คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เพราะอะไรมันพาไป ?
“แอลไม่รู้หรอก” เมื่อพูดถึงเรื่องตัวเองก็ถึงคราวที่เขาจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มย้อมใจบ้างชายตามองดูหญิงสาวที่ตอนนี้เลิกสนใจเรื่องของตนเองหันมาสนใจเขาแทน
“แล้วแอลรู้จักรึเปล่าเธอคนนั้นลุค” น้ำเสียงผะผ่าวพร้อมขยับตัวเข้าชิดต่อมความอยากรู้ทำงานอย่างหนักใครกันนะกุมหัวใจของเพื่อนชายเธอ
“ก็รู้จักนะ” เมื่อถูกใบหน้างามจ้องมองอย่างคาดคั้นลูคัสรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องหรือนี่อาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะบอกให้เธอรู้ดี
“ใครเหรอ” พอรู้ว่าคนที่เธอรู้จักก็ยิ่งอยากรู้หนักกว่าเก่าสมองทำงานหนักพยายามนึกถึงคนรอบตัวว่ามีใครที่ลูคัสออกอาการหลงรัก
“เอาไว้จะบอกว่าใคร” แต่ลุคกลับส่ายหน้าเอาปลายนิ้วจิ้มหน้าผากใบหน้า
งามแล้วดันออกห่างจากใบหน้าของตนเองแล้วยกแก้วขึ้นชนกับเธอ
“บอกเธอคนนั้นไปรึยัง” แม้อีกฝ่ายจะไม่ยอมบอกว่าเธอผู้โชคดีคนนั้นคือใครแต่หล่อนก็ยังยิงคำถามไม่หยุดตั้งใจจะล่วงความลับในหัวใจเขาให้ได้
“ก็...ว่าจะบอกให้รู้อยู่” ความรู้สึกลังเลใจที่อยากจะเปิดเผยความในใจออกมายิ่งถูกหล่อนคาดคั้นก็ยิ่งเริ่มอยากจะบอกให้รู้
“เหรอ” หญิงสาวยิ้มหวานมองดูแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักของชายหนุ่มคงกำลังคิดถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นอยู่แน่ๆ
“กำลังหาทางหาโอกาสเหมาะๆ” ลูคัสหันไปมองหน้าร่างบาง หรือนี่อาจจะจังหวะเหมาะๆที่เขาคิดเอาไว้ฉวยโอกาสตอนที่หัวใจอ่อนแอแทรกซึมเข้าไปใจ
“อย่างลุคคงสมหวังอยู่แล้วล่ะ” รสินทรามองใบหน้าของชายผู้สมบูรณ์แบบด้วยแววตาประกายคิดในใจอยากจะให้เคนมองเธอด้วยแววตาแบบนั้นบ้าง
“รู้ได้ไง” ชายหนุ่มอมยิ้มหันไปมองหน้าเพื่อนสาวที่ทำรู้ดีว่าเธอคนนั้นคือใคร อยากจะรู้นักว่ารู้แล้วเธอยังจะบอกอีกไหมว่าเขาจะสมหวังในความรัก
“ก็หล่อ รวยแสนดีซะขนาดนี้” หล่อนกำมือแสร้งไมค์ ทำท่าทางนำเสนอ
ชายหนุ่มที่แสนดีตรงหน้าให้ใครๆ ได้รู้จัก
“เบาๆแอล อายเขา” จนลุคต้องหันไปจับมือไม้ที่กำลังรุ่มรามให้กลับมาเข้าที่เดิมพลางพยักหน้าขอโทษขอโพยที่เธอเสียงดังรบกวนคนอื่น
“อายทำไมแสนดีขนาดนี้ต้องประกาศให้ใครๆรู้” รสินทราที่ตอนนี้เริ่มจะมึนๆหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกล้อแกล้งชายหนุ่ม
“แต่ไม่แน่นะถ้าเธอคนนั้นเขามีคนอื่นอยู่ในใจ” ชายหนุ่มน้ำเสียงเศร้าสลดเพราะสิ่งที่พูดนั้นเฉียดไปเฉียดมากับสิ่งที่เขาต้องการจะบอกเธอ
“จริงเหรอ” เมื่อเธอรู้แบบนั้นใบหน้าระริกระรี่น้ำเสียงระรื่นหูก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของชายหนุ่มในทันทีดูเหมือนความในใจของเขาจะยังไม่เปิดเผยเพราะยังไม่รู้อีกฝ่ายใจตรงกันรึเปล่า
“ก็ประมาณนั้น ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจรึยัง” ลูคัสยักไหล่ยกแก้วขึ้นดื่มพลางชายตามองดูร่างงามกำลังชั่งใจชั่งความรู้สึกว่าวันนี้คือวันที่ใช่รึเปล่า
“งั้นเราก็น่าสงสารทั้งคู่” หญิงสาวกลับมาเศร้าเหมือนเดิมถอนหายใจดื่มเหล้าในแก้วให้หมดแล้วขอใหม่พลางส่ายหน้าสมเพทกับความรักของทั้งคู่
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองเมื่อต่างฝ่ายต่างคิดถึงความรักของแต่
ละคน เสียงเพลงที่ตอนแรกจังหวะสนุกสนานเร้าใจก็เปลี่ยนไปจังหวะช้าๆ ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่นั่งอยู่คู่ๆเริ่มออกมาเต้นรำ ชายหนุ่มสูดลมหายใจปอดลึกๆแล้วลุกขึ้นยืนส่งมือไปให้หญิงสาว
“เต้นรำไหม” ลุคเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้าฟังเพลงซึ้งอยู่ ด้วยใบหน้าอบอุ่น
“ไม่มีอารมณ์” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธหันไปชายตามองเหล่าคู่รักซึ่งกำลังเต้นรำกันด้วยความรักแล้วหันมองคนที่ส่งมือให้เขาแค่เพื่อนชายที่รักเท่านั้น
“มาน่าเผื่อจะดีขึ้น” ลูคัสจับมือบางขึ้นมาจูงกึ่งบังคับให้เดินตามไปที่กลางฟลอร์เต้นรำจับมือเธอวางให้ถูกที่แล้วเริ่มขยับขานำให้เธอเต้นรำไปกับเขา
แสงไฟ เสียงเพลง และสองเราทำเอาหญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศเริ่มจินตนาการไปไกลว่าชายที่เต้นรำด้วยคือคนที่เธอหลงรัก ซบใบหน้าลงที่อกกว้างมือบางที่ตอนแรกต่อต้านที่จะเต้นรำกับเขาเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามไปกับความหวานของบรรยากาศ
ชายหนุ่มโอบร่างบางกระชับซุกใบหน้าลงที่ซอกคอสูดดมความหอมหวานที่เขาหลงใหลมากแสนนาน รู้สึกเหมือนฝันไปที่เธอที่รักมาอยู่ในอ้อมกอด เสียงเพลงขับกล่อมให้สมองของทั้งสองล่องลอยจากห้องที่มีคนอยู่มากมายเหมือนตอนนี้มีพวกเขาอยู่กันแค่สองคน
ลูคัสจูบลงที่ซอกคอหญิงสาว ใบหน้างามขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับจูบของเขา ชายหนุ่มเชยใบหน้างามขึ้นมาใช้มืออีกข้างช่วยปัดไรผมที่รกใบหน้าออกไป ใช้ปลายนิ้วโป้งลูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มบางๆ เขาจ้องมองดวงตากลมโตด้วยความหลงใหลขยับใบหน้าเลื่อนต่ำลงไป
จนกระทั่งทั้งสองได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน ริมฝีปากอบอุ่นค่อยๆแตะกันสัมผัสแผ่วเบาแล้วค่อยๆแนบแน่นแต่ทว่าเสียงเพลงหวานซ้ำจบลงจังหวะร้อนแรงเริ่มขึ้นทำเอารสินทรารู้สึกตัวแล้วผลักชายหนุ่มออกห่างจากร่างกายของเธอด้วยความตกใจ
“กลับกันเถอะ” ใบหน้างามทำเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายดวงตาเบิกกว่างจ้องมองเขาแล้วก้มหน้าลงพื้นรู้สึกสับสนกับการกระทำของตนเองที่เพิ่งเกิดขึ้น จากความรู้สึกที่ตอนแรกมึนๆแอลกอฮอล์เล่นเอาตอนนี้เธอสร่างได้สติในทันทีด้วยความตกใจ
“อือ” ชายหนุ่มพยักหน้ามองดูใบหน้างามที่ยังตื่นตระหนกตกใจอยู่ ดู
เหมือนความรู้สึกของเธอจะตรงกันข้ามกับเขา เพราะความรู้สึกของเขาตอนนี้หัวใจเต้นแรงไม่จังหวะและความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อริมฝีปากของทั้งสองแตะกัน
ขณะเดินทางกลับโรงแรมทั้งสองไม่พูดอะไรกันอีก พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่จริงสิ่งที่เกิดขึ้นมันชัดเจนแต่ด้วยเพราะเวลาปกติทั้งสองจูบทักทายกันอยู่เสมอๆเลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสักเท่าไรอีกอย่างด้วยเพราะบรรยากาศพาไปและตอนนั้นเธอเองก็กำลังคิดถึงเคนอยู่ซึ่งลุคก็คงคิดเหมือนสาวคนรักเหมือนกัน
เมื่อมาถึงหน้าห้องพักของหญิงสาวชายหนุ่มที่คิดมากตลอดทางว่าไหนๆก็ไหนๆคืนนี้เขาจะจัดการให้สิ่งเรื่องสิ้นราวเพราะคงไม่มีโอกาสไหนเหมาะเท่ากับคืนนี้แล้ว จากบรรยากาศที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายมันคงทำให้เธอจิตใจอ่อนไหวมาทางเขาบ้าง
“แอลไปดื่มกันต่อไหม” ลูคัสที่ยืนลังเลไม่ยอมเดินออกไปจากหน้าประตูห้องของหญิงสาวมองดูแววตาคู่สวยที่กำลังทอดมองไปยังประตูห้องของชายอีกคนที่ทำให้เธอเสียน้ำตาอย่างอาลัยอาวรณ์
“ไหนว่าไม่อยากให้พนักงานเห็น” รสินทราหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มทั้งที่ตอนแรกคัดค้านที่จะดื่มกินภายในโรงแรมของตนเพราะห่วงภาพพจน์
“ดึกแล้วไม่ไรหรอก” ชายหนุ่มยิ้มเจือๆ รู้สึกเหมือนกลืนน้ำลายตัวเองเพียงแต่เขายังไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลงอยากจะฉวยโอกาสทองเอาไว้ตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่มาถึง
“จะดีเหรอ” หญิงสาวรู้สึกลังเลด้วยเพราะไม่อยากให้ใครบางคนเห็นเธอมานั่งดื่มหนักกลัวเขาจะสมน้ำหน้าหรืออาจจะสมเพท
“งั้นก็สั่งมาที่ห้องก็ได้” สายตาลังเลของเธอลุคพอจะมองออกเลยเสนออีกทางเลือกซึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมโอกาสให้กับตน
แอลยืนคิดอยู่อึดใจก็พยักหน้าเพราะมองเวลาเพิ่งจะเที่ยงคืนกว่าๆหากอยู่คนเดียวไม่วายคงจะคิดมากไม่อันหลับอันนอนสู้หาเครื่องดื่มแล้วค่อยหลับน่าจะดีกว่า
“งั้นก็เอาสิ”
เวลาผ่านไปหลังจากที่ทั้งสองสั่งเครื่องดื่มมาดื่มต่อภายในห้องพักของรสินทราทั้งสองพูดคุยกันหลายเรื่องส่วนใหญ่เรื่องอื่นรอบๆตัว เรื่องงานพยายามพูดเรื่องของหัวใจให้น้อยที่สุดเพื่อเธอจะได้ไม่ร้องได้และลืมความรู้สึกที่มีต่อเคนไปชั่วขณะหนึ่งและเปิดใจให้เขาได้มองเห็นหัวใจของเธอ
“นี่เล่าเรื่องเธอคนนั้นให้ฟังหน่อย” แล้วอยู่ๆรสินทราก็เอ่ยถามถึงหญิงสาวที่ชายหนุ่มหลงรักเพราะเขารู้เรื่องของเธอเกือบทุกเรื่องแต่เธอกลับไม่รู้เรื่องของเขาเลยสักนิดเดียว
“ทำไมละ” ด้วยเพราะยังไม่ทันจะเตรียมใจไม่คิดว่าหล่อนจะเอ่ยถามผสมกับแปลกใจที่อยู่ๆเธอจึงหันมาสนใจเรื่องของเขา
“อยากรู้ใครคือเธอคนนั้น” หญิงสาวนั่งเท้าคางมองดูชายหนุ่มแววตาหยาดเยิ้ม เธออยากฟังเรื่องความรักดีๆเพื่อจะได้รู้สึกมีแรงต่อสู้กับเรื่องความรักของตนเองต่อไป
ก่อนจะเล่าเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ดื่มเหล้าย้อมใจเพราะรู้สึกเหมือนถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเผยความนัยน์ออกมา
“เธอคนนั้นคนที่ผมเองก็แอบรักมาตั้งแต่เด็ก”
“เหรอเหมือนแอลเลยเนอะ” ใบหน้างามอมยิ้มเมื่อได้ยินคำว่าแอบรักตั้งแต่เด็ก ชวนให้มองย้อนดูตัวเองเพราะแท้จริงแล้วความรักสิ่งที่สวยงาม
“อือ เธอนางฟ้าใจดี อ่อนโยน น่ารัก บอบบาง น่าทะนุถนอม” ลูคัสพูดไปแล้วมองหน้าเธอไปใบหน้าของเขาตอนนี้กำลังยิ้มอย่างสุขใจเมื่อคิดถึงใบหน้างามที่หลงรัก
“แล้วลุคก็ชายหนุ่มผู้แสนดีและสุภาพบุรุษที่พร้อมจะปกป้องแล้วดูแลเธอ” หล่อนช่วยพูดเสริมเพิ่มกำลังใจให้กับชายหนุ่มมั่นใจขึ้น
“ก็ใช่ เธอคนนั้นต้องการให้สักคนให้ปกป้อง เพราะเธอคนนั้นยัง...” ถึงตอนนี้เขาก้มหน้าลงเม้มริมฝีปากแน่นพยายามสะกดอารมณ์กลั้นใจจะกล่าวบางอย่างที่เริ่มสำคัญออกไป
“มีโรคประจำตัว”
“จริงเหรออะไร” รสินทรายังไม่สะกิดใจ อ้าปากค้างไม่คิดว่าหญิงสาวที่ลูคัสรักจะโชคร้ายมีโรคประจำตัว...เหมือนกับเธอ
“โรคหัวใจ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองแล้วบอกชื่อโรคออกไปด้วยใจที่เต้นแรงไม่จังหวะถึงขั้นนี้แล้วหัวใจของเขาบอกกับตัวเองว่าเธอกำลังรู้สึกได้ว่าใคร
แอลนิ่งงันพูดไม่ออกสมองส่วนหนึ่งก็กำลังคิดว่าเธอคนนั้นคงบังเอิญโรคเดียวกันเธอส่วนอีกส่วนหนึ่งก็กำลังคิดหนักเมื่อจูบกลางฟลอร์เต้นรำผุดขึ้นมาใน
สมอง
ความคิดว่าเธอคนนั้นมีโรคประจำตัวเหมือนตัวเองเมื่อครู่เริ่มสั่นคลอนแค่เหมือนหรือคนเดียวกัน แต่คงไม่มีทางหรอกคนอย่างลุคคงไม่คิดอะไรกับเธอ หรืออาจจะคิดเพราะขนาดเธอยังคิดอะไรเกินพี่น้องกับเคนเลย รสินทราคิดไปคิดมาด้วยความสบสันอย่างแรง
“ตอนนี้รักษาหายแล้ว เธอคนนั้นกลับมาเข้มแข็ง แข็งแรงแต่ก็ยังใจดีอ่อนโยน น่ารัก บอบบาง น่าทะนุถนอมสำหรับลุคอยู่เสมอ” ชายหนุ่มกล่าวต่อไม่แปรเปลี่ยนสายตาจากเธอพอจะมองออกว่าแอลกำลังเริ่มสับสนแค่ไหนกับสิ่งที่ตนเองเริ่มแง้มหัวใจออกไป
“ลุค...” จากที่นั่งเท้าคางตั้งใจฟังอย่างสนุกตอนนี้หญิงสาวขยับกายตั้งตรงสายตาลังเลใจท่าทางไม่อยู่นิ่งนั่งไม่ติดเก้าอี้อย่างเห็นได้ชัดเพราะยิ่งเขาพูดก็ยิ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นตัวเอง
“แม้ตอนนี้เธอคนนั้นจะรักใครคนอื่นแต่ก็ไม่ได้รับความรักตอบกลับมา เลยไม่รู้ว่า...แอล...จะรับรักจากลุคได้ไหม” เหมือนน้ำที่ล้นออกมาจากเขื่อนที่พังทลายความในใจของเขาพลั่งพรูออกมาจากปากไม่หยุดหย่อนทั้งที่ตอนแรกทำ
ใจอยู่นานแต่บทจะพูดก็ง่ายกว่าที่คิด
“ลุคนี่มัน...” จากอาการมึนๆเพราะฤทธิ์สุราตอนนี้หญิงสาวสร่างอีกครั้งเหมือนตอนจูบเธอส่ายหน้าเบาๆไม่อยากจะเชื่อว่าใช่เธอจริงๆ
“เตรียมพร้อมมาตั้งแต่ถึงเมืองไทยตั้งใจมากที่จะขอแอลแต่งงาน” โดยที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วเขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอเปิดกล่องเล็กๆที่ติดไว้ในกระเป๋ากางเกงอยู่ตลอดเวลาแล้วส่งให้กับหญิงสาวเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาวิงวอนรู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่จังหวะ
“แต่แอลไม่ได้...” รสินทราส่ายหน้าอีกครั้งรู้สึกหายใจหายคอไม่ถนัดลุกขึ้นจากเก้าอี้รู้สึกทำอะไรไม่ถูกยิ่งมือบางถูกชายหนุ่มดึงเข้าไปกุมเอาไว้แนบแน่นก็ยิ่งทำให้เธอหวั่นใจ
“ตอนนี้แอลอาจจะยังไม่รักลุคเหมือนคนรักแต่เชื่อเถอะว่าลุคจะไม่ทำให้แอลต้องร้องไห้เสียใจจะทำให้แอลมีความสุข” ลูคัสเอาความจริงใจเข้าหาความมุ่งมั่นอย่างที่สุดจุมพิตลงที่หลังฝ่ามือหยิบแหวนออกมาจากกล่องพยายามบรรจงสวมให้กับเธอที่ปลายนิ้วนาง
“ขอโทษนะลุค แอลรับไม่ได้จริงๆ” หญิงสาวส่ายหน้าแรงขึ้นออกแรงชัก
มือกลับแล้วเดินหนีเก็บไม้เก็บมือของตนเองไว้ด้านหลังให้พ้นจากมือเขาเหมือนจะช่วยอะไรได้
“ทำไมล่ะ ลุคไม่ดีพอเหรอ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินตามด้วยหัวใจที่ยังมีความหวังในมือยังถือแหวนเอาไว้แน่นพร้อมที่จะสวมให้กับเธอพลางจับร่างบางหันกลับมาเผชิญหน้ากับตน
“ลุคดีมาก แต่แอลไม่เคยมองลุคอื่นนอกจากเพื่อนและพี่ชายอีกคน” หล่อนพยายามอธิบายให้ชายหนุ่มได้รับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เธอรู้สึก
“แต่กับพี่ชายคนนั้นเขามองแอลแค่น้องสาว แอลกลับมองเขาคนรักทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้รับความรักตอบกลับมาเหรอ” ลูคัสย้อนถามอยากจะให้เธอมองดูตัวเองบ้าง ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ กำลังปิดหูปิดตาไม่ยอมรับความจริงหรืออย่างไร
“พี่เคนแค่ต้องใช้เวลาทบทวนความรู้สึก” หญิงสาวคิดเข้าข้างตัวเองและชายหนุ่มที่ตนฝากหัวใจเอาไว้พลางเดินหนีห่างออกมาจากคนที่พยายามเอาหัวใจที่ไม่ใช่ของตนไปครอบครอง
“เขาไม่รับรักแอลหรอก แต่ถึงเขารักคำว่าพี่ก็ยังค้ำคอทำให้เขาหันกลับมายอมรับแอลในฐานะคนรักไม่ได้” ลุคเริ่มขึ้นเสียงให้เธอได้ตาสว่างขนาดบอกรักไปขนาดนั้นคนๆนั้นยังไม่คิดทำอะไรเพื่อเธอเลยสักนิดเดียวยังไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำของตนเองที่แสดงออกมาให้อื่นเห็น
“หมายความว่ายังไง พี่เคนรักแอลเหรอ” หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าลูคัสดูออกว่าคันธารัตน์คิดยังไงกับตนเองเอ่ยถามด้วยความสนใจ
ชายหนุ่มยืนนิ่งคิดสาปแช่งตัวเองที่เผลอพูดออกไปให้เธอรู้สึกเหมือนมีความหวัง ทั้งที่ตอนแรกความหวังที่เธอคิดเอาไว้มันจะริบหรี่ก็ตาม
“ลุคดูออกเหรอ” หล่อนจับต้นแขนล่ำของชายหนุ่มแน่นเขย่าแรงๆคาดคั้นให้เขาเปิดปากออกมาว่าจริงๆแล้วสายตาของเขาเห็นอะไร
“ใช่ดูออก แต่หมอนั่นมันโง่ไม่รู้ตัว ไม่กล้ายอมรับหัวใจ” ลูคัสพยักหน้าพลางชี้ปลายนิ้วไปทางห้องของคนที่กล่าวถึงด้วยความขับแค้นใจเพราะเมื่อกล่าวถึงเคนหญิงสาวก็หน้าบานดูเหมือนจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าเขาเพิ่งจะขอเธอแต่งงาน
“ดูออกเมื่อไร” แม้ในใจลึกๆของเธอเองก็รู้สึกได้ว่าเคนมีใจให้แต่มันก็เลือนรางจนหล่อนเองไม่แน่ใจว่าความรักแบบพี่ชายหรือคนรัก
“ตั้งแต่แรกเจอสายตาของหมอนั่นทำให้ลุครู้สึกเหมือนสายตาของลุคเมื่อ
ตอนเจอแอลครั้งแรก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความปวดใจเมื่อคิดถึงสายตาของพี่ชายที่เธอเคยบอกว่าไม่คิดอะไรในวันแรกที่ได้เจอมันเหมือนสายตาของดอกไม้บานยามเช้าสายตาของรักแรกพบซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเร่งของเธอแต่งงาน
“งั้นแอลจะไปหาพี่เคนไปคุยให้รู้เรื่อง” หญิงสาวไม่คิดอะไรทั้งสิ้นเหมือนหัวใจที่ได้รับการฟื้นฟูใบหน้าแช่มชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
“อย่าไปแอล...” ชายหนุ่มฉุดรั้งร่างบางที่พยายามจะเดินไปตามหาหัวใจแล้วดึงเข้ามากอด
“อยู่กับลุคเถอะลุครักแอลนะ รักมาก รักมานานแล้ว”
“แต่แอลไม่ได้รักลุค” หล่อนพยายามขัดขืนเขาอย่างเต็มแรงแม้ตัวจะถูกโอบกอดแต่หัวใจของเธอกลับไปอยู่อีกที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้อาจจะยัง แต่ต่อไป...” เขาพยายามบอกเหมือนจะเรื่องง่ายที่จะหักห้ามใจมากรักใครอีกคนลุคเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจว่าสักวันเธอจะต้องหันมารักเขา
“ไม่มีคำว่าต่อไปเพราะมันจะไม่เปลี่ยนแปลง” รสินทราสายตามุ่งมั่นดุดันขึ้นตามแรงของชายหนุ่มที่ส่งผ่านมือมาจับรัดเธอไม่ยอมให้จากไป
“เคนยังเปลี่ยนได้ทำไมแอลจะเปลี่ยนบ้างไม่ได้” ลูคัสอารมณ์ขึ้นเมื่อทุกลม
หายใจเข้าออกของหญิงสาวมีแต่เคนอยู่ตลอดเวลา
“แต่สำหรับแอลมันจะไม่มีวันเปลี่ยน” หญิงสาวเองก็เดือดดาลตามที่ถูกขัดขวางทั้งที่ลุคเคยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเธอมาทุกครั้ง
“ลุครักแอลโดยที่แอลไม่ต้องทำอะไร แล้วทำไมแอลต้องไปทำอะไรเพื่อมัน” เหมือนตอนนี้ลูคัสหน้ามืดไปแล้วนอกจากสวมกอดเขายังซุกไซ้ใบหน้าเข้าหาหญิงสาวสองขาเดินโซเซเหมือนจะนำพาเธอไปอีกทีหนึ่งเพื่อทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงตามใจตนเอง
“เพราะแอลรักพี่เคนไง แอลจะทำทุกอย่างทุกทางจนกว่าพี่เคนจะรักและจะไม่มีวันเปลี่ยนมารักลุคด้วย” หญิงสาวพยายามขัดขืนแต่เรียวแรงของเธอหรือจะไปสู้อะไรเขาได้แม้ปากจะพรำบอกไปแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายตัวเองหลุดพ้นไปจากพันธนาการ
“แอล...” ชายหนุ่มหยุดเดินเมื่อมาถึงปลายเตียงขึ้นเสียงตะคอกใส่หน้าหญิงสาวเรียกขานให้เธอรู้ตัวสักนิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ทั้งที่เขาเฝ้าอยู่เคียงข้างแต่นี่หรือคือสิ่งที่ได้รับกลับมา
“กลับไปได้แล้ว แอลจะถือว่าคืนนี้เราเมาแล้วก็ฝันไปตื่นมาพรุ่งนี้จะลืมทุก
อย่างที่เกิดขึ้น” เมื่อเห็นเขาหยุดนิ่งหล่อนก็ฉวยโอกาสนี้ขับไล่
“ไม่...ลุคไม่กลับจนกว่าแอลจะเปิดใจรับ มองลุคบ้างสิ ลุครักแอลนะรักมาก” ลูคัสสายหน้า สายตาที่เคยอ่อนโยนรอให้เธอเปิดใจกลับเปลี่ยนไปคิดอยากจะครอบครองเธอแม้ต้องฝืนใจก็ตามที
“อย่าลุคปล่อยแอลเถอะ แอลเข้าใจว่าการแอบรักมันเจ็บปวดยิ่งถ้าเขาไม่รักเราก็ยิ่งเจ็บปวด แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะลุค” รสินทราร้องเสียงหลงเมื่อร่างบางของตนเองถูกเขาผลักลงไปนอนราบอยู่บนเตียงมิหน่ำซ้ำตัวตนผลักยังทับทาบลงมาอย่างก้าวร้าว
“ลุคจะไม่ปล่อยแอลให้กับมัน” ชายหนุ่มหน้ามืดรู้สึกเหมือนอยู่บนทางตันที่คับแคบพยายามเข้าหาหญิงสาวด้วยความลืมตัว
“อย่าลุค ลุคเมามากแล้วนะอย่า...” นี่หรือคือชายที่เคียงข้างเธอมาตลอดที่แท้ก็หวังผลตอบแทนให้เธอรักตอบ สิ่งที่กระทำลงไปทุกอย่าง สิ่งที่รับปากว่าจะช่วยเหลือ แท้จริงแล้วต้องการจะขัดขวาง การแสดงที่เคยตกลงกันไว้ว่าจะทำให้เคนหึงห่วง แท้จริงแล้วมันสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากใจ และตอนนี้ดูเหมือนเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สมหวังตามแต่ใจของตนเองโดยไม่คิดคำนึงถึงหัวอกของเธอเลย
“แอล...ของผมนะ” ชายหนุ่มกระซิบเรียกหาพยายามจูบไซ้เธอตามซอกคอใจหวั่งจะให้เธอรู้สึกวาบหวามแล้วค่อยๆปลดปล่อยอารมณ์ตามตนไป
“ผมรักคุณ”
“อย่า...” แต่มันไม่ได้ช่วยรสินทราได้แต่ร่ำร้องห้ามส่ายหน้าไปไม่มาเม้มปากแน่สนิทเขาซุกไซ้ไปทางไหนก็เบือนหน้าเอียงกายไปทางนั้นเพื่อบดบังริมฝีปากของเขาที่จามจ้วงเอากับเธอ ดูเหมือนเสียงร้องของเธอจะบางเบาเหตุใดทำไมถึงไม่มีใครได้ยินแล้วเข้ามาช่วยเธอเลย
“ช่วยด้วย...”
ขณะที่ลูคัสและแอลกำลังนั่งดื่มเหล้ากันที่นอกโรงแรมจนกระทั่งกลับมาดื่มกันต่อที่ห้องพัก ชายหนุ่มอีกคนก็ไม่อันหลับอันนอนเหมือนกันตั้งแต่น้องสาวต่างสายเลือดออกปากบอกรักตนก็ตั้งสติอยู่พักใหญ่แล้วออกตามหาเธอเพื่อพูดให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่เจอจึงถอดใจไปนั่งดื่มเหล้าคนเดียวอยู่ที่บาร์ของโรงแรมโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ตนตามหากำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องกับชายอีกคนตามลำพัง
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบตีสามบาร์ปิด คันธารัตน์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ออกมาจากบาร์รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยเพราะเอาแต่ดื่มอย่างเดียวซึ่งตนไม่ได้ดื่มแบบนี้มานานแล้ว เคนหันไปมองประตูอัตโนมัติของโรงแรมยังไม่มีวี่แววของหญิงสาวที่เขารอจะกลับมา หรือ แอลอาจจะกลับมาตอนเขาไม่เห็น
แล้วเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ของไปดูห้องของเธอสักหน่อยหากกลับมาแล้วก็จะได้สบายใจเรื่องที่อยากจะพูดค่อยพูดวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่สาย เมื่อถึงหน้าประตูห้องสิ่งที่เขาได้ยินก็คือเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่คุ้นหู คันธารัตน์ยืนตัวชาไม่ค่อยแน่ใจบางทีเขาอาจจะหูฝาดเธออาจจะกำลังดูหนังอยู่เปิดทีวีเสียงดังแค่นั้น
“ช่วยด้วย...” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ชายหนุ่มมั่นใจว่าไม่ใช่เพียงแค่เสียงของทีวี เคนรีบเร่งพยายามเปิดประตูห้องพลางเคาะด้วยความห่วงเกิดอะไรขึ้นกับรสินทราภายในห้องที่ประตูปิดสนิทแม้จะเอาไหล่กระแทกสักกี่ครั้งประตูหนาก็ไม่ขยับ
“นี่คุณทำอะไรน่ะ” เสียงของแม่บ้านผู้เดินผ่านมาเห้นเคนกำลังพยายามบุกรุกเข้าไปภายในห้องดังขึ้นท่าทางของเธอเหมือนกำลังจะโทรแจ้งรปภ.ด้านล่างให้ขึ้นมาช่วย
“เปิดประตูเร็วเข้าคุณแม่บ้าน” ชายหนุ่มหันไปบอกด้วยความรีบร้อนแถมยังเดินเข้าไปหาจูงกึ่งลากผู้ที่มีประตูทุกห้องพักของชั้นนี้ให้เข้าช่วยเหลือ
“เปิดไม่ได้คะ นี่ห้องของคุณ...” แม่บ้านส่ายหน้าไม่หาญกล้าเปิดประตูห้องของผู้เจ้านายพลางทำสายตาดุๆใส่ผู้ที่บังคับให้หล่อนเปิดประตูเหมือนกำลังจะบอกว่าเขาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“ต้องเปิดแล้ว ไม่ได้ยินรึไง คุณแอลต้องการความช่วยเหลือ” คันธารัตน์หัวเสียหนักเมื่อถูกปฏิเสธจับต้นแขนของผู้มีกุญแจมาสเตอร์ให้เข้าใกล้ประตูจนได้ยินเสียงของความช่วยเหลือดังออกมา
“ช่วยด้วย”
“อุ้ย...ตายแล้ว...” เมื่อหล่อนได้ยินเสียงของผู้หญิงของความช่วยเหลือดังออกมาจากประตูห้องก็ใจหายวาบรีบร้อนหาคุณแจมือไม้สั่นด้วยความตกใจ
“เร็วเข้าสิ” ยิ่งมีชายหนุ่มส่งเสียงเร่งก็ยิ่งทำให้เธอหากุญแจในกระเป๋าไม่เจอเมื่อเธอก็ยังเสียบไม่ถูกรู้จนถูกเคนทำเสียงดุๆเร่งขึ้นมาอีกที
เมื่อลูกกุญแจไขประตูห้องคันธารัตน์ก็รีบร้อนเปิดประตูเข้าไปภาพที่เห็นคือลูคัสกำลังค่อมร่างรสินทราซึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดสองมือหนาของชายหนุ่มตรึงแน่นที่ข้อมือของหญิงสาว สองขาของเขาทับทาบอยู่ที่ต้นขาของแอลทำให้เธอเหมือนกำลังถูกขัง ใบหน้าของลุคยามนั้นดูหื่นกระหายจนน่ากลัวหันกลับมา
มองผู้ที่เข้ามาเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องพักเปิดออก
“แอล...พี่มาช่วยแล้ว” คันธารัตน์ร้องเรียกให้น้องสาวใจชื้น มองดูใบหน้างามที่ตอนนี้กำลังมองมาทางเขาอย่างขอความช่วยเหลือแล้วก็รู้สึกโกรธเคืองผู้ที่กำลังคิดหักหาญจิตใจของเธอ
“พี่เคนช่วยแอลด้วย” หญิงสาวหันไปมองพี่ชายหายใจหอบหนักด้วยความเหนื่อยริมฝีปากของเธอบวมช้ำเพราะถูกลูคัสพยายามขโมยจูบผมเผ้ารุงรังโชคดีที่เสื้อผ้ายังไม่ถูกปลดเปลื้องออกไปจากร่างกาย
“ลุคนี่นาย...” เคนเดินเข้าไปหากระชากชายผู้ค่อมร่างออกให้พ้นกายของน้องสาวด้วยสายตาดุดัน เขายังมีสติพอที่จะยังไม่ลงไม้ลงมือเพราะเห็นว่ามีคนนอกอยู่ด้วยและฐานะอย่างลุคคงไม่เหมาะที่ตนจะทำร้ายร่างกายให้พนักงานระดับล่างได้เห็น
“พี่เคน” รสินทราโผเข้ากอดด้านหลังของพี่ชายเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัวไม่คิดเลยว่าเพื่อนชายที่แสนดีของเธอจะคิดทำอะไรบ้าๆแบบนี้
“ไม่เป็นไรแล้วแอล พี่มาช่วยเธอแล้ว” คันธารัตน์กุมมือของหญิงสาวที่โอบกอดรอบตัวเขาเอาไว้แน่นรู้สึกได้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวจริงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มาได้จังหวะ ไงละพี่ชายที่แสนดีมาช่วยเธอแล้วไงล่ะ” ลูคัสสะแยะยิ้มหายใจหอบยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ตอนนี้ดูเหมือนลูคัสที่แสนดีจะหายไปเหลือแต่ด้านมืดของลูคัสที่อยู่ส่วนลึกของใจปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนได้เห็นว่าคนอย่างเขาก็เลว
“ลุค พอได้แล้ว พอเถอะ” หญิงสาวพยายามกล่าวเรียกคืนสติของชายหนุ่มคงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจำนวนมากทำให้เขาขาดสติได้ขนาดนี้
“นายทำได้ยังไงแอลเพื่อนรักนายนะ” เคนรั้งร่างของน้องสาวเข้ามาโอบกอดมองดูชายผู้เปลี่ยนไปด้วยสายตาดุดันพลางส่ายหน้ารับไม่ได้กับการกระทำของเขา
“แต่ลุคไม่เคยมองแอลเพื่อนไม่เคยเลยสักครั้งเดียว” ลูคัสขึ้นเสียงส่ายหน้าไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของตัวเองและหญิงสาว
ร่างบางพูดอะไรไม่ออกนี่เธอทำอะไรผิดไปหรืออย่างไร ทำไมเรื่องราวถึงได้ดูวังวนเวียนไปวนมาอยู่ไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ ชายหนุ่มที่เธอว่าสุภาพเคร่งขรึมรู้จักคิดตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนขาดสติแถมยังเมามายทั้งที่เมื่อครู่ยังไม่ขนาดนี้เลย
“พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง ออกไปจากห้องนี้กันดีกว่าแอล ลุคจะได้สงบสติ
อารมณ์” คันธารัตน์เห็นว่าเวลานี้ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน เพราะพูดไปก็คงไม่รู้เรื่องต่างคนต่างกำลังร้อน แถมยังมีแม่บ้านซึ่งคนนอกยืนมองอยู่อย่างมึนงงกึ่งอยากรู้อยากเห็น
รสินทราพยักหน้าอย่างมึนงงกับคำสารภาพของอีกฝ่ายแล้วเดินตามพี่ชายที่แสนดีซึ่งโอบกอดเธอออกไปจากห้องด้วยความสบสันปนอบอุ่นหัวใจ
ขณะที่ลูคัสกลับมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวดหัวใจจนกระทั่งประตูห้องถูกปิดลงตนเองถูกทิ้งเอาไว้อยู่ภายในห้องเพียงลำพัง ทำไมกันยามที่เธอเศร้าใจถึงมีคนอยู่เคียงข้างแต่ข้างกายของเขายามนี้กลับว่างเปล่าไม่เหลือใครมันช่างตอกย้ำฐานะของตนเองที่มีต่อหญิงสาวได้ดีเสียจริงๆ
ความคิดเห็น