I don’t I
don’t smoke
But I’ll go
outside with you
“
บุหรี่หน่อยมั๊ย??”
เพราะภายในงานเลี้ยงที่บริษัทมันน่าเบื่อเกินไป
ซนแชยองจึงต้องปลีกตัวออกมาสูบบุหรี่แก้เบื่อ
แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่น่าสนุกมากกว่าสูบบุหรี่เสียแล้วสิ แชยองเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงห้าวเสมือนปลุกให้อีกฝ่ายต้องตื่นจากภวังค์
และดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนกำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติ หลังจากที่เผลอยืนมองตนอย่างไม่วางตาอยู่นานสองนาน
“
ฉันไม่สูบบุหรี่ค่ะ” สาวสวยคนนั้นปฏิเสธ ราวกับตลอดทั้งชีวิตที่เกิดมาเธอไม่แม้แต่จะพิศวาสมันเลย
คนที่ได้ฟังจึงได้แต่แค่นยิ้ม
“ กระแ-ะ”
คำพูดสั้น ๆ และน้ำเสียงที่ดูไม่จริงจังเปรียบเหมือนเจ้าตัวกำลังพูดถึงฝนฟ้าอากาศ
ทำเอาคนฟังถึงกับไปไม่เป็นที่จู่ ๆ ก็ถูกยัดเยียดคำนั้นมาให้ ใบหน้าสวยราวกับรูปปั้นชั้นเลิศเชิดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
ริมฝีปากบางของเธอเม้มเอาไว้โดยไม่รู้ตัวราวกับจะกดความรู้สึกขุ่นเคืองที่อยู่ภายใน
“ เอ้า!!!ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?? ก็เห็นคุณเอาแต่มอง เลยนึกว่าอยากจะสูบบ้าง ถ้าไม่สนใจบุหรี่แล้วคุณสนใจอะไรล่ะ?? หรือว่าสนใจฉัน??” เห็นท่าทีไม่ค่อยพอใจของเจ้าหล่อนแล้ว แชยองจึงพูดต่อเพื่อขยายความ
แต่ก็คงไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น
“
ดูท่าทางอายุของคุณจะยังไม่มากเท่าไหร่ เอาเป็นว่าฉันจะไม่ถือสาก็แล้วกัน” น้ำเสียงหวานตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่สุภาพ
แต่นั่นสร้างความขุ่นเคืองให้กับซนแชยองอยู่ไม่น้อยเลย เพราะเหมือนกับกล่าวหาว่าตัวเธอเป็นเด็กจึงไม่ถือสาหาความ
“ นี่คุณเป็นใครกัน
ถึงได้กล้ามาพูดแบบนี้กับฉันได้”
รอยยิ้มที่ดูจะไม่ยี่หระจากสาวสวยยิ่งทวีความโกรธกรุ่นให้กับแชยองได้เป็นอย่างดี เธอเดินเข้าไปชิดร่างสมส่วนที่ยืนพิงกรอบหน้าต่าง
พร้อมกับดวงตากลมโตพยายามเค้นเอาคำตอบ หากเพียงคนถูกถามกลับไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวเราะออกมาเบา
ๆ ซนแชยองพยายามจะกดเสียงให้ต่ำลงเพื่อเพิ่มความน่าเกรงขาม
“
หัวเราะทำไม...”
“ คุณน่ารักดี
ฉันสารภาพก็ได้ว่าชอบ”
ดวงตาพราวระยับจากหญิงสาวเหมือนเป็นน้ำเย็นที่มาดับความร้อนจากความโมโห ซนแชยองมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเมื่อหญิงสาวสวยหลับตาลงช้า
ๆ ก่อนจะย่อตัวลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอเอง
“
กลิ่นบุหรี่ของคุณก็ด้วย...” สาวสวยตรงหน้าช้อนสายตาขึ้นมาสบตาเจ้าของกลิ่นบุหรี่ที่เธอกำลังหลงใหลได้ปลื้ม
อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่ากลิ่นหอมเย็น ๆ ที่มาจากคนตัวเล็กนั้นไม่ได้น่ารังเกียจเลยแม้สักนิด
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการประหม่าของซนแชยอง เธอจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนขึ้นมาซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามไรผมให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ ไม่ต้อง...”
เสียงห้าวปฏิเสธเธอแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ หญิงสาวสวยจึงยัดผ้าเช็ดหน้านั้นใส่มือของแชยอง ก่อนจะเดินออกไป
ทิ้งให้คนตัวเล็กกว่ามองร่างงามงอนเดินห่างเธอออกไปจนสุดสายตา
ถึงแม้อย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เสียงหัวใจของเธอแผ่วแรงเต้นลงเลยแม้แต่นิด
‘หึ...’
ซนแชยองยิ้มมุมปากกับตัวเองด้วยความรู้สึกขื่นขัน
คุณอ่านไม่ผิดหรอก มันจะขื่นขมหรือก็ไม่เชิง ขำขันในโชคชะตาเวลานี้ก็คงไม่ใช่มั้ง
แต่เพราะหญิงสาวที่ทำให้ใจเต้นแรงคนนั้นคือแฟนของ ยูจองยอน พี่สาวของเธอนี่สิ
พี่สาวต่างมารดาที่แม้จะเกิดจากภรรยานอกสมรสของคุณพ่อ
แต่ทุกคนในตระกูลก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยกับจองยอนทุกอย่างตั้งแต่เด็กจนโต
นั่นเพราะหล่อนมีความเป็นผู้นำ พากำไรมาสู่บริษัทเป็นกอบเป็นกำ
ส่วนซนแชยองคนนี้น่ะเหรอ...
“
เราน่ะไม่ต้องมายุ่งกับงานที่นี่ดีแล้ว ปล่อยจองยอนเขาคุมไปเถอะ”
คุณพ่อของเธอพูดต่อหน้าเหล่าธารกำนัลที่มาร่วมรับประทานอาหารในบรรยากาศบนตึกสูงเสียดฟ้าของตระกูลซน
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้หญิงสวยคนนั้นรวมอยู่ด้วย
ชารอน โรเจอร์
รู้สึกเสียหน้าชะมัด
“
โธ่...คุณพ่อ ให้น้องมาฝึกงานบริหารก่อนก็ยังได้” ท่าทางสายตาและคำพูดของคนที่มีศักดิ์เป็นพี่มันแฝงนัยยะของการเย้ยหยันอยู่ในที
แชยองไม่สามารถทนฟังคนเหล่านี้พูดคุยกันต่อไปได้อีกแล้ว เธอลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ
ก็ไม่ได้อยากจะทำสักหน่อย...
“ จะไปไหนล่ะ??” คนเป็นพ่อถาม ซนแชยองมองทุกคนบนโต๊ะอาหาร
ก่อนจะสบตากับคนที่ถามเธอ
“ ปวดอึ...”
คำตอบสั้น ๆ พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินตัวปลิวออกไปอย่างไม่ใยดี
เหล่าบรรดาผู้รากมากดีบนโต๊ะอาหารต่างมองหน้ากันอิหลักอิเหลื่อ แม้แต่ท่านประธานซนเองก็ตาม
“ ปัดโธ่เว้ย!!!” มือเล็กเหวี่ยงทั้งบุหรี่ทั้งซองและไฟแช็คซิปโป้ออกไปให้พ้นหูพ้นตา
เพราะความโมโหจนมือไม้สั่นไปหมดไม่สามารถจุดบุหรี่สูบได้ เธอค่อย ๆ
หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ
แต่ทำไมภาพในหัวถึงได้นึกถึงแต่จองยอนกับผู้หญิงคนนั้นคุยกันกระหนุงกระหนิงไปได้
แค่คุยกันไม่ถึงห้านาทีเลย
ทำไมถึงมีอิทธิพลต่อใจได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้...
“ เพิ่งรู้ว่าที่นี่คือห้องน้ำ...”
เสียงหวานจากใครบางคนทำเอาแชยองลืมตาขึ้นมามอง
สายตาพราวระยับของอีกฝ่ายทำให้หัวใจสูบฉีดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ซนแชยองเหลือบไปเห็นซองบุหรี่และไฟแช็คที่เธอเพิ่งเขวี้ยงทิ้งไปเมื่อสักครู่
บัดนี้มันอยู่ในมือของคุณชารอน
“
ขอบใจที่เก็บให้” คนตัวเล็กกว่ากำลังจะรวบสองสิ่งนั้นจากมือเรียวสวย
แต่ชารอนกลับไม่ยอมคืนให้แต่โดยดี
หญิงสาวสวยส่งยิ้มหวานให้กับแชยองที่ตอนนี้มองเธออย่างไม่เข้าใจ
“
ให้ฉันจุดบุหรี่ให้คุณดีกว่า...” ข้อเสนออันน่าตื่นเต้นมาพร้อมกับสายตาที่มีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ส่งผลให้คนฟังยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
ก่อนจะยินยอมให้สาวสวยหยิบบุหรี่จากซองขึ้นมาจรดบนปากอิ่มของตน
เธอปล่อยให้นิ้วเรียวสวยของอีกฝ่ายไล้วนอยู่กับไฝเสน่ห์ที่ประดับอยู่บริเวณริมฝีปากล่างอย่างอ้อยอิ่ง
ไม่มีวินาทีไหนที่ทั้งคู่จะละลายตาจากกันได้เลย
กริ๊ก!!!
เปลวไฟน้อย ๆ
จากไฟแช็คซิปโป้ที่จุดโดยชารอนกำลังเผาไหม้ปลายบุหรี่เพื่อรอให้อีกฝ่ายได้เสพสม
ไม่ต่างจากไฟแห่งราคะที่กำลังรอเวลาลุกโชนเผาไหม้สำนึกผิดชอบชั่วดีให้กลายเป็นจุณ
ร่างงามพาตัวเองเข้ามาเบียดกับซนแชยองจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน ควันบุหรี่จากคนตัวเล็กกว่ากำลังกระจายตัวอย่างอิสระ
กลิ่นหอมเย็นจากมันช่างน่าหลงใหลราวกับถูกมนต์สะกด
“ จะทำอะไรน่ะ?? คุณไม่คิดจะเกรงใจจองยอนบ้างเหรอ??” ประโยคที่ดูเหมือนจะเตือนสติจากแชยอง
หากแต่มือข้างที่ว่างนั้นกลับตวัดมาโอบเอวบางอย่างไม่เกรงใจใครอย่างที่ปากพูด
“ ชู่วววว”
คนถูกท้วงติงยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับส่ายหน้าราวกับต้องการให้คนตัวเล็กเลิกพูดถึงคนอื่น
และถือโอกาสถูจมูกโด่งกับคนขี้สงสัยอย่างนึกมันเขี้ยว
ก่อนที่สายตาของเธอจะหลุบมองเรียวปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายอย่างจงใจ
และในเสี้ยววินาทีต่อมา
ชารอน โรเจอร์ประทับริมฝีปากของเธอลงในตำแหน่งเดียวกันกับอีกฝ่ายอย่างห้ามใจไม่อยู่
สารนิโคตินกำลังออกฤทธิ์อาละวาดอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความหวามไหวของคนทั้งคู่ หากเปรียบเป็นบทเพลงแล้วคนหนึ่งก็คงจะเป็นคำร้อง
ส่วนอีกคนก็จะเป็นทำนองที่สอดรับกันอย่างลงตัว แชยองตัดสินใจทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นแล้วเหยียบมันด้วยรองเท้าหนังชั้นดี
เพราะตอนนี้คงไม่ใช่บุหรี่ที่ทำให้เธอผ่อนคลายได้หรอก
แต่เป็นแฟนของยูจองยอนต่างหาก!!!
“ หนาวมั๊ย??? ไปหาที่อุ่น ๆ คุยกันเถอะ”
น้ำเสียงแหบพร่าจากแชยองทำเอาคนฟังใจสั่นสะท้าน
ก่อนจะยินยอมให้อีกฝ่ายจูงมือเธอออกไปข้างนอกด้วยกัน
I know what you wanna
do
We’ll make out and let our bodies speak
I’ll light that cigarette for you
Promise me that you will keep this between us
‘ แชงแชงร้องไห้ทำไมเหรอ??’
‘ พี่จองยอน...ฮึก...เค้าแกล้งหนู...’
‘ โอ๋...ไม่ร้องนะคะแชงแชง
ต่อไปนี้แชงแชงต้องเข้มแข็งนะคะ อย่าร้องไห้ให้จองยอนเห็นอีก
เพราะเขาต้องการให้เราร้องไห้ไงถึงได้แกล้ง...แชงแชงต้องสู้กลับบ้างนะ...’
‘
หนูกลัวพี่จองยอนจะเกลียดมากกว่าเดิม...ขนาดพูดดีด้วยยังแกล้งขนาดนี้เลย...ฮึก’
‘ ฟังพี่นะคะ...ระหว่างทำดีได้ชั่ว
กับทำชั่วได้ชั่ว อันไหนเจ็บน้อยกว่า ก็เลือกอันนั้นแหละ...’
“ ตื่นได้แล้วค่ะ...”
เสียงหวานกระซิบเบา ๆ ข้างหูให้ซนแชยองสะดุ้งตื่น แปลกที่เช้านี้ความรู้สึกแรกที่ลืมตาคือความรู้สึกปวดหัวอย่างไม่รู้สาเหตุ
เธอลืมตามองเจ้าของใบหน้าหวานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในใจพลันนึกถึงใครบางคนในอดีตที่กำลังมารื้อฟื้นความรู้สึกบางอย่างของเธอจากความฝันเมื่อสักครู่
คนเพิ่งตื่นมองไปรอบ
ๆ ห้องที่เธอไม่คุ้นเคย
“
เป็นอะไรไปเหรอ?? ดูคุณรู้สึกจะไม่ค่อยดีนะ
เมื่อคืนคุณใช้แรงมากไปหน่อยล่ะสิ” เจ้าของห้องเอ่ยเย้าอีกฝ่ายก่อนจะโอบกอดคนที่เพิ่งตื่นด้วยท่าทีออดอ้อน
แชยองเอื้อมมือขึ้นมาลูบศีรษะคนขี้อ้อนพร้อมกับส่งยิ้มให้
“
คงงั้นแหละมั้ง...ก็ดูคุณสิ...สู้คนขนาดนี้ จะไปมีแรงเหลือได้ยังไง แถมตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวสวยยั่วกันแบบนี้แล้วด้วย...”
พูดจบประโยคไม่ทันไร ก็ถูกหมัดน้อย ๆ
จากชารอนทุบเข้าที่ต้นแขนอย่างไม่จริงจังมากนัก...
“ โอ๊ย!!!” ความรู้สึกปวดหัวแล่นเข้ามาเป็นระลอก
ก่อนที่จะหายไปภายในไม่กี่วินาที
ชารอนตกใจรีบสอบถามอาการจากแชยองทันทีด้วยความเป็นห่วง
“
ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ สงสัยจะหิว”
“
ฉันทำอาหารเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ คุณอาบน้ำก่อน แล้วเราจะได้ไปทานกัน”
มิสโรเจอร์เอ่ยขึ้นก่อนจะออกไปรอแชยองที่โต๊ะอาหาร เมื่ออยู่เพียงลำพัง
ร่างเล็กมองซ้ายแลขวาเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง บนหัวเตียงนั้นเป็นรูปของชารอนกับครอบครัวชาวอังกฤษ
คงจะถ่ายเอาไว้หลายปี
และเค้าโครงหน้าของชารอนในรูปถ่ายนั้นคับคล้ายใครบางคนที่เธอรู้จัก
ซนแชยองเปิดลิ้นชักก็พบอัลบั้มรูปเล่มหนึ่งอยู่ในนั้น
เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่มืออันสั่นเทาจะหยิบมันขึ้นมาเปิดดู
ภายในใจของเธอภาวนาเหลือเกินว่ามันจะไม่ใช่ในสิ่งที่เธอสงสัย
แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเธอเลย
“ พี่มินะ...”
ภาพจำสุดท้ายที่เธอเห็น คือเด็กสาววัยสิบสามปี ซึ่งเป็นคน ๆ
เดียวกันกับรูปในอัลบั้มนี้ ซนแชยองทรุดตัวลงไปกับพื้น สายตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นในวันสุดท้ายที่เจอกัน
ยังคงติดอยู่ในใจไม่มีวันเลือนหาย และมันทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง...
เมื่อความเครียดเข้ามาครอบงำ
ซนแชยองจึงเดินหาบุหรี่เพื่อสูบแก้เครียด เธอกระวนกระวายจนมือไม้สั่นไปหมด
จนกระทั่งร่างบางเปิดประตูเข้ามา
“
หาเจ้านี่อยู่เหรอคะ???”
แน่นอนว่าสิ่งที่เธออยากได้ตอนนี้ไปอยู่ในมือของชารอน หรือในอดีตคือพี่มินะ
พี่สาวข้างบ้านสมัยยังเยาว์วัย
แชยองยืนตัวแข็งทื่อมองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยใจที่เต้นระรัว
ความรู้สึกผิดยังคงมีอยู่มาก มากเสียจนไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายได้เลย
“
ต่อไปนี้ถ้าเราอยู่ด้วยกัน...ฉันจะจุดบุหรี่ให้คุณเองนะ”
เสียงหวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มบนใบหน้าสวยช่างดูเข้ากันไปเสียหมด
มิสโรเจอร์ในเวลานี้บรรจงจุดบุหรี่ที่ถูกคาบไว้ด้วยเรียวปากสวย
แน่นอนว่าในเวลาต่อมาฤทธิ์ของมันทำให้ซนแชยองผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม
“ สบายดีมั๊ย??”
เธอตัดสินใจเอ่ยถามชารอนทันทีที่เรียกสติกลับมาได้
“ คะ???” คนถูกถามมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความไม่เข้าใจ
ซนแชยองอัดสารนิโคตินเข้าเต็มปอด ก่อนจะเบี่ยงหน้าออกเพื่อระบายควันแห่งความเครียดนี้ออกไปแล้วจึงทำการดับบุหรี่ให้เรียบร้อย
เธอกันมาสบตากับชารอน
“
ฉันรู้แล้วนะ ว่าคุณคือพี่มินะ” คำพูดที่ดูจริงจัง
เจือปนไปกับความรู้สึกผิดต่อมินะ ทำเอาคนมองแค่นยิ้ม
“
ฉันต้องการให้เธอรู้นั่นแหละ ไม่เจอกันนานเลย ดีใจมั๊ย???” ท่าทีของมินะเปลี่ยนไปทันที
สายตาที่อ่อนโยนกลับกลายเป็นเหยียดหยัน
“ โอ๊ยยย” จู่
ๆ เธอก็ปวดศีรษะขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เริ่มจะหนักมากยิ่งขึ้น
สลับกับเห็นคนตรงหน้าหัวเราะอย่างสะใจ ชารอน โรเจอร์ ผลักคนตัวเล็กกว่าไปที่เตียงนุ่ม
ก่อนที่ร่างงามของเธอจะโน้มตัวตามลงไปเพื่อสบตากับคนใต้ร่าง
“ ตอนนี้ฉันสบายดีแชงแชง
แต่ถ้าก่อนหน้านี้...ฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ตั้งแต่วันนั้นไง...ที่เราเล่นซ่อนแอบเธอเป็นคนซ่อนแล้วฉันเป็นฝ่ายต้องหาเธอ...เสียดายจริงๆ ที่ฉันเห็นเธอแล้ว แต่พ่อของเธอดันจับฉันไปขายเสียก่อน”
สายตาอาฆาตจากหญิงสาวที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดได้ส่งผ่านมาเป็นกำลังกายที่ออกแรงบีบต้นแขนของแชยองจนรู้สึกเจ็บไปหมด
ซนแชยองในวันนี้รู้ดี
ว่าบริษัทของท่านประธานซนเป็นเพียงกิจการบังหน้า
ที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยธุรกิจค้ามนุษย์อย่างครบวงจร แต่เธอยังคงขี้ขลาดไม่กล้าคัดค้านการกระทำของบิดา
เหมือนที่วันนั้น...
เธอสบตากับมินะ...ในขณะที่มินะกำลังขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่เด็กหญิงซนแชยองก็เลือกที่จะนั่งอยู่ในหลืบใต้โต๊ะที่ตัวเองซ่อนเอาไว้อยู่อย่างนั้นด้วยความหวาดกลัว
ปล่อยให้คนของคุณพ่อพาตัวมินะไปอย่างง่ายดาย
“
ผ่านมาสิบห้าปี ในที่สุดตอนนี้ฉันก็จับเธอได้แล้ว...โป้ง!!!”
เสียงหวานหัวเราะลั่นห้องทั้งที่ยังคร่อมอยู่บนตัวของแชยอง คนใต้ร่างรู้สึกเหมือนอวัยวะในร่างกายทำงานไม่เป็นระบบ
ความเจ็บปวดทรมานถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“
บุหรี่ที่เธอสูบเมื่อคืนกับเมื่อกี๊นี่...มันไม่ใช่ซองที่เธอเขวี้ยงทิ้งหรอก
แต่มันเป็นของฉันเอง ฉันใส่ของเล่นเพื่อเพิ่มความสนุกน่ะ
แต่อาจจะเกินขนานไปนิด...อดทนเอาหน่อยนะแชงแชง” มินะกระซิบลงบนซอกคอขาว
พร้อมกับสูดกลิ่นบุหรี่จากคนตัวเล็กที่เธอชื่นชอบ
ในขณะที่เลือดสีข้นไหลออกมาทางจมูกของแชยองพร้อมร่างกายเล็กที่แข็งเกร็ง
“
พะ...พี่มินะ...ฉันขอ...โทษ” แชยองพยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อบอกเธอ
ลิปสติกสีแดงเบอกันดีจากมินะเปรียบเสมือนพู่กันที่คอยวาดไล้ไปตามลำคอและใบหน้าของคนใต้ร่างราวกับปลอบประโลมจนวินาทีสุดท้ายที่ซนแชยองหมดลมหายใจ
นั่นแหละ...
เธอถึงได้ร้องไห้ออกมา...
‘ หนูไม่อยากมีพี่แบบจองยอน...หนูอยากมีพี่ใจดีแบบพี่มินะ’
‘ คุณพ่อให้แบ่งขนมให้พี่จองยอน...หนูไม่ให้หรอก
หนูเอามาให้พี่มินะ’
‘ หนูไม่ชอบคนที่บ้านเลย พี่มินะ...ถ้าเราโตขึ้น
เราไปอยู่ด้วยกันสองคนมั๊ย หนูมีพี่มินะคนเดียวก็พอแล้ว’
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงซนแชยองในสมัยยังเป็นเด็กดังขึ้นมาในโสตประสาท
ประโยคแล้วประโยคเล่าที่บ่งบอกว่าเธอนั้นสำคัญกับซนแชยองมากแค่ไหน
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน มินะเดินไปหยิบโทรศัพท์ด้วยท่าทีเลื่อนลอย แล้วกลับมานั่งยังตำแหน่งเดิม
“
สำเร็จมั๊ยมินะ...มันตายหรือเปล่า???”
เสียงยูจองยอนเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ
“ อืม...” เสียงหวานตอบกลับไปสั้น ๆ
ในขณะที่เอื้อมมือข้างที่ว่างไปหยิบวัตถุบางอย่างที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง
สายตาว่างเปล่าของเธอมองไปยังร่างไร้วิญญาณของซนแชยองที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอเอง มิสโรเจอร์วางโทรศัพท์เอาไว้บนหัวเตียง
แล้วใช้มือนั้นจับมืออันเย็นชืดของแชยอง เธอปล่อยให้คนปลายสายพูดไปเรื่อยๆ
“
เธอทำดีมากที่รัก...ต่อไปนี้เราจะได้ครอบครองธุรกิจนี้ได้อย่างเต็มตัว ไม่มีซนแชยองแล้วทุกอย่างจะเป็นของฉันหมดแต่เพียงผู้เดียว
ต้องขอบคุณพรหมลิขิตที่ฉันได้เจอกับเธอแล้วช่วยเธอออกมากจากนรกมาได้...แม้มันจะสายไปเสียหน่อยและเธอเองคงจะทนทุกข์มาหลายปี...แต่จากนี้ไปเราสองคน...”
ปัง!!!!
เสียงปืนดังสนั่นจากฝีมือของมินะที่ปลิดชีวิตตัวเองอย่างที่ใจของเธอต้องการ
มินะรู้เสมอว่าสุดท้ายแล้วมันจะต้องจบลงที่การสูญเสีย แต่เมื่อเธอเลือกแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป
และมันเป็นไปอย่างที่เด็กหญิงแชยองเมื่อสิบห้าปีก่อนอยากจะให้เป็น
‘ พี่มินะ...ถ้าเราโตขึ้น
เราไปอยู่ด้วยกันสองคนมั๊ย หนูมีพี่มินะคนเดียวก็พอแล้ว’
หญิงสาวใช้เฮือกสุดท้ายของชีวิตสูดความหอมของกลิ่นบุหรี่จากซนแชยอง
กลิ่นบุหรี่ที่เธอรังเกียจมาทั้งชีวิตของการเป็นผู้หญิงขายบริการ แต่เธอกลับหลงใหลอย่างง่ายดายเมื่อมันมาจากคนข้างตัว
ความรักมันเป็นแบบนี้เองสินะ มินะกระชับมือเล็กเอาไว้แน่นก่อนที่เธอเองจะหมดลมหายใจ
But I don’t I
don’t mind now
Cause I am here with you
I am here with you