คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จากไปเพื่อกลับมา
วันที่ 18 กันยายน 25XX ณ.สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.00 นาฬิกา รสินทรา หรือ แอล อายุประมาณยี่สิบเอ็ดปี เด็กสาวขี้โรคของตระกูลปุณณารมย์ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นกำลังรอเวลาเดินทางไปรักษาตัวที่อเมริกาและการเดินทางไปของเธอครั้งนี้มันทำให้คนที่โรคหัวใจรู้สึกหวาดกลัว
การผ่าตัดที่มีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทำให้เธอหวาดกลัวที่จะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าคนที่รัก โดยเฉพาะใครบางคนที่ตอนนี้เธอเฝ้ารอการเดินทางของเขาเพื่อมาส่งเธอก่อนจากไปหลายปี
“แอล ไงบ้างลูก” เสียงของเบลผู้มารดาของแอลกล่าวถามลูกสาวที่พยายามมองหาใครบางคนอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งอีกฝ่ายรับปากว่าจะมาส่งก่อนเธอจะขึ้นเครื่องจากไปสู่แดนไกลและยังไม่มีกำหนดการกลับมา
“ดีค่ะ” รสินทราพยักหน้าตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ใจของเธอตั้งหมั่นใจการมองหาคนที่เธอมอบหัวใจเอาไว้ทั้งที่เขาไม่รู้ตัวด้วยเกรงว่าจะมาส่งเธอขึ้นเครื่องไม่ทัน
“นั่นเจนมาแล้วใช่ไหม” พัณณิตาผู้แม่ของคนที่กำลังมาถึงทอดสายตาไปยังทางเข้าของสนามบินเห็นร่างบางของลูกสาวเดินกึ่งวิ่งมาพร้อมมองหาผู้ที่เธอต้องการมาส่ง เจจึงโบกมือสัญญาให้บุตรสาวมาหาพวกตนถูก
จังคนิภา หรือ เจน หญิงสาววัยยี่สิบกว่าๆ ฝาแฝดผู้น้องของบ้านตระกูลสุธางศุ์รัตน์ นิสัยก๋ากั่น เอาแต่ใจ กำลังวิ่งตรงมายังครอบครัวของตน มาถึงก็ยืนบีบท้องหายใจหอบด้วยความจุก
“เจนมาช้าจัง” มารดาของหญิงสาวมองหน้าลูกสาวที่ไม่ยอมมาให้ตรงเวลา พร้อมมองหาแฝดผู้พี่ที่ยังมาไม่ถึงสนามบิน
“อย่าให้บ่นเลยค่ะคุณแม่ รถที่ให้เจนมาใช้ขับช้ายังกับเต่าคลาน แถมยังไม่คุ้นมือจะขับจะแซงก็ยาก” หญิงสาวโบกมือปัดอย่างอารมณ์เสียหากมารดาไม่เข้มงวดจนเกินไปเธอคงมาถึงที่นี่ได้ทันตามเวลานัด จากนั่นร่างบางก็เดินผ่านมารดาไปหาน้องสาวของตน
“แอล” จังคนิภาโผเข้ากอดเด็กสาวสีหน้าของรสินทราดูซีด เนื้อตัวดูผอมกว่าที่เธอเจอครั้งก่อนแววตาของเธอดูอิดโรยเพราะอาการกำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆจนถึงขั้นต้องเร่งเวลาเดินทางให้เร็วขึ้นเพื่อรักษาชีวิตของแอล
“พี่เจน แอลนึกว่าจะมาไม่ทัน” แอลกอดตอบเจนผู้ที่ตนนับถือประหนึ่งพี่สาวแค่ต่างสายเลือดราวกับพี่น้องที่คลานตามกันมาแต่จริงๆน้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวั่นใจการเดินทางกลัวจะไม่ได้กลับมาอีก
“พี่ต้องมาทันสิ” เจนขยับกายนั่งคุกเข่าตรงหน้าน้องสาวต่างสายเลือดยกมือขึ้นประครองใบหน้าของเด็กสาวขึ้นมาแล้วยิ้มให้กำลังใจ
“พี่เคนละคะ” รสินทรากระซิบถามเจนน้ำเสียงสั่นๆ ด้วยใจหวาดหวั่นพี่ชายฝาแฝดของจังคนิภาที่ตนแอบฝากหัวใจเอาไว้กับเขาซึ่งเจ้าตัวยังไม่รู้จะมาส่งเธอขึ้นเครื่องไปอเมริกาไม่ทัน
“ยังไม่รู้เลย” เจนส่ายหน้าลุกขึ้นมองหาพี่ชายของเธอที่ยังไม่มาถึงรู้สึกแปลกใจเพราะปกติเคนไม่เคยมาผิดเวลายิ่งรู้ว่าน้องสาวกำลังจะจากไปคนอย่างเคนไม่มีทางมาช้าอย่างแน่นอน
“มาไม่ทันแน่” คนป่วยใจเสียถอดใจก้มหน้าทอดสายตาว่างเปล่าไปยัง
ปลายเท้าเข้าใจดีว่าพี่ชายคงจะติดงาน หรือบางทีรถคงติดทำให้เขามาส่งเธอไม่ทัน
“ต้องทันสิ เคนไม่เคยผิดนัดหรอก” จังคนิภาทรุดกายลงนั่งอีกครั้งสองมือประครองบ่าคนใจเสียขึ้นมา พยายามไม่ให้เธอคิดมากทั้งที่กำลังจะจากไปรักษาตัวก็ควรจะไปอย่างสบายใจ
“เดี๋ยวพี่จะลองโทรหาดู”
เมื่อพูดจบหญิงสาวก็เดินออกห่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชายของตนในทันที
“เจน... เคนล่ะลูก” คฑาวุธเดินเข้ามากระซิบถามลูกสาวที่กำลังโทรหาพี่ชาย เพราะดูเวลาแล้วอีกไม่นานก็ถึงเวลาที่ต้องขึ้นเครื่อง
“ไม่รู้สิคะ เจนโทรหาแล้วไม่รับสาย” บุตรสาวส่ายหน้าไม่มีการตอบรับจากพี่ชาย เขาไม่ยอมรับสายจนเริ่มหวั่นใจจะเกิดเรื่องไม่ดี
“ไม่ต้องห่วงลูก พี่เขาต้องมาส่งทันแน่ๆ” ทางด้านของมารดาคนป่วยก็ลูบหลังบุตรสาวการปลอบใจเข้าใจว่าคงรักชายหนุ่มดังพี่ชายของตนเองจึงอยากให้มาส่งกันพร้อมหน้าพร้อมตาเพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาเจอกันอีก
“รอไม่ไหวแล้วล่ะลูก เคนคงคิดธุระจริงๆ” จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเกือบ
ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่ม บิดาคนป่วยไม่อาจจะรอต่อไปไหวหันไปหยิบกระเป๋าขึ้นรถเข็นเตรียมไปขึ้นเครื่อง
ไม่มีคำตอบจากเด็กสาวเธอได้แน่นั่งคอตกผิดหวังกับการเดินทางทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าเธอจะสารภาพความในใจก่อนจากไป
รถเข็นของหญิงสาวถูกมารดาผู้เข็น ครอบครัวทั้งสองเดินตามไปด้วยความรู้สึกใจหาย จังคนิภายังไม่เลิกโทรตามพี่ชายไม่เข้าใจว่าทำไมคันธารัตน์ถึงมาไม่ทัน คณะผู้เดินทางไปอเมริกามาหยุดอีกครั้งที่หน้าทางเข้า ที่สุดท้ายที่จะสามารถส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่อง
“หายไวๆแล้วรีบกลับมานะ” จังคนิภาเดินเข้ากอดเด็กสาวอีกครั้งก่อนลาจาก ร่างบางที่นั่งบนรถเข็นกอดตอบพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ แล้วเจนหันไปบอกลาเหล่าบุพการี
“เดี๋ยวรอด้วย” เสียงของชายหนุ่มที่คนป่วยรอคอยก็ดังขึ้นเขาวิ่งผ่านผู้คนมากมายมายังประตูทางเข้าที่รสินทราและครอบครัวยืนอยู่
คันธารัตน์ หรือ เคน ฝาแฝดผู้พี่ที่ลูกชายของตระกูลสุธางศุ์รัตน์ ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวใบหน้าละม้ายคล้ายน้องสาวฝาแฝด แต่คมคายและดุดันยิ่งกว่าเพราะถอดแบบใบหน้ามาจากผู้พ่อกำลังวิ่งด้วยความรีบเร่งมายังจุดที่ครอบครัวยืนรอกันอยู่
“พี่เคนมาแล้ว” เสียงหวานของเด็กสาวร้องหาพร้อมกับหันกลับมาหาพี่ชายด้วยใบหน้ายิ้มแววตาประกายดีใจที่เขามาส่งเธอได้ทัน ถึงเวลาจะน้อยนิดแต่ขอแค่เห็นหน้าสักหน่อยเธอก็พอใจแล้ว
“ขอโทษครับที่มาช้า” ชายหนุ่มหายใจหอบด้วยความเหนื่อยมองหน้าทุกคนยกมือไหว้การขอโทษที่มาช้าทำให้ต้องเสียเวลาขึ้นเครื่อง
“ไปบอกลาน้องสิลูก รีบหน่อยเราต้องไปแล้ว” บิดาของคนป่วยเดินเข้ามาตบที่บ่าด้วยความเข้าใจพร้อมยิ้มให้ยินดีที่ชายหนุ่มมาทันเวลา
“แอลพี่ขอโทษนะที่มาช้า” คันธารัตน์เดินเข้าไปหาน้องสาวต่างสายเลือดนั่งลงคุกเข่าต่อหน้ารถเข็นลูบที่หัวของเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
“ไม่ไรค่ะ พี่เคนมาได้แอลก็ดีใจแล้ว” รสินทราส่ายหน้าด้วยความดีใจเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มมาหา เธอก็ดีใจจนเหมือนเขามาอยู่กับเธอนานหนึ่งปี
“ที่พี่มาช้าเพราะพี่ไปรับของบางอย่างมา” พี่ชายที่แสนดีล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบบางสิ่งขึ้นมาไว้ในมือ มันกล่องเครื่องประดับสีแดง
กำมะหยี่
“อะไรคะ” เด็กสาวมองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วมองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยกำลังตื่นเต้นดีใจอยากรู้ว่ามีอะไรเซอร์ไพรส์มาให้กับเธอ
“เครื่องราง” เคนเปิดกล่องเล็กออกมามันสร้อยคอที่ทำมาจากทองคำขาว มีจี้รูปหัวใจตรงกลางมีพลอยสีแดงสุกสว่างสดใสล้อมรอมไปด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ
“พี่เคนสวยจังค่ะ” รสินทราดีใจอ้าปากค้างไม่คิดว่าชายหนุ่มจะซื้อของล้ำค่าให้กับเธอก่อนลาจาก สองมือประคองรับกล่องมาในมือพิจารณาความงดงามของมันด้วยความซาบซึ้งใจ
“สร้อยคอโกเมนมีความหมายให้ปกป้องคุ้มครอง รักษาสุขภาพ ใช้ต้านโรคภัย การผ่าตัดของน้องสาวพี่จะได้ราบรื่น แล้วกลับมาหาพี่ไว้ๆนะ” พี่ชายที่แสนดีหยิบสร้อยออกมาแล้วสวมให้พร้อมบอกสรรพคุณของสิ่งล้ำค่าว่ามันมีความหมายอย่างไร
“ขอบคุณมากค่ะ มันสวยจัง” เด็กสาวรับสิ่งล้ำค่าอย่างทะนุถนอมเหมือนคนซื้อให้สวมใส่ให้หันไปมองพี่สาวแววตาประกายความหวังของเธอเหมือนใกล้เข้ามา
“เหมาะกับน้องมากเลย” จังคนิภาพยักหน้าส่งเสริมความเหมาะสมของสร้อยและตัวเจ้าของไม่คิดไม่ฝันว่าพี่ชายจะมีความอ่อนโยนคิดถึงจิตใจของผู้หญิงถึงเพียงนี้
“แอลจะเก็บมันติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา” รสินทรากุมมือที่เครื่องแน่นดวงตาแดงก่ำด้วยความดีใจซาบซึ้งและใจหายเมื่อใกล้เวลาเข้าไปทุกที
“ดีแล้วจ๊ะ” พี่ชายที่แสนดีลูบหัวน้องสาวอีกครั้งจูบลงที่หน้าผากแผ่วเบาด้วยความรักเธอเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา “ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง”
“พี่เคนคะ” เด็กขี้โรครั้งมือชายหนุ่มเอาไว้ มือไม้ของเธอสั่นขึ้นกว่าเดิมแต่ไม่ใช่เพราะโรคหัวใจกำลังกำเริบแต่เพราะใกล้เวลาออกเดินทางเข้ามาทุกที
“ว่าไง” ชายหนุ่มที่กำลังจะลุกขึ้นหันกลับมานั่งคุกเข่ามองหน้าเด็กสาวอีกครั้งสายตาของเธอบ่งบอกถึงความว้าวุ่นที่มีอยู่ในจิตใจคงจะด้วยความหวาดกลัวการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน
“แอลกลัวจัง กลัวจะไม่ได้กลับมาหา... พี่อีก” ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายด้วยความแนบแน่นหวาดหวั่นกลัวจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าคนที่แอบรักอีกครั้ง กลัวต้องไปแล้วต้องไปลับทั้งที่ยังไม่ได้บอกความในใจให้เขารู้เลยสักนิดเดียวครั้นจะ
บอกไปตอนนี้ใจของเธอก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับฟังคำตอบจากปากของเขา
“ไม่ต้องกลัวหรอก แอลจะต้องได้กลับมาเชื่อพี่นะคะ” คันธารัตน์โอบกอดร่างบางตอบปลอบใจเด็กสาวที่กำลังสับสนท่ามกลางสายตาของพ่อแม่ทุกๆคนต่างมีความรู้สึกไม่ต่างจากรสินทราเลยสักนิดเดียว
แม้แต่จังคนิภาเองก็ยังใจหายหวั่นคิดไปเองในใจเกรงว่าน้องสาวจะไม่รอดด้วยเพราะรู้เรื่องสุขภาพของเด็กสาวมาดีพอกลัวเธอจะต้านทานการผ่าตัดไว้ไม่ไหวแล้วจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้ร่ำลา
“พี่เคนคือแอล...” และด้วยความหวาดหวั่นเกรงจะไม่ได้กลับรสินทราสูดหายใจเข้าลึกหมายจะบอกความในใจให้ชายหนุ่มได้ล่วงรู้อย่างน้อยจะได้จากไปอย่างไม่มีอะไรติดค้างกันจะรับได้หรือไม่ได้ยังไงซะวันนี้ก็ต้องมาถึง
“ว่าไง” คนรอฟังรั้งร่างบางออกจากอกสบสายตารอฟังคำพูดที่เด็กสาวกำลังจะบอกตนด้วยความตั้งใจ
“แอล...คือ...แอล...” เด็กสาวอ้ำอึ้งพูดไม่ออกพออ้าปากจะบอกบิดาก็เข้ามาขวางเอาไว้
“ได้เวลาแล้วลูก” อั้มเดินเข้ามาจับที่บ่าของพี่ชายพยักหน้าความหมายไม่
อาจยื้อเวลาร่ำลาได้อีกต่อไป
“แอลมีอะไรจะบอกพี่เหรอ” พี่ชายที่แสนดีพยายามที่จะฟังความจากน้องสาวด้วยความตั้งใจไม่ยอมขยับออกห่างจนกว่าร่างบางจะเปิดปากสิ่งที่อยากจะกล่าว
“แอลจะเข้มแข็งค่ะ” แต่แล้วสิ่งที่หัวใจอยากจะบอกกลับถูกเก็บเข้าไปดังเดิมเธอไม่อยากบอกโดยทิ้งความรู้สึกเอาไว้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเธอ คิดอีกทีอยากจะบอกเมื่อตอนที่เธอแข็งแรงกลับมาหรือถ้าหากไม่ได้กลับมาก็สู้เก็บความรู้สึกเอาไว้ตายไปพร้อมๆกับเธอ
“ดีมากจ๊ะ” คันธารัตน์ยิ้มให้ดีใจที่ยังเห็นรอยยิ้มก่อนที่เด็กสาวจะลาจากจุมพิตหวานลงที่หน้าผากอย่างอบอุ่นให้เธอได้ผ่อนคลายความกังวนที่เกิดขึ้น
“จะกลับมาหาพี่เคนให้ได้” รสินทรายกมือขึ้นชูสองนิ้วแล้วพยักหน้าสัญญาณให้บิดาเข็นรถเข็นไปโบกมือลาก่อนจะผ่านเข้าไปในประตู
“ลาก่อนค่ะ”
“ลาก่อนครับ/ค่ะทุกๆ คน” ฝาแฝดทั้งสองโบกมือให้กับคณะผู้เดินทางด้วยความใจหายตอนนี้ที่ประเทศไทยคงเหลือแต่พวกเขาที่ต้องดูแลกันและกัน
“ดูแลกันและกันให้ดีนะลูก” บุพการีฝากความเอาไว้ก่อนที่จะลาลับจากไปแดนไกลสองพี่น้องหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้ด้วยความโล่งใจที่ได้มาทันส่งทุกคนขึ้นเครื่องไปอเมริกา
“มีแอบทำเซอร์ไพรส์นะ” เมื่อทุกคนลับสายตาจังคนิภารีบหันไปสะกิดหัวไหล่พี่ชายที่แอบทำหวานใส่น้องสาวคนดีป่านนี้เจ้าตัวคงดีใจน้ำตาไหลพรากๆนั่งยิ้มหน้าบานอยู่บนเครื่องบินมีกำลังใจจะต่อสู้กับโรคร้ายและการผ่าตัดที่กำลังจะมาถึงที่ได้รับของล้ำค่าจากคนที่แอบชื่นชอบโดยที่คนให้ไม่รู้ความหมาย
“ก็น้องสาวไปผ่าตัดทั้งคนมันต้องมีเครื่องรางนำโชคกันบ้าง คิดบ้าๆนะเรา” พี่ชายที่แสนดีไม่ได้คิดอะไรไปไกลกลับคิดว่าน้องสาวของเขาแก่แดดแก่ลมเพ้อฝันความสำคัญไปเอง
“ทีกะน้องคนนี้ล่ะไม่มีให้บ้างเลย” น้องสาวตัวแสบทำหน้ายักษ์ใส่พี่ชายของเธอไม่เห็นจะมีของอะไรให้กันบ้างขนาดของขวัญเรียนจบยังไม่มีจะให้สักอย่าง
“เธอน่ะมันแข็งแรงยังกับหินผา ขนาดแผ่นดินไหวยังไม่อะไรเลย” ชายหนุ่มจับหัวน้องสาวหมุนไปมาล้อเล่นตามประสาพี่น้องที่พวกเขาชอบเล่นกัน
ประจำ
“แหมมม สองมาตรฐานเห็นๆ” เจนปัดมือพี่ชายออกแกล้งทำหน้าเง้างอนไปตามประสาเด็กเรียกร้องความสนใจจากพี่ชาย
“ก็ทำตัวน่ารักเหมือนแอลซะบ้างสิพี่จะได้ปกป้อง” คันธารัตน์โอบไหล่กอดคอน้องสาวขยี้ผมเงางามด้วยความหมั่นเขี้ยวที่เธอชอบทำตัวขี้งอน
“โอ๊ย...ไม่อยากปกป้องก็ไม่ต้องมาทำพูดดี” คนถูกขยี้ผมโบกปัดมือวุ่นวายเพราะถูกแกล้งหันไปมองหน้าคนแกล้งทำหน้ายักษ์ใส่ยิ่งกว่าเดิมจนผมของเธอยุ่งเหยิงต้องเข้าไปจัดทรงใหม่
“เดี๋ยวนะเจนไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“อือ” ชายหนุ่มพยักหน้าทอดสายตามองตามร่างน้องสาวจนเข้าไปยังห้องน้ำหญิงของสนามบินส่วนตัวเองก็เดินหันกลับตั้งใจจะไปรอเธอที่หน้าลิฟต์
“อุ้ย ขอโทษครับผมไม่ทันได้มอง” แต่แล้วก็กลับไปชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินมาทางเดินกันจนล้มลงไปอยู่ที่พื้น
หญิงสาวแปลกหน้าทางท่ามั่นใจในตัวเองสูง แต่งตัวบ่งบอกชัดเจนว่าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองนอกที่หนาวเหน็บผมยาวสยายสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสวมคอนแท็คเลนส์สีม่วงดูทำให้ดวงตาหวานฉ่ำ เสื้อแขนยาวไหมพรมสีดำคว้านคอลึก กางเกงรัดรูบทั้งตัวพร้อมด้วย รองเท้าบูทสูงเกือบสี่นิ้วซึ่งไม่แปลกเลยที่เธอล้มลงไปแบบนั้น
“ไม่มีตารึไง...” หล่อนโวยวายที่ถูกชนจนเสียหลักเอ่ยปากลั่นตั้งใจจะต่อว่าคนชนให้รู้สึกนึก แต่เมื่อสบสายตากับคันธารัตน์หญิงสาวก็ถึงกับอึ้งใบหน้าของชายหนุ่มหล่อบาดใจเธอเหลือเกิน
“อุ้ย…”
“ขอโทษจริงๆคุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า” สุภาพบุรุษสุดหล่อรีบร้อนทรุดกายลงเข้าหาประคับประครองหญิงสาวที่เขาชนล้มให้ลุกขึ้นยืน
“ตรงนี้ค่ะ เรณูเจ็บจนจะลุกไม่ไหว” จากที่ตั้งใจจะต่อว่ากลับกลายมารยาปวดร้าวไปทั้งร่างกายตามนิสัยเห็นคนหล่อๆไม่ได้ของเธอ
“ให้ผมช่วยนะครับ” ชายหนุ่มแสนดีก้มลงช่วยเข็นกระเป๋าของเธอขึ้นมาพร้อมประคองร่างบางไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวใกล้ๆพร้อมกับบีบนวดที่ขาการใหญ่ไถ่โทษที่เขาเดินไม่ดูทางจนไปชนเธอ
“ดีค่ะ อุ้ยเจ็บจังเลย” หญิงสาวนั่งมองชายหนุ่มด้วยแววตาหวานซึ้งพอใจ
เธอไม่ได้รับการดูแลแบบนี้มานานมากแล้วเพราะผู้ชายสมัยนี้หาสุภาพยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
ขณะพี่ชายกำลังดูแลหญิงสาวจังคนิภาที่เดินออกมาจากห้องน้ำมองไม่เห็นพี่ชายก็สงสัยว่าเขาหายไปไหน มือล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรหาระหว่างกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นแต่ชายหนุ่มกำลังบีบนวดให้หญิงสาวแต่ด้วยความแปลกใจผู้ชายคนนั้นดูคล้ายๆกับพี่ชายของเธอ
“เคนทำอะไรน่ะ” เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆจึงเห็นชัดว่าพี่ชายของตนเจนก็รีบวิ่งเข้าไปหารั้งร่างหนาของพี่ชายออกมาจากปลายเท้าของคนแปลกหน้าทันทีพร้อมทำตาเขียวใส่ร่างบางที่นั่งวางท่าอยู่บนเก้าอี้
“พี่ชนเขาล้ม” คนถูกน้องสาวรั้งตัวขึ้นมายืนหันไปแก้ต่างให้กับร่างบางที่กำลังถูกจังคนิภามองด้วยหาเรื่องแถมยังทำท่าทางเกาะเกี่ยวแขนของเขาเอาไว้แนบแน่นด้วยท่าทางที่หวงแหนพี่ชาย
“อุ้ย มีแฟนแล้วเหรอ” หญิงสาวแปลกหน้าบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางเสียอารมณ์ที่ถูกขัดจังหวะจากคนที่เข้าใจว่าแฟนสาวของชายหนุ่มที่เธอหมายตา
“เหรอ เดินไม่ไหวเลยรึไงคุณ” เจนรู้ทันมารยาหญิงสาวเธอมองสำรวจด้วย
ความรวดเร็วค้นหารอยแผลและอาการบาดเจ็บอย่างที่แสดงออกมา
“ไม่ไหวสิ ไม่เห็นเหรอ” หญิงสาวแปลกหน้าตวัดสายตาใส่ร่างบางที่เกาะเกี่ยวแขนชายหนุ่มพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
“งั้นก็ไปห้องพยาบาลสิ นั่งลูบไล้ออเซาะกันตรงนี้หน้าไม่อาย” จังคนิภาชี้ไปที่ป้ายบอกทางของห้องพยาบาลในสนามบินให้ร่างบางได้รู้
“เจนมีมารยาทหน่อย พี่ชนเขานะ” ชายหนุ่มต้นเหตุหันไปบีบต้นแขนของน้องสาวสงบปากสงบคำพร้อมกันไปพยักหน้าให้กับร่างบางที่นั่งอยู่การขอโทษแทน
“นั่นสิคะ เรณูกลัวจังเลยค่ะ” เรณูออดอ้อนออเซาะกลับขยับกายลุกขึ้นจับเนื้อตัวชายหนุ่มอย่างไม่ถือตัว แล้วซบลงที่ไหล่กว้างอีกข้างหนึ่งของเขามือก็เกะกะไปตามเนื้อตัวทั้งส่วนบนและส่วนล่างให้วุ่นวายไปหมด
“เดี๋ยวๆๆ ครับ” คนถูกซบตอนนี้หน้าแดงซ่านขยับกายพยายามออกห่างร่างบางอย่างไม่คุ้นเคยหันไปมองหน้าน้องสาวด้วยกลัวว่าอารมณ์ของเจนจะขึ้น
“กลัวบ้ากลัวบออะไรยะ แล้วนี้อย่ามายุ่งกับแฟนฉันนะ” จังคนิภาฉุนขาดที่มารยาหญิงหน้าไม่อายมาเกาะแขนของผู้ชายอื่นต่อหน้าต่อตาคนที่เธอน่าจะเข้าใจ
ว่าแฟนกันรีบเอื้อมมือไปคว้ามือบางของอีกฝ่ายแล้วผลักออกไปด้วยท่าทางรังเกียจ
“เจน...” ชายหนุ่มหันไปมองหน้าน้องสาวเรียกเสียงอ่อยมือตุ๊กแกของเรณูแกะไม่ออกกลับมาจับทุกครั้งเพราะเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบโต้อะไร
“ถามคนของเธอก่อนสิดูเหมือนเขาอยากจะยุ่งกับฉันเหมือนกัน” เรณูใจกล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายเล่นด้วยไม่สนใจใครหน้าไหนในเมื่อสิ่งที่เธอต้องการจะต้องได้ทุกครั้งไป
“ผมเปล่านะ ผมไม่ได้สนใจ...” คันธารัตน์สะดุ้งเมื่อถูกหญิงแปลกหน้าสรุปเรื่องราวเอาเองว่าเขามีท่าทีไปด้วยกับเธอก็รีบช่วยน้องสาวแกะมือตุ๊กแกให้พ้นกาย
“อย่าทำแก้ตัวหน่อยเลยค่ะ พอแฟนมาก็เปลี่ยนไปทันทีเลย ใจร้าย” ร่างบางไม่สนใจทำหน้ามึนตื้อชายหนุ่มที่สุภาพบุรุษของเธอไม่เลิกรา
“พี่เปล่านะเจน” ชายหนุ่มหน้าเสียหันไปมองน้องสาวคนดีรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเพราะเริ่มมีผู้คนหันมามองการยื้อแย่งของทั้งสองสาวมากขึ้นทุกที
“ไม่เจ็บขาแล้วรึไงย่ะ” จังคนิภาฉวยโอกาสสังเกตเห็นท่าทางที่ไม่อะไร
ของจอมมารยาก็เอ่ยทักขึ้นมาจนเคนเองก็หันไปมองแล้วก็ถึงบางอ้อในทันที
“อ้าว...อุ้ย” คนถูกจับได้สะอึกที่เผลอหลุดจนถูกรู้ทันก็แกล้งทำเจ็บขาอีกครั้งปล่อยสองมือที่เกาะเกี่ยวชายหนุ่มไปด้วยความลืมตัว
“ไปเถอะเคน” เจนได้โอกาสเดินมาแทรกกลางระหว่างจอมมารยากับพี่ชายตนในทันทีแล้วรีบดึงดันร่างหนาของพี่ชายออกห่างคนเสแสร้งด้วยท่าทางหวงแหน
“เดี๋ยวสิคุณ เรณูเจ็บขานะ” เรณูร้องเรียกความเห็นใจจากชายหนุ่มที่เธอหมายตาพยายามเขย่งขาเดินตามเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“เรื่องของเธอแล้วล่ะย่ะ ถ้าไม่มีปัญญาไปหาหมอก็นั่งรออยู่นี่แล้วกัน” จังคนิภาคนจับได้หันกลับมาบอกกลับแล้วยิ้มเยาะด้วยความสะใจพาพี่ชายเดินจากไปอย่างไม่สนใจจะกลับมามอง
“เธอรู้ได้ไงว่าเขาไม่ได้เจ็บจริงๆ” เมื่อพ้นประตูของสนามบินออกห่างคู่กรณีคันธารัตน์ก็เอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย
“เฮ้อ พี่ชายเราสงสัยจะไม่ทันมารยาหญิง” หญิงสาวยกยกมือขึ้นตบที่หัวตัวเองด้วยความปวดใจพี่ชายของเธอช่างโง่เง่าสิ้นดี
“ฉลาดแต่เรื่องเรียน โง่เรื่องรักจริงๆ”
“ใครจะไปแก่แดดเหมือนเธอล่ะ” เมื่อได้แต่คำต่อว่าจากน้องสาวไม่ยอมอธิบายสาเหตุที่ล่วงรู้มารยาหญิง เคนก็ไม่ได้สนใจจะเค้นเอาคำตอบต่อ
“อย่าพูดมากเลยรีบไปเถอะ”
“อือ หิวแล้วด้วย” ร่างบางพยักหน้าจับมือหนาของพี่ชายให้ไปส่งตัวเองที่รถก่อนที่เขาจะกลับไปที่รถตัวเองแล้วพากันไปรับประทานอาหารเย็น
ขณะที่จอมมารยาถูกทิ้งให้ยืนอยู่เพียงคนเดียว สายตาของเธอกำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างทั้งสอง ซึ่งกำลังจากไปอย่างคาดหมาย ถ้าโชคเข้าข้างเธอคงจะได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มผู้หายากในโลกนี้ ชายแสนดีและสุภาพบุรุษช่างสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเร่าร้อนในอารมณ์เสียจริงๆ
สามปีผ่านไป…
หลังจากเรื่องราววุ่นวายของเจนน้องสาวตัวแสบเกิดขึ้นแล้วผ่านไปได้ด้วยดี คันธารัตน์ก็กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติและในวันนี้วันเดียวกับที่คันธารัตน์เคยไปส่งน้องสาวต่างสายเลือดไปรักษาตัวอยู่อเมริกา ถึงตอนนี้ข่าวคราวของเธอเท่าที่น้องสาวฝาแฝดส่งข่าวมาก็คือ
รสินทรา ผ่านพ้นการผ่าตัดไปได้ด้วยดีกำลังใช้ชีวิตใหม่กับการเรียนและตอนนี้แอลก็เรียนจบปริญญาโทกำลังเดินทางกลับมาเมืองไทยพร้อมกับเจนและสามีกับลูกๆ
ส่วนเหล่าบุพการีนั้นยังคงเดินทางท่องเที่ยวหลังจากที่ผลัดผ่อนมานานหลายปีในเมื่อตอนนี้งานในบริษัทมีลูกชายดูแลไว้ใจได้อยู่ทั้งคน ซึ่งคนๆนั้นก็คือตัวเขานั้นเอง เคนมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นสนใจสาวๆเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
ถึงตอนนี้สองขาของเขากำลังก้าวเดินไปยังจุดนัดพบเพื่อนรอรับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาไม่ได้เจอนานสามปีตั้งแต่เธอไปก็มีเรื่องยุ่งเกินกว่าที่เขาจะหาเวลาไปเยี่ยมเยือนเธอได้ ไม่รู้ปานนี้จะโตสาวเต็มตัวแล้วหรือยัง รึยังเด็กขี้แยขี้อ้อนอยู่
ไม่นานการรอคอยของเขาก็ผล ขณะที่ตนเองกำลับยืนรอเด็กสาวหน้าตาธรรมดาใส่เหล็กดัดฟันตัวเตี้ยๆรูปร่างผอมไร้สัดส่วนผิวซีดจางแม้จะรักษาตัวมาแล้วรูปลักษณ์แบบนี้คงยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ปรากฏว่ากลับมาหญิงสาวสูงขาวน่าตาน่ารักหุ่นดีเข้ามาทักทายตน
“พี่เคน...แอลเองคะ” รสินทราหรือแอลเรียกทักพี่ชายต่างสายเลือดด้วยน้ำเสียงดีใจใบหน้าระรื่นจนเกือบเก็บอาการคิดถึงเขาเอาไว้ไม่อยู่
“แอล...” ชายหนุ่มอ้าปากค้างมองดูร่างตรงหน้าหรือต้องบอกว่าร่างงามตรงหน้าด้วยความตกตะลึง น้องสาวต่างสายเลือดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงไม่มีเค้าเดิมหลงเหลืออยู่เลย
ผิวที่เคยซีดเผือกตอนนี้กำลับอมชมพูดูสดใส ใบหน้าที่เคยใส่เหล็กดัดฟัน ตอนนี้ถอดออกเรียบร้อยแล้วทำให้ใบหน้าดูคมคายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและดูสดใสอีกด้วย แถมเจ้าตัวยังแต่งหน้าบางๆ ชวนมอง ที่สำคัญสัดส่วนของเธอที่เคยผ่ายผอมกลับสูงขึ้นและมีสัดส่วนที่ชวนมองพอสมควรสังเกตได้จากสายตาของหนุ่มๆที่เดินผ่านไปมาทุกคนมองแอลตาไม่กระพริบจนตัวเขาอดไม่ได้ที่จะลอบทำตามขวางใส่เรื่องอะไรมามองน้องสาวของเขา
“ดีใจจังที่ได้กลับมา...เจอพี่” ด้วยเพราะความคิดถึงที่มีมากจนล้นออกมาและนิสัยของชาวต่างชาติที่ติดกลับมาด้วย ทำให้เธอโผเข้ากอดพี่ชายอย่างไม่หวงเนื้อหวงตัวด้วยความดีใจ
“พี่ก็ดีใจ” คันธารัตน์กอดตอบเขาเองก็ดีใจไม่แพ้กับเธอ แต่บางอย่างที่ไม่
เคยชินกับเรือนร่างที่เปลี่ยนไปขนาดนี้ความนุ่มหยุ่นเข้ากระทบกับอกกว้างของเขาจนทำให้ใจของชายหนุ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“คิดถึงพี่เคนจัง” หล่อนกระซิบบอกพรางมองเนื้อตัวของชายหนุ่มเขาเปลี่ยนไปไม่มากความหล่อเหลายังคงมีมากเหมือนเดิมอ้อมกอดก็อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน สูงขึ้นมากพอสมควรอกผายไหล่พึ่งน่าซบกว่าเก่าผอมลงคงเพราะทำงานหนักอยู่คนเดียวไม่ค่อยสนใจดูแลตัวเอง
“เหมือนกัน” เคนพยักหน้าจับเส้นผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวออกจากใบหน้างามพินิจพิเคราะห์ด้วยสายตาหวานเยิ้มอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งสังเกตว่าเธอเดินมาแบบตัวปลิวไม่มีกระเป๋าก็สงสัย
“กระเป๋าล่ะ”
“กำลังมาค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆพลางหันกลับไปมองทางออกว่ากระเป๋าของเธอเมื่อไรจะมาถึงตอนนี้อยากกลับไปบ้านพูดคุยกับเขาถึงเรื่องที่ผ่านมาหลังจากจากกันไปนานหลายปี
“เดินทางไงบ้าง” ชายหนุ่มโอบประคองน้องสาวเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากทางรอผู้คนที่เดินออกมาจากประตูทางออกเพื่อรอบุคคลที่เหลือและ
กระเป๋าของหญิงสาว
“เหนื่อยดีคะ แต่มาเจอหน้าพี่เคนก็หายเหนื่อยแล้ว” รสินทรายิ้มหวานเธอมองหน้าชายหนุ่มไม่กระพริบให้สมกับที่ไม่ได้เจอเค้ามาตั้งนานและอดไม่ได้ที่จะออดอ้อน
รสินทราคนนี้ต่างจากรสินทราคนเดิมที่ขี้อาย อ่อนแอและขี้กลัว แต่ตอนนี้หล่อนกล้ามากยิ่งขึ้นในเมื่อรูปร่างหน้าตาและหัวใจของเธอนั้นแข็งแรงพอแล้วจึงกล้าที่จะรักเขาและตอนนี้เธอจะกลับมากุมหัวใจเขาตามที่เคยตั้งใจไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน
“ขี้อ้อนเหมือนเดิมนะเรา” ชายหนุ่มโอบบ่าน้องสาวเข้าาใกล้รู้สึกไม่อยากจะปล่อยร่างบางไปจากอ้อมกอดอาจจะเพราะเธอสวยมากขึ้นทำให้อาการหวงของพี่ชายกำเริบถึงได้รู้สึกกับเธอแบบนี้ขึ้นมา
ความคิดเห็น