ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วังวนอสูร

    ลำดับตอนที่ #2 : การประชันและชั้นเชิง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 59




                



    ขณะที่สองพี่น้องต่างสายเลือดกำลังทักทายกันด้วยความคิดถึงและสนิทสนม

     “แอล...” เสียงไม่คุ้นหูคันธารัตน์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มชาวต่างชาติรูปร่างหน้าตาหล่อเหล่าเอาการเอ่ยเรียกนามของรสินทราอย่างสนิทสนมคุ้นเคย แฝงน้ำเสียงหงุดหงิดขัดใจอยู่เล็กน้อย ที่หญิงสาวโอบกอดชายอื่นต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางที่สาธราณะ

    “ลุค...” แอลลุกขึ้นออกห่างจากอกของพี่ชาย เดินเข้าไปหาหนุ่มชาวต่างชาติพร้อมคล้องแขนอย่างสนิมสนม พลางจูงกึ่งล่างเข้ามาหาคนที่กำลังลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงง แล้วแนะนำให้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มๆให้กับคันธารัตน์ได้รู้จักภาษาอังกฤษเพื่อให้ทุกคนเข้าใจความหมายตรงกัน

    “พี่เคนคะนี่ลุคค่ะ”

    “ฟะ...” ความรู้สึกของเคนตอนนี้มันปั่นป่วนอยู่ที่ภายในท้อง หายใจหายคอไม่ถนัด อะไรกันน้องสาวของเขากลับมาพร้อมกับแฟน แบบนี้พี่ชายอย่างเขาก็ไม่มีความหมายแล้วน่ะสิ

    “ลูกชายของอีริคกับเชอเพื่อนคุณพ่อคุณแม่เราไงคะจำได้ไหม” รสินทราแนะนำความสัมพันธ์ต่อเพื่อระลึกความหลังให้กับพี่ชายเพราะรู้ดีว่าคนทั้งสองไม่เจอหน้ากันมานานมากแล้ว คงจะจำหน้าจำตากันไม่ค่อยได้ อีกอย่างด้วยเพราะงานที่อยู่ต่างสายกันไม่เหมือนเธอและลุค ที่ทำงานเกี่ยวกับโรงแรมและอายุใกล้เคียงกันเลยทำให้เจอกันค่อนข้างบ่อยมากกว่าเคนและเจน

    “ลุค...” คันธารันต์ขมวดคิ้วมองใบหน้าที่คับคล้ายคับคราเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทบทวนความทรงจำครั้งวัยเยาว์จนกระทั่งนึกออก เด็กรุ่นน้องซึ่งเป็นลูกของเพื่อนพ่อแม่ก็เอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มมิตรภาพภาษาอังกฤษเช่นกัน

    “อ้อ...ไม่เจอกันเกือบสิบปีจำเกือบไม่ได้เลย เป็นไงบ้าง”

    “ครับสบายดี ผมพอจะจำคุณได้เพราะหน้าคุณเหมือนคุณคิงเลย” ลูคัส เทยเลอร์ โคแมนซ์ ยื่นมือหนาไปจับอีกฝ่ายอย่างสุภาพการทักทายตอบกลับด้วยภาษาที่คุ้นเคย

    “แต่คุณดูหล่อกว่าคุณอีริคนะ” คันธารัตน์ยิ้มมองดูความหล่อเหล่าราวกับเทพบุตร เหมือนกับนายแบบตามนิตยสารดังๆ

    “ขอบคุณครับ” คนถูกชมโค้งรับคำชมอย่างสุภาพพลางพิจารณานี่หรือพี่ชายที่แสนดีที่รสินทราหลงรักมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

    “ลุคเขารุ่นพี่ที่มหาลัยคอยดูแลแอลตอนเรียนอยู่ที่นั่น พอรู้ข่าวว่าจะกลับมาเลยขอตามมาด้วยฉวยโอกาสพักผ่อนไปในตัวโดยเอาแอลข้ออ้าง” หญิงสาวเปิดเผยความจริงถึงการมาเยือนเมืองไทยของชายหนุ่มต่างเชื้อสายเท่าที่เธอได้รู้

                    “ไปอยู่เมืองนอกมานาน กลับมาใหม่กลัวแอลจะปรับตัวไม่ทัน” ลูคัสกล่าวด้วยความห่วงอยากให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาห่วงและหวงเธอแค่ไหน

    “แอลอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เคนอดไม่ได้ในเมื่อหญิงสาวอยู่ที่นี่มาตั้งนานโดยมีเขาผู้ดูแลมาตลอดมีหรือที่จะปรับตัวรับไม่ทัน

    “ก็อดไม่ได้นะครับ เธอยิ่งขี้โรคอยู่” ชายหนุ่มชาวต่างชาติจับมือบางขึ้นมาแล้วยิ้มหวานส่งสายตาหวานซึ่งโดยหญิงสาวไม่ได้หวานตอบกลับมาเพียงแต่ยิ้มเจือๆมองไปยังคันธารัตน์โดยไม่สนใจตน

    “มีผมอยู่ดูแลทั้งคนไม่ต้องห่วงหรอกผมรู้ดีว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไรดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กๆ รู้ใจแอลทุกอย่างจริงไหม” เคนที่รู้สึกเหมือนถูกลบเหลี่ยมที่น้องชายไม่สนิทกลับมาพูดแบบนี้ ความรู้สึกว้าวุ่นใจก่อตัวอยู่ภายในอดไม่ได้ที่จะพูดเกทับอีกฝ่ายรู้ชัดกันไปเลยว่าใครใคร

    “คะ พี่ชายรู้ใจแอลม๊ากมาก” เมื่อเห็นคันธารัตน์เกทับอีกฝ่ายยกใหญ่หัวใจของหญิงสาวก็พองโตขึ้นมาออกสีหน้าและแววตาจนลุคแทบทนไม่ไหว

    “แต่แอลยังมีอาการที่ยังต้องน่าห่วงอยู่ซึ่งผมรู้ดีว่าอาการเธออย่างไรเผื่อมีอะไรแทรกซ้อนผมรู้ดีที่สุดที่จะดูแลเธอ” ลูคัสออกปากอย่างเอาแต่ใจไม่ว่ายังไงเชื่อมั่นว่าตอนนี้เขารู้ใจเธอมากกว่าใครอื่น รอยยิ้มแห่งมิตรภาพของทั้งสองที่เกิดขึ้นในตอนแรกตอนนี้เริ่มจะแปรเปลี่ยนไปศัตรูกันอย่างไม่รู้ตัว

    ฝ่ายลูคัสพอรู้อยู่ว่าเคนนั้นศัตรูหัวใจเพราะเขาเองก็รักรสินทรามาแต่เล็กแต่น้อยแถมยังคุ้ยเคยกันดีตอนสมัยไปรักษาตัวที่เมืองนอกเรียนก็ที่เดียวกันมีหรือความสัมพันธ์ของเขากับเธอนั่นจะด้อยกว่าเคน

    ทางด้านคันธารัตน์รู้สึกเหมือนหน้าที่ที่ต้องปกป้องโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังจะทำเกินหน้าที่ไปทีละเล็กละน้อยอย่างไม่รู้ตัวตั้งแต่เจอหน้า

    น้องสาวต่างสายเลือดในครั้งนี้

    “พอเถอะคะทั้งสองคน ตอนนี้แอลหิวแล้วอยากกินข้าวราดแกงมากๆ” รสินทราออกพอใจหันไปควงแขนหนุ่มๆทั้งสองเพื่อจะได้สงบศึกใจลึกๆรู้สึกคึกคักดูเหมือนโอกาสของเธอที่จะครอบครองใจเคนคงจะมีหวังขึ้นมาเพราะอาการของเขามันเริ่มออกชัดว่าหวงเธออยู่ที่ว่าจะหวงแบบไหน

    “แล้วเจนล่ะ” เมื่อเห็นแอลออกปากให้ไปจากที่นี่ชายหนุ่มก็สงสัยเขาลืมไปเลยว่ายังมีอีกครอบครัวหนึ่งที่ต้องกลับมาพร้อมกับแอล

    “พี่เจนขอแวะเที่ยวเกาหลีก่อนคะแล้วจะตามมาทีหลัง” หญิงสาวตอบพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าถือของตัวเองมาคล้องแขนเอาไว้เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปกินข้าวตามที่ตนชวนเมื่อครู่

    “อะไรกัน ไหนบอกจะกลับมาพร้อมกันทิ้งให้พี่ทำงานอยู่คนเดียวนานแล้วนะ” คันธารัตน์ทำแต่ก็พอเข้าใจเพราะนานๆทีน้องสาวจะมีโอกาสเดินทางหลังจากที่ต้องยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อยทั้งสองคน

    “ก็ตามประสาคนมีครอบครัว พี่เคนอยากเที่ยวก็มีครอบครัวบ้างสิคะ” แอลอมยิ้มอดคิดถึงพี่สาวต่างสายเลือดไม่ได้ไหนจะลูกๆของเธอซึ่งกำลังอยู่ในวัย

    กำลังซนอยู่เชียว

    “ทำแต่งานจะเอาเวลาที่ไหนไปหา” ชายหนุ่มทำตัดพ้อเมื่อพูดถึงเวลาว่างสำหรับเขาหายากยิ่งกว่างมเข็มในทะเลคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอยากเที่ยวบ้างเพราะรู้สึกเหมือนล้ามาพอสมควรแล้วไหนพ่อแม่ก็อีเมล์มาเร่งวันเร่งคืนให้หาแฟนแต่งานยุ่งแบบนี้จะไปหาเวลาที่ไหนไปหากัน

    “บางทีไม่ต้องหาเธอคนนั้นอาจจะอยู่ใกล้ๆพี่เคนแล้วก็ได้” รสินทราพูดบอกใบ้เป็นนัยๆมองสบสายตากับชายหนุ่มอย่างมีความหมายว่าเธอคนนั้นคือเธอที่รออยู่นานแล้ว

    “...” คันธารัตน์สบสายตากลับเหมือนแรงดึงดูดที่มีมากกว่าทำให้เขาไม่อาจมองไปทางอื่นได้ดวงตาคู่นี้ที่เขาเคยมองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยทำไมตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันสวยจนไม่อยากจะละสายตามันมีพลังอำนาจทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนเริ่มอยากรู้ว่าเธอรู้สึกแบบเดียวกันไหม

    “ผมว่าเราไปหาอะไรทานก่อนดีกว่า เจ้าบ้านไม่ใช่เหรอเคน” ลูคัสเห็นท่าไม่ดีถึงแม้ทั้งสองจะพูดจากันด้วยภาษาไทยซึ่งตนเองฟังไม่ออกแต่อ่านจากสายตาที่ดูหวานเยิ้มของทั้งสองก็ต้องรีบออกปากขัดขวางก่อนที่อะไรอะไรมันจะมาก

    เกินไปกว่านี้

    “งั้นก็ไปสิ” หญิงสาวกล่าวโดยไม่หลบสายตาเหมือนตอนนี้เธอมีเกาะป้องกันสายตาของเขามากยิ่งขึ้นแม้ใจจะเต้นแรงแต่ก็เข้มแข็งมากกว่าเดิมไม่อ่อนแอเหมือนรสินทราคนเก่าขี้โรคและอ่อนแอไม่มีความกล้าซึ่งสำหรับเธอนั่นได้ตายจากกันไปแล้ว

    “พี่/ผมถือกระเป๋าให้” ชายหนุ่มทั้งสองพูดพร้อมกันแล้วก็มองหน้ากันต่างฝ่ายต่างรู้สึกเหมือนหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องดูและเธอ สายตาของชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันด้วยแววตาเชือดเฉือนกระเป๋าในมือจับที่ลากกระเป๋ากันคนละข้างเหมือนพยายามยื้อแย่งกระเป๋ากันไปมา

    “เออ...ลุคของลุคแค่คนเดียวก็เยอะแล้ว ของแอลให้พี่เคนช่วยดีกว่า แบ่งๆกันไป” จนหญิงสาวต้องเข้ามาขวางจัดแจงให้เจ้าหัวใจเธอผู้จัดการเพราะของของลุคก็เยอะจริงตามที่กล่าวอ้าง แอบขบขันเล็กน้อยที่คันธารัตน์กลับดูเหมือนกำลังจะชกหน้าลุคที่พยายามอาสาจะลากกระเป๋าให้กับแอล

    “นั่นสิ ของคุณเอาลงมาจากรถเข็นก็เยอะแล้วนะ ของแอลผมจัดการเอง” เคนแสยะยิ้มออกมา บุ้ยปากไปยังรถเข็นของสนามบินที่ยังมีข้าวของของลูคัสอยู่อีกสองกระเป๋า แล้วออกแรงกระชากเบาๆ ให้รู้ว่ากระเป๋าใบนี้เจ้าของกระเป๋ามอบให้กับตนเอง ดูแลเหมือนแสดงความเจ้าของหน่อยๆ

    ชายหนุ่มเจ้าบ้านหันไปพยักหน้าความหมายให้กับหญิงสาวเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในลานจอดโดยทิ้งให้หนุ่มชาวต่างชาติเดินตามมาด้วยความรู้สึกคับแค้นใจที่ถูกแย่งหน้าที่ดูแลหญิงสาวไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย

    “ก็แค่ยกแรกเท่านั้น ยกสองต้องเป็นของฉัน” ลูคัสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตนเองมองดูชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินนำหน้ากันไปพูดจาท่าทางกันอย่างสนิทสนมเห็นแล้วขัดใจ ในสมองเริ่มคิดวางแผนการที่จะทำให้หัวใจของแอลแปรเปลี่ยนมาหลงรักตน

    คันธารัตน์ขับรถคันหรูพาหญิงสาวและแขกต่างชาติของเธอมายังร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทราซึ่งร้านประจำของครอบครัวทั้งสองที่มักจะมาดื่มกินกันประจำเวลาที่ต้องพบปะสังสรรค์กันอย่างทางการในลักษณะนี้

    เมื่อถึงร้านอาหารเคนเปิดประตูรถตั้งใจจะอ้อมไปเปิดให้น้องสาวของ

    ตนเองแต่ดูเหมือนชายอีกคนจะเปิดพร้อมพาเธอลงอย่างเสร็จสรรพ เคนรู้สึกขัดหูขัดตาชอบกลยามที่เห็นลุคพยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวจนออกนอกหน้ารู้สึกใจของตนเต้นตึกตักร้อนผะผ่าวกับภาพนั้น

    “จำร้านนี้ได้ไหม” คันธารัตน์ไม่ยืนเฉยเดินเข้าไปโอบเอวคอดกิ่วของแอลพากันเข้าไปภายในร้านโดยไม่สนใจพนักงานเปิดประตูคนอย่างลูคัสที่เดินตามมาด้วยใบหน้าขุ่นเคือง

    “จำได้สิคะ ร้านที่พวกเราจัดฉลองตอนครั้งที่พี่เคนกับพี่เจนกลับมา” รสินทรายิ้มหวาน พี่ชายของเธอยังแสนดีและช่างจดจำ ขนาดครอบครัวทั้งสองไม่ได้มาเยือนร้านนี้มานานหลายปีตั้งแต่หล่อนไปรักษาตัวที่อเมริกา

    “พี่อยากให้เราระลึกถึงความหลัง” เขาพูดเสียงดังราวกับพยายามข่มคนที่เดินตามมาพลางโอบกระชับร่างบางเหมือนวันวานและดูท่าทางหญิงสาวจะไม่เกรงเหมือนเมื่อสามปีก่อนแล้ว

    “ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” หล่อนเดิมตามพลางมองสำรวจบริเวณโดยรอบไม่ว่าจะบรรยากาศยังคงดูแล้วโรแมนติกเวทียังอยู่ที่เดิมน้ำพุเสียงของผู้คนแสงไฟยังคงไม่แปรเปลี่ยนไปเหมือนความรู้สึกของเธอที่ยังคงมุ่งมั่นมอบให้กับเขายังไม่

    เปลี่ยนแปลง

    “ดีนะที่ไม่เจ๊ง” ลูคัสออกปากดังขึ้นมาอย่างขัดจังหวะขัดอารมณ์ความโรแมนติกหญิงสาวกำลังซาบซึ้งอยู่ภายในใจเงียบๆ คนเดียว

    เธอเหลียวหลังกลับไปมองหน้าคนปากมาก เริ่มไม่เข้าใจว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหน ขุ่นเคืองอะไรรึเปล่าถึงได้พูดขวานผ่าซากออกมาแบบนั้น

    ทั้งสามเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารเรียงรายตรงหน้าในทันทีโดยไม่ต้องสั่งแค่กลิ่นก็หอมหวนชวนกินแม้ยังไม่ลิ้มลองก็ยังว่าอร่อยถูกปากทำเอาคนที่ยังไม่หิวอาจหิวขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นอาหารตรงหน้าของร้านนี้ ทั้งแกงส้มชะอมทอด กุ้งสามรส ยอดผัดผักกระเฉดไฟแดง ทอดมันกุ้งที่วงโดนัทวางอยู่ตรงหน้าทั้งสาม

    “อาหารถูกปากของเขาดีใครๆก็ติดใจนะ” เคนกล่าวเมื่อเห็นหน้าของลูคัสดูตื่นตาตื่นใจกับกลิ่นและน่าตาของอาหารจานเด็ดที่เขาสั่งมาเพื่อเอาใจน้องสาวของตนเองพลางตักให้อย่างเอาใจ

    รสินทรามองดูอาหารตรงหน้ารู้ทันทีว่าทุกอย่างเมนูที่ตนเองชอบไม่รอช้ารีบตักเข้าปากเมื่อรสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องเทศแบบไทยๆแตะปลายลิ้นเธอก็ถึงกับน้ำลายสอ ออกมารสชาดที่ห่างหายไปแสนนานกลับมาทุกอย่างยังอร่อยเหมือนเดิม

    “นั่นสิคะ รสชาติก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”

    “พี่สั่งอาหารทุกอย่างไว้แล้วของที่แอลชอบทั้งนั้น” คันธารัตน์พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจที่เก็บและจดจำทุกรายละเอียดของหญิงสาวได้เหมือนเมื่อวันวาน

    “จริงเหรอคะ ดีจัง” หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหลือบสายตาชื่นชมมองไปยังพี่ชายที่แสนดีที่เธอหลงรักยิ่งกลับมาก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นโครมครามอยากจะบอกรักเขาปานใจจะขาดรอนๆ

    “มีแต่ของเผ็ดๆ เมื่อก่อนโรคหัวใจกินอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอแอลไม่ดีเลยนะ” เมื่อลุคตัดอาหารน่ากินเข้าปากบ้างด้วยความที่ชาวต่างชาติจึงไม่เคยชินกับอาหารรสจัดจ้านของเมืองไทยถึงขั้นสำลักเครื่องเทศบ่นออกมาเชิงติเตียนถึงสมัยก่อนที่เคนให้แอลกินอาหารรสจัดเหล่านี้

    “แอลชอบนะคะ ถึงจะไม่ดีต่อสุขภาพแอลก็ชอบอยู่ดีอดไม่ไหว” รสินทรารีบออกตัวรับแทนพี่ชายที่แสนดีในทันทีพลางตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

    “ถ้าคิดถึงสุขภาพแอลพี่ยอมขัดใจไม่ตามใจหรอก” จนฝ่ายที่พยายามหาเรื่องถึงขั้นหมั่นไส้กินไม่ลง เคนเองก็พูดไม่ออกเพราะสิ่งที่ลุคต่อว่ามามันถูกต้องทั้งที่รู้ว่ามันไม่เหมาะที่เธอจะกินแต่เพราะพ่อแม่และทุกคนไม่ห้ามตอนแรกคิดกันว่าเวลาของแอลเหลือน้อยอยากกินอะไรก็ให้กิน

    “ไหน...บอกพี่สิเกิดอะไรขึ้นเราถึงดูเปลี่ยนไปขนาดนี้” คันธารัตน์หันไปเปลี่ยนเรื่องพูดมองดูใบหน้างามที่เปลี่ยนไปเขายังไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนแปลงจากคนธรรมดาไปนางฟ้าถึงขั้นทำเอาเขากินข้าวปลาไม่ลงมองแต่หน้าเธออย่างเดียว

    “สวยขึ้นเหรอคะ” หญิงสาวอมยิ้มหน้าแดงระเรื่อถามกลับเมื่อสายตาหวานฉ่ำของเขามองมาก็ยิ่งทำให้เธอหลงใหลมากยิ่งขึ้นทุกวินาทีที่จับจ้อง

    “จ๊ะ สวยขึ้นจนพี่เกือบจำไม่ได้” ชายหนุ่มยอมรับไปตามตรงทำเอาอีกคนที่ฟังอยู่ถึงขั้นสำลักออกมาหาน้ำดื่มแทบไม่ทันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เคนและแอลสนใจเพราะต่างฝ่ายต่างกำลังตรึงตาตรึงใจกันอย่างลึงซึ้ง

    “ก็อยู่นู้นกินแต่นม ไข่ ขนมปัง เนื้อโปรตีนล้วนๆตอนแรกเกือบอ้วนด้วย” ฝ่ายหญิงผู้หลบสายตาก่อนตอบคำถามที่เขาถามมาเหมือนไม่จริงจัง

    “ใครว่าแอลอ้วน หุ่นกำลังดีเลยล่ะผอมไปไม่ดีรู้ไหมไม่รู้จะลดทำไมก่อนกลับไทย” หนุ่มต่างชาติรีบพูดแทรกพยายามแสดงตัวว่าเขาชอบอย่างที่เธอจะผอมจะอ้วนขอให้กินได้ก็เพียงพออีกอย่างเวลาเธอกินใบหน้าของเธอมันทำให้เขามีความสุข

    “พี่ว่าตอนนี้ก็กำลังสวยดีนะ หนุ่มๆน่ะมองตามันเลย” ในขณะที่อีกหนุ่มกลับพอใจกับสิ่งที่เธออยู่ ณ. ปัจจุบันพลางตักอาหารส่งให้กับเธออีกครั้งเพราะดูเหมือนเธอจะรีบกินมาจนความเร็วช้าลงหรืออาจจะปิ่มแล้วเพราะตั้งแต่มาถึงก็กินไม่หยุดปากตามประสาคนห่างอาหารไทยอร่อยๆมานาน

    “ตอนนี้ดูเหมือนมีแต่กระดูก” ลุคทำน้ำเสียงประชดประชันตามความคิดของเขาตอนนี้เดินควงคู่กันเธอดูตัวเล็กกว่าเขามันไม่เหมาะสมกันเลย ดูแล้วเหมาะสมกับเคนซะมากกว่ารีบสะบัดความคิดของคนขี้อิจฉาออกจากหัวคิดมากมายจนตอนนี้เริ่มกินข้าวไม่ลง

    “สาวไทยต้องร่างเล็กๆถึงจะกะทัดรัดน่าทะนุถนอม” คันธารัตน์พูดไปยิ้มไปไม่สนใจใครจะว่าน้องสาวของเขาเหมือนกระดูกเดินได้ในสายตาของเขาเมื่อก่อนเธอผอมกว่านี้มาสัดส่วนตอนนี้แหละชวนมองที่สุดหรือต่อให้อ้วนกว่านี้ก็คงไม่อาจจะทำให้คนอื่นละสายตาไปได้เหมือนกัน

    “ตะ...” หนุ่มตาน้ำข้าวอ้าปากจะเถียงต่อไม่ยอมน้อยหน้าปั้นไม้ปั้นมือชักสี

    หน้าหงุดหงิดที่ถูกดักทางอยู่ตลอดไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอหน้ากับศัตรูหัวใจแบบนั้นทั้งที่ตอนแรกคิดว่าพี่ชายที่แสนดีตามที่หญิงสาวเคยเล่าให้ฟังว่าไม่เคยสนใจเธอแต่นี่นอกจากจะสนใจแล้วยังออกอาการหวงและหึงส์อย่างชัดเจน

    “ดึกแล้วล่ะคะ แอลง่วงแล้วเดินทางมาก็เหนื่อยอยากกลับไปนอนพัก” แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนตอนนี้ทั้งสองกำลังจะเปิดศึกกันอย่างทางการเธอคิดว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะเพราะหวั่นเคนจะปลีกใจไปจากเธอก่อนที่จะหลงรักแล้วปะทะคารมกับลุค

    “งั้นก็ไปสิจ๊ะ” เคนตามใจอย่างไม่ขัดแม้จะเพิ่งมาถึงได้ยังไม่ถึงชั่วโมงแต่เมื่อน้องสาวปรารถนาพี่ชายอย่างเขาก็พร้อมที่จะจัดให้โบกมือเรียกพนักงานมาเก็บตังค์ไม่วายยังต้องมาแย่งจ่ายเงินกับลูคัสแต่สุดท้ายตนเองก็ชนะเพราะร้านไม่รับเงินต่างชาติซึ่งดูท่าจะไม่ได้เตรียมไว้

    คันธารัตน์ตัดสินใจมาส่งหญิงสาวก่อนที่บ้านเพราะเห็นว่าเธอบอกว่าง่วงอยากจะนอนด้วยความเคยชินแม้จะไม่ทำมาหลายปีแล้วแต่ก็จะส่งเธอเข้านอนก่อนคนแรกเพื่อจะได้พักผ่อน รถคันหรูมาเทียบจอดอยู่หน้าบ้านลูคัสรีบร้อนลงมาเปิดประตูก่อนเหมือนทุกครั้ง

    เคนเดินตามลงมาอย่างไม่สนใจอะไรเมื่อเปิดกระโปรงรถหนุ่มชาวต่างชาติก็ออกหน้ายกกระเป๋าให้กับเธอเหมือนพยายามแสดงตน ขณะที่เขาเดินไปหาร่างสมส่วนที่กำลังยืนเหมือนจะรีรอให้เขาไปบอกราตรีสวัสดิ์ก่อนเข้าบ้านซึ่งก็ตรงกับใจของเขาเหมือนกัน

    “ขอบคุณนะคะพี่เคนที่มาส่ง” รสินทรากล้าพร้อมกับมองชายหนุ่มตาหวานสายตาที่เธออยากจะส่งให้กับมานานแล้วแต่ใจไม่กล้าพอไม่รู้ทำไมกลับมาคราวนี้ถึงส่งให้เขาอยู่ตลอดเวลาไม่รู้ว่าใจของอีกฝ่ายสั่นไหวไปกับแววตาของตนบ้างหรือไม่

    “มันหน้าที่ของพี่เสมอจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับลูบที่ผมเส้นสลวยของหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยมองแปลกไปก็ตรงที่ใจของเขาเต้นแรงยามอยู่ใกล้เธอไม่เหมือนเมื่อก่อน

    “อย่าให้ต้องหน้าที่นักเลยคะถ้าใจพี่ไม่อยากทำให้แอลก็ไม่ฝืน” แอลทำหน้าเศร้าพูดนัยให้เขารู้ว่าเธอไม่อยากจะภาระของใครโดยเฉพาะเขา

    “พี่เต็มใจนะ เด็กโง่” เคนจับปลายคางหญิงสาวขึ้นมาแล้วยิ้มกว้างเชิงหยอก พลางหันไปมองเด็กยกกระเป๋าว่าเสร็จเรียบร้อยรึยังแต่ก็ต้องแปลกใจ

    “เอ๊ะ...แล้วนั่นทำไมยกของตัวเองลงด้วยล่ะ”

    “คือ...ลุคเขา...” รสินทราเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกพี่ชายที่แสนดีเลย ว่าคืนนี้บ้านเธอจะมีแขกต่างชาติมาพักด้วย

    “กุญแจบ้านอยู่ไหนจ๊ะ แอลผมจะเปิดประตูเอาของของ เรา เข้าไปเก็บ” เด็กยกกระเป๋าตามที่เคนเรียก เดินเข้ามาหาแอลพร้อมกับใบหน้ายิ้มๆ ส่งสายตาผู้มีชัยเหนือกว่าอีกฝ่าย พร้อมเน้นย้ำคำว่าของเราให้เคนได้รู้สึกหงุดหงิดสะกิดใจ ตวัดสายตาดุๆ ไปหาคนที่พยายามแสดงตัวว่าหนึ่งเดียวกับแอล

    “เออ...อยู่นี่คะ” หญิงสาวยกมือขึ้นเกาหัวแล้วล้วงหยิบกุญแจบ้านในกระเป๋าสะพายส่งให้กับชายหนุ่มที่กำลังยืนรออย่างอารมณ์ดี

    “นี่จะให้ลุคนอนที่บ้านเหรอ” เมื่ออีกฝ่ายเดินออกห่างไปเปิดประตูเคนก็หันไปถามหญิงสาวน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้ลูคัสค้างคืนที่บ้านเธอ

    “คะ คนกันเองไม่ไรหรอก” หญิงสาวตอบไปตามตรงโดยไม่คิดอะไรด้วยความเคยชินตอนอยู่เมืองนอกหล่อนและลูคัสอยู่บ้านเดียวกันตลอดต่างกันก็ตรงที่มีแม่บ้านอยู่ด้วยแต่ถึงต้องอยู่ด้วยกันตามลำพังเธอก็เชื่อใจในระดับหนึ่งว่าอีกฝ่ายจะ

    ไม่ทำอะไรไม่ดีไม่งามหากเธอไม่สมยอม

    “ไม่ได้หรอกแอล ชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังไม่ใช่เมืองนอกเมืองนายังไงพี่ก็ไม่ไว้ใจ” เหมือนผีเห็นผี เคนส่ายหน้าพลางหันไปมองเด็กยกกระเป๋า ยืนกรานอีกครั้งไม่ยอมทั้งสองนอนชาคาเดียวกันตามลำพังเพราะสายตาของลุคบ่งบอกชัดเจนว่าคิดอะไรกับน้องสาวของเขา

    “ลุคไม่คิดอะไรกับแอลหรอกคะ พี่เคนคิดมาก” หญิงสาวพูดปนหัวเราะกับความคิดของพี่ชายดูเหมือนเขาจะคิดว่าลุคคิดอะไรกับเธอเหมือนอย่างที่เธอตั้งใจเพื่อให้เขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาบ้างจะได้เลิกมองเธอน้องสาวสักทีอยากจะอยู่ในสายตาเขาในฐานะหญิงสาวคนหนึ่ง

    “เชื่อได้ที่ไหนฝรั่งมังค่า ไม่รักก็ทำได้ฟรีเซ็กจะตาย อีกอย่างพี่ผู้ชายพี่ดูรู้” คันธารัตน์ยืนกอดอกทำท่าทางสังเกตุสังกาจับผิดพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจของคนที่ผลุบเข้าผลุบออกในบ้าน

    “จะให้ทำไงละคะ แอลก็ไม่ไหวจะขับรถไปส่งหาโรงแรมแล้วนะ พี่เคนเองก็เหนื่อยแล้วลุคเองก็คงไม่อยากจะรบกวนพี่ด้วย” แอลทำหน้าเหมือนเด็กน้อยขี้อ้อนงอแงอยากจะนอนเต็มแก่แต่พี่ชายก็ไม่ไว้ใจไม่ยอมให้เข้าบ้านจนกว่าจะคิด

    หาทางออก

    “แต่มารบกวนแอลเนี่ยนะ” เคนส่ายหน้ายังไงซะการกระทำของลุคก็ไม่ถูกต้องในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งจะเหนื่อยแค่ไหนหากให้เกียรติผู้หญิงก็ต้องไปนอนค้างที่อื่น

    “คืนเดียวเอง พรุ่งนี้ลุคก็ต้องไปหัวหินแล้วไปประชุมงานโรงแรม” รสินทราชูหนึ่งนิ้วเหมือนกำลังขออนุญาตพี่ชายให้เมตตาปล่อยให้ลุคนอนค้างด้วยเพราะเริ่มคิดว่าเคนจะคิดมากเกินไปแล้วถึงจะดีใจแต่คืนนี้ก็เหนื่อยเกินกว่าที่เธอจะมานั่งเล่นเกมส์

    “แล้วแอลล่ะ” เมื่อรู้ว่าลูคัสมาค้างแค่หนึ่งคืนชายหนุ่มก็หันไปถามดูเหมือนว่าหัวใจของเขาจะพองโตขึ้นมาเมื่อรู้ว่าน้องสาวกำลังจะต้องอยู่คนเดียว ภาวนาลึกในใจอย่างไม่รู้ตัวว่าเธอคงไม่ต้องตามไปด้วย

    “ก็ไปด้วยคะ” แค่ก็ผิดหวังเพราะหญิงสาวพยักหน้างานโรงแรมประชุมครั้งนี้ทั้งสองคนต้องเข้าไปร่วมงานก็ทำงานสายเดียวกันนี่น่า

    “มาแป๊บเดียวแล้วก็ทิ้งพี่กันไปหมดเลย” คันธารัตน์ส่ายหน้าคราวนี้ถึงตาที่เขาจำบ่นบ้างแล้วว่าเป็นแค่ทางผ่านปล่อยให้ตนอยู่คนเดียวตั้งนานไม่มีใครกลับมา

    หากันบ้างเลย

    “งั้นถ้าอยากตามไปพี่ก็ละงานไว้สักอาทิตย์ไปอยู่เที่ยวหัวหินกับแอลสิคะ ถ้าคิดถึงน้องจริงละก็” หญิงสาวอมยิ้มเพิ่งจะเคยเห็นพี่ชายงอนครั้งแรกอดไม่ได้ที่จะหยอดคำหวานออกไปออดอ้อนพี่ชายด้วยมารยาที่พอจะมีโดยจุดประสงค์จะสานต่อแผนการที่เตรียมเอาไว้

    “เรื่องนั้น....พี่ขอดูก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มชั่งใจกำลังคิดอยู่เพราะงานของตนก็รัดตัวใจก็อยากจะไปเพื่อพักผ่อนบ้างแล้วจะได้มีเวลาอยู่กับน้องสาวที่ห่างเหินมานาน แต่เมื่อเห็นลุคเดินออกมาจากบ้านเหมือนมาตามหญิงสาวให้เข้าไปตนก็นึกออกว่ายังไม่จบเรื่องนอนค้างเลย 

    “แต่คืนนี้ยังไงก็ให้นอนกันสองคนไม่ได้”

    “แล้วจะให้ทำยังไง แอลง่วงแล้วนะ” หญิงสาวทำงอแงอีกครั้ง สู้อุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องให้เขาลืมจะได้กลับบ้านไปเธอจะได้เข้าไปพักผ่อนดันนึกขึ้นมาได้อีกครั้ง

    “ถ้างั้น...ก็นอนนี่ให้หมด” ชายหนุ่มตัดสินใจพร้อมโอบกอดประคองหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน

    “อย่างน้อยพี่อยู่ด้วยก็อุ่นใจกว่า”

    “ห๊า...” ร่างสมส่วนตกใจ ไม่คิดว่าพี่ชายจะเอาถึงขนาดนั้น รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เขาดูหวงเธอขนาดยอมนอนค้างด้วย แต่ก็ต้องทำเล่นตัวสักนิดหนึ่งยอมตอบตกลงทันทีคงดูไม่งาม

    “งั้นก็เลยอยู่กันชายสองหญิงหนึ่งไม่เสียกว่าเหรอคะ”

    “สำหรับพี่ คนแถวนี้เขาคุ้นเคย” คันธารัตน์ตัดสินใจ แล้วก็ปิดประตูรั้วบ้านไม่สนใจสายตาของลุคที่ยืนมองอยู่หน้าระเบียงด้วยความไม่เข้าใจว่าเคนเข้ามาทำไม

    “จะคุ้นเคยได้ยังไงแอลไม่ได้กลับมาตั้งสามปี” หญิงสาวพูดพลางหัวเราะไปพี่ชายของเธอไปกันใหญ่ทั้งที่ใจแปลกใจสุขใจอย่างบอกไม่ถูก

    “ไม่รู้ล่ะ” เคนตัดสินใจเด็ดขาดพลางโอบประคองน้องสาวเข้าบ้าน โดยไม่สนใจสายตาขัดใจของเด็กยกกระเป๋าเลยสักนิดเดียว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×