คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Beauty Poison 1:Fate
-1-
FATE
ไม่มีความโหดร้ายใดเทียบเท่ากับความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันเอง
ไม่มีความอัปยศใดเทียบเท่ากับความอัปยศที่มนุษย์คนหนึ่งหยิบยื่นให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
‘สำนักกีแซงฮันวอล’ มีชื่อเสียงและรู้จักกันอย่างกว้างขวางในกองทัพญี่ปุ่น เป็นแหล่งรวบรวมสาวงามของเกาหลีและยังเป็นสถานที่อันสามารถแสดงประเพณีเกาหลีได้อย่างโจ่งแจ้งแม้กองทัพญี่ปุ่นออกกฎห้ามประชาชนเกาหลีแสดงออกถึงความเป็นชนชาติของตน หากที่แห่งนี้คือข้อยกเว้น
ฮันวอล หรือ พระจันทร์ฤดูหนาว เป็นสำนักกีแซงแห่งเดียวซึ่งเหลือรอดจากการโดนทำลายไปพร้อมกับราชวัง เหตุผลเพียงเพราะกองทัพญี่ปุ่นต้องการใช้เป็นสถานระบายอารมณ์ใคร่สำหรับพวกนายทหารยศผู้พันขึ้นไปจะได้ไม่ต้องไปใช้สาวชาวบ้านร่วมกับลูกน้องในกองทัพ
กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้เห็นหรอกว่าฮันวอลคือแหล่งรวบรวมประเพณีและวัฒนธรรมเกาหลีโบราณ พวกเขามองว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรไปจาก ‘ซ่องโสเภณี’ เพียงแต่สำนักกีแซงฮันวอลมีพิธีรีตองมากหน่อยเท่านั้นเอง
แบคฮยอนโดนลากมาเหมือนหมูเหมือนหมา เขาไม่ได้ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด ยังคงดิ้นขัดขืนพลางร้องตะโกนขอความช่วยเหลือตลอดทาง ความโกรธกระอักอยู่ภายในอกของเด็กน้อย ร่างเล็กถึงกับสบถคำหยาบที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้สรรพสัตว์หยาบคายทั้งหลายจะมีโอกาสได้ออกมาจากปากของเขา…คุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลพยอนผู้ได้รับการอบรมมาอย่างดี
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาในนี้เท่านั้น กลิ่นฉาวคาวโลกีย์ของสถานที่ต่ำช้าในความคิดทำให้แบคฮยอนขนลุกและอยากอาเจียนด้วยความรังเกียจ เขาเกิดมาเป็นชายนั้นจริงอยู่หากเขาไม่เคยมีความคิดจะย่างกายเข้ามาในนี้เลยสักครั้ง
แล้วเหตุใด? คนซึ่งไม่คิดแวะเวียนหรือข้องเกี่ยวกับสำนักโสมมแห่งนี้กลับได้เข้ามาเพื่อเป็นกีแซงราวกับถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง
“ปล่อย!!! อย่ามายุ่งกับผม!”แบคฮยอนสะบัดแขนออกจากชายหนุ่มสองคนซึ่งน่าจะอายุไล่เลี่ยกันกับเขา ทั้งสองคนนั้นอยู่ในชุดซอมซ่อ ลักษณะคงเป็นคนงานชายในสำนักกีแซงแห่งนี้ น่าแปลกตรงเด็กหนุ่มทั้งสองไม่โดนพวกญี่ปุ่นลากไปรบหรือบังคับใช้แรงงาน
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก!!!”
“เซฮุนนา….”
“ก็มันน่ารำคาญนี่พี่! ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นทองที่พอโดนจับนิดหน่อยแล้วแผ่นทองจะลอกออกมา”ชายหนุ่มตัวสูงกว่าแบคฮยอนหันไปทำเสียงรำคาญใส่คนอายุมากกว่าอีกคน ใบหน้าเรียบเฉยดูเหมือนไม่สนใจกับสรรพสิ่งใดบนโลกนี้ใช้สายตามองแบคฮยอนอย่างไม่เป็นมิตรแตกต่างจากอีกคนซึ่งมีใบหน้าอ่อนโยนกว่าและพร้อมจะใจดีกับคนทั้งโลก
“คุณหนูต้องไปคำนับนายหญิงก่อนนะครับแล้วหลังจากนั้น…”ชายใบหน้าอ่อนโยนกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมและสรรพนามที่ใช้เรียกว่า ‘คุณหนู’ ทำให้เขาอดนึกถึงฐานะของตัวเองเมื่อก่อนนี้ไม่ได้
แบคฮยอนเคยเป็นคุณหนู มีแม่บ้านและพี่เลี้ยงล้อมหน้าล้อมหลัง มีท่านแม่และพี่สาวเก่งงานบ้านงานเรือนทุกอย่าง มีพี่ชายซึ่งกำลังจะไปศึกษาต่อในยุโรปและมีคุณพ่อเป็นนายพล เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังใหญ่ประจำตำแหน่งของพ่อ แต่หลังจากกษัตริย์ถูกวางยาพิษ ประเทศซึ่งตกอยู่ในฐานะเมืองขึ้นอยู่แล้วสั่นคลอนหนักเข้าไปอีกเมื่อขาดเสาหลัก
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น….ความสมบูรณ์ทุกอย่างในชีวิตของแบคฮยอนหายไป หนำซ้ำในตอนนี้เขายังตกอยู่ในฐานะต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าทาส
“ไม่!!! ฉันจะไปจากที่นี่”แบคฮยอนตวาดกลับก่อนอีกฝ่ายพูดจบ สาบานได้ว่าเขาไม่ใช่คนก้าวร้าวไม่ว่าจะกับคนอายุมากกว่าหรือเด็กกว่า หากสถานการณ์ชีวิตบีบบังคับให้เขากลายเป็นคนอารมณ์ร้ายและใช้ความก้าวร้าวป้องกันความอ่อนแอของตนเองและมันได้ผลแค่ภายนอกเท่านั้น ภายในของแบคฮยอนยังอ่อนแอและหวาดกลัวเช่นเดิม กลัวจนสั่นไปทั้งตัวหากยังพยายามสบตาสู้กับคนทั้งสอง
“พี่จงแดพูดกับคุณไม่รู้เรื่องเหรอ!! ไปคำนับนายหญิงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นคุณจะถูกหัวหน้ากีแซงโบย”หากจะบอกว่าความก้าวร้าวแท้จริงเป็นอย่างไร มันคงเป็นแบบเซฮุนคนนี้นั้นเอง เด็กผู้เติบโตมาในฐานะทาสได้รับรู้ความโหดร้ายของโลกอย่างมากมาย ในชีวิตอันต้องแย่งชิงทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดทำให้เซฮุนเข้มแข็งและโหดร้ายพอสำหรับการยืนบนแผ่นดินนี้ในยุคสงคราม
แบคฮยอนเม้มปากมองคนสูงกว่าด้วยแววตาชิงชังไม่ต่างกันกลับไป เขาเคยคิดว่าตัวเองไม่สามารถเกลียดขี้หน้าใครได้ตั้งแต่แรกพบโดยเฉพาะกับเด็กรุ่นเดียวกันซึ่งควรจะเป็นเพื่อนกันได้ หากตอนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง
“พอแล้วเซฮุน”น้ำเสียงสงบเย็นทำให้แบคฮยอนและเซฮุนหันไปมองยังร่างเพรียวพร้อมกัน หัวหน้ากีแซงคนที่แบคฮยอนเห็นก่อนหน้านี้เดินเข้ามาห้ามทัพพร้อมกับหญิงสาวแรกรุ่นในชุดฮันบกสองคนขนาบอยู่ด้านหลัง
เขามองหญิงสาวทั้งสามอย่างพิจารณา ไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วอยากหัวเราะว่าไหนใครที่บอกว่าเกาหลีอยู่ในยุคสงคราม อดอยากแห้งแล้ง ลองเข้ามาในนี้สิ มีหญิงสาวท่าทางสมบูรณ์พร้อมแต่งกายด้วยชุดฮันบกโบราณงามจับใจ ใบหน้าผองใสอิ่มเอิบราวกับอยู่คนละโลกกับประชาชนเกาหลีด้านนอกนั้น
“จะไปทำอะไรก็ไป”เธอไล่เซฮุนซึ่งทำท่าฟึดฟัดใส่แบคฮยอนจนคนเป็นพี่อย่างจงแดส่ายหน้าเอือมระอาในนิสัยชอบตั้งแง่ของน้องชายต่างสายเลือด จงแดโค้งให้นายหญิงและคุณหนูกีแซงทั้งสอง เขายิ้มเจื่อนให้แบคฮยอนแต่ร่างเล็กเบือนหน้าหนีไม่รับไมตรีจากเขา มันเห็นได้ชัดว่าตอนนี้กำแพงของแบคฮยอนสูงเหลือเกิน
“สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากเข้ามาเป็นกีแซงที่นี่คือเข้าไปคำนับนายหญิงซึ่งเราจะเรียกท่านว่า แม่”
“ผมจะออกไปจากที่นี่!!”
“ได้สิ”
“จริงเหรอ”เขาไม่คิดว่ามันจะง่ายดายถึงเพียงนั้น หากความเป็นเด็กไร้เดียงสาเพิ่งออกมาเห็นโลกแท้จริงนอกรั้วกำแพงบ้านได้ไม่นานกลับเชื่อสนิทใจ ร่างเล็กยิ้มร่าอย่างมีความหวังโดยไม่ทันสังเกตแววตาเวทนาจากหญิงสาวตรงหน้า
“ถ้าเธอหาเงินมาซื้อตัวเองได้ก็จะได้ออกไป”ราวกับคบเพลิงสว่างจ้าโดนดับไฟให้มอดเหลือเพียงควันจางๆ แบคฮยอนยิ้มค้างแล้วเปลี่ยนเป็นทำหน้าโกรธเกรี้ยวใส่หญิงสาว เขานึกอยากหวีดร้องออกมาด้วยความอัดอั้นหากเพียงแค่หายใจอยู่ตอนนี้ยังติดขัดและแทบไม่มีแรงยืนเลย ดังนั้นเรื่องหวีดร้องออกมาจึงต้องเก็บไว้ก่อน
“พ่อของเธอขายเธอให้สำนักในราคาหนึ่งล้านวอน”
“หนึ่งล้านวอน?”เขาทวนคำด้วยเสียงแหบพร่า ไม่ถึงช่วงอึดใจเท่านั้น เด็กเจ้าน้ำตาร้องไห้ออกมาแล้วสะอื้นเสียงดัง หนึ่งล้านวอน?... นั่นค่าตัวของเขาเทียบเท่าแค่หนึ่งล้านวอนหรอกหรือ
ชีวิตทั้งชีวิตของแบคฮยอนมีค่าแค่หนึ่งล้านวอนเท่านั้น? บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรมากกว่ากัน ทั้งมึนงงเหมือนโดนทุบด้วยขอนไม้ หน้าชาราวกับโดนตบหน้าสักพันทีติดกัน หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด
สิ้นสุดเสียแล้ว…กับชีวิตของแบคฮยอน
“นับว่าแพงมากถ้าเทียบกับกีแซงคนอื่น”หัวหน้ากีแซงหรือฮโยจินมองแบคฮยอนด้วยสีหน้าเฉยเมยดั่งเช่นในตอนแรก แม้แววตาแฝงไปด้วยความเอ็นดูและเวทนาอยู่ไม่น้อยหากเธอกลับเลือกถ้อยคำคล้ายดูแคลนเพื่อทำให้เด็กน้อยรู้สถานะของตนเอง
พยอน แบคฮยอน ไม่ใช่คุณหนูคนเล็กตระกูลพยอนอีกต่อไป
พยอน แบคฮยอน เป็นเพียงกีแซงชายคนนึงเท่านั้น
คราวนี้เด็กน้อยซึ่งดูเหมือนจะได้ครองตำแหน่งเป็นกีแซงคนเล็กของสำนักฮันวอลพุ่งเข้าหาฮโยจินแล้วผลักอีกฝ่ายด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด ฮโยจินเกือบหงายหลังโชคดีได้กีแซงหญิงสองคนที่เดินตามมาด้วยรับไว้ทัน แบคฮยอนวิ่งไปทางประตูด้านหน้าทางเดียวกับที่เขาโดนลากเข้ามา อิสรภาพรอคอยอยู่ด้านนอกแม้จะไม่ใช่อิสรภาพอย่างแท้จริงเพราะยังมีกองทัพญี่ปุ่นเดินเป็นพรวนอยู่แบบนั้น หากอย่างน้อยมันคืออิสรภาพที่เขาไม่ต้องเป็นกีแซง
ไม่ต้องเป็นกีแซงอยู่ในสถานที่น่ารังเกียจนี้!!
“จับไว้!!”สิ้นคำสั่ง แบคฮยอนโดนรวบตัวโดยคนงานชายของสำนักอีกครั้ง คราวนี้เป็นชายร่างสูงใหญ่เพียงคนเดียวและอุ้มคนตัวเล็กแบบเขาจนเท้าลอยไม่ติดกับพื้น
เพียะ!!
ความรู้สึกชาวาบตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่การคิดไปเองอย่างในตอนแรก แรงกระทบของฝ่ามือตรงข้างแก้มทำให้เกิดเสียงดังสนั่นอยู่ข้างหูพร้อมกับอาการชาและเจ็บปวดจนเส้นเลือดตรงใบหน้าเต้นตุบๆ
“หากยังดื้อรั้นไม่รู้ฐานะของตัวเองอยู่แบบนี้ เธอควรจะได้ไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่เยี่ยงสัตว์เลี้ยงจนกว่าเธอจะได้สติและยอมรับเสียทีว่าเธอกลายเป็นกีแซงแล้ว!!!...เอาตัวเด็กคนนี้ไปล่ามโซ่ไว้ในโรงเก็บฟางข้างคอกม้า”สิ้นคำประกาศิตของหญิงสาวผู้มีอำนาจเหนือกว่า แบคฮยอนถึงกับหวีดร้องออกมาเหมือนใจจะขาด ดวงตาอันเคยสุดใสทอประกายความบริสุทธิ์น่ามองในเมื่อครั้งก่อน บัดนี้เต็มไปด้วยความคลั่งแค้นและเจ็บปวด
ฮโยจินมองตามด้วยความหนักใจ สำนักกีแซงฮันวอลไม่เคยมีพวกไม่เต็มใจเป็นกีแซง ทุกคนเดินเข้ามาที่นี่ด้วยความเต็มใจเพราะต้องการเงิน ต้องการเสื้อผ้า ต้องการอาหาร ต้องการที่อยู่อาศัย คนเหล่านั้นต่างเห็นว่าการร่อนเร่อยู่ข้างนอกอย่างไม่รู้ชะตากรรมย่อมโหดร้ายกว่าการยอมเป็นกีแซง
สำนักกีแซงฮันวอลไม่เคยมีตำนานคุณหนูผู้สูงศักดิ์ถูกพ่อของตนเองนำมาขาย ดังนั้นจึงไม่ได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับคนแบบแบคฮยอน คนชนชั้นสูงที่ยอมตายดีกว่าขายศักดิ์ศรี
ถึงจะน่าชื่นชมสมเป็นลูกของชายชาติทหาร
ถึงจะน่าชื่นชมสมกับตำแหน่งคุณหนูเล็กตระกูลพยอน
แต่แบคฮยอนควรยอมรับชะตากรรมและไม่ควรทำให้สิ่งที่ท่านนายพลคิดเอาไว้ศูนย์เปล่า
“ทำได้ดีมากลู่หาน คุณเป็นลูกน้องที่ผมไว้ใจ” ใบหน้าขึ้นริ้วรอยและหยาบกร้านยิ้มภูมิใจกับลูกน้องในปกครองของตน กำแพงเดียวคือเชื้อชาติไม่อาจทำลายความไว้วางใจหรือทำให้เขากังขาต่อนายทหารหนุ่มรุ่นลูกคนนี้ กลับกัน ‘นายพลโกริคิ ชิมะ’ ยังนึกเสียดายที่ลู่หานไม่ได้เกิดเป็นชายญี่ปุ่นโดยแท้ไม่เช่นนั้นเขาคงผลักดันมากกว่านี้จนถือยศเป็นผู้การหรือพันตรี
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับท่าน”ภาษาญี่ปุ่นเปล่งๆ จากปากของคนเกาหลีใต้เต็มตัวเช่นเขาเรียกรอยยิ้มขำกึ่งเอ็นดูจากนายพลยศสูงตรงหน้า หากเสียงหัวเราะหยันขึ้นจมูกของอีกคนซึ่งอยู่ในห้องด้วยทำให้ลู่หานร้อนวูบวาบในอก เขาไม่ใช่คนใจเย็นและเกลียดนักเวลาโดนเยาะเย้ยเช่นนี้
“แต่ผมกลับมองว่าท่านควรต้องระวังเขามากเป็นพิเศษครับ เขาไม่ใช่‘พวกเรา’ ท่านก็รู้” ‘คาซาว่า ซามะ’ เป็นนายทหารติดยศเดียวกับลู่หาน ร่างสูงมองด้วยหางตาและเต็มไปด้วยความชิงชัง ส่วนหนึ่งเพราะลู่หานคือคนเกาหลี อีกส่วนหนึ่งเพราะหมั่นไส้นายทหารนอกคอกคนนี้ที่ทำผลงานได้ดีกว่าตนและได้รับคำชมจากท่านนายพลบ่อยๆ
“คาซาว่า!!! เราเพิ่งมีเรื่องดีเพราะจับพวกก่อความวุ่นวายได้ อย่ากวนน้ำให้ขุ่นตอนนี้!”ชิมะรู้ดีถึงความไม่ลงรอยกันของลูกน้องคนโปรดทั้งสอง หากเขาไม่เคยปรามอย่างจริงจังเพราะเห็นว่าบางครั้งมันก็เป็นการดีเมื่อทั้งสองไม่ชอบถูกกันเพราะมันทำให้ทั้งลู่หานและซามะแข่งกันทำผลงาน
“ไม่เป็นไรหรอกครับท่าน ผมคิดว่าผู้พันคาซาว่าซังคงจะหงุดหงิดเพราะกำลังอยู่ในช่วงขาลง ล่าสุดเห็นคว้าน้ำเหลวในการไล่จับโจรกระจอกที่ออกปล้นสะดมชาวบ้านแถวกยองแซง”ลู่หานยิ้มแล้วทำหน้าเห็นอกเห็นใจแต่แฝงความเย้ยหยันไว้ไม่มิดในน้ำเสียง ยักคิ้วใส่ผู้พันญี่ปุ่นอีกครั้งแล้วหัวเราะลงลำคอ
สิ่งหนึ่งที่ลู่หานภาคภูมิใจในการเป็นทหารของประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่เพื่อชาติหรือเพื่อจักรพรรดิดังคำปฎิญาณที่เคยได้กล่าว เขาภูมิใจเวลาเห็นสีหน้าเจ็บใจแทบกระอักของคาซาว่าต่างหาก คาซาว่าชอบดูถูกเขาและทุกครั้งเมื่ออยู่ลับหลังท่านนายพล คาซาว่ามักใช้ถ้อยคำด่าว่าเขาต่างๆ นาๆ แถมยังเปรียบเขาเป็นสัตว์สี่ขาอยู่บ่อยๆ สิ่งเหล่านั้นทำให้เขามีพลังในการทำงานมากขึ้น….มากขึ้นจนตอนนี้ยศของเขาเทียบเท่ากับคาซาว่าและดูเหมือนว่าเขาจะถูกเพิ่มยศในอีกไม่ช้าด้วย
“ไอ้ลู่หาน!!!”คาซาว่าใจร้อน มุทะลุไม่ต่างกับเขา เพียงแค่อีกฝ่ายเด็กน้อยเกินไปเพราะชอบแสดงมันออกมาต่อหน้าผู้บังคับบัญชา ทำให้ภาพพจน์ของคาซาว่าติดลบในขณะที่ลู่หานได้คะแนนบวกเพิ่มเรื่อยๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้คาซาว่า ซามะ!!!”
เมื่อได้ยินดังนั้น มือซึ่งกำหมัดเงื้อเตรียมจะชกลงบนใบหน้าของเขาก็ลดลง คาซาว่าไม่วายทำท่าฮึดฮัด ส่วนลู่หานเพียงยกยิ้มน้อยๆ อย่างผู้ชนะเมื่อท่านนายพลมองคาซาว่าอย่างผิดหวัง
“ออกไปก่อน ฉันจะคุยกับลู่หาน…ออกไป!”ชิมะสั่งเสียงกร้าวอีกครั้งเมื่อคาซาว่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิม สุดท้ายร่างสูงจำต้องเดินออกไปโดยไม่วายหันมาทิ้งสายตาน่ากลัวให้เขา หากคนอย่างเขาไม่เคยกลัวกับสายตาข่มขู่ของใครอยู่แล้ว เขาทำเพียงผงกหัวน้อยๆ ให้คาซาว่าและแอบชูนิ้วกลางใส่
คาซาว่าตาเหลือกแทบคุมตัวเองไม่อยู่หากไม่ติดสายตาของท่านนายพลจับตามอง เชื่อได้เลยว่าคาซาว่าต้องชักปืนออกมายงเขาแน่ๆ
“คาซาว่าทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่น ทั้งใจร้อน ทั้งบุ่มบ่ามไม่สมกับเป็นชายชาติทหาร”
“เขาถึงเหมาะในการลุยแหลกไงครับท่าน”ลู่หานหัวเราะร่วน…เสแสร้งทั้งนั้น เขาไม่ได้รื่นเริงกับคำพูดของตัวเองนักหรอก ไม่สิ ลู่หานไม่เคยรื่นเริงกับสิ่งใดหรือเห็นว่าโลกใบนี้มีเรื่องอะไรให้น่าขำ เขาหัวเราะและยิ้มด้วยความเสแสร้ง
การเสแสร้งนี้เหละที่ทำให้ลู่หานเหนือคนอื่น….ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วลู่หานคิดอะไร
ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มมุมปากผิดกับดวงตานิ่งสนิท หรือยามหัวเราะปากกว้างแต่ดวงตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว ไม่มีใคร…เข้าใจลู่หานสักคน
“ใช่ คาซาว่าเหมาะกับใช้เรื่องใช้กำลัง เขาน่ะ…ไม่เหมาะกับอะไรที่ใช้สมองหรอกถึงวางแผนการรบไม่ได้เรื่อง ขนาดวางแผนจับโจรยังคว้าน้ำเหลว”นายพลต่อว่าแต่ลู่หานรู้ว่าไม่จริงจังอะไร นายพลยศสูงคนนี้ให้ความเอ็นดูกับคาซาว่ามากพอสมควร เหตุผลอาจเป็นเพราะคาซาว่าคือลูกเขยคนโตที่แต่งงานกับมิยากิ ลูกสาวคนแรกของท่านนานพล
ส่วนลูกสาวคนที่สองของท่านนายพล…โกโคริ อายาเมะ ยังโสด!
“ผู้พันจำอายาเมะ ลูกสาวจอมแก่นของฉันได้ไหม”
ลู่หานกระตุกยิ้มมุปากเพียงเล็กน้อยก่อนรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยแล้วพยักหน้ารับช้าๆ แสร้งทำใบหน้างุนงงแม้เข้าใจดีว่าหัวหน้าตระกูลโกโคริมีจุดประสงค์ใดในการพูดถึงลูกสาวคนเล็ก
โกโคริ อายาเมะ เด็กสาวหน้าตาสะสวย เขาเจอครั้งแรกเมื่อต้นปีที่แล้วและท่านนายพลยังชอบพูดถึงลูกสาวคนนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวคนนั้นแม้ไม่เคยติดต่อหรือได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง
“ตอนนี้อายาเมะเรียนจบแล้วเลยขอตามมาอยู่กับพ่อที่เกาหลีสักพัก ส่วนฉันก็เห็นว่าผู้พันไม่ได้ไปกินข้าวที่บ้านฉันนานแล้วก็เลยอยากจะถามว่ามะรืนนี้ว่างใช่ไหม? ฉันอยากเชิญไปงานเลี้ยงรับลูกสาวของฉันน่ะ”ในสายตาของคนเป็นพ่อนั้น ผู้ชายอย่างลู่หานเหมาะแก่การชักนำให้ลูกสาวของตนที่สุด เขาคิดว่ารู้จักลูกน้องดีพอ ทั้งเห็นว่าลู่หานไม่มีอะไรเสียหายตรงไหนนอกจากเป็นคนเกาหลีซึ่งเรียกได้ว่าเจ้าตัวแทบจะไม่เหลือความเป็นเกาหลีอยู่อีกแล้ว ถ้าจะให้เทียบกับคาซาว่าลูกเขยคนโต…เขายังเห็นว่าลู่หานดีพร้อมกว่าเสียด้วยซ้ำและยังมีอนาคตไปได้ไกลในกองทัพญี่ปุ่น
“ยินดีครับ”ลู่หานโค้งขอบคุณก่อนเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม สำหรับเขาแล้วการสานต่อในสิ่งที่ท่านนายพลปูทางมาให้ช่างง่ายดาย ความมั่นใจในเสน่ห์แห่งบุรุษเพศของตนทำให้ลู่หานคิดว่าคงไม่นานเกินรอกับการทำให้ปณิธานของท่านายพลเป็นจริง
อันที่จริงมันก็ถือว่าเป็นปณิธานของเขาด้วย ได้เกี่ยวดองกับนายพลผู้เป็นใหญ่ในกองทัพญี่ปุ่นอย่างโกโคริ ชิมะ โชคดีกว่าหนูตกถังข้าวสารเสียอีก ทั้งตัวอายาเมะที่เขาเคยเห็นเมื่อปีที่ไม่ได้ขี้เหร่แถมยังเป็นสาวสวย น่ารักมากๆ ด้วยซ้ำ ลู่หานจึงเต็มใจกับการเดินเข้าสู่อ้อมกอดของตระกูลโกโคริ
เพื่ออนาคตของเขา เพื่อผลประโยชน์และเพื่อความอยู่รอด…ลู่หานเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง
บ้านไม้สองชั้นกินอาณาเขตเกือบหนึ่งไร่ รอบบริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ พันธ์ไม้ดอกไม้ประดับช่วยเพิ่มความสดชื่นทางสายตาให้กับผู้พักอาศัย โดดเด่นที่สุดคงเป็นต้นซากุระหลายต้นถูกนำมาจากญี่ปุ่นและปลูกแทนต้นโรส ออฟ ชารอนหรือมูกุงฮวาไม้ประจำชาติของเกาหลีซึ่งถูกถอนทิ้งไปหลังจากเจ้าของบ้านคนเก่าถูกเนรเทศและโดนไล่ล่าอยู่ในขณะนี้
ลู่หานลงจากรถม้าที่เขาโดยสารมาโดยไม่ลืมส่งเบี้ยเพียงน้อยนิดให้เป็นสินน้ำใจ เสียงรองเท้าคอมแบททหารดังเสียดกับพื้นอย่างเชื่องช้าเพราะคนเป็นเจ้าของไม่ได้รีบร้อนเท่าไหร่นัก ดวงตาสวยอันสามารถสะกดสายตาของทุกคนได้เสมอกำลังมองเรือนไม้สองชั้นด้วยแววตาสาแก่ใจ รอยยิ้มร้ายตรงมุมปากไม่เท่าเสียงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะของสัตว์ร้ายผู้กระพือปีกอยู่ในกายของลู่หานและเกาะกินจิตใจจนไม่เหลือเค้ารางความดี
‘บ้านของพวกมัน’ แต่ตอนนี้กลายเป็น ‘บ้านของเขา’
“ผู้พันครับ เราได้ข่าวพยอนแทซันมาครับ”ชายร่างโปร่งผิวเข้มเป็นคนเกาหลีเพียงคนเดียวที่เขายอมให้อยู่ด้วย เป็นคนเดียวที่พูดเกาหลีกับเขาแล้วไม่โดนปืนกรอกปาก ‘คิมจงอิน’ วิ่งออกมาต้อนรับลู่หานถึงหน้าบ้าน ใบหน้าเคร่งเครียดของจงอินทำให้อีกฝ่ายขรึมลง
“ตอนแรกมีข่าวว่าแทซันพาลูกชายคนเล็กหนีไปด้วยแต่ล่าสุดที่เราเห็นเขาอยู่ตรงชายป่าแถววอนจู คนของเราบอกไม่เห็นลูกชายคนเล็กของเขานะครับ”
ลู่หานรับฟังการรายงานของจงอินพร้อมกับมองแผนที่ภูมิศาสตร์เกาหลีบนโต๊ะ เข็มหมุดสีแดงถูกปักตรงเขตจังหวัดวอนจูตามที่จงอินรายงาน เขาจ้องมันด้วยสีหน้านิ่งก่อนยิ้มออกมา
“มันยังดีอยู่ใช่ไหมจงอิน”
“ครับ?”
“มันยังดีอยู่ที่ลูกสาวกับเมียของแทซันอยู่กับเรา”
“….”
“แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าได้ตัวลูกชายคนเล็กที่แทซันหวงนักหนามาทรมานด้วยอีกคน”ลู่หานกำหมัดแน่น การควบคุมสีหน้าในเวลานี้ช่างยากเย็นนัก เขาไม่สามารถทำให้มันเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไรได้อีกต่อไป ไม่สามารถเสแสร้งได้ว่าเขาไม่เจ็บปวด
การตามจับตัวพยอนแทซันผู้หลบหนีเข้าไปในป่าไม่ได้ยากเท่ากับการตามหาลูกชายคนเล็กของตระกูลพยอน ลูกชายคนเล็กคนนี้แทซันหวงนักหนาและไม่ยอมให้ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นคนที่เห็นหน้าคนเล็กของตระกูลจึงมีแค่คนในครอบครัวและคนใช้ไม่กี่คนซึ่งลู่หานเชื่อว่าตายไปหมดแล้ว
“อ๊ากกกกกกกกก”ลู่หานยกมือทั้งสองข้างกุมหัวตัวเองแล้วร้องออกมาสุดเสียง เขาปวดหัวจนแทบระเบิด หัวใจเต้นตุบๆ ร้อนวูบวาบทั้งตัวราวกับร่างกายกำลังจะระเบิดออกด้วยความแค้น
ความแค้นที่มีต่อคนตระกูลพยอน
จงอินยืนนิ่งมองอาการของเจ้านายซึ่งเคยเห็นจนชินตา การระเบิดความโกรธของลู่หานสามารถแสดงออกมาได้มากกว่านี้อีก คลั่งได้มากกว่านี้อีกและจงอินคิดว่าอย่าให้ลู่หานระเบิดมันออกมาเลยเสียยังดีกว่า
“เตรียมรถม้า”ลู่หานโงหัวขึ้นจากโต๊ะ ผมซึ่งเคยเรียบเพราะลงน้ำมันอย่างดียุ่งเหยิงไม่เป็นทรงแต่ไม่ยุ่งเท่าใบหน้าของลู่หานในตอนนี้ เขาพักการตามหาลูกชายคนเล็กของแทซันไว้ก่อน ถึงอย่างไรเสียเขายังมีไพ่ดีอยู่ในมือ หากเป็นไพ่ที่ต้องอาศัยเวลาสักหน่อยในการเลือกใช้
“ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีนัด”
ทั้งที่ลืมไปแล้วแต่น่าแปลกเมื่อจู่ๆ นึกถึงเด็กน้อยคนนั้น ใบหน้าใสซื่อปราศจากการเติมแต่ง ริมฝีปากบางชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ ความงามของเครื่องหน้าและความบอบบางของร่างกายน่ารังแกนั้นไม่ได้ดึงดูดลู่หานผู้ผ่านสาวงามมามาก หากมันเป็นดวงตาแดงช้ำผ่านการร้องไห้ให้กับชีวิตอย่างหนักกับแววตาเจ็บปวดเหมือนโลกถล่มตรงหน้า แววตาแค้นเคืองโกรธเกลียดคนทั้งโลกนั้นต่างหาก
ดวงตาและแววตานั้นทำให้เขาสนใจไม่น้อย สนใจจนบอกกับตัวเองไม่ได้ว่าจะสนใจไปทำไมกับกีแซงชายคนนึงซึ่งไม่มีอะไรล่อตาล่อใจเท่ากีแซงคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
ภายในห้องของนายหญิงแห่งสำนักฮันวอลก็มีเรื่องให้หนักใจเช่นกันเมื่อเซฮุนเพิ่งมารายงานว่าผู้ควบคุมดูแลสำนักกีแซงแห่งนี้ได้จองแบคฮยอนเอาไว้ สิ่งน่าวิตกมากกว่าแบคฮยอนจะยอมเป็นกีแซงหรือไม่คือทำอย่างไรให้ลู่หานปล่อยผ่านคืนนี้ไปโดยไม่มีแบคฮยอนรับใช้
“เราจะแย่กันนะคะแม่”ฮโยจินรินน้ำชาใส่จอกให้หญิงสาวสูงวัยหากยังคงความสง่างามและแต่งองค์เต็มยศด้วยชุดฮันบกสีน้ำเงินคราม เกล้าผมเปิดหน้าและปักปิ่นหยกอันได้รับการตกทอดมาจากนายหญิงผู้ควบคุมกีแซงรุ่นก่อน
“โหดร้ายเกินไปกับคุณหนูชนชั้นสูงคนนั้น”คิมชอนซา นายหญิงแห่งสำนักฮันวอลยกน้ำชาขึ้นมาจิบ มืออันสั่นเทาไม่ได้เป็นผลพวงจากความชรา เธอยังไม่แก่ถึงขั้นนั้นหากมันสั่นเมื่อนึกถึงผู้พันหนุ่ม
เธอเป็นเจ้าของสำนักกีแซงแห่งนี้แต่ในยุคสมัยของการถูกญี่ปุ่นผนวกดินแดนเกาหลีให้เป็นของตนเอง ทรัพย์สินทุกอย่างของคนเกาหลีจึงตกเป็นของกองทัพญี่ปุ่นรวมทั้งสำนักกีแซงฮันวอลเช่นกัน
ที่นี่โดนลดคุณค่าจากสำนักกีแซงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และประเพณีให้เป็นแค่ซ่องโสเภณีที่มีสาวเกาหลีสวมชุดฮันบกต้อนรับแขก ต้องอยู่ภายใต้การกดขี่อีกชั้นจากนายทหารผู้ดูแลและแสนจะเอาแต่ใจอย่างลู่หานมันยิ่งกว่าคำว่าโหดร้ายเสียอีก
“แถมยังโหดร้ายเกินไปสำหรับคนเป็นลูกด้วยค่ะ”
“ฮโยจิน”
“เส้นผมบังภูเขา…”
“…”
“ต้องมีวันที่ลู่หานได้พบกับคุณหนูแน่นอนอยู่แล้ว ทั้งสองคนอาจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่สำหรับคนที่รู้ทุกอย่างดีอย่างเรา…ฉันทำใจมองหน้าเด็กคนนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“นี่ไงล่ะสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรม”
“ชะตากรรมของเด็กคนนึงที่ไม่รับรู้อะไรด้วยเลยน่ะหรือคะ? แล้วถ้าลู่หานรู้ว่า….”
“ฟังนะฮโยจิน ต่อให้เราต้องตายเพื่อรักษาความลับนี้…เราต้องทำ ลู่หานจะไม่มีวันได้รู้ว่าคุณหนูคือใครและแผนการทุกอย่างจะสำเร็จ”
“….”
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยให้สมกับความเสียสละของใครหลายคน”คิมชอนซาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและใจมีใจเด็ดเดี่ยวเสียยิ่งกว่าฮโยจินเสียอีก คนชรากว่ามองหน้าฮโยจินผู้เปรียบเสมือนมือขวาของเธอพลางพยักหน้าช้าๆ เพื่อให้กำลังใจ
กลิ่นสาปของมูลสัตว์ทำให้แบคฮยอนคลื่นเหียนจนอาเจียนออกมาอีกครั้ง มีเพียงน้ำย่อยสีเหลืองออกมาเท่านั้นเพราะร่างกายของเขาไม่มีอาหารตกถึงท้องมาเกือบสองวันแล้ว
พื้นดินเปียกแฉะจนเป็นแอ่งโคลนทำให้ตัวของเขามอมแมมไม่ต่างจากลูกหมาจรจัด ฟางหญ้าแห้งๆ ปูรองรับร่างเอาไว้แต่เขาไม่นึกขอบคุณเพราะหญ้าแห้งได้ทิ่มแทงทะลุเสื้อผ้ามาโดนเนื้อขาวๆ จนคันไปทั้งตัวและเป็นรอยแดงจากการเกาอย่างรุนแรง
ทั้งหมดนี้ไม่เท่ากับการที่เขาโดนโซ่ล่ามข้อเท้าไว้ข้างหนึ่ง
“คุณพ่อช่วยผมด้วย คุณพ่อช่วยด้วย คุณพ่อ….”ทุกครั้งยามร้องไห้หรืออยู่ในสถานการณ์เจ็บตัว เขาจะเรียกหาวีรบุรุษอันดับหนึ่งในใจเสมอ นั่นคือพ่อของเขาเอง
ร้องเรียกจนแสบคอกลับไม่ปรากฏร่างของคนเป็นพ่อดั่งเช่นทุกครั้ง แบคฮยอนกระชากโซ่ที่ล่ามข้อเท้าไว้กับเสาไม้อีกครั้ง ทำแบบนี้จนมืออันบอบบางแดงช้ำและมีรอยถลอกจนเลือดไหลซิบ
‘หากยังดื้อรั้นไม่รู้ฐานะของตัวเองอยู่แบบนี้ เธอควรจะได้ไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่เยี่ยงสัตว์เลี้ยงจนกว่าเธอจะได้สติและยอมรับเสียทีว่าเธอกลายเป็นกีแซงแล้ว!!!...’
“ฮึก….”แบคฮยอนเลิกพยายามในสิ่งไร้ผลและรังแต่จะทำให้เจ็บตัวเพิ่มมากขึ้น เขายันเข่าทั้งสองข้างขึ้นก่อนฟุบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจจนแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นกับทุกคน ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้
ไรเตอร์:เดี๋ยวๆ ใจเย็นนะทุกคน พี่ลู่มาเจอแบคทีจะได้จัดเต็ม จัดเต็มอะไรไม่รู้ แต่ช่วยเม้นหรือสครีมแทก #บตฟพ ลงทวิตนะคะ
ขายของไทม์:ซื้อกันยัง #ฟอลบ เปิดจองแล้วนะ
*โฆษณา* ใครอยากได้ลองเข้าไปดูเลยจ้า รีบจองนะ เปิดให้จองตั้งสองเดือน จองกันเยอะๆ นะ คือของดีแล้วบอกต่อ เครป้ะ นี่ลิ้งค์ http://my.dek-d.com/mymymyme/writer/viewlongc.php?id=1084837&chapter=16
ความคิดเห็น