[Fic Reborn] สุขสันต์วันเกิดนะครับ มุคุโร่ (6927) [YAOI] - [Fic Reborn] สุขสันต์วันเกิดนะครับ มุคุโร่ (6927) [YAOI] นิยาย [Fic Reborn] สุขสันต์วันเกิดนะครับ มุคุโร่ (6927) [YAOI] : Dek-D.com - Writer

    [Fic Reborn] สุขสันต์วันเกิดนะครับ มุคุโร่ (6927) [YAOI]

    เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่ว่ารอแล้วรอเล่าจนหกโมงเย็นก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะโผล่ศีรษะมาให้เห็นแม้แต่น้อย... ก็นัดกันไว้แล้ว...

    ผู้เข้าชมรวม

    4,682

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    4.68K

    ความคิดเห็น


    28

    คนติดตาม


    25
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 เม.ย. 54 / 20:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [Fic Reborn] สุขสันต์วันเกิดนะครับ มุคุโร่ (Yaoi)

            รุ่งเช้าของวันศุกร์ที่ปลายเดือนพฤษภาคมร่างบอบบางของซาวาดะ สึนะโยชิก็เดินพล่านไปทั่วห้องทั้งๆ ที่ถ้าเป็นปกติไม่เกือบเก้าโมงจะไม่ตื่น จนเด็กน้อยอัลโกบาเลโน่จุกนมสีเหลืองต้องตื่นขึ้นมาอย่างรำคาญไอ้จอมห่วยที่นึกครึ่มอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้เดินพล่านไปทั่วห้องตั้งแต่เช้า

            “หายไปไหนแล้วล่ะ... บ้าจริงเลย... หายไปไหนล่ะเนี้ย?” เจ้าร่างบางไม่ได้รับรู้เลยว่าบุคคลที่น่ากลัวซึ่งนอนร่วมห้องกันอยู่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว... และอาจจะทำให้สึนะถึงฆาตได้ถ้าหากคนๆ นั้นเกิดหงุดหงิดขึ้นมา

            “เป็นบ้าอะไรของนายน่ะ? สึนะ” รีบอร์นถามขึ้นอย่างสงสัยกับใบหน้าที่กังวลสุดขีดนั้น

            “มัน... มันหายไปแล้ว... รีบอร์น! ฉันจะทำยังไงดีล่ะ?” เสียงหวานสั่นนิดๆ ทำให้เด็กน้อยต้องขมวดคิ้ว

            “มัน??”

            “ที่ซื้อมาเมื่อวันก่อนยังไงล่ะ! ฉันอุตส่าห์...!!” เสียงหวานชะงักไปเมื่อมีเสียงของมารดาตะโกนขัดขึ้น

            “ซือคูง~ ตื่นได้แล้วน้า~” นานะตะโกนลั่นบ้านทำให้สึนะต้องถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะขานรับเสียงดังพอๆ กัน

            “คร้าบ~ ตื่นแล้วคร้าบ~

            ร่างบางเริ่มต้นค้นหาอีกรอบโดยที่ยังมีเสียงงึมงำของนานะที่บ่นนักบ่นหนาว่าทำไมถึงได้ตื่นเช้าขึ้นมาได้... ความจริงแล้วสึนะก็ไม่ได้คิดตื่นเช้าสักนิด แต่ว่าความรู้สึกกังวลแปลกๆ ทำให้ต้องลุกตั้งแต่เช้ามาหาของเจ้าปัญหาที่เจ้าตัวหามันไม่เจอสักที

            “สึนะ ฉันว่านายไปโรงเรียนได้แล้ว” เสียงเฉียบขาดแบบไม่สนอารมณ์ของร่างบางสักนิดดังขึ้นทำให้สึนะที่กำลังฉุนเกือบจะขาดต้องหันไปมองอย่างเคืองๆ “เดี๋ยวนี้!

            แต่ว่าหน้าตาที่แสนจะเย็นชาแต่แอ๊บแบ๊วได้ใจของรีบอร์น และประสบการณ์จากที่แล้วๆ มาก็ทำให้สึนะตัดสินใจถอยและทำตามที่เด็กทารกที่เก่งกาจเกินวัยเอ่ย

       

            ภายในโรงเรียนนามิโมริตอนช่วงพักกลางวันที่สึนะ โกคุเดระ และยามาโมโตะมานั่งพักทานข้าวกลางวันกันบนดาดฟ้าเผชิญกับแดดร้อนเปรี้ยงปร้าง ร่างบางเอนตัวพิงแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนกับส่วนที่สูงขึ้นไปและด้านบนก็เป็นที่นอนโปรดของผู้คุมกฎที่แสนน่ากลัว... ฮิบาริ เคียวยะ

            “รุ่นที่สิบครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ? รู้สึกวันนี้รุ่นที่สิบเงียบๆ ไปนะครับ” โกคุเดระออกปากถามอย่างเป็นห่วงด้วยสีหน้าที่แสดงความห่วงใยออกมาอย่างสุดซึ้ง

            “น่าๆ โกคุเดระ สึนะเองก็ต้องมีเรื่องกลุ่มใจบ้างล่ะน่า ใครอารมณ์ดีตลอดเวลาก็บ้าแล้ว” คำพูดจากคนที่มักมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีอยู่เสมอ

            “ไม่ดูตัวเองเลยนะแกน่ะ” ชายผู้มีผมสีเทาพูดพร้อมกับควักเอาระเบิดออกมาเช็คสภาพอย่างไม่ดูเวลาและสถานที่

            “นี่ โกคุเดระคุง ยามาโมโตะ เคยกังวลมั่งมั้ย? เกี่ยวกับ... เออ... ช่างมันเถอะนะ” ใบหน้าหวานยิ้มแหยๆ เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องถามทำให้คนสองคนที่เกือบจะได้รับคำถามต้องชะงักค้าง

            “รุ่นที่สิบครับ มีปัญหาอะไรบอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยเหลือเสมอ” คำกล่าวอย่างหนักแน่นทำให้ร่างบางต้องยิ้มให้นิดๆ

            “นั่นสิ สึนะ อย่าเก็บไปเครียดคนเดียวเลยน่า บอกเพื่อนๆ บ้างก็ได้นะ จะได้สบายใจขึ้นไง”

            “ฉันกำลังคิดเรื่องของขวัญวันเกิดอยู่น่ะสิ” ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายๆ เฮือกออกมาอย่างกลุ่มใจสุดขีด

            “วันเกิดใครล่ะ?” ยามาโมโตะถามอย่างสงสัย

            “วันเกิดท่านพ่อของรุ่นที่สิบสินะครับ!” โกคุเดระถามเสียงใสอย่างคาดหวัง...ในอะไรสึนะเองก็ไม่อาจจะทราบได้ “คิดจะให้อะไรท่านงั้นเหรอครับ?”

            “หา... เออ... คือ... ไม่ใช่...” ร่างบางกำลังจะพูดปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าความคิดของเพื่อนทั้งสองจะตกลงปลงใจไว้แล้วว่าคงจะเป็นวันเกิดพ่อของสึนะ...

            ร่างบางไม่อยากจะบอกทั้งสองคนเลยว่า...ลืมนึกถึงวันเกิดไอ้พ่อบ้านั่นไปซะสนิทเลย พ่อบ้านั่นรู้สึกจะเกิดวันที่ 15 มิถุนาสินะ ยังอีกยาวไกล เอาไว้ใกล้ๆ ค่อยหาอะไรซื้อให้ก็ได้

            ตอนนี้... ต้องเอาไอ้นั่นไว้ก่อน เพราะไอ้นั่นสำคัญกว่า... (ตามความคิดของสึนะ)

            “แล้วพ่อของสึนะชอบอะไรล่ะ?”

            เอ...? พ่อเหรอ? ไม่รู้สินะ (ที่ไม่รู้เพราะคนแต่งหาไม่เจอว่าพ่อซือคุงชอบอะไรกันแน่) แต่ถ้าเป็น... อา... คิดว่าน่าจะใช่นะ... แต่จะใช่รึเปล่าหว่า??

            “ช็อค... ช็อคโกแล็ตล่ะมั่ง? เห็นอยู่ต่างประเทศนานอาจจะชอบไอ้นี่ก็ได้”

            ...แถไปได้แหะเรา...

            “งั้นก็ทำเป็นเค้กก็ได้นี่ครับ หรือถ้าไม่อยากให้ซ้ำใครก็ทำเป็นช็อคโกแล็ตรูประเบิดเป็นไงล่ะครับ ไอเดียนี้สุดยอดเลยใช่มั้ยครับ?” โกคุเดระถามเสียงใสทำเอาคนจะตอบต้องเหงื่อตก

            “อือ...” ได้แต่รับคำเบาๆ ในลำคอเท่านั้น

            คิดได้เนอะ...

            “สึนะ ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็ลองไปถามเจ้าตัวดูก็ได้นี่นา โทรไปหาพ่อของสึนะสิ เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก จริงมั้ย?”

            ถามงั้นเหรอ... จะให้ถาม...

            “...อืม” ร่างบางหยุดคิดไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมาหน่อยๆ แล้วพูดประโยคที่ทำให้เพื่อนทั้งสองต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ “งั้นก็... ช่างมันเถอะนะ”

       

            ร่างสูงโปร่งผุดลุกผุดนั่งอยู่ในรังลับที่แอบติดสินบนเจ้าหน้าที่ไว้ แต่ยังไงก็บอกว่าจะกลับวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้โรคุโด มุคุโร่คนนี้ต้องเจอหน้าร่างบางคนนั้นให้ได้!

            ...แต่ว่า วองโกเล่รุ่นที่สิบไปอยู่ที่ไหนล่ะเนี้ย...??

            “เฮ้อ~” อาจเพราะไม่ได้หิ้วทั้งเคน ทั้งจิคุสะมาด้วยก็เลยพาลคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อดี “วองโกเล่ไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?”

            คิดไปคิดมาก็เริ่มอยู่ไม่สุขพาลคิดไปต่างๆ นานาทั้งคิดว่าอีกฝ่ายลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดตน ทั้งเผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่ว่ารอแล้วรอเล่าจนหกโมงเย็นก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะโผล่ศีรษะมาให้เห็นแม้แต่น้อย...

            ก็นัดกันไว้แล้ว...

            “เอาล่ะ ลองไปตามหาดูหน่อยดีกว่า!” นัยน์ตาสองสีเป็นประกายอย่างตั้งใจก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวออกไปจากสถานที่อยู่เพื่อตามหาคนที่กำลังจะผิดนัด

            “อ้าว? นี่นาย... ได้ออกจากคุกแล้วงั้นเหรอ? โรคุโด มุคุโร่” เสียงของรีบอร์นทักอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมุ่งเดินไปทางเดียวกับเขา...ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านซาวาดะ

            “เป็นพิเศษน่ะครับ แต่ก็ได้แค่วันเดียวเท่านั้นแหละครับอัลโกบาเลโน่” มุคุโร่พูดอย่างปลงๆ ก่อนจะหันไปถามอีกฝ่าย “แล้ว... เออ... วองโกเล่อยู่รึเปล่าครับ?”

            “อยู่สิ” รีบอร์นตอบทันทีอย่างไม่คิดเลยสักนิด “ก็เห็นว่าอยู่ที่อิตาลีนี่นา”

            “หา?? เขาไปทำอะไรที่อิตาลีครับ?” มุคุโร่ถามอย่างตกใจเมื่อทราบข่าว...ที่ไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย

            “ปกติก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้วน่ะ วองโกเล่รุ่นที่ 9 ไง” รีบอร์นเฉลยทำเอาใจที่เต้นตุบตับๆ ด้วยความตกใจของร่างสูงโปร่งต้องเปลี่ยนเป็นเต้นด้วยความเซ็งระคนโกรธมากกว่า

            “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ อัลโกบาเลโน่!” มุคุโร่พูดอย่างหงุดหงิดแต่ยังแฝงแววกังวลจนทำให้รีบอร์นต้องเผลอยิ้มอย่างชอบใจ

            “กำลังกังวลเรื่องสึนะอยู่ล่ะสิ ไม่ต้องห่วงหรอก หมอนั่นก็สบายดี เห็นยิ้มๆ ไม่เห็นเครียดอะไรนี่นา” รีบอร์นพูด

            เด็กทารกอัจฉริยะยิ้มกริ่มเพราะตนกำลังโกหกและทำในสิ่งที่ชอบหนักชอบหนาก็คือการเล่น! รีบอร์นแทบจะอดหัวเราะไม่ได้เลยเพราะสิ่งที่ตนกำลังจะบอกกับร่างสูงตรงหน้านี้จะตรงข้ามกับสึนะในช่วงนี้มากที่สุด

            “สึนะน่ะช่วงนี้หัวมีความสุขดีนี่นา แล้วก็อยู่กับบ้านตลอดเลยด้วย ไม่เห็นจะมีสีหน้ากังวลอะไรเลยสักนิด สงสัยว่ากำลังเข้าช่วงแฮปปี้ล่ะมั้?”

            ความจริงต้องพูดว่า...

            “สึนะน่ะช่วงนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่หัวเราะหรือยิ้มเลย แล้วก็ชอบออกไปข้างนอกนานๆ แบบไม่ได้บอกจุดหมายปลายเหตุไว้ด้วย สีหน้ากังวลก็ปรากฎแทบจะตลอดเวลา ส่งสัยว่ากำลังเข้าช่วงโซแซดล่ะมั้ง?”

            “งั้นเหรอครับ...” สีหน้าของมุคุโร่หมองลงเมื่อได้ยินคำพูดของรีบอร์นที่โกหกเต็มเปา...แต่ร่างสูงก็ไม่ได้รู้กับเขาเลย!

            รีบอร์นแอบเหลือบมองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายแล้วก็ต้องถอนหายใจ

            “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ อัลโกบาเลโน่” มุคุโร่ยิ้มฝืดๆ ไปให้พร้อมกับเดินจากไปอย่างผิดหวัง

            “หึ...” รีบอร์นหัวเราะในลำคออย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

            “รีบอร์น! นั่นโรคุโด มุคุโร่ไม่ใช่เหรอ? เขาจะไปไหนกันน่ะ?” สึนะที่เดินมาจากอีกทางถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย

            “นั่นสินะ จะไปไหนกัน”

       

            ร่างบางนั่นอยู่ในห้องรอคอยจนกว่าจะถึงเวลานัด (?) เพราะว่าเมื่อวันวาเลนไทน์มุคุโร่บอกว่าจะเปลี่ยนเวลาและสถานที่นัดมาเป็นห้องของสึนะเองตอนห้าทุ่ม เมื่อตอนเย็นก็เลยไม่ได้วิ่งตามไปถามเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะมา

            ส่วนรีบอร์นนั่นวันนี้เห็นว่าจะไปดูที่ฝึกวิชาครั้งต่อไปของสึนะ (เอื๊อก!) ก็เลยจะกลับวันพรุ่งนี้เกือบๆ เช้าเห็นจะได้

            ใบหน้าหวานยู่ยี่ลงอย่างคนกำลังงอนเพราะเลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าร่างสูงจะโผล่หน้ามาให้เห็นแม้แต่น้อย มือเล็กกำหมอนที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดอยู่จนย่นไปหมด

            “มุคุโร่บ้า!” ว่าจบก็ปาหมอนไปติดหน้าต่างห้องของตัวเองอย่างคนกำลังโกรธ

            ร่างบางพ่นลมหายใจอย่างเคืองๆ อุตส่าห์ทำช็อคโกแล็ตรู้ก้อนเค้กอันเล็กๆ มาให้แล้วแท้ๆ ถ้าคืนนี้ไม่มาแม่จะปาให้หมากินซะเลย!

            ร่างบางล้มตัวลงนอนก่อนจะพลิกตัวเองให้หลังหันไปทางหน้าต่างเพื่อหลบแสงพระจันทร์ที่เต็มดวงอย่างไม่น่าเชื่อในวันนี้

            ...............

            .........

            ...

            .

            ใบหน้าหวานขณะกำลังนอนหลับอยู่ช่างเป็นภาพที่งดงาดรวมทั้งแสงจากพระจันทร์ที่ส่องกระทบเข้าไปด้วยแล้ว... เป็นอะไรที่ติดตาตรึงในร่างสูงที่โผล่หน้ามาทางหน้าต่างตอนนี้เอามากๆ

             ทั้งแพขนตายาวเรียงตัวสวย... ทั้งจมูกเล็กน่าบีบ... ทั้งแก้มที่ขึ้นสีเรื่อ... ทั้งริมฝีปากบางที่สามารถยั่วร่างสูงได้แม้ขณะนอนหลับ... ถึงแม้ว่าหน้าตอนนี้จะติดโกรธและงอนไปหน่อยก็ตามที

            “วองโกเล่ครับ” มุคุโร่เรียกอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อปลุกร่างบางคนเดียวและไม่ให้มีคนอื่นต้องตื่นขึ้นมาขัดจังหวะ “ตื่นขึ้นมาเจอผมหน่อยสิครับ วองโกเล่”

            ตุ้บ!

            หมอนกระแทกใบหน้าหล่อเหลาของมุคุโร่เล่นเอาสะเทือนแต่พอร่างสูงดึงเอาหมอนออกแล้วปรากฎว่าร่างบางตรงหน้าเพียงแค่ละเมอไปเท่านั้นเอง

            “อืม...” เสียงหวานงึมงำในลำคอฟังไม่ได้ศัพท์ทำให้ร่างสูงต้องเขยิบเข้าใกล้อีกนิดเพื่อจะฟังเสียงหวานๆ...

            โครม!

            แล้วเท้าเล็กก็ถีบโครมเข้าให้เล่นเอาทั้งจุกทั้งเจ็บในเวลาเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมากะจะทำโทษร่างบอบบางนั้นด้วยริมฝีปากสักหน่อยก็ปรากฎว่า... สึนะละเมออีกแล้ว...

           ร่างบางกลั้นรอยยิ้มสุดชีวิตความจริงแล้วสึนะตื่นตั้งแต่อีกฝ่ายเปิดหน้าต่างเข้ามาแล้ว แต่แกล้งทำเป็นเนียนหลับต่อเพื่อจะดูปฏิกิริยาของร่างสูงตรงหน้านี่ต่างหาก

            “วองโกเล่ครับ!” เสียงทุ้มเริ่มดังขึ้นเล็กน้อยทำให้ริมฝีปากบางของสึนะเม้มเข้าอย่างขัดใจ

            ดวงตาใสกระพริบปริบแต่ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างคนง่วงนอนทำให้มุคุโร่รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าทำอะไรไว้... เดี๋ยวรอก่อนเถอะ จะสำเร็จโทษทั้งต้นทั้งดอกเลย!

            “ทำไมไม่เรียกชื่อผมล่ะ มุคุโร่” เสียงหวานถามแกมไม่พอใจ “นายไม่เคยเรียกใครด้วยชื่อเลยใช่มั้ย? เรียกผมว่าวองโกเล่ เรียกรีบอร์นว่าอัลโกบาเลโน่ แต่ทำไมกลับเรียกคุณฮิบาริว่าเคียวยะล่ะ”

            “คุณหึง??” เสียงทุ้มขึ้นสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อทำเอาร่างบางคิ้วกระตุกอย่างไม่พอใจสุดขีด

            “ผมก็มีความรู้สึกนะมุคุโร่ ผมก็เป็นห่วงเป็น หวงเป็น แล้วก็หึงเป็นด้วย” ใบหน้าหวานมุ่ยลงอย่างที่ทำให้มุคุโร่ชักเสียวสันหลังว่าคนตรงหน้าอาจจะทำอะไรที่เกินเลยไป... “งั้นไอ้นี่ก็ไม่ต้องเอาก็ได้นะ ถ้ามันมาจากไอ้คนไม่มีความรู้สึกอย่างผมน่ะ!

            พอร่างบางทำท่าจะเขวี้ยงกล่องของขวัญออกนอกหน้าต่างจริงๆ มุคุโร่ก็รีบคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่จะทำลงไป

            “จะทำอะไรน่ะครับ?! สึนะโยชิคุง!” มุคุโร่ถามอย่างตกใจทำให้ดวงตาที่เคยหวานบัดนี้ตะวัดมองอย่างโกรธถึงขีดสุด

            “มันเรื่องของคนอย่างฉันไม่ใช่รึไง? ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย!

            อาจจะดูเหมือนว่าร่างบางมีอารมณ์รุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลและไม่ยอมฟังใคร แต่ว่าก็เพราะเป็นมุคุโร่เท่านั้น เพราะเป็นมุคุโร่เลยสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างที่คิดจริงๆ ไม่ว่าจะโกรธ หึง หวง หรืออะไรสารพัดที่ตอนนี้สึนะรู้สึก...มันก็มาจากรักเท่านั้นแหละ

            “ครับ ผมไม่ได้ชอบสึนะโยชิคุง” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ร่างบางชะงักไปพร้อมกับตัวที่สั่นระริกด้วยความโกรธแต่ว่ามุคุโร่ไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าโกรธได้นานแน่นอน เพราะเขาสวมกอดร่างบางแน่นพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ร่างบางชะงักได้อีกครั้ง “เพราะผมรักสึนะโยชิคุงต่างหากล่ะครับ”

            “..........” สึนะนิ่งไปเกือบหนึ่งนาทีก่อนจะตั้งสติได้พร้อมกับใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีกับการสารภาพรักของร่างสูงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “แล้วสึนะโยชิคุงล่ะครับ? รู้สึกยังไงกับผม”

            “นายก็รู้อยู่แล้ว”

            “แต่ผมอยากได้ยินนี่ครับ”

            “..........” ร่างบางงึมงัมในลำคอตอบกลับทำให้ร่างสูงต้องถามซ้ำ

            “ว่าไงนะครับ?”

            “..........” ร่างบางพูดเสียงดังขึ้นอีกนิด (ในความคิดสึนะ)

            “อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยิน?”

            “..........” สึนะพูดอีกรอบแต่ว่ามุคุโร่ก็ยังคงถามซ้ำอยู่ดี

            “หา?? ขออีกครั้งดังๆ นะครับ”

            “ฉันก็รักนาย! พอใจรึยัง!” พูดจบก็ซุกหน้าแดงแจ๋กับแผ่นอกกว้างอย่างคนเขินทำให้มุคุโร่กระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้าก่อนจะชิมรสหวานจากริมฝีปากบางที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

      “รักนะครับ”


      เม้นให้กำลังใจผู้แต่งหน่อยนะงิ
      >_<~





      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×