รักครั้งสุดท้าย...ที่ไม่อาจลืมได้
รักครั้งสุดท้ายของนายวูซาน ดองเจ
ผู้เข้าชมรวม
320
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
........... ชีวิตฉัน ที่อยู่บนโลกนี้ มาก็เกือบ 16ปีเต็ม จนฉันเริ่มจะเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตแบบซ้ำซาก จะหันไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เคยมีเรื่องใหม่ๆ มาให้ฉันสัมผัส และวันนี้ก็เป็นที่วันฉันต้องเสียเพื่อนที่รักที่สุด ไปกับอุบัติเหตุ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันกลายเป็นคนบาปที่ สังหารเธอ ภาพสุดท้ายที่เพื่อนฉันยังมีลมหายใจ เรากำลังคุยและทานไอศกรีม ที่ร้านประจำ แต่บัดนี้สิ่งที่เหลือ มีเพียง รูปถ่ายที่ตั้งหน้ากล่องสี่เหลี่ยม ที่บรรจุร่างอันไร้วิญญาณของเพื่อนฉันไว้ เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิด ถ้าฉันไม่วิ่งออกไปเพราะภาพหลอนนั้น
น้ำตาที่คิดว่าจะไหล แต่ก็กลับไม่ไหล ในเวลาช่วงไม่กี่เดือน ฉันต้องเสียทั้งเพื่อนและคนรัก จะมีบ้างไหม สักครั้ง ที่น้ำตาฉันจะไหลออกมา ฉันเคยถามตัวเองว่าทำไมน้ำตาฉันถึงไม่ยอมไหล แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ สภาพฉันตอนนี้ไม่ต่างกับคนใกล้ตาย แม้ตัวจะร่าเริงสักเพียงใด ฉันก็รู้สึกฝืดไปหมด หลังจากที่ฉันกลับจากงานศพเพื่อน ฉันก็เอาแต่จมปรักกับความมืดในห้อง สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายที่จ่าหน้าถึงฉัน มือฉันสั่นเท่าไปหมด เพราะมันคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันจะได้จากเพื่อนคนนี้ จากนี้ไปฉันก็คงต้องอยู่คนเดียว เพราะฉันคือตัวอันตราย ที่ใครๆอยู่ใกล้แล้วก็ต้องตาย สติฉันเริ่มเบลอเรื่อยๆ ในสมองมันคิดอยู่อย่างเดียว ในหูมีแต่เสียงดังก้อง ตอกย้ำ ว่าฉันคือฆาตกร สังหาร คนรัก เพื่อนรัก ถ้าย้อนเวลาไปได้ก็คงดีสินะ ฉันคงจะแก้ไขได้ ชีวิตของคนที่ฉันรัก ก็คงต้องไม่จบแบบนี้ ฉันหลับตาลง พร้อมกับกรีดข้อมือตัวเอง เลือดที่ไหลนองไปทั่ว ไม่ได้ทำให้ฉันสะเทือนเลย เพราะภาพที่ฉันเห็นกลับเป็นเลือดของเพื่อน และแฟนฉัน เมื่อไหร่กันนะ ที่เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ..... ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความขาวโพน และกลิ่นยา นั้นบ่งบอกได้ว่าที่นี้คือโรงพยาบาล ฉันเหลือบตาไปมองดูข้อมือตัวเอง ที่ตอนนี้มันถูกพันด้วยผ้าพันแผล มีสายน้ำเกลือ และ สายจากถุงเลือด ดูเหมือนว่าฉันรอดตายอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยว่าใครๆทั้งหลาย ทำไมต้องมาช่วยฉันด้วย สักพัก ก็มีบุคคลหนึ่ง เดินเข้ามาในห้อง เสียงประตูที่ปิดลงช้าๆ เค้าคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อกราวน์ ไม่บอกก็รู้ว่าเค้าเป็นหมอ เค้ายิ้มให้ฉันแบบเย็นชา ดูเหมือนเขากำลังโกรธอะไรฉันอยู่ เขาถามอาการฉันว่าเป็นอย่างไงบ้าง แต่จากน้ำเสียงเขาไม่ได้บ่งบอกว่าเขาอยากจะถามฉันสักเท่าไหร่ ฉันไม่เข้าใจเขาคนนี้เลย ว่าต้องการพูดอะไรกันแน่ และเหมือนกับฉันตาฝาดไป เพราะฉันเห็นภาพเพื่อนรักที่จากไป ซ้อนอยู่ภาพของเขา แต่ดูเหมือนความสงสัยของฉันต้องมลายหายไป เมื่อเขาบอกฉันตรงๆว่า เขาคือพี่ชาย เพื่อนฉันเอง และฉันก็ได้กระจ่างตอนนี้เอง ที่เขาคนนี้จะโกรธฉันก็ไม่ผิดหรอก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขามาช่วยชีวิตฉันทำไมกัน ฉันจ้องมองหน้าเขา โดยไม่พูดอะไร มีเพียงแววตาที่สื่อคำถาม เขาก้เช่นกันมิได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ตอกย้ำใจฉัน "เธออย่าคิดหนีด้วยความตายอีก เพราะเธอตายผมก็ไม่มีวันให้อภัย" ใช่ฉันรู้ดี ว่าต่อให้ฉันตาย มิกะ เพื่อนฉันก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก หลังจากเขาออกไปแล้ว ฉันนั่งคิดอะไรอยู่สักพักหนึ่ง ก็ดึงสายที่เสียบแขนฉันอยู่ ออกทั้งหมด เท้าฉันเดินก้าวไปช้าๆ ไปยังทางบันได ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงประตู ที่ห้ามคนนอกเข้า ฉันค่อยๆเปิดประตูแล้วแทรกร่างตัวเองเข้าไป ดวงตาฉันสัมผัสกับความมืดของยามค่ำคืน ที่ไร้แม้กระทั่งดาว ฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา ก็มิอาจจะสั่งให้เท้าฉันหยุดเดินได้ จนฉันเดินมาถึงยังขอบตึก ฉันค่อยๆปีนขึ้นไปนั่งยังขอบตึกของโรงพยาบาล ประโยคสุดท้ายของเขาที่พูดมายังคงดังไปทั่วความนึกคิดของฉัน ............ ฉันไม่รู้ว่าเขา มาช่วยฉันทำไม ถึงสองครั้งสองครา ลำแขนของเขาที่โอบรอบ ตัวฉันเอาไว้ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึง แรงสะอื้นเบาๆ หัวใจเขาที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าเขากลัวอะไรบางอย่าง แต่แล้ว ดูเหมือนว่าฉันคงจะรู้สึกไปเองก็ได้ ประโยคที่เขาย้ำให้ฉันพึง สังวอนตัวเองว่าอย่าได้สำคัญผิดตัวไป ...เธอต้องอยู่ให้ฉันทรมาน ฉันจะทำให้เธอมีความรู้สึกของการเสียของที่รักไป........ น้ำตาฉันเริ่มคอยๆไหลอีกครั้ง ท่ามกลางการเดินจากไปของเขา อย่างเย็นชา และตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาต้องมาเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง แม้แต่การไปไหนมาไหน เขาก็อุตสาห์มารับมาส่งฉันเสมอ นี้เหรอการแก้แค้นของเขา ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ฉันอยากบอกเขาเหลือเกิน ว่าสิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ทำให้ฉันแค้นเขากลับเลย แต่มันกลับทำให้ฉัน เริ่มหวั่นไหวไปกับเขา ทุกอริยะบทของเขา เริ่มเข้ามามีบทบาทในใจฉันอย่างเงียบๆ ทุกวันฉันจะมานั่งที่โรงพยาบาล ที่เขาทำงานอยู่ เขาทำให้ฉันรู้สึกว่า เมฆ ฝนเริ่มเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ครั้งไหนที่เขาหันมายิ้มให้ฉัน เขาไม่เคยรู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาทำให้ฉันใจเต้นแรงขนาดไหน บางครั้งฉันนั่งมองดูเขา ก็เกิดอาการหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วทุกๆอย่าง ก็เริ่มผันแปร ฉันลืมไปเลยว่า นี้คือการแก้แค้นของเขา เมื่อเขาเริ่มเย็นชากับฉัน แล้วหันไปคบกับผู้หญิงคนใหม่ ในสายตาของเขาฉันเริ่มกลายเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจ ฆาตกรเลือดเย็น ฉันไม่สามารถที่จะทนดูเขากับผู้หญิงคนอื่นได้ ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกอิจฉาเธอคนนั้นเหลือเกิน ฉันได้แต่นั่งหลบมุม ณ จุดหนึ่งที่ฉันพอจะเห็นเขาได้ แต่การได้เห็นเขาก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลย ยามใดที่เขาหัวเราะและยิ้มให้เธอคนนั้น มันเหมือนกับว่าเขาเอามีดมากรีดใจฉัน และดูเหมือน ชีวิตฉัน คงไม่มีใครต้องการให้มีความสุข เพราะแค่ฉันขอมองเขาอยู่ห่างๆ พระเจ้าก็ยังไม่ยอม ฉันคงเป็นคนบาปจริงๆนั้นแหละ เมื่อเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นที่ริมถนน ซึ่งฉันนั่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอด ผู้หญิงคนนั้น ได้ผลักเขาลงจากฟุตบาต ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น รถบรรทุกที่มาด้วยความเร็วสูง ก็ได้พุ่งชนเขา ท่ามกลางเสียงกรี๊ดตกใจของเธอผู้นั้น ฉันได้แต่ยืนดู ร่างกายมันแข็งทื่อไปหมด ใจฉันมันเริ่มร้องอีกครั้ง นี้ฉัน ต้องเสียเขาไปอีกคนแล้วเหรอ ไม่นะ เขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาได้ถูกนำส่งโรงพยาบาล ฉันยืนดูอยู่ห่างๆ เธอคนนั้นก็นั่งอยู่หน้าห้องICU และแล้วหมอก็เดินออกมาจากห้องนั้น แต่ใบหน้าของหมอ ไม่ได้ทำให้ฉันรู้คลายกังวลเลย มันกลับทำให้ฉัน หนักใจแล้วอยากจะร้องไห้มากกว่า เมื่อหูฉันสัมผัสกับถอยคำของหมอ เขาต้องการเลือดอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่รอช้า ฉันเริ่มติดต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ แต่ดูเหมือน จะไม่มีสิ่งที่เขาต้องการเลย ฉันเริ่มหมดแรง เมื่อคิดว่าเขาต้องตาย แต่แล้ว ฉันก็ฉุกคิดได้ว่า เลือดของเขา และ ของฉัน คือเลือดกรุ๊ปเดียวกัน ไม่รอช้าฉันเดินเข้าไปในห้องนั้น พร้อมกับบอก ให้หมอเอาเลือดฉันไป แต่ดูเหมือนอะไรๆก็สายไป เมื่อเขาขาดเลือดนานเกินไป หัวใจเขาจึงไม่ทำงาน เขาต้องการหัวใจ แต่หมอได้บอกฉันว่า ไม่สามารถหาให้เขาได้ เพราะมันดึกแล้ว คำพูดของหมอทำให้ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะเอยปากบอก หมอ “ ฉันจะหาหัวใจให้เขาเองค่ะ” ก่อนจะเดินจากไปท่ามกลางความงุนงงของเหล่าแพทย์ ที่พยายามจะยื้อชีวิตเขา ฉันเดินออกมา ผ่านหน้าเธอคนนั้น เธอกำลังนั่งร้องไห้ ฉันเพียงแค่เอยเบาๆ ว่าอย่าเสียใจ อีกไม่นานเขาจะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง.. 3 เดือนต่อมา.... “ฉัน คงไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานกับคุณหรอกค่ะ ดองเจ ฉันไม่กล้าพอเท่าเธอคนนั้น” “ทำไมครับ เธอคนไหนกัน” ผมได้มองสบตากับเจนนี่ และเรื่องอันน่าเศร้าก็ได้ถูกถ่ายทอดจากปากเธอ ทำให้ผมรู้ว่า หัวใจที่ผมใช้อยู่นี้ มันเป็นของ อันจีวอน และเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย มันก็คือของอันจีวอน ผมได้ฟังถึงกับตัวแข็งไปเลย ร่างกายมันเหมือนเป็นเหน็บชาไปชั่วขณะ น้ำตาที่เหมือนจะไหล ผมพยายามกลั้นมันเอาไว้ หลังจากเจนนี่เล่าจบก็เดินจากไป ก่อนไปเธอได้ให้ กระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะจากไปเธอได้พูดทิ้งท้าย “ดองเจ ไม่มีใครรักคุณได้เท่านี้แล้วล่ะ” ผมมองเจนนี่จากไป อย่างช้าๆ ในสมองผมมันมีแต่คำว่า อันจีวอนตายแล้ว เธอตายเพราะช่วยชีวิตเขา เขาค่อยๆคลีกระดาษแผ่นนั้น ค่อยๆไล่สายตาอ่านข้อความนั้นไปเรื่อยๆ บางตัวอักษร มันเลอะเลือนเพราะหยดน้ำ จดหมายฉบับนี้ เมื่อ นายได้อ่าน ฉันคงไม่อยู่ใกล้ๆนายอีกแล้ว แต่ก็คงเป็นการดี ที่ครั้งสุดท้ายฉันสามารถช่วยคนที่ฉันรักได้ แม้ว่า นายจะไม่เคยรักฉันเลยก็ตาม ฉันรู้นายแค่ต้องการแก้แค้นฉัน แต่สิ่งได้เกิดขึ้น กลับไม่ใช่ความอาฆาตกลับ แต่มันคือความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ฉันก็เป็นเหมือนดอกไม้ที่ไม่นานก็ต้องล่วง แต่จะล่วงอย่างไงให้มีประโยชน์ที่สุด ฉันเคยคิดฆ่าตัวตายนับไม่ถ้วน แต่นายก็ทำให้ฉัน รู้สึกตัว ว่ากำลังทำเรื่องบ้าที่สุด ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ๆนาย ฉันมีความสุขมาก ฉันอยากให้นายรู้ว่าตลอดมา ไม่ว่าการตายของน้องนายหรือเพื่อนฉัน แม้กระทั่งแฟนคนแรก ที่ตายไป ไม่เคยเลยที่จะทำให้ฉันอยู่อย่างมีความสุขได้ แต่ที่ฉันมีความสุขได้ก่อนตอนที่ฉันได้รับรอยยิ้มจากนาย แม้ว่ารอยยิ้มนั้นอาจจะมาจากความแส้แสร้งแกล้งทำก็ตาม แต่ฉันก็เผลอรักนายเข้าจนได้ และมันก็คงเป็นรักสุดท้ายของฉัน ฉันขอให้นายใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข อย่าร้องไห้เพราะฉัน เพราะฉันคงไม่มีค่าพอสำหรับน้ำตานาย อย่าคิดฆ่าตัวตายเพื่อฉัน เพราะฉันคงไม่ดีใจ ถ้านายตาย สุดท้ายนี้ ฉันขอมอบมูลนิธิเด็กกำพร้าและศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจให้นายดูแล เพราะนายคงสานฝันให้ฉันต่อได้ และขอให้นาย อโหสิให้ฉันด้วย... ลาก่อนรักสุดท้ายของฉัน ข้อความที่อ่านด้วยความไม่แน่ใจ ว่าอ่านผิดหรือเปล่า ตัวหนังสือที่มันเลอะเลือนด้วยน้ำ รู้ได้เลยว่ามันคือน้ำตา ขณะที่อ่าน นึกภาพออกได้เลยว่าเธอเขียนไปร้องไห้ไป ผมค่อยๆหันไปทางศูนย์ ที่ไม่เคยสังเกต ป้ายที่หน้าตึกนั้นเขียนว่า ศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ วูซาน และข้างๆถัดมา มันเป็นป้ายแสดงเจตนาของผู้สร้าง ..ดิฉัน นางสาว บังฮู อันจีวอน ขอสร้างศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ให้กับทางโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ให้มีความจำนวนลดลง และขอมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ นาย วูซาน ดองเจ ทั้งหมด
คุณอาจพูดถูก แต่ฉันมันก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะ มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ฉันไม่สามารถที่จะทนรับความเจ็บปวดทั้งหลายนี้ได้อีก ไม่มีใครเข้าใจฉันหรอก ฉันมันก็เป็นได้แค่ฆาตกรในร่างเพื่อนที่แสนดีและคนรัก.... ลาก่อนโลกที่ไม่เคยสร้างอะไรมาเพื่อฉัน เสี้ยววินาทีนั้น ที่ร่างของฉันกำลังจะโรยตัวลงจากตึก10ชั้น ก็มีมืออันหนามารั้งฉันไว้สักก่อน เขาอีกแล้ว ผู้ชายที่ยื่นคำขาดว่าไม่มีวันให้อภัยฉัน
ฉันกลับไปที่บ้านพร้อมกับหา ค้นหา ร.พ. หรือ มูลนิธิต่างๆ ที่บริจาคหัวใจ แต่ก็เช่นเดียวกับเลือด ไม่มีที่ไหนๆจะให้หัวใจเขาได้ ฉันเริ่มคิดทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปยังธนาคาร ทุกแห่ง ให้โอนเงินเข้าบัญชี โรงพยาบาล เพื่อ สร้างศูนย์ โรคหัวใจ รวมแล้วยอดเงินไม่ต่ำกว่า100ล้าน เงินทั้งหมด ฉันโอนให้เพื่อเขา เพราะฉันคงไม่จำเป็นต้องใช้เงินนี้อีกแล้ว ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรต่อ มือฉันก็ล่วงปืนออกมา แล้วออกจากบ้านไป จุดหมายคือโรงพยาบาลแห่งนั้น ฉันเดินมาถึงหน้าห้องนั้น ก็ยังคงเห็นเธอคนนั้นนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม ฉันค่อยๆยื่นกระดาษสีขาว ที่พับเป็นสี่เหลี่ยมให้เธอผู้นั้น ก่อนจะยิ้มให้ เธอคนนั้นนั่งมองฉันอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจ ฉันจึงเริ่มพูดกลับเธอ
“ฝากให้ดองเจ ด้วยนะ บอกเขาว่า หายไวๆนะ” ก่อนที่ฉันจะลั่นไกปืน ใส่หัวฉัน เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วโรงพยาบาล พร้อมกับเสียงกรี๊ดของเธอผู้นั้น แพทย์ที่อยู่ห้อง ก็วิ่งออกมาดู และหมอคนหนึ่งก็ได้เหลือบไปเห็น กระดาษในมือของคนตาย ในนั้นมันมีข้อความ ที่ทำให้คนตรงนั้น ถึงกับน้ำตาไหล เรียนคุณหมอ ดิฉัน บังฮู อันจีวอน ขออุทิศ หัวใจ ให้กับนาย วูซาน ดองเจ ข้อความสั้นๆ แต่กลับทำให้น้ำตาไหลพราก ทุกคนตรงนั้น ต่างร้องไห้ออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่า การตายของผู้หญิงคนนี้มีค่าเหลือเกิน
ดองเจ กลับมาเป็น นาย วูซาน ดองเจ คนเดิม ที่เป็นหมอผู้เก่งกาจ แต่มีอย่างหนึ่ง ที่ไม่เดิม ทุกๆวันสายตาเขาได้แต่สอดส่อง หาผู้หญิงผมเปีย ที่คอยนั่งหลบมุมมองดูเขาอยู่เสมอ แต่ทำไมเขาไม่เห็นเธอเลย แม้กระทั่งตอนที่เขาเจ็บ เธอคนนั้นก็ไม่เคยปรากฏกายให้เขาเห็นเลย และสิ่งที่ทำให้เขาสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะโรงพยาบาล ที่เขาทำงานอยู่ อยู่ดีๆ ก็มีศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งเขาทราบมาว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งโอนเงินให้ 100ล้าน เพื่อสร้างศูนย์นี้ขึ้นมา แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ เธอคนนั้นเป็นใครกัน แล้วทำไมทุกคนถึงนอบน้อมเขาเหลือเกิน และวันนี้เองที่เขาได้เขาใจทุกอย่าง เมื่อเขาไปยังบ้าน อันจีวอน ที่ตอนนี้มีเพียงบ้านเปล่า และมีป้ายแขวน บ้านนี้เป็นของมูลนิธิเด็กกำพร้า สร้างความงุนงงให้เขาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็พยายามทำใจ เพราะคิดว่า เธอคงโกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนั้น ผมพยายามจะเลิกคิดเรื่องของเธอ เพราะวันนี้ ผมกำลังจะขอ เจนนี่ แต่งงาน แต่เธอกลับทำให้ผมแปลกใจ เมื่อเธอพูดออกมา
เธอบอกว่า อย่าร้องไห้เพราะเธอ เพราะเธอไม่มีค่าพอให้ผมเสียน้ำตา แต่ผมไม่สามารถจะกลั้นน้ำตานี้ได้อีกต่อไป เธอจากไปพร้อมๆกับความรักครั้งสุดท้าย ที่เธอคิดว่าเป็นรักต้องห้าม เธอไม่เคยรู้เลยนะ อันจีวอน ผมรักเธอแค่ไหน ผมรู้มาตลอดว่าเธอไม่ตั้งใจให้น้องผมตาย ผมเฝ้ามองเธอมาตลอด เธอจะเอาเวลามาอยู่กับน้องผมเสมอทำให้ผม ได้พบเธอ แต่เธอก็ไม่เคยสนใจผมเลย จนมาช่วงหนึ่งที่เธอสูญเสียคนรัก เธอมานั่งเศร้า ไม่พูดไม่จากับน้องผม น้องผม มักจะมานั่งเล่าเรื่องเธอให้ผมฟัง ทำให้ผมเริ่มอยากรู้จักเธอมากขึ้น แต่พอผมเสียน้องสาวสุดที่รักไป ผมไม่รู้ว่าผมบ้าไหม ผมแค่ต้องการเห็นน้ำตาเธอที่หลั่งให้กับน้องสาวผม แต่เธอไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลย มันทำให้ผมรู้สึกแค้นมาก ผมใกล้ชิดเธอเพื่อหวังจะแก้แค้น ทำให้เธอร้องไห้ แต่กลับกลายเป็นว่าผมรักเธอมากกว่าเดิมซะอีก ไม่รู้ว่าผีบ้าตนไหนที่สิงผม ทำให้ผม ทำเรื่องแย่ๆกับเธอ ผมมารู้สึกตัวอีกครั้ง มันก็สายเกินไปแล้วที่ผมจะบอกว่ารักเธอเหลือเกิน เพราะเธอไม่สามารถจะมารับรู้ได้อีก ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก แต่ไม่เคยได้บอกรักเธอเลย ผู้หญิงคนเดียว ที่เธอกล้าให้แม้กระทั่งชีวิต ผู้คนเดียวที่ทำให้เขาสัมผัสกับรักแท้
ผมคงไม่สามารถจะลืมเธอได้ไปตลอดชั่วชีวิตของผม และผมก็คงไม่สามารถจะใช้ชีวิตมีความสุขกับผู้หญิงอื่นได้ เธอไม่จากผมไปได้ แต่เธออยู่ในใจผมตลอดไป ผมนั่งร้องไห้พร้อมกับยิ้ม โดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมา มีแค่ผมที่ยังนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น.......1ปีต่อมา ศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดั่งที่เธอต้องการ ผมได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า รักครั้งสุดท้าย เพื่ออุทิศให้กับเธอ ผู้หญิงที่ผมไม่วันลืมเพราะเธอได้เอารักครั้งสุดท้ายของผมไปด้วย.......
น้ำตาที่คิดว่าจะไหล แต่ก็กลับไม่ไหล ในเวลาช่วงไม่กี่เดือน ฉันต้องเสียทั้งเพื่อนและคนรัก จะมีบ้างไหม สักครั้ง ที่น้ำตาฉันจะไหลออกมา ฉันเคยถามตัวเองว่าทำไมน้ำตาฉันถึงไม่ยอมไหล แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ สภาพฉันตอนนี้ไม่ต่างกับคนใกล้ตาย แม้ตัวจะร่าเริงสักเพียงใด ฉันก็รู้สึกฝืดไปหมด หลังจากที่ฉันกลับจากงานศพเพื่อน ฉันก็เอาแต่จมปรักกับความมืดในห้อง สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายที่จ่าหน้าถึงฉัน มือฉันสั่นเท่าไปหมด เพราะมันคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันจะได้จากเพื่อนคนนี้ จากนี้ไปฉันก็คงต้องอยู่คนเดียว เพราะฉันคือตัวอันตราย ที่ใครๆอยู่ใกล้แล้วก็ต้องตาย สติฉันเริ่มเบลอเรื่อยๆ ในสมองมันคิดอยู่อย่างเดียว ในหูมีแต่เสียงดังก้อง ตอกย้ำ ว่าฉันคือฆาตกร สังหาร คนรัก เพื่อนรัก ถ้าย้อนเวลาไปได้ก็คงดีสินะ ฉันคงจะแก้ไขได้ ชีวิตของคนที่ฉันรัก ก็คงต้องไม่จบแบบนี้ ฉันหลับตาลง พร้อมกับกรีดข้อมือตัวเอง เลือดที่ไหลนองไปทั่ว ไม่ได้ทำให้ฉันสะเทือนเลย เพราะภาพที่ฉันเห็นกลับเป็นเลือดของเพื่อน และแฟนฉัน เมื่อไหร่กันนะ ที่เรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย .....
ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความขาวโพน และกลิ่นยา นั้นบ่งบอกได้ว่าที่นี้คือโรงพยาบาล ฉันเหลือบตาไปมองดูข้อมือตัวเอง ที่ตอนนี้มันถูกพันด้วยผ้าพันแผล มีสายน้ำเกลือ และ สายจากถุงเลือด ดูเหมือนว่าฉันรอดตายอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยว่าใครๆทั้งหลาย ทำไมต้องมาช่วยฉันด้วย สักพัก ก็มีบุคคลหนึ่ง เดินเข้ามาในห้อง เสียงประตูที่ปิดลงช้าๆ เค้าคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อกราวน์ ไม่บอกก็รู้ว่าเค้าเป็นหมอ เค้ายิ้มให้ฉันแบบเย็นชา ดูเหมือนเขากำลังโกรธอะไรฉันอยู่ เขาถามอาการฉันว่าเป็นอย่างไงบ้าง แต่จากน้ำเสียงเขาไม่ได้บ่งบอกว่าเขาอยากจะถามฉันสักเท่าไหร่ ฉันไม่เข้าใจเขาคนนี้เลย ว่าต้องการพูดอะไรกันแน่ และเหมือนกับฉันตาฝาดไป เพราะฉันเห็นภาพเพื่อนรักที่จากไป ซ้อนอยู่ภาพของเขา แต่ดูเหมือนความสงสัยของฉันต้องมลายหายไป เมื่อเขาบอกฉันตรงๆว่า เขาคือพี่ชาย เพื่อนฉันเอง และฉันก็ได้กระจ่างตอนนี้เอง ที่เขาคนนี้จะโกรธฉันก็ไม่ผิดหรอก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขามาช่วยชีวิตฉันทำไมกัน ฉันจ้องมองหน้าเขา โดยไม่พูดอะไร มีเพียงแววตาที่สื่อคำถาม เขาก้เช่นกันมิได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ตอกย้ำใจฉัน "เธออย่าคิดหนีด้วยความตายอีก เพราะเธอตายผมก็ไม่มีวันให้อภัย" ใช่ฉันรู้ดี ว่าต่อให้ฉันตาย มิกะ เพื่อนฉันก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก หลังจากเขาออกไปแล้ว ฉันนั่งคิดอะไรอยู่สักพักหนึ่ง ก็ดึงสายที่เสียบแขนฉันอยู่ ออกทั้งหมด เท้าฉันเดินก้าวไปช้าๆ ไปยังทางบันได ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงประตู ที่ห้ามคนนอกเข้า ฉันค่อยๆเปิดประตูแล้วแทรกร่างตัวเองเข้าไป ดวงตาฉันสัมผัสกับความมืดของยามค่ำคืน ที่ไร้แม้กระทั่งดาว ฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา ก็มิอาจจะสั่งให้เท้าฉันหยุดเดินได้ จนฉันเดินมาถึงยังขอบตึก ฉันค่อยๆปีนขึ้นไปนั่งยังขอบตึกของโรงพยาบาล ประโยคสุดท้ายของเขาที่พูดมายังคงดังไปทั่วความนึกคิดของฉัน
คุณอาจพูดถูก แต่ฉันมันก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะ มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ฉันไม่สามารถที่จะทนรับความเจ็บปวดทั้งหลายนี้ได้อีก ไม่มีใครเข้าใจฉันหรอก ฉันมันก็เป็นได้แค่ฆาตกรในร่างเพื่อนที่แสนดีและคนรัก.... ลาก่อนโลกที่ไม่เคยสร้างอะไรมาเพื่อฉัน เสี้ยววินาทีนั้น ที่ร่างของฉันกำลังจะโรยตัวลงจากตึก10ชั้น ก็มีมืออันหนามารั้งฉันไว้สักก่อน เขาอีกแล้ว ผู้ชายที่ยื่นคำขาดว่าไม่มีวันให้อภัยฉัน
............ ฉันไม่รู้ว่าเขา มาช่วยฉันทำไม ถึงสองครั้งสองครา ลำแขนของเขาที่โอบรอบ ตัวฉันเอาไว้ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึง แรงสะอื้นเบาๆ หัวใจเขาที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับว่าเขากลัวอะไรบางอย่าง แต่แล้ว ดูเหมือนว่าฉันคงจะรู้สึกไปเองก็ได้ ประโยคที่เขาย้ำให้ฉันพึง สังวอนตัวเองว่าอย่าได้สำคัญผิดตัวไป ...เธอต้องอยู่ให้ฉันทรมาน ฉันจะทำให้เธอมีความรู้สึกของการเสียของที่รักไป........ น้ำตาฉันเริ่มคอยๆไหลอีกครั้ง ท่ามกลางการเดินจากไปของเขา อย่างเย็นชา และตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาต้องมาเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง แม้แต่การไปไหนมาไหน เขาก็อุตสาห์มารับมาส่งฉันเสมอ นี้เหรอการแก้แค้นของเขา ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ฉันอยากบอกเขาเหลือเกิน ว่าสิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ทำให้ฉันแค้นเขากลับเลย แต่มันกลับทำให้ฉัน เริ่มหวั่นไหวไปกับเขา ทุกอริยะบทของเขา เริ่มเข้ามามีบทบาทในใจฉันอย่างเงียบๆ ทุกวันฉันจะมานั่งที่โรงพยาบาล ที่เขาทำงานอยู่ เขาทำให้ฉันรู้สึกว่า เมฆ ฝนเริ่มเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ครั้งไหนที่เขาหันมายิ้มให้ฉัน เขาไม่เคยรู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาทำให้ฉันใจเต้นแรงขนาดไหน บางครั้งฉันนั่งมองดูเขา ก็เกิดอาการหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วทุกๆอย่าง ก็เริ่มผันแปร ฉันลืมไปเลยว่า นี้คือการแก้แค้นของเขา เมื่อเขาเริ่มเย็นชากับฉัน แล้วหันไปคบกับผู้หญิงคนใหม่ ในสายตาของเขาฉันเริ่มกลายเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจ ฆาตกรเลือดเย็น ฉันไม่สามารถที่จะทนดูเขากับผู้หญิงคนอื่นได้ ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกอิจฉาเธอคนนั้นเหลือเกิน ฉันได้แต่นั่งหลบมุม ณ จุดหนึ่งที่ฉันพอจะเห็นเขาได้ แต่การได้เห็นเขาก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลย ยามใดที่เขาหัวเราะและยิ้มให้เธอคนนั้น มันเหมือนกับว่าเขาเอามีดมากรีดใจฉัน และดูเหมือน ชีวิตฉัน คงไม่มีใครต้องการให้มีความสุข เพราะแค่ฉันขอมองเขาอยู่ห่างๆ พระเจ้าก็ยังไม่ยอม ฉันคงเป็นคนบาปจริงๆนั้นแหละ เมื่อเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้นที่ริมถนน ซึ่งฉันนั่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอด ผู้หญิงคนนั้น ได้ผลักเขาลงจากฟุตบาต ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น รถบรรทุกที่มาด้วยความเร็วสูง ก็ได้พุ่งชนเขา ท่ามกลางเสียงกรี๊ดตกใจของเธอผู้นั้น ฉันได้แต่ยืนดู ร่างกายมันแข็งทื่อไปหมด ใจฉันมันเริ่มร้องอีกครั้ง นี้ฉัน ต้องเสียเขาไปอีกคนแล้วเหรอ ไม่นะ เขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาได้ถูกนำส่งโรงพยาบาล ฉันยืนดูอยู่ห่างๆ เธอคนนั้นก็นั่งอยู่หน้าห้องICU และแล้วหมอก็เดินออกมาจากห้องนั้น แต่ใบหน้าของหมอ ไม่ได้ทำให้ฉันรู้คลายกังวลเลย มันกลับทำให้ฉัน หนักใจแล้วอยากจะร้องไห้มากกว่า เมื่อหูฉันสัมผัสกับถอยคำของหมอ เขาต้องการเลือดอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่รอช้า ฉันเริ่มติดต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ แต่ดูเหมือน จะไม่มีสิ่งที่เขาต้องการเลย ฉันเริ่มหมดแรง เมื่อคิดว่าเขาต้องตาย แต่แล้ว ฉันก็ฉุกคิดได้ว่า เลือดของเขา และ ของฉัน คือเลือดกรุ๊ปเดียวกัน ไม่รอช้าฉันเดินเข้าไปในห้องนั้น พร้อมกับบอก ให้หมอเอาเลือดฉันไป แต่ดูเหมือนอะไรๆก็สายไป เมื่อเขาขาดเลือดนานเกินไป หัวใจเขาจึงไม่ทำงาน เขาต้องการหัวใจ แต่หมอได้บอกฉันว่า ไม่สามารถหาให้เขาได้ เพราะมันดึกแล้ว คำพูดของหมอทำให้ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะเอยปากบอก หมอ “ ฉันจะหาหัวใจให้เขาเองค่ะ” ก่อนจะเดินจากไปท่ามกลางความงุนงงของเหล่าแพทย์ ที่พยายามจะยื้อชีวิตเขา ฉันเดินออกมา ผ่านหน้าเธอคนนั้น เธอกำลังนั่งร้องไห้ ฉันเพียงแค่เอยเบาๆ ว่าอย่าเสียใจ อีกไม่นานเขาจะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง..
ฉันกลับไปที่บ้านพร้อมกับหา ค้นหา ร.พ. หรือ มูลนิธิต่างๆ ที่บริจาคหัวใจ แต่ก็เช่นเดียวกับเลือด ไม่มีที่ไหนๆจะให้หัวใจเขาได้ ฉันเริ่มคิดทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปยังธนาคาร ทุกแห่ง ให้โอนเงินเข้าบัญชี โรงพยาบาล เพื่อ สร้างศูนย์ โรคหัวใจ รวมแล้วยอดเงินไม่ต่ำกว่า100ล้าน เงินทั้งหมด ฉันโอนให้เพื่อเขา เพราะฉันคงไม่จำเป็นต้องใช้เงินนี้อีกแล้ว ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรต่อ มือฉันก็ล่วงปืนออกมา แล้วออกจากบ้านไป จุดหมายคือโรงพยาบาลแห่งนั้น ฉันเดินมาถึงหน้าห้องนั้น ก็ยังคงเห็นเธอคนนั้นนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม ฉันค่อยๆยื่นกระดาษสีขาว ที่พับเป็นสี่เหลี่ยมให้เธอผู้นั้น ก่อนจะยิ้มให้ เธอคนนั้นนั่งมองฉันอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจ ฉันจึงเริ่มพูดกลับเธอ
“ฝากให้ดองเจ ด้วยนะ บอกเขาว่า หายไวๆนะ” ก่อนที่ฉันจะลั่นไกปืน ใส่หัวฉัน เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วโรงพยาบาล พร้อมกับเสียงกรี๊ดของเธอผู้นั้น แพทย์ที่อยู่ห้อง ก็วิ่งออกมาดู และหมอคนหนึ่งก็ได้เหลือบไปเห็น กระดาษในมือของคนตาย ในนั้นมันมีข้อความ ที่ทำให้คนตรงนั้น ถึงกับน้ำตาไหล เรียนคุณหมอ ดิฉัน บังฮู อันจีวอน ขออุทิศ หัวใจ ให้กับนาย วูซาน ดองเจ ข้อความสั้นๆ แต่กลับทำให้น้ำตาไหลพราก ทุกคนตรงนั้น ต่างร้องไห้ออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่า การตายของผู้หญิงคนนี้มีค่าเหลือเกิน
3 เดือนต่อมา....
ดองเจ กลับมาเป็น นาย วูซาน ดองเจ คนเดิม ที่เป็นหมอผู้เก่งกาจ แต่มีอย่างหนึ่ง ที่ไม่เดิม ทุกๆวันสายตาเขาได้แต่สอดส่อง หาผู้หญิงผมเปีย ที่คอยนั่งหลบมุมมองดูเขาอยู่เสมอ แต่ทำไมเขาไม่เห็นเธอเลย แม้กระทั่งตอนที่เขาเจ็บ เธอคนนั้นก็ไม่เคยปรากฏกายให้เขาเห็นเลย และสิ่งที่ทำให้เขาสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะโรงพยาบาล ที่เขาทำงานอยู่ อยู่ดีๆ ก็มีศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งเขาทราบมาว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งโอนเงินให้ 100ล้าน เพื่อสร้างศูนย์นี้ขึ้นมา แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ เธอคนนั้นเป็นใครกัน แล้วทำไมทุกคนถึงนอบน้อมเขาเหลือเกิน และวันนี้เองที่เขาได้เขาใจทุกอย่าง เมื่อเขาไปยังบ้าน อันจีวอน ที่ตอนนี้มีเพียงบ้านเปล่า และมีป้ายแขวน บ้านนี้เป็นของมูลนิธิเด็กกำพร้า สร้างความงุนงงให้เขาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็พยายามทำใจ เพราะคิดว่า เธอคงโกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนั้น ผมพยายามจะเลิกคิดเรื่องของเธอ เพราะวันนี้ ผมกำลังจะขอ เจนนี่ แต่งงาน แต่เธอกลับทำให้ผมแปลกใจ เมื่อเธอพูดออกมา
“ฉัน คงไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานกับคุณหรอกค่ะ ดองเจ ฉันไม่กล้าพอเท่าเธอคนนั้น”
“ทำไมครับ เธอคนไหนกัน” ผมได้มองสบตากับเจนนี่ และเรื่องอันน่าเศร้าก็ได้ถูกถ่ายทอดจากปากเธอ ทำให้ผมรู้ว่า หัวใจที่ผมใช้อยู่นี้ มันเป็นของ อันจีวอน และเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย มันก็คือของอันจีวอน ผมได้ฟังถึงกับตัวแข็งไปเลย ร่างกายมันเหมือนเป็นเหน็บชาไปชั่วขณะ น้ำตาที่เหมือนจะไหล ผมพยายามกลั้นมันเอาไว้ หลังจากเจนนี่เล่าจบก็เดินจากไป ก่อนไปเธอได้ให้ กระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะจากไปเธอได้พูดทิ้งท้าย “ดองเจ ไม่มีใครรักคุณได้เท่านี้แล้วล่ะ” ผมมองเจนนี่จากไป อย่างช้าๆ ในสมองผมมันมีแต่คำว่า อันจีวอนตายแล้ว เธอตายเพราะช่วยชีวิตเขา เขาค่อยๆคลีกระดาษแผ่นนั้น ค่อยๆไล่สายตาอ่านข้อความนั้นไปเรื่อยๆ บางตัวอักษร มันเลอะเลือนเพราะหยดน้ำ
จดหมายฉบับนี้ เมื่อ นายได้อ่าน ฉันคงไม่อยู่ใกล้ๆนายอีกแล้ว แต่ก็คงเป็นการดี ที่ครั้งสุดท้ายฉันสามารถช่วยคนที่ฉันรักได้ แม้ว่า นายจะไม่เคยรักฉันเลยก็ตาม ฉันรู้นายแค่ต้องการแก้แค้นฉัน แต่สิ่งได้เกิดขึ้น กลับไม่ใช่ความอาฆาตกลับ แต่มันคือความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ฉันก็เป็นเหมือนดอกไม้ที่ไม่นานก็ต้องล่วง แต่จะล่วงอย่างไงให้มีประโยชน์ที่สุด ฉันเคยคิดฆ่าตัวตายนับไม่ถ้วน แต่นายก็ทำให้ฉัน รู้สึกตัว ว่ากำลังทำเรื่องบ้าที่สุด ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ๆนาย ฉันมีความสุขมาก ฉันอยากให้นายรู้ว่าตลอดมา ไม่ว่าการตายของน้องนายหรือเพื่อนฉัน แม้กระทั่งแฟนคนแรก ที่ตายไป ไม่เคยเลยที่จะทำให้ฉันอยู่อย่างมีความสุขได้ แต่ที่ฉันมีความสุขได้ก่อนตอนที่ฉันได้รับรอยยิ้มจากนาย แม้ว่ารอยยิ้มนั้นอาจจะมาจากความแส้แสร้งแกล้งทำก็ตาม แต่ฉันก็เผลอรักนายเข้าจนได้ และมันก็คงเป็นรักสุดท้ายของฉัน ฉันขอให้นายใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข อย่าร้องไห้เพราะฉัน เพราะฉันคงไม่มีค่าพอสำหรับน้ำตานาย อย่าคิดฆ่าตัวตายเพื่อฉัน เพราะฉันคงไม่ดีใจ ถ้านายตาย สุดท้ายนี้ ฉันขอมอบมูลนิธิเด็กกำพร้าและศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจให้นายดูแล เพราะนายคงสานฝันให้ฉันต่อได้ และขอให้นาย อโหสิให้ฉันด้วย... ลาก่อนรักสุดท้ายของฉัน
ข้อความที่อ่านด้วยความไม่แน่ใจ ว่าอ่านผิดหรือเปล่า ตัวหนังสือที่มันเลอะเลือนด้วยน้ำ รู้ได้เลยว่ามันคือน้ำตา ขณะที่อ่าน นึกภาพออกได้เลยว่าเธอเขียนไปร้องไห้ไป ผมค่อยๆหันไปทางศูนย์ ที่ไม่เคยสังเกต ป้ายที่หน้าตึกนั้นเขียนว่า ศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ วูซาน และข้างๆถัดมา มันเป็นป้ายแสดงเจตนาของผู้สร้าง ..ดิฉัน นางสาว บังฮู อันจีวอน ขอสร้างศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ให้กับทางโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ให้มีความจำนวนลดลง และขอมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ นาย วูซาน ดองเจ ทั้งหมด
เธอบอกว่า อย่าร้องไห้เพราะเธอ เพราะเธอไม่มีค่าพอให้ผมเสียน้ำตา แต่ผมไม่สามารถจะกลั้นน้ำตานี้ได้อีกต่อไป เธอจากไปพร้อมๆกับความรักครั้งสุดท้าย ที่เธอคิดว่าเป็นรักต้องห้าม เธอไม่เคยรู้เลยนะ อันจีวอน ผมรักเธอแค่ไหน ผมรู้มาตลอดว่าเธอไม่ตั้งใจให้น้องผมตาย ผมเฝ้ามองเธอมาตลอด เธอจะเอาเวลามาอยู่กับน้องผมเสมอทำให้ผม ได้พบเธอ แต่เธอก็ไม่เคยสนใจผมเลย จนมาช่วงหนึ่งที่เธอสูญเสียคนรัก เธอมานั่งเศร้า ไม่พูดไม่จากับน้องผม น้องผม มักจะมานั่งเล่าเรื่องเธอให้ผมฟัง ทำให้ผมเริ่มอยากรู้จักเธอมากขึ้น แต่พอผมเสียน้องสาวสุดที่รักไป ผมไม่รู้ว่าผมบ้าไหม ผมแค่ต้องการเห็นน้ำตาเธอที่หลั่งให้กับน้องสาวผม แต่เธอไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลย มันทำให้ผมรู้สึกแค้นมาก ผมใกล้ชิดเธอเพื่อหวังจะแก้แค้น ทำให้เธอร้องไห้ แต่กลับกลายเป็นว่าผมรักเธอมากกว่าเดิมซะอีก ไม่รู้ว่าผีบ้าตนไหนที่สิงผม ทำให้ผม ทำเรื่องแย่ๆกับเธอ ผมมารู้สึกตัวอีกครั้ง มันก็สายเกินไปแล้วที่ผมจะบอกว่ารักเธอเหลือเกิน เพราะเธอไม่สามารถจะมารับรู้ได้อีก ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก แต่ไม่เคยได้บอกรักเธอเลย ผู้หญิงคนเดียว ที่เธอกล้าให้แม้กระทั่งชีวิต ผู้คนเดียวที่ทำให้เขาสัมผัสกับรักแท้
ผมคงไม่สามารถจะลืมเธอได้ไปตลอดชั่วชีวิตของผม และผมก็คงไม่สามารถจะใช้ชีวิตมีความสุขกับผู้หญิงอื่นได้ เธอไม่จากผมไปได้ แต่เธออยู่ในใจผมตลอดไป ผมนั่งร้องไห้พร้อมกับยิ้ม โดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมา มีแค่ผมที่ยังนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น.......1ปีต่อมา ศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดั่งที่เธอต้องการ ผมได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า รักครั้งสุดท้าย เพื่ออุทิศให้กับเธอ ผู้หญิงที่ผมไม่วันลืมเพราะเธอได้เอารักครั้งสุดท้ายของผมไปด้วย.......
ผลงานอื่นๆ ของ ทะเลสีฟ้า ความรักสีเงิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ทะเลสีฟ้า ความรักสีเงิน
ความคิดเห็น