ว
“ป่ะ...ป่าวนะครับ “
“แล้วนายไปแอบดูอะไร...”
“เอ่อ...คือ....ผม...” ลู่หานอ่ำๆอึ่งๆ
ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงอย่างรังเรที่จะตอบคำถามนี่ออกไป
ถ้าตอบออกไปแล้วจะมีใครว่าเขาเป็นโรคจิตรึป่าว..
“โธ่...เฮียไม่มีไรหรอก หมอนี้ก็แค่โรคจิตที่ชอบแอบมอง
คนหล่อก็เท่านั้นเอง อย่าสนใจเลย” เซฮุนพูดแทรกแล้วหันไปยักคิ้วให้คนตัวเล็กอย่างกวนประสาทอีกตามเคยเพราะถ้าลู่หานพูดความจริงออกไปเขาได้ถูกปลดจากตำแหน่งเอสเทอร์แน่ๆ
“กล้าพูดเนอะ...” เบ้ปากให้อย่างหมั่นไส้ ”ผมไม่ใช่โรคจิตนะครับ”ลู่หานยังคงยืนกรานคำเดิมว่าเขาไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่เซฮุนกล่าวหาถ้าเขาได้อยู่ร่วมโลกกับหมอนี้มีหวังประสาทรับประทานพอดีครับพี่น้อง
“เอาล่ะๆ ฉันเชื่อว่านายไม่ใช่โรคจิตอย่างที่ไอ้ฮุนมันพูด”ยิ้มออกมาอย่างเทพบุตรสุดๆ”แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าแกเข้าไปอ่านหนังสือจริงๆ” คริสจ้องมองมาที่เซฮุนอย่างจับผิด ใครเชื่อก็คงบ้าแล้ว คนอย่างโอ เซฮุน
น่ะหรอจะเข้าไปอ่านหนังสือถ้าบอกว่าเข้าไปนอนเล่นกลางวันยังน่าเชื่อกว่า
“ผมเข้าไปอ่านหนังสือจริงๆนะ นี่เฮียไม่เชื่อใจผมงั้นเหรอ
ทั้งๆที่ผมสัญญากับเฮียแล้วเนี่ยนะ”
“คนอย่างแกมันน่าเชื่อใจซะที่ไหน.....”คริสส่ายหน้าอย่างเอื่อมๆเขาเองก็อยากจะเชื่อใจไอ้น้องชายตัวดีอยู่เหมือนกันแต่สัญชาติญาณในตัวกับต่อต้าน
“เถอะน่าเฮียเชื่อใจผมสิ ผมเข้าไปอ่านหนังสือจริงๆ”
“เข้าไปอ่านหนังสือตอน สองทุ่ม
เนี่ยนะ?”
“ก็ใช่ไงเฮียสองทุ่ม บรรยากาศกำลังดี”
“ก็ได้ถ้าแกยังยืนยังคำเดิม”เสียงทุ่มต่ำเอ่ยเรียบๆ”ลู่หาน
นายเห็นเซฮุนมันอ่านหนังสือจริงๆเหรอตอบตามความจริงอย่าโกหกหรือปิดบังฉัน” ประธานหนุ่มหันไปถามลู่หานเสียงเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความกดดัน
“เอ่อ...” ร่างเล็กยื่นนิ่งอย่างใช้ความคิดเขาเหลือบมองมายังเซฮุนที่ตอนนี้มีสีหน้าที่ซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัดแววตาที่เคยดูน่ากลัวก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลแทน
คงจะกลัวความผิดสินะ...
แต่ก็...สมควรเเล้วล่ะ.....
“ว่ายังไง ลู่หานฉันรอคำตอบอยู่” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นคนตัวเล็กเงียบไป
“ผมเห็นเขา....”
“...”
ตึก... ตึก... ตึก...
นั้นเป็นเสียงหัวใจของเซฮุนในตอนนี้ มันทั้งเต้นเร็ว แรง
และรั่วขึ้นเรื่อยๆราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆใบหน้าหล่อเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าลู่หานพูดความจริงออกไปเขาต้องถูกลงโทษให้ไปอยู่ในคุกใต้ดินของสถาบันเป็นเวลา1อาทิตย์และต้องถูกปลดจากตำแหน่งเอสเทอร์
มันก็คงเป็นเรื่องที่น่าอายสุดๆสำหรับ คนอย่าง โอ เซฮุน
“กำลังอ่านหนังสืออยู่จริงๆครับ”
และคำตอบของลู่หานก็ทำให้เซฮุนต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกราวกับว่าได้ยกภูเขาหิมาลัยออกจากอกทุกอย่างโล่งไปหมดสำหรับเขาในตอนนี้....แต่ทำไมลู่หานต้องโกหกเพื่อช่วยเขาด้วยถึงแม้มันจะทำให้เซฮุนรอดพ้นจากการลงโทษที่แสนจะโหดร้ายก็ตาม
แต่ทำไมกันล่ะ...
“นายพูดความจริงใช่มั้ย...” ดวงตาคมจ้องมองคนน่าหวานอย่างจับพิรุจ
“ครับผมพูดความจริง”ลู่หานอมยิ้มบางๆพรางหันไปมองยังเซฮุนเผื่อว่าเขาจะส่งยิ้มเป็นการขอบใจให้บางแต่ไม่เลยเขาไม่คิดที่จะมองมาด้วยซ้ำ...
“เอ้าล่ะฉันเชื่อใจนาย”
“เฮ้อ...” เซฮุนถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอกมือเรียวยกขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามข้างแก้มขาวๆ
“ถึงกับต้องถอนหายใจเลย”ลู่หานถามลอยๆดวงตาคู่สวยไม่ได้หันมามองยังคู่สนทนาหากแต่กลับมองมายังมินซอกที่ยืนยิ้มให้เขา
“ใครถอนหายใจ...? ฉันไม่ได้ถอนหายใจสักหน่อย” รีบปฎิเสธทันทีเมื่ออีกคนดันได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของเขา
“ก็ดี”
“เอ้าล่ะมินซอก
เรื่องที่นายถามฉันก่อนหน้านี่ว่าจะให้ลู่หานพักห้องไหนฉันคิดออกแล้วล่ะ...” ชายร่างสูงยกมือขึ้นกอดอกส่วนมืออีกข้างก็เกาคางอย่างเจ้าเล่ห์ใบหน้าคมที่หล่อบาดใจสาวๆฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัยยากที่จะมีใครเข้าใจในความคิดของเขา
“ที่ห้องไหนเหรอครับ...? ” มินซอกถามตาโตเพราะก่อนหน้านี้ประธานคริสยังบอกกับเขาอยู่เลยว่าห้องทุกห้องนั่นเต็มหมดและมีบางห้องที่อยู่ในการซ่อมแซมและปรับปรุง
“ห้อง 749 ”
“เฮ๊ย!!เฮีย นั่นมันห้องของผมหนิ” วินาทีที่คริสพูดชื่อห้องจบ
เซฮุนก็โวยวายใหญ่ทำไมต้องเอาผู้ชายคนนี้มาอยู่ห้องเขาด้วย
ทั้งๆที่คริสก็รู้อยู่ว่าเขาไม่ชอบที่จะอยู่ร่วมห้องกับใคร
“ก็ใช่ไงจะตกใจทำไม
ห้องแกออกจะใหญ่แถมยังอยู่คนเดียวด้วยให้ลู่หานไปอยู่ด้วยสักคนจะเป็นไร่ไปอีกอย่างเตียงข้างบนก็ยังว่างจะหวงทำไมว่ะจะเก็บเอาไว้ให้ตุ๊กตานอนรึยังไง”คริสสาธยายจนยาวเหยียดเล่นเอาเซฮุนเถียงไม่ออกเลยทีเดียวเขาได้แต่ก้มหน้ารับความจริงที่พี่ชายสาธยายมาทั้งหมด
“โอเคร ผมไม่เถียง” ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจยังไงเขาก็แพ้อย่างราบคราบแล้วนี่
“งั้นลู่หานนายไปอยู่ห้องของไอ้ฮุนมันนะ
แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอาชุดนักเรียนและของที่จำเป็นต้องใช้ของที่นี่มาให้”
“ครับ” ร่างบางพยักหน้ารับอยางเข้าใจ
เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากนักที่ได้มาอยู่ห้องร่วมกันกับเซฮุนหากจะเสียใจมากกว่าที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องเดียวกันกับหมอนั่นแทนที่จะเป็นมินซอก
เพื่อนรักของเขา
“แล้วพรุ่งนี้ 8 โมงตรงนายมาหาฉันที่ห้องนี่เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ”พยักหน้ารับอีกตามเอ่ย
“ส่วนแกก็พาลู่หานไปที่ห้องด้วย และอย่าทำอะไรลู่หานเข้าใจมั้ย” กดเสียงต่ำอย่างออกคำสั่งดวงตาคมกริบส่งรังสีอำมหิตไปให้น้องชายเพื่อเป็นการเตือนเบาๆ
“เข้าใจแล้วครับประธาน” โค้งรับอย่างน้อมโน้มหากแต่แฝงไปด้วยความกวนตีน”ตามฉันมาสิ”หันมาสั่งคนตัวเล็กก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวออกจากห้องไปโดยมีคนตัวเล็กเดินตามมาอย่างติดๆ
“วันนี้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะมินซอกนายไปพักผ่อนเถอะ” น้ำเสียงเรียบเอ่ย มือเรียวยาวลูบจมูกโด่งๆของตัวเองเบาๆอย่างใช้ความคิด
วันนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายเข้ามาอย่างไม่หยุดไม่ย้น
“ครับประธาน” คนตัวเล็กโค้งอย่างโน้มน้อมแล้วจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงห้อง749ซึ่งเป็นห้องพักของเซฮุนแล้วลู่หานก็ได้ถือโอกาศนี้เดินสำรวจจนทั่วห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำกับน้ำเงินซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าของห้องภายในห้องมีเตียง2ชั้นวางไว้อยู่มุมห้องซึ่งข้างบนหัวเตียงนั่นจะมีชั้นวางของเล็กๆติดอยู่บนผนังห้องและบนเตียงชั้นบนก็เต็มไปด้วยตุ๊กตานาๆชนิดที่เซฮุนได้จัดสรรปันส่วนแบ่งให้กับตุ๊กตาตัวโปรได้นอนและมันก็ตรงตามที่คริสบอกไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเห็นหน้านิ่งๆแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าเป็นติ่งตุ๊กตาตัวพ่อทุกคืนก่อนนอนเข้าต้องขึ้นมาบอกฝันดีตุ๊กทุกตัวอยู่ชั้นบนก่อนนอนทุกครั้งถ้าจะรักมากขนาดนี้ทำไมไม่แต่งงานกับตุ๊กตาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะครับจะได้ไม่เป็นภาวะของลูกหลาน
หลังจากที่เดินดูจนทั่วห้องแล้วลู่หานก็ต้องมานั่งฟังเซฮุนสาธยายเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการใช้ห้องของรวมกับเขาในขณะที่ลื่อข้าวของออกจากกระเป๋าเพื่อพับเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า
“เอาล่ะ เรามาเริ่มข้อตกลงของการใช้ห้องร่วมกันเลยดีกว่า เสี่ยวลู่ ” ชายร่างสูงเริ่มบทสนทนาทันทีหลังจากที่ลู่หานเก็บข้าวของออกจากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วและเขาก็สาธยายการใช้ห้องเสร็จไปแล้วบางส่วน
ขอย้ำ ว่าแค่บางส่วน...
“ข้อตกลงอะไรอีกมิทราบ เมื่อกี้ยังไม่พออีกไง?” ลู่หานขมวดคิ้วให้ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นเต็มความสูงหากแต่ยังตัวเล็กกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอยู่ดี แล้วนี้กูจะยืนทำไม?
“ข้อแรก นายห้ามมายุ่งวุ่นวายกับข้าวของของฉัน”
“โอเค...ไม่ยุ่งแน่...”
“ข้อที่ 2 ห้ามทำห้องรก
เพราะฉันไม่ชอบ ข้อที่3 ห้ามพาใครเข้ามาในห้องโดยเด็ดขาด
ข้อที่4 ห้ามนอนกร่น ข้อที่ 5 ห้ามส่งเสียงดังเพราะฉันรำคาญ ข้อที่ 6 ห้ามกินของที่อยู่ในตู้เย็นโดยเฉพาะชานมไข่มุก
ข้อที่ 7 ห้าม....” ยังไม่ทันได้พูดข้อที่ 7จบลู่หานก็พูดแทรกขึ้นทันทีเพราะเขาคงทนยืนฟังเซฮุนพ่ามไม่ไหวกับข้อตกลงที่ฟังดูเหมือนข้อบังคับมากกว่า
“นี่ยังมีต่ออีกงั้นเหรอ?”
“ใช่ มันมีทั้งหมด10 ข้อถ้ารวมกับข้อก่อนหน้านี้ก็ยี่สิบถ้วน”
“ถามจริงเถอะ ที่บ้านนี่เรียกว่าข้อตกลงงั้นเหรอฟังดูแล้ว9
มีแต่ข้อห้ามที่นายตั้งขึ้นมาทั้งนั้นมันยุติธรรมตรงไหนกันห๊ะ!”ลู่หานยืนเท้าใส่เอวอย่างนักเลง มันไม่ยุติธรรมกับคนมาใหม่อย่างเขาเลย
แต่ลู่หานคนนี้ไม่ได้โง่ ที่จะแยกไม่ออกระหว่างข้อห้ามกับข้อตกลง
แน่นอนข้อตกลงต้องมีบุคคลตั้งแต่ 2 ฝ่ายขึ้นไปกำหนดหลักปฏิบัติ
ขึ้น แต่นี้ เซฮุนเป็นฝ่ายกำหนดเองฝ่ายเดียวมันดูเหมือนข้อตกลงตรงไหน...? ตอบ!!!
“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะ” ชายหนุ่มรีบตัดบทสนทนาทิ้งโดยเร็วก่อนที่ร่างสูงจะเดินลิ้วๆไปยังเตียงพร้อมกับล้มกายลงบนเตียงนุ่มอย่างสบายใจเปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆเพราะความเหนื่อยที่เก็บสะสมมาทั้งวันจากการออกกำลังกายในร่ม
“เหอะ!ให้ได้อย่างงี้สิว่ะ”สบถเบาๆอย่างเจ็บใจกับชายหนุ่มตรงหน้าที่ชอบพูดอะไรที่เข้าข้างตัวเองเสมอใบหน้าหวานหันไปทำหน้าล้อเลียนคนตัวสูงที่หลับอยู่ในห้วงแห่งความฝันอย่างหมั่นไส้
อย่าให้ถึงตาฉันบางล่ะกัน โอ เซฮุน...
“เอ๊าะ! ปิดไฟให้ด้วยนะมันแสบตานอนไม่หลับ” ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผากปากก็ออกคำสั่งหากแต่ดวงตาเรียวคมยังคงปิดสนิทอยู่
“เออ รู้แล้วล่ะน๊า...” ลู่หานเดินลงส้นเท้าเสียงดังตึงตังอย่างไม่พอใจไปปิดไฟตามที่คนตัวสูงสั่งพรางพูดล้อเลียนเขาตลอดทางเมื่อนิ้วเรียวกดปิดสวิตซ์ไฟปุ๊ป
ความมืดก็มาเยือนทันที
ทุกอย่างดูมืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากดวงจันทร์ยามค่ำคืนดวงตากลมกลอกกลิ้งไปมาเพื่อมองหาทางที่จะเดินไปยังเตียงแต่
มันมืด มืดจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลย
ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเดินไปทีล่ะนิดๆด้วยความกลัว มือเรียวเล็กก็พยายามควานหาสิ่งของที่อยู่รอบตัวอย่างไร้จุดหมายเผื่อว่ามันจะพอเดาออกได้บ้างว่าตอนนี้เขาเดินมาอยู่จุดไหนของห้อง
“เฮ้…” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลู่หานได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้ชายร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงนั่นหลับไปจริงๆเลยไม่งั้นเขาคงเขาคงได้คลานไปขึ้นเตียงเหมือนคุณผีจูออรแน่เพราะมองอะไรแทบไม่เห็น
“...” เงียบกริบไม่มีเสียงตอบรับจากสวรรค์นอกจากความเงียบและก็เงียบ
“เฮ้...ได้ยินฉันมั้ย ช่วยเปิดไฟอยู่บนหัวเตียงนายให้หน่อยดิ”
“หื้ม...กลัวเหรอ”
พระเจ้าทรงโปรด!
ถึงแม้จะเป็นเสียงตอบรับที่ไม่ค่อนน่าฟังสักเท่าไหร่ก็ตามสำหรับลู่หาน
แต่มันก็ทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มยังไม่หลับไปจริงๆ
“ป่าว...แค่มองไม่เห็นทาง” ทั่งๆที่ในใจก็แอบกลัวกับความมืดที่มองไม่เห็นอยู่บางก็ตามแต่ปากก็ยังคงตอบปฎิเสธไปอย่างนั้นเพื่อรักษาภาพพจน์ที่แมนของตัวเองเอาไว้
“หรออออ...”ลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน
ก็คงไม่แปลกที่จะไม่กล้าเดินท่ามกลางความมืด
ก็วันนี้เป็นคืนเดือนมืดไม่มีแสงจากพระจันทร์อะไรหรอกมีก็แต่ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอย่างริบหรี่อยู่บนท้องฟ้าก็เท่านั่น
“พูดมาก รีบๆเปิดไฟเข้าดิง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว”เร่งอีกคนอย่าใจร้อนเพราะยิ่งยืนอยู่นานๆแล้วรู้สึกเย็นวาบบริเวณแผ่นหลังถ้าเขาไม่คิดไปเองก็เหมือนกับมีคนมาหายใจอยู่ข้างๆหู!
“อื้ม....” พูดอยู่ในลำคออย่างขี้เกียดแล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟอยู่ข้างๆหัวเตียงอย่างหนื่อยๆ
ทันใดนั้นห้องสีหลี่ยมขนาดใหญ่ก็สว่างขึ้นมาทันทีด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนจากโคมไฟเล็กๆ
ลู่หานถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยเขาก็คงไม่ได้เดินคล่ำโต๊ะไปนอนอีกแล้ว
“ขอบใจ” เอ่ยเสียงแผ่วเบาเพราะรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่ต้องพูดขอบใจกับคนแบบนี้
ก่อนที่เจ้าตัวจะปีนขึ้นบันไดไปยังเตียงนอนซึ่งอยู่ชั้นบนอย่างเร็ว
“ว่าไง นะ นายขอบใจฉันงั้นเหรอ”คนที่นอนอยู่ด้านล่างเอ่ยถามพร้อมอมยิ้มบางๆโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองแอบอมยิ้งอยู่
“ฉันพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นไม่ได้ยินก็เสียใจด้วยเพราะฉันจะไม่พูดมันอีก”คนตัวเล็กหยิบตุ๊กตาคิสตี้ตัวเท่าบ้านมากอดพร้อมกับพลิกหน้าเข้าหากำแพง
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ...”
“อะไรนะ เมื่อกี้นายพูดอะไร ไม่ได้ยิน”คนตัวเล็กพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งอย่างตื่นเต้น
เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยที่ได้ยินเซฮุนพูดขอบคุณถึงมันจะเบาก็เถอะ
แต่มันก็ทำให้คนตัวเล็กยิ้มแก้มปริได้ไม่ยาก
ก๊อก ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินงัวเงียตาจะปิดเหล่ไม่ปิดเหล่ไปเปิดประตูอย่างเหนื่อยๆเพราะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับคงเป็นเพราะไม่คุ้นกับสถานที่ใหม่ๆ
“ขอโทษนะจ๊ะที่ป้ามาปลุกแต่เช้า” คุณป้าวัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูเหมือนคนที่นอนยังไม่ตื่น
“อ่อ...ไม่เป็นครับป้าว่าแต่มาหาใครครับ” ลู่หานถามเสียงเอื้อยเหมือนกับคนละเหมอเดินลงมาจากเตียงไม่มีผิด
“ท่านประธานฝากให้ป้าเอาของพวกนี้มาให้ คนที่ชื่อ ลู่หาน จ๊ะ”
“อ่อ ลู่หาน...” คนตัวเล็กยังคงพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจกับคำตอบตอนราวกับว่านั่นไม่ใช่ชื่อของเขาเพราะตอนนี้เขาสนใจก็มีแต่เรื่องนอนเท่านั้น
“...”
แต่ เดี๋ยวนะ ลู่หาน?
เวรล่ะไง นั้นชื่อตรูนี่หว่า.....!!!
“ห๊ะ!!ลู่หาน!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นจากผวังค์เมื่อนึกขึ้นได้ว่าประธานนัดเขาไว้ตอน8โมงตรง”ป้าครับตอนนี้กี้โมงแล้วครับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามคุณป้าแม่บ้านอย่างร้อนรน
“7.30 จ่ะ ทำไมเหรอจ๊ะ” คุณป้าก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วส่งยิ้มอย่างใจดี
ตายห่า! อีก 20 นาที
จะอาบน้ำแต่งตัวยังไงทันว่ะเนี่ย คนตัวเล็กได้แต่สบถด่ากับตัวเองอย่างหัวเสียงเขาลืมซะสนิทเลยว่าประธานนัดเขาเอาไว้
ถ้าไปสายนี้จะถูกเผ่าทั้งเป็นอีกรึป่าวแค่คิดถึงใบหน้านิ่งๆราวกับรูปปันกรีกของเขาแล้วก็อดกลัวไม่ได้แล้วทำไมเซฮุนถึงไม่ปลุกล่ะรู้ทั้งรู้อยู่ว่าประธานสั่งไว้
แต่เขาคงจะไปคิดต่อกับคนแบบนั่นไม่ได้หรอกเพราะตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่อยู่ในห้องนี่แล้ว
“อ่อ ป่าวครับนี่ของผมใช่มั้ยฮะ” ก้มมองไปยังเสื้อผ้าที่พับไว้อยู่ในมือของหญิงสาวรุ่นราวคราวแม่”งั้นผมขอนะครับ”รีบรับผ้าจากมือหญิงสาวทันทีโดยที่ไม่ได้รอคำตอบก่อน
“ชะ..จ๊ะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณป้าที่อุส่าเอาขึ้นมาให้” ส่ง ยิ้มแห้งๆให้ก่อนจะรีบปิดประตูใส่หน้าคุณป้าที่ยืนทำหน้างงๆอยู่แล้ววิ่งไปหยิบผ้าขนหนูที่พับไว้เข้าห้องน้ำไปทันทีเพราะทุกนาทีตอนนี้มีค่ามากสำหรับลู่หาน
“มาแล้วๆ ข่าวใหม่ของวันนี้เลยนะเว๊ย” เสียงใสดังขึ้นพร้อมกับคนตัวเล็กที่วิ่งถือหนังสือพิมพ์เข้ามายังห้องสมุดด้วยใบหน้าที่ร่าเริงราวกับได้บัตรคอนเสิร์ตมาฟรี
“อะไรของแกว่ะ เบาๆหน่อยห้องสมุดนะไม่ใช่ตลาดสดจะแหกปากทำไม” เอ่ยบอกเพื่อนรักด้วยน้ำสียงที่เบื่อหน่ายกับการกระทำที่แก้ไม่หายของเพื่อนสนิทตัวเล็กที่เสียงมักจะมาก่อนตัวเสมอ
“รู้แล้วน่า... ” คนตัวเล็กแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมลดเสียงลงอยู่ระดับหนึ่ง” นี่ๆ
สายของฉันรายงานมาว่ามีเด็กใหม่ที่หน้าเหมือนประธานปีที่แล้วด้วยแต่ดันมาตายก่อนเข้ามาใหม่เมื่อวานนี้ด้วยแหละ” ชายตัวเล็กรีบสาธยายข่าวที่ตัวเองได้มาสดๆร้อนๆแน่นอนว่าทุกข่าวประเด็นฮอตๆและสถานการณ์ที่เคลื่อนไหวของที่นี้ไม่มีทางรอดพ้นสายตาคมๆของ ‘พยอน แบคฮยอน’ คนนี้ไปได้หรอกและฉายานักข่าวผู้มีสายตาแหลมคมดังใบมีดโกนกิลเลตต์
ก็คงหนีไม่พ้นพยอนแบคฮยอนอีกตามเคยเขาจึงได้รับตำแหน่ง
บรรณารักษ์ผู้กรองข่าวยอดเยี่ยมของห้องสมุด Capricorn ไปครอง
“ลู่ผิงน่ะเหรอ” ชายร่างเล็กเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ตกใจรึแปลกใจอะไรเลยซึ่งแตกต่างจากแบคฮยอนสุดขั้วโลกที่เล่นตกใจได้โอเว่อร์กว่าการไปเคสหนังฮอริวูดได้อย่างเกินน่าเกินตา
“ช่ายยยยย...”ลากเสียงยาวๆเพื่อสร้างความตื่นเต้น”ไม่ตกใจอะไรเลย?”และมันก็ไมได้ผลตามเคยเพื่อนตัวเล็กก็ยังคงก้มอ่านหนังสือจนลูกตาจะถล่นออกมานอกตาแล้ว
“จะให้ตกใจอะไร”
“ก็แบบ เอ๊ยยย! ทำไมมีคนน่าเหมือนประธานรุ่นก่อนด้วยอ่า โอ้ มาย
ก๊อด ไม่อยากเชื่อเลย!! อะไรทำนองนี้อ่ะ...”แบคฮยอนวาดลวดลายประกอบอย่างสวยงามราวกับกำลังเล่นละครเวทีต่อหน้าผู้ชมเป็นล้าน
“มันเกินไปว่ะ เอาแบบพอดี ไม่ต้องแอคติ้งเกินกว่าดาราฮอริวู๊ด”
“เออๆๆ นั่นมันเป็นความฝันที่108ของฉันนี่หว่าที่อยากจะเป็นดาราที่โด่งดังไปทั่วโลกยังไงก็ต้องซ้อมการเเสดงให้เว่อร์ไว้ก่อนสิพอไปเคสจะได้ผ่าน”คนตัวเล็กทำหน้าบุ้ยพรางเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงข้ามเพื่อนตาโต
“ฉันว่าความฝันแกยังน้อยกว่าชื่อสถานที่ดังๆในโซลอีกนะ”
“เว่อร์ไป ความฝันของฉันมีแค่ 205อย่างเองเว๊ย
ถ้าให้ฉันเล่าเป็นปีก็ไม่หมด”
“ฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง”
“เอ๊ย!!!!” คนตัวเล็กร้องลั่นห้องเมื่อเปิดเมสเสจที่สายของเขาส่งมาให้เมื่อไม่กี่วินาทีนี้
“อะไรของแกเนี่ย โวยวายทำไม!”ชายหนุ่มเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองเพื่อนตัวเล็กด้วยสายตาพิฆาตที่ทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือของเขาแตกกะเจิงไปหมดแล้ว
“สายของฉันส่งรูปเด็กใหม่นั่นกำลังเดินเข้าห้องเซฮุนนี่ของฉ๊านนนนเมื่อคืนนี้!!”แบคฮยอนแทบจะแด้ดิ้นลงไปกองกับพื้นให้ได้เลยเมื่อรูปนั้นมันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของเขากำลังสลายหายไปกับฟองอากาศ
“แค่นี๊...?”
ตรูอยากตาย....
เขาได้แต่กุ้มขมับตัวเองแน่นไม่เคยคิดเลยว่าอาการเพื่อนรักจะหนักขึ้นทุกวันๆ
เขาจะต้องพาแบคฮยอนไปตรวจสุขภาพจิตกับ จางอี้ชิง แล้วล่ะ
“มันไม่แค่นี้นะดีโอ”แบคฮยอนเริ่มจะนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วเด็กใหม่นั่นเข้าไปทำอะไรในห้องของเซฮุนรึว่าเซฮุนชอบน่าตาซื่อๆแบบเด็กใหม่นั่น
ทำไมเซฮุนนี่ถึงได้ตาถั่วขนาดนี้นะ
เด็กใหม่คนนั้นมันเทียบอะไรไม่ติดกับพยอนแบคฮยอนเลยสักอย่าง
เรื่องน่าตาไม่เกี่ยวแต่ลีลานี่สิกินขาด
แบคฮยอนได้แต่คิดฟุ้งซานอยู่ในสมองยิ่งคิดก็ยิ่งจี๊ดเขาแอบชอบ
เซฮุนมาเป็นปีๆ ได้ใกล้กันแค่ปลายเล็บขบ แต่นั้นอะไร มาวันเดียวได้นอนห้องเดียวกัน
หนูแบค รับไม่ได้!!
“อ่าๆ ฉันจะไม่ยุ่ง
เชิญแกไปนั่งสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำเลยนะแล้วอยากจะกรี๊ดให้แก้วเสียงแตกก็ตามใจ”
“ใจร้ายอ่ะ
เชอะฉันจะไม่ง้อแกแล้วปรึกษาไม่ได้เลยนะเรื่องผู้ชายเนี่ย” พูดจบคนตัวเล็กก็คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินลงส้นจนห้องสมุดแทบสะเทือนออกไปทันที
“ให้มันได้งี้สิว่ะ!!”สบถด่าเบาๆแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจกับเสียงฝีเท้าที่ดังจนหน้าถีบของเพื่อนรักตกลงว่าใครเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดกันแน่ว่ะเนี่ย...
“ อีก 2 นาที 30 วิ ” ชายหนุ่มในเสื้อโค้ทสูทไม่มีปกสีดำของสถาบันกำลังวิ่งไปตามทางแผนที่พรางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือพร้อมๆกันอย่างร้อนล้นอีกไม่กี่นาทีก็จะ8โมงตรงแล้ว แต่หนทางข้างหน้ายังยาวไกลอยู่เลย
เขาได้แต่ภาวนากับพระเจ้าว่าอย่าให้เขาเดินหลงทางอีกเพราะมันทำให้เขาเสียเวลาไปหลายวิเลยทีเดียว
แม้จะมีแผนที่ของสถาบันแห่งนี้แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลยสักอย่าง
ผลั่ว!!
แรงปะทะมหาศาลของคนตัวสูงทำให้ร่างบางล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“โอ๊ย!...” ร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดที่ก้นกบก็เล่นชนจนกระเด็นซะขนาดนั่นใครไม่เจ็บก็โคตรหนังเหนียวแล้วล่ะครับท่านผู้ชมมมม
“เป็นไรมากมั้ย ขอโทษด้วยนะเจ็บตรงไหนรึป่าว ลุกไหวมั้ยมาฉันช่วย” แค่ร้องออกมาเท่านั้นและชายหนุ่มร่างสูงก็ยิงคำถามมาเป็นชุดเลยนี่ไม่ได้มาประกวดนางงามนะครับจะถามเยอะทำไม
ลู่หานได้แต่คิดอยู่ในใจแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกไปเพราะอาจจะมีหมัดเบาๆเหมือนกระสอบทรายอัดเข้ามาที่ปากเขาก็เป็นได้
“ไม่ๆ ไม่เจ็บอะไรตรงไหนเลย สบายดีเหมือนวิ่งชนมดน่ะ” บอกแบบปัดๆหากแต่แฝงไปด้วยความกวนตีนเหมือนเดิมร่างเล็กค่อยๆดันตัวเองลุกจากพื้นโดยมีมือหนาที่ช่วยประคองอยู่ห่างๆ
“ฮ่ะฮ่าๆ มด งั้นหรอ?”ขำออกมาเบาๆกับคำตอบของอีกคน
“คงงั้น”
เมื่อลุกขึ้นได้เขาก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้งและตอนนี้เขาก็เหลือเวลาอีก1นาทีกับ15วินาที ต่อให้เหาะเป็นซุปเปอร์แมนก็คงไปหรือจะปล่อยใยเหมือนสไปร์สเดอร์แมนยังไงเขาก็ไม่ทันอยู่ดีสู้เดินไปอย่างนายแบบจะไม่ดีกว่าเหรอ
“นะ...นาย” ชายหนุ่มยืนอึ้งอยู่สักพักเมื่อเห็นใบหน้าหวานของคนตัวเล็กอย่างชัดๆ
มันชั่งคล้ายกับคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีทีเดียว ไม่สิ! มัน
ไม่ได้คล้ายหากแต่เหมือนราวกับเป็นคนๆเดียวกันเลยต่างหาก
“ฉันต้องรีบไปแล้วยินที่ดีที่ได้รู้จัก”พูดจบร่างเล็กก็รีบวิ่งติดจรวจจากไปทันทีทิ้งให้ชายร่างสูงยืน
นิ่งเป็นหินถูกสาปชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าชายตัวเล็กที่วิ่งชนเขาเป็นใคร
แต่มันทำให้หัวใจที่แตกสลายของเขากลับมาฟ่องโตได้อีกครั้ง
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก twin ลู่ผิง ”
“มาแล้วครับ!..แฮก..แฮ่ก” ร่างเล็กเอ่ยเสียงหอบก่อนจะค่อยๆเดินมาหาชายร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานอย่างเรียบร้อยเจ้าของดวงตาคมเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนคนใหม่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความพิจารณา
“นายมาช้าไป 2นาที 26วินาที”
“ผมขอโทษครับพอดีวันนี้ผมตื่นสาย”ร่างเล็กโค้งให้ประธานหนุ่มอย่างรู้สึกผิด
“เอาล่ะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่นายจะมาสาย”เอ่ยเสียงเรียบ”นั่งก่อนสิ”ว่าพรางผ่ายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขอบคุณครับ” ลู่หานเดินมานั่งเก้าอี้อย่างสุภาพถึงแม้จะดูเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าคริสก็ตาม
“วันนี้ที่ฉันเรียกนายมาก็เพราะจะพูดถึงกฎเหล็กและข้อปฎิบัติอย่างเครงครัด”
“ครับ”
“เอาล่ะฉันจะไม่เรียงเป็นข้อแต่นายต้องจำให้ขึ้นใจและห้ามแหกกฎเด็ดขาด
เพราะนั้นจะหมายถึงหายนะ”
“ครับ”
“นักเรียนทุกคนของที่นี้ต้องทำการสักหลังข้อมือข้างขวาเป็นสัญลักษณ์ Capricorn เพื่อยืนยันความจงรักภักดีต่อสถาบันCapricorn”
“สะ...สัก!” เพียงข้อแรกก็ทำให้ลู่หานแทบช็อคเพราะเขากลัวเข็มโดยเฉพาะเข็มฉีดยาของคุณหมอแว่นหน้าเตอะ
แต่นี่มันสัก มันก็ต้องเจ็บกว่าเข็มฉีดยาของหมออยู่เเล้ว โอ้ย เเค่คิดก็จิตตก
“นักเรียนของที่นี้ต้องสวมโค้ทสูทสีดำที่มีตราของสถาบันนี่ทุกครั้งที่เข้าเรียนและห้ามถอดจนกว่าจะหมดตารางเรียนของทุกวันถึงแม้อากาศจะร้อนขนาดไหนก็ตามใครที่ถอดชุดยูนิฟอร์มของสถาบันออกก่อนเลิกเรียนจะโดนทำโทษโดยการเขียนไดอารี่แลกกับรองประธานเป็นเวลาครึ่งปี...”
“...”
“จริงๆมันคงไม่หนักหนาอะไรใช่รึป่าว ก็แค่เสื้อโค้ทสูทของสถานบัน” เอ่ยถามเสียงเรียบหากแต่ทำให้คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อยเขาจะไม่มีวันถอดชุดยูนิฟอร์มของสถาบันนี้ออกเด็ดขาดเขายอมทนร้อนดีกว่าทนเขียนไดอารี่แลกกับรองประธานเป็นเวลาครึ่งปีมันชั่งเป็นอะไรที่ทรมานอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่อยู่ในสถาบันแห่งนี้
“คะ...ครับ”
“การแต่งกายของสถาบันนี้นายก็พอจะรู้บางเเล้วจากจดหมายแผ่นเล็กๆที่สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท....”
“ครับ”
“นักเรียนของที่นี้จะใส่เสื้อข้างในอะไรก็ได้ที่นี้ไม่บังคับแต่กางเกงของนักเรียนชายต้องเป็นขายาวและจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใส่เสื้อโค้ทสูทสีดำของสถาบันทับทุกครั้ง”
“ครับ”
“ห้ามออกนอกสถานที่นี้โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก่อนถ้าฉันจับได้ล่ะก็
จะต้องถูกลงโทษให้ไปอยู่คุกใต้ดินไร้ซึ่งแสงตะวันและที่สำคัญหอพักของนักเรียนชายห้ามพาผู้หญิงเข้าห้องเด็ดขาด!
และแต่ล่ะห้องจะดับไฟตอน4ทุ่มนั่นหมายถึงทุกคนต้องเข้านอนแล้ว
ทุกอาทิตย์เราจะมีการ์ดของCapricornมาตรวจความเรียบร้อยของแต่ล่ะห้องที่นี้ไม่มีแม่บ้านทำความสะอาดให้เพราะฉะนั้นเจ้าของห้องต้องทำความสะอาดเอง
แต่จะมีเครื่องซักผ้าของแต่ล่ะห้องอยู่ชั้นล่าง...”
“...”
“สถาบันแห่งนี้จะไม่มีห้องเรียนประจำเราจะคละกันเรียนแต่ล่ะวิชาเอาง่ายๆนักเรียนที่นี้จะเดินเรียน
ใช้เวลา 6 นาทีในการเปลี่ยนห้องแต่ล่ะคนก็จะมีตารางเรียนที่แตกต่างกันเราจะได้พบพื่อนใหม่ๆมากขึ้น
และเราจะเก็บแต้มจากการเข้าเรียนและการสอบปฎิบัติเป็นคะแนนเก็บเต็ม”
“....”
“รายวิชาที่ต้องเรียนมีอยู่ในตารางเรียนของนายแล้วฉันไม่จำเป็นที่ต้องพูดมันอีก
ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคงหวังว่านายจะปฎิบัติตามเป็นอย่างดีนะ”ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินไปยังชั้นวางหนังสืออยู่ด้านหลังแล้วหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่งซึ่งมันซ่อนลูกบิดประตูแบบกดรหัสไว้อยู่ด้านหลังลู่หานได้แต่มองการกระทำของประธานตัวสูงอย่างเงียบๆ
นิ้วเรียวยาวจิ้มๆรหัสลงบนลูกบิดก่อนที่เขาจะหมุนลูกบิดเข้าไป
ชั้นวางหนังสือถูกดัดแปลงให้เป็นประตูลับได้อย่างแนบเนียนที่สุด
ไม่มีใครรู้ว่าในห้องแห่งนี้จะมีประตูลับอยู่ด้านหลังชั้นวางหนังสือแม้แต่นักเรียนของที่นี้ก็ไม่มีใครรู้
และลู่หานก็เป็นคนแรก
“ตามฉันเข้ามาสิ” สั่งเสียงเรียบแล้วจึงเดินนำเข้าห้องลับใต้ดินไป
ลู่หานได้แต่พยักหน้ารับแล้วก็ยอมทำตามคนตัวสูงสั่งอย่างว่าง่ายเมื่อลู่หานเดินเข้ามาแล้วคริสก็ทำการปิดประตูแล้วล็อคมันไว้จนกว่าเขาจะออกมา
“เราจะไปไหนกันครับประธาน” ลู่หานถามด้วยความสงสัยขณะที่กำลังเดินลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินซึ่งเป็นเหมือนอุโมงลับๆสำหรับประธานสถาบันเท่านั้นที่มาที่นีได้ภายในอุโมงมีโคมไฟให้ความสว่างพอสลัวๆพอให้มองเห็นทางเดินเท่านั้น
“เมื่อถึงนายก็จะรู้แหละ”
“เอ่อ...ครับ” ก้มหน้ารับเสียงแผ่วแล้วเดินตามคนตัวสูงไปอย่างเงียบๆ
“จริงๆแล้วทางนี้ฉันไม่เคยพาใครมาเลย นายเป็นคนแรกที่ฉันพามาทางลัด”
“ทาง ลัด? ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นถามอย่างสงสัย
ไม่เคยพาใครมาแต่กับพาเขาเข้ามาเนี่ยนะ มันแปลกๆชอบกล
“อื้มทางลัดไปหาลุงยิลเดอร์” เอ่ยออกไปทั้งๆที่รู้ว่าคนตัวล็กก็คงจะไม่รู้จักชื่อนี่
“แล่...”
”เขาคือคนเก่าคนแก่ของที่นี้นักรียนทุกคนที่มาใหม่ต้องไปหาเขาเพื่อทำพันธะสัญญา” ไม่ทันที่ร่างเล็กจะอ้าปากถามอะไรคริสก็พูดแทรกขึ้น
และมันก็คลายความสงสัยในสิ่งที่ลู่หานกำลังจะถามได้เป็นอย่างดี
“พันธะที่ว่า คือการสักงั้นเหรอครับ”
“ก็คงงั้น” ยิ้มบางๆที่มุมปากอย่างแบดบอยเขาดูไม่เหมือนประธานเลยสักนิดหากแต่ดูเหมือนมาเฟียมากกว่า
“หว่า...ผมยังไม่เตรียมใจเลย” ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังนี่เขาจะต้องมาสักข้อมือจริงๆหรอเนี่ยแค่คิดชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว
“นายไม่จำเป็นต้องเตรียมใจอะไรทั้งนั้นแค่ทำตามที่ยิลเดอร์บอกก็พอ”มือหนาก็พลักบานประตูเหล็กสีดำที่เต็มไปด้วยฝุ่นเละยักใยราวกับว่าไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นปีจึงไม่แปลกที่มันจะดูอาถรรพ์เหมือนประตูทางเข้าบ้านผีสิงก็ไม่ปาน
“มาแล้วเหรอ ตุ๊ยจาง” เสียงแหบแห้งของชายชราตัวสูงพอๆกับคริสเอ่ยทักขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองผู้มาเยือนใหม่ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นตามธรรมชาติของคนมีอายุหากแต่ชายชราคนนี้ยังแข็งแรงดีไม่เหมือนกับคนชราทั่วไปที่มักขะนอนโทรมอยู่บนเตียงด้วยความทรมาน
“ครับคุณลุงยิลเดอร์”เอ่ยรับก่อนจะเดินเข้ามาหาชายชราแล้วสวมกอดร่างของชายชราร่างสูงให้หายคิดถึง
“นั้น เด็กนักเรียนใหม่ที่นายเล่าให้ฟังใช่รึป่าว” ชายชราปลายตามามองยังเด็กหนุ่มพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างใจดี
“ครับ เขาคือลู่หาน ” คริสแนะนำคนตัวเล็กใช่ชายชราฟังอีกครั้งเผื่อเขาจำไม่ได้
“อ่อ...ฉันจำได้น่านายเคยบอกฉันแล้วน๊าตุ๊ยจาง”หัวเราะเสียงแหบก่อนจะผละออกจากคนตัวสูง”เหมือนๆ
เหมือนมากจริงๆ” ชายชราหันมามองลู่หานอย่างพิจารณาแล้วเขาก็อมยิ้มบางๆออกมาอย่างมีความสุข
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” คริสออกความคิดเห็นแล้วเขาก็เหลือบไปมองยังลู่หาน
”เอาล่ะทั้งสองคนตามฉันมา”เอ่ยเสียงแหบแล้วเดินนำไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้อง8เหลี่ยมไม่ใหญ่มากโดยมีรูปปั้นมังกรวางไว้ทุก7ทิศพื้นตรงกลางเป็นลายสัญลักษณ์ของCapricornขนาดใหญ่
“เอาล่ะ ลู่หานมายืนอยู่ตรงกลางสัญลักษณ์Capricorn…” ชายชราบอกเสียงแหบแล้วจึงเดินไปหยิบคัมภีร์เล่มยักษ์เก่าๆออกมาจากลิ้นชักมือเรียวเหี่ยวไปตามวัยเปิดคัมภีร์ออกอย่างช้าๆเพื่อหาหน้าที่ต้องการ
“นายพร้อมรึยังที่จะจงรักภักดีต่อ Capricorn ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายจะรักและเทิดทูดสถาบันCapricornแห่งนี้เท่าชีวิต” เสียงแหบถามด้วยความหนักแน่นดวงตาที่เคยดวงตาพร่ามัวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับสีของโลหิต
“พะ...พร้อมครับ” ลู่หานตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่มั่นใจระบบหายใจเริ่มติดขัดเมื่อเห็นดวงตาชายชราคนนั่นเขาก็แทบช็อต
ร่างบางค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆเพื่อเรียกสติที่กำลังจะแตกกะเจิงเพราะความกลัว
“นายยังไม่พร้อม...”ชายชราส่ายหน้ากับผลรับที่เขาได้ยิน
มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วความหวาดกลัวและความไม่มั่นใจซึ่งนั้นมันกำลังแสดงถึงความไม่พร้อมที่จะมีสายเลือดเดียวกันกับ Capricorn ทุกคน
“ผมพร้อมแล้วจริงๆ ผมพร้อมที่จะเป็นคนของ Capricorn และผมก็พร้อมที่จะสักสัญลักษณ์ที่ข้อมือแล้วด้วย” เอ่ยเสียงดังฟังชัดใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่หากแต่ข้างในใจลึกๆก็ยังคงอดกลัวไม่ได้แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วคงจะเดินถอยหลังไม่ได้นอกจากเดินหน้าเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“หึ...นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ” ชายชราฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจเขามองคนไม่ผิดจริงๆชายคนนี้มีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัวทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนทางข้างหน้าเขาจะต้องเผชิญกับอะไรที่มันอาจจะเลวร้ายกว่านี้
“หื้ม..?”ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นสูง
เพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ชายชราพูด ไมรู้ว่าเขาตั้งใจที่จะสื่ออะไรกันแน่
“เอาล่ะ
ฉันอยากให้นายหลับตาและตั้งสมาธิให้จิตอยู่ที่ปลายเล็บทั้งสองข้าง” ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนักแต่เขาก็ยอมปฎิบัติตามทุกขั้นตอนตั้งแต่หลับตาจนถึงทำสมาธิ
“....”
“ดีมาก” ชายชรายิ้มอย่างพอใจก่อนจะทำการสวดตามคัมภีร์เล่มยักษ์อย่างเช่นทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่เข้ามาที่นี้ทุกท่วงทำนองของบทสวดดังกึงก้องไปทั่วบริเวณห้องแปดเหลี่ยมมันเป็นบทสวดที่ไพเราะและชวนขนลุกในเวลาเดียวกันแน่นอนว่ามันฟังไม่เหมือนบทสวดที่อยู่ในโบสถ์ตามความเชื่อของศาสนาต่างๆ
หากแต่มันเป็นบทสวดที่มีไว้สำหรับทำพิธีการสร้างพันธะสัญญาของเหล่าสมาชิกใหม่เพือยืนยันความบริสุทธ์และความจงรักภักดีต่อสถาบันที่มีการสืบทอดกันมาหลายร้อยปีและแน่นอนว่าลู่หานไม่เคยได้ยินบทสวดแบบนี้มาก่อนในชีวิต …
ดวงตาของมังกรทั้ง7ตัวกลายเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆเมื่อบทสวดดังและเร็วขึ้น
แขนเรียวของคนตัวเล็กค่อยๆกางขึ้นมาอย่างช้าๆใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเขา
ฟิ้ว!!~~~
ทันใดนั้นดวงตาสีแดงของมังกรทั้ง7ตัวก็ยิงเลเซอร์สีแดงสดจากดวงตามายังร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลางสัญสักษณ์ Capricorn อย่างพร้อมเพียง บัดนี้ร่างของลู่หานก็มีแสงสีแดงสดก็สว่างเรืองรองอยู่ล้อมรอบตัวยิ่งบทสวดเริ่มดังขึ้นและเร็วจนถึงระดับรั่วตาของมังกรทั้ง7ตัวก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มกว่าเดิมจากสีแดงสดก็กลายเป็นแดงเข้มและอำนาจของมันก็ทำให้ร่างของลู่หานกำลังลอยอยู่กลางอากาศ!
ชายชรายังสวดคัมภีร์ต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดสวดง่ายๆ
วาบ! แสงสีแดงส่องวูบวาบออกมาจากพื้นที่เป็นลายสัญลักษณ์ของ Capricorn ลำแสงสีแดงสดกำลังพุ่งเข้าหาร่างของลู่หานด้วยพลังมหาศาล
ทันใดนั้นห้อง 8 เหลี่ยมก็สว่างจ้าไปทั่วบริเวณคริสจึงรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาพังแสงนั่นโดยเร็ว
ฟุบ!
ทันใดนั้นแสงสีแดงก็หายไปพร้อมๆกับเลเซอร์สีแดงที่ยิงออกมาจากดวงตาของมังกรทั้ง7ตัว แล้วร่างของลู่หานก็ร่วงลงสู่พื้นอย่างหมดแรง
เมื่อคริสเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปประคองร่างเล็กที่หมดสติขึ้นมาจากพื้นทันที
“ลุงยิลเดอร์ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ” คริสถามด้วยแววตาที่สงสัยเพราะไม่มีสมาชิกใหม่คนไหนที่ทำพิธีเสร็จแล้วจะมีอาการหนักถึงขั้นหมดสติแบบนี้เลยสักคน
หนักสุดก็แค่ทรุดลงกับพื้นรึไม่ก็หอบจนหน้ามืด
“ร่างกายของเขายังอ่อนเพลียอยู่
ให้น้ำเกลือที่ห้องพยาบาลเดี๊ยวก็ฟื้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง” บอกพร้อมกับเดินไปเก็บคัมภีร์เก่าๆไว้ที่ลิ้นชักดังเดิม
“เข้าใจแล้วครับ” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้ด้านหน้าแล้ววิ่งออกจากห้องนี้ไปโดยเร็วเพราะคนที่เขาต้องการพบอยู่ที่นั้น
“นายชั่งเหมือนกับนายท่านยิ่งนักลู่หาน...”
#จบไปอีกเเล้วตอน
จินตนาการล้ำเลิศอีกเเล้ว
เล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆกันตอนนี้มีตัวละครเพิ่มเข้ามาอีกเเล้วเเละจะเพิ่มไปเรื่อยๆ
ถ้าชอบก็เม้นโหวตเเอดเฟ๊บให้กระจายเลยนะจ๊ะไม่ต้องเกรงใจ ฮ่าๆๆ...
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยเน้อ....
ความคิดเห็น