ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วังวนอสูร

    ลำดับตอนที่ #6 : คำสารภาพที่เจ็บปวด

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 59




                



    จนสุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องทิ้งหญิงสาวกลับมาก่อนเมื่อเห็นร่างสมส่วนจ้างม้าไปหนึ่งตัวพร้อมบอกให้เจ้าของตามไปรับที่โรงแรมเธอก็เร่งขี่ออกไปพร้อมกับสายลมและเกลียวคลื่น

    “แอลล่ะ” คันธารัตน์กล่าวถามเมื่อเห็นร่างหนาของลูคัสกลับมาเพียงคนเดียวไม่มีแม้แต่เงาของหญิงสาวที่ลุคบอกว่าจะออกไปตาม

    “กำลังขี่ม้ากลับมา” ลูคัสกล่าวด้วยน้ำเสียงขันหน่อยๆกับคำตอบของตนเองเพราะทางเคนเองก็ทำงานสงสัยทำไมไม่นั่งรถกลับมาพร้อมๆกัน

    “ไปถึงไหนกัน” คันธารัตน์ขมวดคิ้วเดินตามชายหนุ่มไปด้านหน้าชายหาดด้วยความอยากรู้ว่าเขาไปเจอหญิงสาวที่ไหนแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    “ผมก็ไม่รู้เจอตอนอยู่คนเดียวแล้ว” ลูคัสตอบกลับแบบอมพะนำไว้สัก

    หน่อยไม่บอกสถานที่และรายละเอียดให้ชัดเจนจะได้เพิ่มความหงุดหงิดให้อีกฝ่าย

    การแก้มือ

    “แล้วทำไมไม่พากลับมาพร้อมกัน” ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลยิ่งลูคัสตอบแบบอ้ำอึ้งก็ยิ่งทำให้เคนรู้สึกหงุดหงิดที่เชื่อตามคำขวางของเขาไม่ตามไปด้วย

    “ก็กำลังหงุดหงิดไม่อยากจะขัดใจ” ชายหนุ่มตอบเสียงห้วนๆพลางชะเงยมองหาหญิงสาวที่กำลังขี่ม้าตามมาดูเวลาน่าจะใกล้มาถึงแล้ว

    “ไม่อยากขัดใจ โดนตามใจจนเสียคนรึไง” พี่ชายที่แสนดียืนกอดอกทำหน้าหงุดหงิดยิ่งหน้าเขาเองก็ดุอยู่แล้วมาหงุดหงิดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่

    “ใครเสียคนคะพี่เคน” แต่ดูเหมือนคนที่น่าจะกลัวกลับไม่กลัวเธอมาถึงโรงแรมก่อนที่ลุคจะมาถึงเสียอีกด้วยเพราะควบขี่ด้วยความเร็วตามอารมณ์ที่หงุดหงิดและได้เห็นภาพที่พี่ชายพยายามคาดคั้นอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้นึกเกรงกลัวสายตานั้นสักนิดเดียว

    “แอล...มานี่เลยพี่มีเรื่องจะพูดด้วย” คันธารัตน์เห็นร่างบางมองดูอารมณ์ขุ่นข้องของเขาเรื่องสนุกก็ฉุดร่างบางเข้าไปในโรงแรมมุ่งหน้าไปยังห้องพักเพื่อหลบสายตาของผู้คนและพนักงานเพราะคงจะไม่เหมาะหากใครเห็นเจ้าของโรงแรมกำลังถูกต่อว่า

    “โอ้ย...” หญิงสาวหน้ามุ่ยที่ถูกพี่ชายจูงกึ่งลาก โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะลูคัสก็ไม่ผลช่วยอะไรเธอไม่ได้

    “นี่เดี๋ยว...” จนมาถึงหน้าห้องพัก ลูคัสที่พยายามจะเดินเข้าไปในห้องตามร่างทั้งสองแต่ก็ก้าวตามทั้งสองคนเข้าไปไม่ทัน

    “ไม่ต้องยุ่ง...” แถมเคนก็หันกลับออกปากไล่มาทำตาขวางใส่ชี้หน้าพร้อมปิดประตูลงกลอนเสียงดัง

    // โครม // จนคนเดินผ่านไปผ่านมาหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น

    ลูคัสยืนนิ่งพูดไม่ออกเพิ่งจะเคยเห็นคนที่แอลมักจะบอกเสมอว่านิ่งและสุขุมเกรี่ยวกราดแบบนี้แม้ตนเองจะพยายามเปิดประตูแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ได้แต่ยืนเงี่ยหูฟังข่าวจากด้านนอกด้วยใจที่ห่วงใยภาวนาให้ทั้งสองมีแค่ปากเสียงกันไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ

    “ไปไหนมา” ชายหนุ่มยิงคำถามใส่ทันทีโดยไม่หยุดหายใจมองดูหน้าน้องสาวที่ทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนไม่รู้ว่าตนหวงแค่ไหนที่ไปกับชายแปลกหน้าตาม

    ลำพังแบบนั้น

    “ไปเพลินวาน” รสินทราตอบเสียงห้วนกลับทำลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่สนใจอะไรเพราะกำลังคะนองอยู่กับอารมณ์ห่วงของชายหนุ่มที่แสดงออกมาอย่างออกหน้าออกตา

    “ไปทำไม”  คนหน้าดุถามเสียงเข้มต่อสองมือของเขากำแน่นด้วยความโกรธความรู้สึกในใจตอนนี้มันสับสนปนกันไปหมด

    “ไปส่ง” คำตอบสั้นๆมาจากริมฝีปากบางอีกครั้งแถมยังเชิดใบหน้าใส่ไม่แม้แต่จะชายตามองเหมือนจะรู้ว่ายิ่งทำพี่ชายจะยิ่งโมโห

    “พี่ไม่เชื่อ” คันธารัตน์ส่ายหน้ามองดูใบหน้างามที่ท่าทางไม่รับฟังคำพูดของตนคิดไปถึงเมื่อหลายปีก่อนใบหน้าน้องสาวที่แสนดีของเขาหายไปไหนแล้วแววตาที่เคยอ่อนหวานตอนนี้กลับดูหมางเมินไม่ฟังคำเขาเลยสักคำเดียวยิ่งคิดก็ยิ่งชอกชำใจ

    “ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อไม่ได้ขอร้องให้เชื่อ” เธอยอกย้อนพี่ชายราวกับเห็นเรื่องสนุกแม้ใบหน้าจะดูหยิ่งยะโสแต่ในใจของเธอกับกำลังสนุกพลางเดินไปที่หน้าต่างมองดูวิวของท้องทะเลกว้างเหมือนกำลังสบายอารมณ์ขณะที่อีกคนกำลังอยู่ใน

    อารมณ์ที่คุกรุ่นใกล้ระเบิดเต็มที

    “แล้วทำไมถึงไม่กลับมาพร้อมกับลุค” คันธารัตน์เดินตามไปถามต่อสิ่งที่ค้างคาในใจเขายังไม่หมดสิ้น มีอะไรอีกหลายอย่างในใจเขาที่ต้องการคำตอบจากปากเธอ เรื่องมากมายที่หัวใจของเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันมีแต่คำถามที่อยากรู้พรั่งพรูออกมา

    “ก็อยากขี่ม้า ไม่ได้เหรอคะ” หล่อนหันกลับมาตอบใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยเหมือนกำลังแสดงว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเรื่องตลกแล้วเดินหนีห่างไปจากจุดเดิม

    “อย่าเดินหนีพี่แบบนี้แอล” เคนฉุดข้อมือบางเอาไว้มั่นความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนกำลังถูกเธอหัวเราะเยาะอยู่ในใจทำให้รู้สึกโกรธจัดเข้าไปใหญ่ที่เธอเห็นความห่วงใยของเขามาเรื่องสนุก

    ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากบางใบหน้าของเธอไม่หันกลับมามองชายหนุ่มด้วยซ้ำเพราะเธอกำลังแอบยิ้มอยู่จึงไม่หันกลับมามองเพราะกลัวเขาจะเห็นรอยยิ้มของเธอ

    “ทำไมถึงทำตัวแบบนี้” ชายหนุ่มฉุดร่างบางให้หันกลับมาซึ่งจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวปรับสีหน้าตนเองให้นิ่งเฉย

    “ทำแบบไหนคะพี่เคน” รสินทราเดินเข้ามานั่งที่ปลายเตียงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับอารมณ์ของพี่ชายที่ระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

    “แอลไม่รักษาเนื้อรักษาตัวเลย ทำเด็กหัวนอกนี่เมืองไทยนะ” ชายหนุ่มสุดจะกลั้นอารมณ์ตะคอกใส่แอลอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำกับหล่อนมาก่อนเลย

    “แอลไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย” ร่างบางลุกขึ้นดวงตาลูกโชนไปด้วยความท้าทายแม้จะตกใจที่เพิ่งเคนเห็นพี่ชายที่แสนดีแบบนี้แต่มันก็ส่วนหนึ่งของแผนการซึ่งเธอต้องรับมือกับมัน

    “ไม่เสียหายอะไร ถึงเจ้าของโรงแรมไปแต่ไปเที่ยวกับผู้ชายไม่เลือกหน้า” เคนยกเหตุผลขึ้นมากล่าวเมื่อคิดถึงภาพที่หญิงสาวออกไปจากโรงแรมพร้อมกับชายอื่น

    “ไม่เลือกที่ไหนเพื่อนกันทั้งนั้น” รสินทราเถียงคำไม่ตกฟากสำหรับเธอแล้วคนพวกนั้นก็แค่คุยกันผิวเผินที่พวกนั้นตามมาถึงโรงแรมก็เพราะคำชวนของเธอเพราะมันอีกหนึ่งแผนการที่จะทำให้พี่ชายที่แสนดีแปรเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเธอ

    “เขาคิดกับเราเพื่อนรึเปล่าอย่าบอกว่าดูสายตาพวกมันไม่ออกนะว่าคิด

    อะไรกับแอล” คันธารัตน์มองออกในฐานะผู้ชายคนหนึ่งคิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดอะไรตื้นๆไม่ระวังตัวเองแบบนี้

    หญิงสาวนิ่งงันเถียงไม่ขึ้นเพราะก็จริงที่ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้คิดกับตนแค่เพื่อนเพียงแค่หล่อนวางตัวไม่ยอมเล่นด้วยก็เท่านั้นความสัมพันธ์ที่เลยเถิดจึงไม่ปรากฏให้เห็น

    “แล้วดูแต่งตัวเข้าสิ ไม่ได้สมกับเจ้าของโรงแรมสักนิด” เมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบเถียงไม่ออกก็ได้ทีต่อว่าต่อถึงการแต่งตัวที่เห็นแล้วขัดตา

    “ก็ไปเที่ยว จะให้ใส่สูทตลอดเวลารึไงคะ” หญิงสาวกัดปากมองค้อนทำน้ำเสียงประชดประชันใส่อีกฝ่ายยังคงท่าทายอารมณ์ชายหนุ่มไม่เลิกรา

    “ก็อย่าให้มันโป้นักสิ” เคนตะคอกเธอจนหน้าดำหน้าแดงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหกับความคิดหัวนอกของเธอไม่คิดว่าสามปีหญิงสาวจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ น้องสาวของตนเองยังไม่เคยทำอะไรที่มันเกิดขอบเขตแต่นี่เหมือนเธอจะละเลยความหญิงไทย

    “แล้วแบบไหนละคะถึงไม่โป้ ทีชุดว่ายน้ำไม่เห็นจะว่าเอาแต่มองตาไม่กระพริบ” รสินทรายกเท้าเอวอวดสะโพกและสัดส่วนยังจำได้ดีถึงแววตาของเคนที่

    เคยมองเธอตอนมาถึงใหม่ๆ

    “ก็มันคนละแบบกัน” เคนเถียงไม่ออกเมื่อถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบมองสัดส่วนของน้องสาวไม่คิดว่าร่างบางจะลอบสังเกตสายตาของตนเองคิดแล้วน่าละอายแก่ใจ

    “ก็ไม่ต่างกันหรอกคะ” ใบหน้างามเชิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะมีชัยเหนือกว่าเพราะดูจากแววตาของเคนท่าทางจะเริ่มลดความคุ้มคลั่งลง

    “นี่เธอจะเถียงพี่ฉอดๆแบบนี้ใช่ไหม” แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มเสียความรู้สึกที่น้องสาวว่าง่ายของเขาตายจากไปแล้วหลังจากการผ่าตัดตอนนี้ใครก็ไม่รู้ซึ่งเขาไม่เคยรู้จัก

    “ก็มันจริงนี่คะ” หล่อนยังคงทำท่าทางเหมือนเดิมไม่ได้ลดราวาศอกลงสักนิดเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งกลับลำไม่ได้ในเมื่อวางแนวอารมณ์มาแบบนี้ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าจะเห็นผล

    “เธอนี่...ยิ่งกว่าเจนจริงๆ” คันธารัตน์รู้สึกเหนื่อยหน่ายส่ายหน้ารับไม่ได้กับการกระทำของเธอยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตนไม่รู้จักน้องสาวคนนี้เลย

    “พี่เจนน้องสาวพี่ แต่แอลไม่ใช่แล้วก็ไม่อยากด้วย” แอลหันกลับมาพร้อม

    กับวาจาที่เชือดเฉือนหัวใจของคนที่ยืนฟัง

    “เธอว่าไรนะ” ชายหนุ่มตัวชาพูดไม่ออกไม่คิดว่าคำๆนี้จะออกมาจากปากของเธออีกครั้งนี่เขาห่วงเธอข้ามเขตไปหรือยังไงกันเธอถึงได้ไม่ต้องการพี่ชายอย่างเขามาคอยดูแล

    “ก็แอลบอกแล้วไงว่าแอลไม่ใช่ แล้วก็ไม่เคยอยากจะน้องสาวของพี่เคนสักนิดเดียว” รสินทราตะวาทใส่ชายหนุ่มตอกย้ำให้เขาได้รู้ว่าเธอไม่ต้องการเขาในฐานะพี่ชายจริงๆ

    “แอลเปลี่ยนไปมากจริงๆ” คำพูดของเธอเหมือนค้อนที่กำลังทุบหัวเขาซ้ำๆหลายๆทีมันเจ็บแปลบ มันมึนงงและหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก

    “ใช่ค่ะ นิสัยแอลอาจจะเปลี่ยนไป หลายๆ อย่างแอลอาจจะเปลี่ยนไป แต่อย่างหนึ่งที่แอลไม่เคยเปลี่ยน” ร่างบางลดอารมณ์ยียวนลง แต่เพิ่มความรู้สึกหนักแน่นมากขึ้น เน้นย้ำทุกคำทุกประโยค สายตาแน่วแน่และจริงจังมองเขาอย่างมีความหมาย

    “พี่ยังไม่เห็นสิ่งเดิมที่แอลเลย” ชายหนุ่มส่ายหน้าพยายามเพ่งมองผ่านสายตาของเธอ แต่เขายังมองไม่เห็นอะไรที่แอลคนเดิมเลยสักนิดเดียว

    “หัวใจของแอลไงคะยังไม่เคยเปลี่ยน” หญิงสาวก้าวเข้าหายกมือขึ้นกุมที่หัวใจของตนเองสายตายังไม่แปรเปลี่ยนไปจากเขา

    คันธารัตน์ตัวชายิ่งกว่าเขาขมวดคิ้วหน้าเครียดหนักกว่าเดิมรู้สึกเหมือนกำลังกลายคนโง่เพราะคิดไม่ออกในความหมายของคำพูดเธอว่ามันคืออะไร

    “หัวใจที่มั่นคงและรักพี่ตลอดมา แอลรักพี่มากกว่าพี่ชาย ไม่เคยมองพี่พี่ชายถึงได้ไม่อย่างให้พี่มองแอลน้องสาวไงพี่เคน” แอลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ การบอกรักของตนไม่คิดเลยว่ามันจะต้องกลายแบบนี้ไปได้ ทั้งที่ตั้งใจว่าอยากจะให้เขาผ่ายบอกตนเองก่อน

    “แอล” คันธารัตน์รู้สึกอึ้งพูดไม่ออก ไม่คิดว่าคนที่ตนคิดว่าน้องสาวจะรักเขามากกว่าฐานะของพี่ชายและสิ่งที่อยากรู้ตามมาคือเมื่อไรยังไงกัน

    “คืนนั้นแอลถึงได้จูบพี่เพราะห้ามใจไม่อยู่” ใบหน้างามขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน

    ใบหน้างามใกล้ชิดขนาดนี้ชวนให้ชายหนุ่มคิดถึงรสจูบที่ไม่ใช้เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ตราตรึงเพราะตัวเขาเองก็ยังคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ

    “แล้วก็ยังคงรอคอยจูบจากพี่อีกเพราะมันตราตรึงหัวใจของแอลเหลือเกิน”

    เสียงหวานแผ่วลงต่ำร่างงามขยับเข้าหามากขึ้นจนตอนนี้ทุกสัดส่วนชิดติดกัน เขย่งปลายเท้าของหล่อนขึ้นเล็กน้อยกระซิบบอกเบาๆ ที่ริมฝีปากแล้วรีบประทับจูบหวานลงไปที่ริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มทันที

    “แอลรักพี่เคนคะ”

    สองมือบางโอบรอบของเขาโน้มน้าวกึ่งบังคับให้แลกจูบหวานกับเธอ ปลายลิ้นเรียวเล็กบุกรุกเข้าไปในโพรงปากที่กำลังมึนงงอยู่ ริมฝีปากบางสวยพยายามดูดกลืนบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ภายใน ชายหนุ่มเผลอใจกับจูบหวานเริ่มตอบโต้พร้อมโอบกอดเธอกลับ

    สองร่างเริ่มจูบดื่มด่ำธรรมชาติและรุนแรงมากยิ่งขึ้นมือไม้ของชายหนุ่มเริ่มลูบไล้ตามแผ่นหลังมือบางของหญิงสาวเองก็ลูบไล้เขาตอบกลับ เหมือนจูบที่ทั้งสองรอคอยมานานแสนนานมันช่างหอมหวานชวนให้หลงใหลและเผลอใจ

    แต่ก่อนที่ทั้งสองจะถลำลึกลงไป คันธารัตน์พลันได้สติก่อนที่จะทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้ถอนใบหน้าของตัวเองออกมาพยายามเปล่งคำพูดโง่ๆออกไปเพราะคำว่าพี่มันค้ำคอ

    “เดี๋ยวแอล...แต่เรา...”

    “ถ้า...พี่เคนคิดแบบนั้น” ใบหน้างามตอนนี้มีแววตาแห่งความผิดหวังทั้งที่เธอลงทุนถึงขนาดนี้แต่เขากลับยังฝืนใจฝืนกายเชิดชูคำว่าพี่ หล่อนเดินถอยก้าวออกห่างจากไปทางประตูทิ้งให้ชายหนุ่มยังสบสนมึนงงกับความรู้สึกของตัวเองอยู่เพียงลำพัง

    ประตูห้องพักของคันธารัตน์เปิดออกหญิงสาวที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลออกมาแต่ไม่ยอมให้คนที่ตนเพิ่งบอกรักไปให้เห็นยืนสบสายตากับลูคัสซึ้งกำลังยืนอยู่หน้าประตูด้วยแววตาห่วงใย ประตูห้องถูกปิดลงหญิงสาวก็โผเข้ากอดเพื่อนชายแล้วปล่อยน้ำตาออกมาการใหญ่

    “แอลอยากดื่ม” เมื่อกอดอกอุ่นร้องไห้อยู่ไม่นานหญิงสาวก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าบอกจุดประสงต่อไปที่เธอต้องการในทันที

    “ตอนนี้เลยเหรอ” เพื่อนชายเบิกตากว้างขณะนี้เวลาบ่ายกว่าๆเท่านั้นเธอชวนเขาดื่มไม่มองดูเวลาเลยเหรออย่างไรกัน

    “อือ จะไปด้วยกันไหม หรือจะให้แอลไปคนเดียว” รสินทราพยักหน้ายื่นคำขาดกับคนที่ทำใบหน้าเหมือนคนที่จะคัดค้านการดื่มของเธอ

    “งั้นก็ไปสิ” เมื่อหญิงสาวบอกออกมาแบบนี้ลูคัสก็จำยอมต้องทำตามเพราะ

    อารมณ์แบบนี้ไม่อยากจะปล่อยเอาไว้ให้อยู่คนเดียวเดี๋ยวได้คิดอะไรบ้าๆ ทำอีก

    เมื่อตกลงใจว่าจะไปชายหนุ่มก็โอบประคองร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อปลอบโยน แล้วพาเธอไปที่ลิฟต์ลงไปยังชั้นใต้ดินมุ่งตรงขึ้นรถคันหรูของตนเอง เพื่อหลบสายตาคนสอดรู้ของเหล่าพนักงานทั้งหลายที่พยายามจับจ้องอยู่อย่างอยากรู้อยากเห็น

    หลังจากที่รสนิทราเดินออกไปจากห้องของตนชายหนุ่มก็เหมือนคนเสียศูนย์เดินโซเซไปนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วกุมขมับนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเขาและแอลกันสวรรค์เล่นตลกรึไง พร้อมพยายามถามหัวใจของตนเองว่าจริงๆแล้วคิดยังไงกับแอล

    ชายหนุ่มพาหญิงสาวมานั่งดื่มในอีกโรงแรมหนึ่งที่ไม่นั่งกินที่โรงแรมของตนเองนั้นเพราะเขาคิดว่ามันไม่เหมาะที่ผู้บริหารระดับสูงจะไปนั่งดื่มสุราจนอาจจะเมามายขาดสติคิดร้องไห้ฟูมฟายท่ามกลางสายตาของเหล่าพนักงานเพราะฉะนั้นต้องพามาดื่มที่อื่นแทน

    เมื่อมาถึงเธอก็สั่งดับเบิ้ลมาสองช็อตสำหรับตัวเธอแล้วชายหนุ่มข้างกายพอแก้วถูกวางไว้ตรงหน้ามือบางก็ดื่มราวเดียวหมดแล้วพยักหน้าขอเพิ่มเพื่อไม่ให้ขาดตอนพลางดื่มของชายหนุ่มก่อนไปพลางๆเพราะดูท่าทางแล้วลูคัสไม่ค่อยอยากจะดื่มสักเท่าไร

    “แอลบอกไปแล้วลุค แต่ทำไมมันไม่อย่างที่แอลคิด” เมื่อดื่มไปได้หลายช็อตติดใบหน้างามก็ร้องไห้ออกมาสองมือปิดหน้าปล่อยโฮออกมาเสียงดัง

    “ใจเย็นๆแอล” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบหลังพลางมองซ้ายมองขวาพยักหน้าขอโทษขอโพยแขกอื่นการใหญ่ที่เสียร้องไห้ของเธออาจจะทำให้เสียบรรยากาศ

    “พี่เคนยังมองแอลน้องสาว ทำไมละลุค” รสินทราหันไปจับคอเสื้อเพื่อนสนิทเขย่าเบาๆเอ่ยถามคำตอบที่มีเพียงคนเดียวที่ตอบได้

    “ใจเย็นๆให้เวลาเคนหน่อยสิเขาคงยังไม่รู้สึกตัว” ลูคัสพยายามปลอบใจร่างบาง ทั้งที่มันการกระทำที่เขาไม่ควรจะกระทำเลยสักนิดเดียว จริงๆแล้วสมองของเขาสั่งให้เธอเลิกล้มความตั้งใจซะแต่เห็นดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาแล้วก็ทำไม่ลง

    “หรือไม่ก็ไม่คิดอะไรกับแอล” รสินทราหันไปยกแก้วขึ้นดื่มอีกจนหมดพนักงานเสิร์ฟเติมให้เรื่อยๆไม่หยุดเหมือนจะรู้หน้าที่ดีแล้ว

    “แอล...คงรักเคนมาก” ชายหนุ่มเริ่มยกแก้วดื่มตามหญิงสาวรอยยิ้มบางๆปรากฏที่มุมปากแต่ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความสุขรอยยิ้มนั้นดูเหมือนกำลังสมเพทตัวเองอยู่

    “รักมาก” หล่อนตอบโดยไม่คิดยกมือขึ้นเสยผมที่ยาวสยายแล้วลูบใบหน้าเพื่อปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มทั้งสองบีบที่ดวงตาทั้งสองข้างที่เริ่มจะปวดร้าว

    “แล้วทำไมไม่ลองทำตัวดีๆล่ะ เผื่อว่าเขาอาจจะรักแอลแบบนั้นมากกว่า” ลุคเสนอทางอื่นให้ร่างบางแผนการใหม่ที่เขาโง่เง่าเสนอออกไป

    “ทำแบบนั้นแล้วเขาจะหึงหวงแอลเหรอ จะพัฒนาความรู้สึกได้ยังไง” ความคิดของแอลยังไม่แปรเปลี่ยนเธอศึกษามาดีแล้วว่าทำแบบนั้นความสัมพันธ์ก็จะไม่พัฒนาขึ้น

    “มันก็อาจจะดีกว่ามานั่งทะเลาะกันแบบนี้” ลูคัสยกแก้วดื่มจนหมดแล้วเติมใหม่คิดหงุดหงิดตัวเองทำไมต้องไปช่วยคิดหาแผนการให้เธอสมรักกับคนอื่น

    “ลุค...ลุคคิดว่าแอลทำเกินไปเหรอ” หญิงสาวก้มหน้าเริ่มทบทวนการกระทำของตนเองอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร

    “ก็ไม่เชิงหรอก” เพื่อนชายยักไหล่ไม่อยากจะบอกไปตามตรงว่าเกินไป

    หากเขาไม่รู้แผนการเธอทุกอย่างก็คงหงุดหงิดตามไปกับพี่ชายที่แสนดีถึงพฤติกรรมของน้องสาวที่เปลี่ยนไปขนาดนี้

    “หมายความว่าไง” คำตอบที่ไม่ชัดเจนทำให้เธอหันไปมองหน้าลูคัส อะไรคือสิ่งที่เธอทำพลาดไปในแผนการครั้งนี้

    “ฟังนะ ก็แอลเอาแต่ใจมาก คนที่เคยว่าง่ายมาตลอดคนไม่เคยเจอมันก็ไม่ชินตั้งตัวรับไม่ทัน” เขาจึงตัดใจพูดออกไปตามตรงเพื่อเธอจะได้กระจ่างชัดเจน

    “เหรอ” หญิงสาวเม้มปากแน่นสนิทหันกลับมายกแก้วเหล้าเข้าปากอีกครั้ง เพราะมันก็จริงอย่างที่ชายหนุ่มพูดเธอคงเร่งเร้าความรู้สึกของเคนให้ตอบสนองความรู้สึกเธอมากไปๆมาๆจะกลายกดดันเขาจนเกิดไปทำให้สับสนคิดอะไรไม่ออก

    “ก็จากที่จะเปิดใจกลายปิดกั้นตัวเองไปเลยก็ได้ แบบขยาดไง” ลูคัสกล่าวต่อเมื่อเห็นอารมณ์ของเธอดูนิ่งขึ้นมาแสดงว่าอาจจะเริ่มคิดได้

    จนสุดท้ายน้ำตาก็ร่วงออกมาอีกครั้งจากดวงตาทั้งสองไหลออกมาทางยิ่งกว่าตอนแรกที่ปล่อยโฮแถมมือก็ไม่หยุดกระดกเหล้าเข้าปากจนพนักงานเติมให้แทบไม่ทัน

    “อย่าคิดมากสิ ไหนบอกจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นไง” ชายหนุ่มรั้งร่างบางที่

    กำลังร้องไห้อีกครั้งเข้ามาแนบอกโอบกอดเธอกระชับพร้อมลูบหลังให้กับเธอ

    “เขาอยู่ซะที่ไหนล่ะ” หญิงสาวพึมพำแทรกออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น คิดไปถึงป่านนี้พี่ชายที่แสนดีของเธอคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ยังห่วงหาอาทรน้องสาวคนนี้อยู่รึเปล่า

    “กลับไปตาบวมเขาก็รู้” ลูคัสเชยใบหน้ามาขึ้นมาแล้วปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าดวงตาคู่สวยตอนนี้เริ่มมีอาการบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “เขาไม่แคร์หรอก” รสินทราส่ายหน้าด้วยความปวดใจพี่ชายคนนั้นขอเธอน่ะเหรอจะมาห่วงใยน้องสาวที่เปลี่ยนไปคนนี้

    “แน่ใจเหรอ” ลูคัสที่พอจะจับความรู้สึกบางอย่างจากคันธารัตน์ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะคิดถูกบางทีคนที่ยังไม่รู้ตัวอาจจะตัวหล่อนเองด้วยก็ได้

    “อือ ก็แอลทำถึงขนาดนั้นเขาก็ยัง...” หญิงสาวพยักหน้าท่าทางมั่นใจเพราะหากไม่ไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกอะไรจากหัวใจของเขาเลย

    “โง่อยู่ได้เนอะ” ลูคัสช่วยเสริมกึ่งหยั่งใจหญิงสาวว่ายังมีอาการออกตัวรับแทนหลงเหลืออยู่หรือเปล่าหรืออาจจะเจ็บแค้นจนเห็นด้วยไปแล้วว่าเคนไม่ได้คิดอะไรกับตน

    “พี่เคนไม่ได้โง่ แต่เขาแค่ไม่ได้รักแอล” แต่ก็ตามคาดหญิงสาวออกตัวแทนเคนเหมือนเช่นเคยไม่ได้คิดจะตัดใจออกจากคนที่เชื่อว่าไม่ได้รัก

    ลูคัสฟังแล้วเจ็บแปลบขึ้นมาอยู่ในอก คราวนี้ตนเองหันไปยกแก้วดื่มหลายอึกใหญ่ตามบ้างเหมือนจะกินเข้าไปให้ช่วยรักษาแผลใจที่กำลังปวดร้าว

    “หึ น่าสมเพธตัวเอง หลงรักเขามาตั้งนาน สมัยก่อนพี่เคนเหมือนเจ้าชายของแอล คอยปกป้องดูแลแอลเสมอเลย” หญิงสาวส่ายหน้าให้กับตัวเอง พลางคิดถึงในอดีตที่ตนเองยังป่วยอยู่ พี่ชายที่แสนดีของเธอมักจะคอยอยู่เคียงข้างดูแลเธอตลอดเวลา

    “ก็น้องสาวนี่” ชายหนุ่มช่วยตอกย้ำความสัมพันธ์ให้ร่างบางต้องเจ็บช้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจมันแค่คำพูดพ่ำไปเรื่อยไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเคน

    “ก็บอกแล้วว่าไม่อยากเป็นนี่” ขณะที่มันเป็นคำที่ต้องห้ามสำหรับเธอ หญิงสาวหันมาขึ้นเสียงกับชายหนุ่มที่พูดกรอกหูซ้ำไปซ้ำมาอยู่ได้เพราะในหัวของเธอเองคำๆนี่ก็วนเวียนอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน

    “คนที่คิดว่าน้องมาตลอดอยู่จะให้เปลี่ยนได้ง่ายๆไม่ได้หรอก” ลูคัสพยายามพูดให้หญิงสาวทำใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องใช้เวลา

    รสินทรานิ่งเงียบพูดไม่ออกได้แต่กรอกเหล้าเข้าปากไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างไม่หยุด

    “เหมือนกับคนที่คิดว่าไม่ใช่น้องไม่ใช่เพื่อน อยู่ๆจะมาให้เพื่อนกันมันก็ทำใจลำบาก” ลุคกุมกำแก้วเหล้าเอาไว้ในมือความรู้สึกแบบนี้เขาเข้าใจเธอดี

    “เกี่ยวกันที่ไหน” แอลหันไปมองหน้าชายหนุ่มแบบงงๆไม่ค่อยเข้าใจว่าความหมายของคำพูดที่เขายกขึ้นมาเปรียบเปรยให้เธอฟัง

    “เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยวมันก็ไม่ต่างกันหรอกเจ็บกว่าซะด้วยซ้ำไปแบบหลัง” ลูคัสพยักหน้าทำไมความรู้สึกมันจะไม่เหมือนกันในเมื่อเขาเองก็กำลังรู้สึกอยู่

    “เคยเหรอ” ด้วยความอยากรู้หญิงสาวเริ่มสงสัยหากไม่เคยเจอมีหรือลูคัสจะยกมาเปรียบแสดงว่าต้องรู้และเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี

    “ก็ไม่เชิง” ชายหนุ่มไม่กล้าเปิดปากจะให้บอกได้ยังไงว่าเขาแอบรักเธอมาตลอดอยากจะสารภาพรักก่อนแล้วค่อยบอกให้รู้จะได้ดูซาบซึ้งกว่า

    “ใคร...แอลไม่เห็นรู้เรื่องเลย” หญิงสาวเริ่มสนใจเรื่องราวของเพื่อนชายด้วยเพราะอยู่ต่างประเทศกันมาตั้งนานเกือบสามปีไม่อยากจะเชื่อว่ามีเรื่องที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×