[SF SS501] 'SKY'...In Love
'ท้องฟ้า' ที่ทุกคนรู้จัก มักจะมี 'ก้ิอนเมฆน้อยๆ' คอยอยู่เคียงข้างเสมอ.. เช่นเดียวกับ ชีวิตของพวกเขาทั้ง ..2คน..
ผู้เข้าชมรวม
547
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ผมจะวางมือ” ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆเอ่ยขึ้น
“โอ้วว ใจเย็น ถ้านักฆ่าฝีมือดีอย่างนายหายไป ...วงการคงเงียบเหงาน่าดู” ชายหนุ่มวัยกลางคน ปาร์คจุนซา เอ่ยอย่างใจเย็น
“ทำงานแบบนี้มาเสียนาน ผมเองก็เบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยตอบอย่างเรียบๆ
“ทำงานนี้ให้ฉันก่อนสิ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงเรียบพร้อมส่งรูปที่แนบชื่อของ ‘เหยื่อ’ ให้คนตรงหน้า
‘..คิมฮยอนอิน..’
“งานสุดท้ายนะครับ ผมไปล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ย
“ขอบใจนะ ปาร์คจองมิน” ผู้ว่าจ้างเอ่ยก่อนยิ้มเย็น
.
.
ปั่กก!
เสียงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กที่มากระทบที่หน้าขาแกร่งของชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ล้มลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นผิดกับชายหนุ่มที่ไม่กระเทือนเลยแม้แต่น้อย โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของคุณครูสาวที่คอยสังเกตจากระยะที่ห่างออกไป
เด็กผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่าเอ็นดูที่ตอนนี้เริ่มงอแง แหงนหน้าใช้ตากลมใสแจ๋วที่เริ่มเอ่อด้วยน้ำตาช้อนขึ้นมองเขา ริมฝีปากเล็กเริ่มเบะออกน้อยๆ ชายหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก วินาทีแรกที่เห็นคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำ ถ้าไม่เห็นว่าเด็กนั้นใส่กางเกงนักเรียนอยู่
“เจ็บบ..” เด็กชายตัวน้อยที่ตอนนี้ยังนิ่ง ตากลมใสเอ่อไปด้วยน้ำใสๆ ร้องงอแงด้วยความเจ็บ
“เป็นเด็กผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้สิ” ชายหนุ่มย่อตัวลงพร้อมเอ่ยเสียงเข้มตามความเคยชิน เด็กชายตัวน้อยที่ไม่เคยมีใครใช้น้ำเสียงอย่างนั้นกับตน จากที่งอแงก็ร้องไห้จ้า
ชายหญิงคู่หนึ่งรีบวิ่งรุดตรงมาด้วยความเป็นห่วงเด็กน้อยตรงหน้า ผู้เป็นแม่ย่อตัวลงนั่ง พร้อมดึงตัวเด็กน้อยเข้ามากอดด้วยความรัก
“ฮยอนจุง เป็นอะไรค่ะ ลูก ร้องไห้ทำไมค่ะ?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ฮึก ฮยอนจุง..เจ็บ..ฮยอน..จุง ฮึก..ก็ต้อง..ร้องไห้.. ฮึก..สิฮะ” เด็กน้อยที่เริ่มสงบแต่ยังคงสะอึกสะอื้นเอ่ยกับผู้เป็นแม่
“สงสัยน้องฮยอนจุงคงวิ่งเล่นแล้วไปชนกับคุณผู้ชายคนนั้นเข้าน่ะค่ะ” คุณครูสาวเอ่ยพร้อมใช้สายตาชี้ไปทางชายหนุ่มร่างสูงที่ตอนนี้ได้ถอยไปยืนไกลออกไป
“หื้มม ฮยอนจุง คุณแม่บอกแล้วใช่ไหมค่ะ ว่าไม่ให้วิ่งนะค่ะ” หญิงสาวเอ็ดลูกชายตัวน้อยแต่น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความรักโดยมีผู้เป็นสามียืนอยู่ข้างๆ
ภาพของเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า สายตาคมกลับมาแข็งกร้าวอีกครั้ง แล้วยังภาพครอบครัวแสนอบอุ่นที่ปาร์คจองมินไม่เคยมี!!
“ฮยอนจุง กลับบ้านกันได้แล้วครับ คนเก่งของพ่อ แต่ก่อนกลับต้องไปหาคุณอาหมอก่อนนะครับ” คุณพ่อยังหนุ่มเอ่ยตะล่อมลูกชายตัวน้อยที่ไม่ค่อยชอบการไปหาหมอเสียเท่าไร
“ไม่เอาฮะ คุณอาหมอชอบฉีดยาเจ็บๆ ฮยอนจุงไม่ชอบฮะ” เด็กชายตัวน้อยตอบแล้วส่ายหน้าไปมา
“ไม่หรอกครับ ไม่โดนฉีดยาแน่นอน คุณพ่อสัญญา” คนเป็นพ่อยังเอ่ยกล่อมต่อไป
“จริงๆนะฮะ? หาคุณอาหมอแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปกินไอติมกับฮยอนจุงด้วยนะฮะ สัญญา?” เด็กชายตัวน้อยที่หายงอแงแล้วก็ได้ทีพูดจ้อยาวพร้อมยกนิ้วก้อยเล็กๆขึ้นสองข้าง
“ครับ คนเก่ง/ค่ะ คนเก่ง ^^” ผู้เป็นพ่อแม่เอ่ยอย่างเอ็นดูพร้อมยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วเล็ก
“มีความสุขกันซะให้พออ .. ก่อนที่ แม้แต่ลมหายใจก็จะไม่มี!” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมุ่งร้ายพร้อมยิ้มกระตุกน้อยๆที่มุมปาก
.
.
ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใส บัดนี้กลับมืดครื้มด้วยเมฆหนาปกคลุม สำหรับร่างสูงแล้วเป็นสัญญาณการเก็บกวาดภารกิจสุดท้ายให้เสร็จสิ้นเสียที เมื่อเห็นว่ารถคันหรูที่มีคิมฮยอนอินเป็นผู้ขับได้ออกจากบ้านมาแล้ว ร่างสูงที่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ ก็รีบควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจขี่ตามไปในทันที ด้านคิมฮยอนอินที่ขับรถมาได้สักพัก จู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์ปริศนาวิ่งตัดหน้ารถของเขาด้วยความเร็วสูง และด้วยความเร็วเช่นนั้น ทำให้รถเกิดเสียหลัก
“อร๊ายยยย เกิดอะไรขึ้นค่ะ คุณ” ผู้เป็นภรรยาหันมาถามด้วยอารามตกใจ
“โอ๊ยยย เบรคไม่ทำงานโว๊ยยย” คิมฮยอนอินโวยวายด้วยอารมณ์โมโหและไม่รู้ว่ารถถูกตัดสายเบรคยังคงเหยียบเบรคซ้ำๆ ภายในสมองคิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ที่เบาะหลังนั้นมีชีวิตรอดปลอดภัย
รถคันหรูเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ด้วยความเร็วเช่นนั้นตัวรถจึงถูกกระทบกระเทือนจนพังยับเยิน ร่างสูงจอดดูผลงานของตนเอง พร้อมใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพผลงานเพื่อส่งไปยังผู้จ้างวาน แล้วจึงยกยิ้มเย็นกระหยิ่มอย่างพอใจ เมื่อเห็นน้ำมันที่รั่วไหลกำลังจะถึงจุดที่มีประกายไฟ ในไม่ช้ารถคันนี้กำลังจะระเบิดไหม้เป็นจุณ แต่.. สายตาดันเหลือบเห็นร่างน้อยๆที่จมกองเลือดอยู่ที่เบาะหลังกำลังขยับตัว!
ร่างสูงที่ไม่เข้าใจตนเองว่า ทำไม? ก็ได้เข้าไปช่วยอุ้มพาเด็กน้อยให้รอดออกมาก่อนที่รถจะระเบิดเพียงไม่กี่วินาที และรีบต่อสายถึงเพื่อนสนิทที่เขาไว้ใจที่สุด
“ไอ้ฮยองจุนเหรอ? นี่กูเองนะ จองมิน มึงยังอยู่เวรใช่มั้ย?” เสียงเข้มถูกกรอกใส่โทรศัพท์
“เอออ มึงมีไรวะ?” เสียงของเพื่อนสนิทที่ร่างสูงไว้ใจมากที่สุด คิมฮยองจุน นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่กำลังฝึกงาน ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอบกลับมา
“ดี! เดี๋ยวกูไปหา แค่นี้ล่ะ!” เสียงเข้มถูกกรอกใส่โทรศัพท์อีกครั้งก่อนจะวางสาย
..ผมก็ไม่เข้าใจตนเองหรอก..ว่า ทำไม? ผมถึงต้องช่วย.. แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบกับตากลมโตคู่นั้น..ผมมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือ.. ปล่อยให้ตายไม่ได้!..
.
.
ชายหนุ่มที่เห็นว่าคณะแพทย์ทยอยเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็รีบไถ่ถามอาการของคนไข้กับเพื่อนสนิทที่เป็นเพียงผู้ช่วยแพทย์แทนที่จะถามกับแพทย์หรือพยาบาล
“เป็นไงบ้างวะ?”
“ปลอดภัยแล้ว แต่สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นความจำเสื่อม ถ้าฟื้นแล้วค่อยดูผลอีกที” คำตอบจากปากของเพื่อนสนิททำให้ชายหนุ่มถึงกับยกยิ้มพอใจอย่างไม่ปิดบัง
“ไอ้จองมิน เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ อย่าบอกนะว่า.. ปกติมึงไม่เคยปล่อยให้เหยื่อเหลือรอดนี่หว่า!”
“เหอะน่า กูมีเหตุผลของกู มึงก็จัดการให้กูด้วย!” ร่างสูงเอ่ย
“เออออ” ฮยองจุนรับคำ ..เขารู้ดีว่าคำว่า จัดการ สำหรับเพื่อนสนิทหมายถึงอะไร ..สิ่งที่เขาต้องทำคือการลบประวัติออกจากฐานข้อมูลของโรงพยาบาล หรือไม่ก็ แก้ไข เพิ่มเติมบางอย่างลงไป..
“เอออ ขอบใจ” ร่างสูงเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินตามร่างเล็กที่ถูกย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว
.
.
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กๆบนเตียงผู้ป่วยเริ่มขยับตัว หลังจากนอนนิ่งมา3วัน ขายาวก็สาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าไปดูอาการที่ข้างเตียงผู้ป่วย คนไข้ตัวน้อยที่เพิ่งรู้สึกตัวก็รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะจนร้องครวญ “..โอ๊ยย เจ็บจัง..” พร้อมมือเล็กๆที่กำลังเอื้อมไปจับผ้าพันแผล
“อย่าไปจับผ้าพันแผลสิ! เจ็บเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม มือหนาค่อยๆจับมือเล็กที่กำลังจะจับผ้าพันแผล ทำให้เด็กร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดปนกลัว ร่างสูงจึงเร่งกดออดเรียกแพทย์
.
“น้องเป็นอะไรวะ” เสียงของเพื่อนสนิทที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องดังขึ้น
“ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็งอแง”
“ขอทางหน่อยครับ” เสียงแพทย์หนุ่มดังขึ้น
.
“หมอฉีดยาแก้ปวดให้แล้ว น้องตื่นขึ้นมาแล้วคงปวดแผลน่ะครับ ก็เลยร้อง”แพทย์หนุ่มอธิบายหลังจากฉีดระงับอาการปวดให้คนไข้ตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว
“อ่ออ ขอบคุณครับ”
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ” แพทย์หนุ่มเอ่ยก่อนเดินจากไป
“กูมีเรื่องต้องคุยกับมึง”
.
.
“เด็กคนนี้ไม่ปกติ”
“ยังไงวะ”
“น้องเป็นโรคหัวใจ มึงจะเอายังไง”
“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง!”
.
.
เด็กน้อยที่เพิ่งได้สติ หันหน้ามาทางชายหนุ่มที่เพิ่งช่วยพยุงตัวเขาขึ้นนั่ง ตาคู่กลมใสแจ๋วจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
“คุณอาเป็นใครฮะ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้น เรียกรอยยิ้มแก่ร่างสูง
“จำได้ไหม.. หนูชื่ออะไร?” เสียงนุ่มของผู้ช่วยแพทย์เอ่ยถามทดสอบ
“อืออ?? ชื่อ...” คนไข้ตัวน้อยที่เขี่ยผ้าห่มปลายเท้าเล่นพลางนึกชื่อตัวเอง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวไปมาเพราะนึกไม่ออก
“ฮยอนจุง เธอชื่อ ฮยอนจุง ส่วนฉัน อุนมยอง ..ต่อไปนี้ฮยอนจุงต้องเรียกฉันว่า ‘คุณ’ ไหนลองเรียกดูซิ”
“ฮยอนจุง กับ คุณ ..” เด็กน้อยชี้ไปที่ตัวเอง และชายหนุ่มตรงหน้า
“อืมมม ดีมากก ต่อไปนี้ จะมีแค่ คุณกับฮยอนจุง ..เรามีกันแค่2คนเท่านั้น..” คิมฮยองจุนมองเพื่อนสนิทที่กำลังใส่ข้อมูลใหม่ๆลงไปในสมองเล็กๆของเด็กน้อยแล้วได้แต่ทอดถอนใจ พอชายหนุ่มพูดจบ ผู้ช่วยแพทย์หนุ่มก็ได้ทีหันมายิ้มหวานให้เด็กน้อยแล้วลากคอเพื่อนตัวดีไปถามไถ่
“ทำไมมึงไปสอนน้องแบบนั้น”
“ทำไมวะ หรือจะให้กูบอกว่า กูเป็นคนฆ่าพ่อแม่น้องเค้า?”
“ไม่ใช่..เฮ้อออ ช่างมึงเถอะ - -* ”
“ต่อไปนี้..ฮยอนจุงคือเด็กในความปกครองของกู”
“แต่.. อุนมยอง?”
“กูเอง..ต่อไปนี้กูคือ อุนมยอง ..คนที่ชื่อ ปาร์คจองมินน่ะ ตายไปแล้ว”
“มึงหมายความว่าไง”
“กูจะวางมือ”
“เอออ ดีแล้วเว้ย กูดีใจที่เห็นมึงวางมือ ถอนตัวออกจากโลกมืดได้เสียที”
.
.
เวลาผ่านไป เมื่อเด็กน้อยอาการดีขึ้นมาก จนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ร่างสูงจึงพาเด็กน้อยเดินทางไปสู่เกาะเชจูซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาทั้งสองคนมาก่อน ชายหนุ่มจูงมือเล็กของเด็กชายตัวน้อยให้เดินไปด้วยกันเพื่อหาที่พัก ทั้งสองแวะเข้าไปถามตามข้างทางที่แล้วที่เล่า..
“คุณ..” มือเล็กกระตุกน้อยๆ
“มีอะไร” เอ่ยถามแต่ยังไม่ยอมหยุดจูงมือให้เดินไปด้วยกัน
“ฮยอ.น.จุง..ฮึก..หา.ย..ใจ.ไม่ออ.ก..” เด็กน้อยเอ่ยอย่างตะกุกตะกักเพราะเริ่มหายใจไม่ออก ใบหน้าซีดลงและมีเหงื่อเกาะพราวอย่างเห็นได้ชัด
“ห๊ะ ว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มเมื่อได้เห็นว่าหน้าของเด็กน้อยเริ่มซีดขาวจนแทบเหมือนกับกระดาษก็รีบอุ้มเด็กน้อยไปส่งยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที แผนการที่วางไว้ว่าจะเดินหาที่พักด้วยกันก็ถูกพับเก็บไปทันที
.
“เป็นไงบ้างครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามแพทย์ที่เพิ่งเดินออกมา
“คนไข้เป็นโรคหัวใจ สาเหตุที่ครั้งนี้อาการกำเริบ เป็นเพราะคนไข้ออกแรงมากจนทำให้เหนื่อยมากเกินไป ดังนั้นคุณไม่ควรให้คนไข้ออกแรงหรือเหนื่อยมากเกินไปนะครับ และก็ไม่ควรให้คนไข้มีเรื่องกระทบกระเทือนใจด้วยนะครับ” แพทย์เอ่ยพร้อมให้คำแนะนำ
“อ่ออ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างสุภาพ
นี่เป็นอีกครั้งที่ร่างเล็กๆต้องเข้ารักษาอาการในโรงพยาบาลอีกครั้ง เขาคงจะไม่ปล่อยร่างเล็กให้ไปตะลอนๆด้วยอีกแล้ว ร่างสูงจึงใช้โอกาสที่เด็กน้อยนอนหลับพักผ่อนอยู่นั้นเดินหาที่พักเพียงลำพัง
ชายหนุ่มเลือกเช่าห้องเช่าเล็กๆที่พออยู่ด้วยกันได้ แม้ว่าเขาจะมีเงินเก็บที่ได้จากการเป็นนักฆ่าอยู่มากถึงขนาดซื้อบ้านหลังใหญ่อยู่ได้ก็ตามที แต่เพื่อเลี่ยงการเป็นจุดสนใจและคิดว่าเก็บเงินไว้รักษาเจ้าตัวเล็กนั่นคงจะดีกว่า
ทางด้านร่างน้อยๆบนเตียง เมื่อได้สติตื่นแล้วมองไม่เห็นใคร จู่ๆก็ร้องไห้งอแงขึ้นมา โชคดีที่ชายหนุ่มที่เคลียร์เรื่องที่พักเรียบร้อยแล้วกลับมาพอดี จึงรีบรุดเข้าไปดู
“เป็นอะไรน่ะ หื้มมม ฮยอนจุง ร้องไห้ทำไม?” ร่างสูงดึงเด็กน้อยเข้ามากอดและลูบหัวเพื่อปลอบขวัญพลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ก็..ฮยอนจุง ตื่นขึ้นมาแล้ว..ไม่เห็นคุณ.. ฮยอนจุง..เสียใจ..นึกว่าคุณ..ทิ้งฮยอนจุงไปแล้ว..” เด็กน้อยในอ้อมกอดเอ่ยทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น
“เด็กบ้า..ถ้าจะทิ้งจริงๆ .. คงไม่พามาลำบากด้วยกันแบบนี้หรอก รู้ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู
“ฮะ..งั้นคุณสัญญากับฮยอนจุงได้ไหมฮะ? ว่า..คุณจะไม่ทิ้งฮยอนจุงไปไหนอีก สัญญา..”
“ครับ คุณสัญญา” ชายหนุ่มที่เคยมีแต่ความเย็นชาแข็งกระด้างในแววตา ตอนนี้แววตานั้นกลับดูอ่อนโยนลงมาก..ตั้งแต่ที่ได้พบกับเด็กคนนี้
เด็กน้อยส่งยิ้มหวานที่แสนงดงามและจริงใจให้ชายหนุ่มตรงหน้า
..รอยยิ้มที่สวยงามที่อยากเก็บรักษาไว้...รอยยิ้มที่ชายหนุ่มอยากให้ร่างเล็กตรงหน้านี้จะมีให้แก่เขาเสมอ และเป็นอย่างนี้..ตลอดไป..
.
.
.
.
.
วันเวลาผ่านไป ห้องพักเล็กๆที่เคยอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายๆ กลับดูคับแคบลง เมื่อเด็กชายตัวน้อยวัย5ขวบ ที่บัดนี้อายุก็ย่างเข้า16แล้ว ทำให้ร่างสูงตัดสินใจซื้อห้องแถว2ชั้นหลังเล็กๆเพื่อเขาทั้งสองจะได้เข้าอยู่อาศัยแทนห้องพักเล็กๆ เมื่อ3ปีที่แล้ว..
“คุณ..ฮยอนจุงมาแล้ว” เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นวิ่งลงมาจากบันไดทางขึ้นชั้น2ของบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ฮยอนจุง..คุณบอกแล้วไงว่า..อย่าวิ่ง ... ถ้าอาการกำเริบขึ้นมา จะปล่อยให้นอนช็อคตายอยู่ตรงนั้นเลย คอยดู” ชายหนุ่มที่บัดนี้กลายเป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบต้นๆแล้ว แต่ความหล่อเหลายังไม่เปลี่ยนแปลงเอ่ยดุแกมขู่
“คุณไม่ปล่อยให้ฮยอนจุงตายหรอก... ฮยอนจุงรู้” เด็กหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มอย่างรู้ทัน แต่ก็ยังมีอาการเหนื่อยหอบแสดงให้เห็น ใบหน้าหวานนั้นขึ้นสี แก้มขาวใสแดงระเรื่อ
“อ่ะ ยา ...พูดมากน่า นั่งลงกินข้าวได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยพร้อมยื่นกระปุกเล็กที่บรรจุยาไว้ภายในให้ร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
กรุ้ง!..กริ้ง!
เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูดังขึ้น ทำให้ทั้งสองร่างต้องหันไปมอง การปรากฎตัวของชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีคนหนึ่งที่คุ้นเคย ร่างเล็กจึงส่งยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณอุนมยอง น้องฮยอนจุง ..อ๊ะ เด็กน้อยของพี่โตเป็นหนุ่ม กลายเป็นเด็กม.ปลายแล้วเหรอเนี่ย??” คยูจงทักทายพูดคุยกับเด็กหนุ่มหน้าหวานอย่างสนิทสนม
“พี่คยูจง สวัสดีฮะ .. เป็นไงบ้างฮะ ฮยอนจุง หล่อมั้ย?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพลางหมุนตัวให้ชายหนุ่มที่ตนนับถือเหมือนพี่ชายได้พินิจพิเคราะห์ ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนถึงกับแอบหัวเราะในลำคอพร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ
“อย่างน้องฮยอนจุงเขาไม่เรียกว่าหล่อหรอกครับ น่ารักซะขนาดนี้” คยูจงตอบพร้อมขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู ..ก็หน้าหวานซะขนาดนั้น ผิวขาวใสอมชมพู รูปร่างก็บอบบาง ตัวเล็กน่ารักเหมือนผู้หญิง กลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยที่ยาวประบ่านั่นอีก ยังไงก็ ห่างไกลคำว่าหล่ออีกเยอะ..
“ชิ ไม่พูดด้วยแล้ว ..คุณก็เหมือนกัน ไปกันได้แล้วฮะ เดี๋ยวสาย” เจ้าของใบหน้าหวานที่ออกอาการงอนนิดๆเอ่ยก่อนหยิบกระเป๋าเป้คู่ใจมาสะพายแล้วย่ำเท้าออกจากบ้าน
“โอเค ไปรอที่รถเลย ฮยอนจุง เดี๋ยวคุณตามไป” ร่างสูงเอ่ยอย่างยิ้มๆ สายตาอ่อนโยนถูกใช้มองร่างเล็กที่กำลังเดินออกจากประตูบ้านไป ก่อนจะแววตาและสีหน้าจะกลับมาเรียบเฉยและเย็นชาอีกครั้ง “ถ้าจุนซูมาแล้วล่ะก็ บอกให้เปิดร้านได้เลย”
“ครับ” คยูจงรับคำ ..เจ้านายของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ สีหน้าและแววตาที่เรียบเฉยเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์แบบนั้นถูกใช้กับทุกๆคน ยกเว้น ฮยอนจุง ..คนเดียวที่ได้รับรอยยิ้มและสายตาที่อ่อนโยนจากเจ้านายของเขาเสมอ..
.
.
“ฮยอนจุง ลงไปได้แล้ว รีบเข้าล่ะ” ร่างสูงเอ่ย เมื่อจอดรถส่งร่างเล็กหน้าปากทางเข้าโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังของจังหวัด
“คุณ..ลงไปส่งฮยอนจุงหน่อยสิ” ร่างบางที่เคยตื่นเต้นที่ได้ขึ้นชั้นม.ปลายตอนนี้กลับกำลังนั่งนิ่งอยู่บนเบาะข้างคนขับไม่ยอมลงบวกด้วยแววตาใสแป๋วที่มองตรงมายังร่างสูง
“ฮยอนจุง อย่าทำแบบนี้สิ วันนี้คุณมีธุระน่ะ ลงไปส่งไม่ได้หรอก”
“ถ้าคุณไม่ลงไปส่ง ฮยอนจุงก็จะไม่ลง!” ร่างเล็กพูดอย่างเอาแต่ใจพร้อมกอดกระเป๋าตัวเองนั่งนิ่ง
“อย่าดื้อสิ อยากสายตั้งแต่วันแรกหรือไงกันน่ะ เรา หื้มม?”
“คุณก็ลงไปส่งฮยอนจุงหน่อยสิ นะๆๆๆ” ร่างเล็กที่ตอนนี้ใช้แขนเล็กกอดท่อนแขนแกร่งของร่างสูงไว้แน่นพร้อมใบหน้าหวานที่ยื่นมาใกล้ๆ แววตากลมโตส่งสายตาอ้อนอย่างน่ารัก แก้มนิ่มก็แนบไปกับท่อนแขนแกร่งของร่างสูงพร้อมเสียงใสเอ่ยอ้อนอย่างน่ารัก
“เล่นไม้นี้อีกแล้ว..ใจอ่อนได้ทุกทีสิน่า เรา..” ร่างสูงคิดในใจ
“นะๆๆๆๆ น้าาาา~” ร่างเล็กยังคงอ้อนต่อไป แขนกับหน้าน่ะถอยออกมาแล้ว แต่สายตายังคงอยู่
“อืมมม ไปส่งก็ได้ รีบลงมาสิ” ร่างสูงเอ่ยพลางเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ
“เย้ คุณใจดีที่สุดเลย ..คุณ รอฮยอนจุงด้วย” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมยิ้มร่าเริง เปิดประตูก้าวออกจากรถแล้วเดินตามร่างสูงมาติดๆ
ผู้คนต่างจับจ้องร่างสูงที่มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างดูสง่าเป็นตาเดียว ร่างเล็กที่ยังคงเป็นเด็กหนุ่มก็รีบเอาตัวเองเข้ามาขวางอยู่ข้างหน้าเพื่อหวังจะบังไม่ให้ใครได้มองร่างสูง ประมาณว่าหวงนั่นแหละ ทั้งที่ความสูงของตัวเองกับร่างสูงต่างกันมาก..ศีรษะของร่างเล็กอยู่แค่เพียงระดับอกของร่างสูงเท่านั้น ร่างสูงที่ยืนมองอยู่นิ่งก็พลางแอบหัวเราะไปกับพฤติกรรมท่าทางน่ารักของร่างเล็ก
“คุณ .. จะไปไหนเหรอฮะ” ร่างเล็กหันกลับมาถามร่างสูง เมื่อผู้คนละความสนใจแล้ว
“หื้มม ไปไหน??”
“ก็คุณบอกฮยอนจุงว่า คุณมีธุระ คุณจะไปไหนเหรอ?”
“อ่ออ คุณจะไปหาพี่เจสสิก้าน่ะ”
“ท้องฟ้าเคยบอกว่าท้องฟ้าจะไม่ทิ้งก้อนเมฆไปไหน แต่ตอนนี้..ท้องฟ้ากำลังจะทิ้งก้อนเมฆไปหาพระอาทิตย์ดวงโตๆ” ร่างเล็กเอ่ยอย่างงอนๆ ใบหน้าหวานงอง้ำ
“ไม่ใช่ซะหน่อย ท้องฟ้าจะไม่มีวันทิ้งก้อนเมฆไปไหนแน่นอน ..แต่ พี่เจสสิก้าน่ะเขาเป็นแฟนของคุณนะ” ร่างสูงค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น
“ไม่รู้แล่ว ฮยอนจุง ไม่คุยกับคุณแล้ว” ร่างเล็กที่งอนจัดเดินดุ่มๆตรงไปทางประตู แต่แล้วจู่ๆก็หันหลังเดินกลับมาพร้อมริมฝีปากเล็กที่ยื่นมาประกบริมฝีปากของร่างสูงเบาๆ อย่างที่เคยทำจนเคยชินแล้วจึงหันหลังกลับเดินเข้ารร.แบบงอนๆอย่างเดิม
“เด็กหนอ..เด็ก” ร่างสูงเอ่ยพลางใช้มือหนาจับริมฝีปากตัวเองแล้วอมยิ้ม
Rrrrrrrr..
“อืม รู้แล้ว” ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับพร้อมเอ่ยด้วยความเย็นชาเช่นเดิม ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปที่รถและขับออกไป
.
ร่างสูงจอดรถที่หน้าร้านขายดอกไม้ร้านเล็กๆร้านหนึ่งแล้วจึงก้าวลงจากรถพร้อมกับแว่นตากันแดดสีชาที่ถูกประดับอยู่บนใบหน้าหล่อคม ร่างสูงก้าวเข้าไปในร้าน เจสสิก้ากำลังหันหลังอยู่ เธอตั้งใจทำอาหารมากมาย ..เขามาทำอะไรที่นี่น่ะเหรอ.. ตั้งแต่ที่เขารู้ใจตัวเองว่า ความรักที่เขามีให้เด็กน้อยในความปกครองมันไม่ใช่เป็นเพียงความเอ็นดู.. ใช่.. เขาหลงรักฮยอนจุง.. เขากลัว..กลัวว่า ถ้าปล่อยใจให้เป็นแบบนั้น..ความรักของเขาอาจนำพาความผิดพลาดบางอย่าง..ที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น..ทำให้มันอาจเกิดขึ้นก็ได้..ก็เลยลองเปิดใจให้หญิงสาวตรงหน้านี้ดู..แต่..เขากลับทำไม่ได้..เขาไม่เคยรักเธอเลย...
“อ้าวว อุนมยอง มาแล้วเหรอคะ เจสกำลังคิดอยู่เลยว่าทำไมคุณมาถึงช้าจัง เจสทำแต่ของที่คุณชอบทั้งนั้นเลยนะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยังคงมีท่าทีเย็นชา หญิงสาวตรงหน้าแค่เห็นว่าเขากินอาหารเหล่านั้นบ่อยๆก็เหมารวมว่าเป็นอาหารที่เขาชอบ.. หึ เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาจริงๆสักอย่างหรอก..
“Rrrrrr”
“ฮยอนจุง โทรหาคุณมีอะไรหรือเปล่า นี่เรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ”ร่างสูงที่เห็นว่าเป็นใครโทรมาก็รีบกดรับ เสียงเข้มหากทว่าดูอ่อนโยนถูกกรอกลงไปในโทรศัพท์โดยไม่ได้ใส่ใจอีกสายตาตัดพ้อที่ส่งมา
“ฮยอนจุง ขออนุญาตคุณครูมาเข้าห้องน้ำน่ะฮะ”
“อ่อออ ว่าแต่โทรมาหาคุณแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงไถ่ถามอย่างห่วงใย
“คุณ..ฮยอนจุงเจ็บหน้าอกฮะ..”
“ห๊ะ ..แล้วยาล่ะ เอาไปใช่มั้ย?” ร่างสูงเอ่ยด้วยอาการลุกลน
“คุณ..ฮยอนจุงลืม”
“โอเค.. ไม่เป็นไร ฮยอนจุงยังไหวใช่มั้ย ออกมารอคุณที่หน้ารร.นะ ค่อยๆเดินมานะ คุณจะเอายาไปให้เดี๋ยวนี้ล่ะ” ร่างสูงเอ่ยจบก็ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถเตรียมรุดออกจากร้านโดยเร็ว แต่กลับถูกหญิงสาวรั้งไว้เสียก่อน
“เจส ปล่อยผม ผมจะไปหาฮยอนจุง” ร่างสูงพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น
“อุนมยอง คุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยนะค่ะ” หญิงสาวยังคงไม่ปล่อยมือ
“ฮยอนจุงอาจจะอาการกำเริบ ผมต้องไปหาเขา” ร่างสูงพยายามอธิบายเหตุผล
“เรากันนัดกันไว้แล้วนะค่ะ อุนมยอง ว่าคุณจะมาทานข้าวเช้ากับเจส ..แล้วที่รร.น่ะ ห้องพยาบาลก็มี น้องฮยอนจุงคงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“เจส ปล่อยผม..เดี๋ยวนี้!” ร่างสูงที่ได้ฟังคำพูดพล่อยๆที่หลุดออกจากปากหญิงสาวก็ถึงกับฟิวส์ขาด มือหนาไม่อยู่เฉย แกะมือหญิงสาวออกแล้วรีบวิ่งรุดกลับออกไปขึ้นรถ รถคันหรูที่ถูกขับกระชากตัวออกไปอย่างไม่ใยดี
หญิงสาวยืนนิ่งมองตามรถของร่างสูงที่ถูกขับออกไปด้วยสายตาตัดพ้อ..แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นสายตาเคียดแค้นเมื่อนึกถึงอีกคน
“อะไรๆก็มัน..ถ้าไม่มีไอ้เด็กบ้า..ฮยอนจุงนั่นสักคน!..คุณก็คงรักเจสคนเดียวสินะ อุนมยอง”
.
ด้านฮยอนจุง
เมื่อโทรหาร่างสูงเสร็จเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินตัวปลิวยิ้มร่าออกมาจากห้องน้ำ ไม่มีอาการของคนที่อาการเจ็บป่วยกำเริบเหมือนตอนขณะที่คุยโทรศัพท์กับร่างสูงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาหลงเหลืออยู่เลย
“ยองแซง เราไปหน้ารร.กันเถอะ คุณจะเอายามาให้ฮยอนจุงน่ะ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมเดินนำเพื่อนสนิท
“ยา? ฮยอนจุงก็เอามาไม่ใช่เหรอ เมื่อเช้า ยัมเห็นว่ามันอยู่ในกระเป๋าเป้นี่~”
“เหรอ? ฮยอนจุงไม่เห็นจำได้เลย..ว่าเอามา” ร่างเล็กเอ่ยขณะที่มือบางซึ่งมีนิ้วเรียวทั้งสองไขว้กันซ่อนอยู่ด้านหลัง
“หื้มม?” คนเป็นเพื่อนได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ยัม เคยเห็นมั้ย เวลาที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆน่ะ เมฆจับตัวเป็นกลุ่มมีท่าทีเหมือนว่าฝนจะตก ..แต่แล้วก็ไม่ตกนะ”
“ฮยอนจุง..โกหก” เพื่อนสนิทเอ่ยว่า
“ฮยอนจุงไม่ได้โกหกซะหน่อย ..เราไปกันเถอะ ยัม เดี๋ยวคุณจะรอเอานะ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมเดินลิ่วทิ้งห่างร่างเพื่อนสนิทตรงไปยังทางหน้าประตูรร.
.
.
.
“คุณไม่ไปไม่ได้เหรอฮะ? ฮยอนจุงไม่อยากให้คุณไปนี่ ฮยอนจุงไม่ชอบพี่เจสสิก้าอะไรนั่นเลย..”ร่างเล็กที่ยืนเอาแขนยันคางอยู่หน้าเคาน์เตอร์เอ่ยอย่างเอาแต่ใจ
“อย่าก้าวร้าวสิ ฮยอนจุง ยังไงพี่เจสสิก้าเค้าก็เป็นแฟนของคุณนะ” ร่างสูงที่กำลังชงกาแฟตามคำสั่งของลูกค้าอยู่หลังเคาน์เตอร์ตามหน้าที่ของบาร์ริสต้าเอ่ยอย่างใจเย็น
“คุณ..ไม่ไปไม่ได้เหรอ?” ร่างเล็กยังคงรั้นที่จะถาม แต่น้ำเสียงอ่อนลง
“ไม่เอาสิ ฮยอนจุง คุณนัดพี่เค้าไว้แล้ว หรือฮยอนจุงอยากให้คุณเป็นคนผิดสัญญาหรือไง หื้มม?” ร่างสูงยังคงถามกลับอย่างใจเย็น
“ไม่ฮะ ฮยอนจุงไม่ชอบคนไม่รักษาสัญญา แต่..”
“ฮยอนจุง เราเอานี่ ไปส่งให้คุณลูกค้าโต๊ะนั้นให้คุณหน่อยได้ไหม?”ร่างสูงเอ่ยพลางยื่นแก้วที่บรรจุน้ำกาแฟรสเข้มข้นให้ร่างเล็ก
“ได้ฮะ แต่..คุณอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะฮะ เรายังคุยกันไม่จบ” ร่างเล็กเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมหยิบแก้วกาแฟเพื่อจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้า
“อื้มมม เดินไปเสิร์ฟดีๆล่ะ อย่าซุ่มซ่ามนะ” ร่างสูงเอ่ยล้อ เมื่อเห็นร่างเล็กมีปฏิกิริยาใบหน้าหวานนั้นแสดงออกถึงความงอนน้อยๆ ร่างสูงก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ยิ้มด้วย อย่าทำหน้างอสิ เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก” ร่างสูงยังคงเอ่ยล้อไล่หลังดังๆ ให้เสียงลอยไปตามร่างเล็กที่กำลังเดินไปเสิร์ฟกาแฟ แต่เหมือนว่าจะทำให้ร่างเล็กจะยิ่งหน้างอกว่าเดิมเสียมากกว่า
..
“กาแฟมาแล้วครับ ขอให้ดื่มด่ำกับกาแฟเลิศรสของร้านเราอย่างมีความสุขนะครับ ^^” ร่างเล็กเอ่ยด้วยความสุภาพพลางยิ้มหวานให้ลูกค้าสาวพลางยื่นแก้วกาแฟไปให้
“อ่า ขอบคุณมากๆนะค่ะ” ลูกค้าสาวเอ่ยอย่างเขินๆ ก็เธอน่ะจะละลายไปกับรอยยิ้มหวานๆของเด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าตาน่ารักที่อยู่ตรงหน้านี่อยู่แล้ว
หลังจากปลีกตัวจากลูกค้าสาวมาได้ ร่างเล็กก็เดินตรงกลับมาที่เคาน์เตอร์ทันที เพื่อคุยกับร่างสูงที่ตอนนี้กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวอยู่
“คุณ..ต้องไปจริงๆเหรอฮะ”
“เอ่ะ วันนี้ฮยอนจุงของคุณเป็นอะไรไป ทำไมดูงอแงจัง”
“ป่าวฮะ .. แต่ฮยอนจุงแค่ไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้คุณไปไหนด้วย ฮยอนจุงไม่ชอบยัยพี่เจสสิก้าอะไรนั่นนี่ ฮยอนจุงรู้สึกเหมือนว่าเค้ากำลังจะมาแย่งคุณไปจากฮยอนจุง!”
“ฮยอนจุง อย่าเป็นแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลยนะเรา!”
“ใช่สิ เพราะฮยอนจุงไม่น่ารักแล้ว คุณก็เลยกำลังจะทิ้งฮยอนจุงไป!” ร่างเล็กเอ่ยอย่างน้อยใจแล้ววิ่งหายขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
“ฮยอนจุง ฮยอนจุงๆๆ เฮ้อออ ... คยูจง จุนซู ฉันฝากดูแลเด็กดื้อด้วยนะ ดูแลร้านดีๆล่ะ ฉันไปล่ะ”
ในวันนี้ ร่างสูงนัดกับเจสสิก้าเอาไว้ เขาไม่ได้อยากไปอะไรนักหรอก แล้วยังจะฮยอนจุงที่มางอแงไม่ยอมให้เขาไปอีก ยิ่งทำให้รู้สึกลำบากใจ ร่างสูงจะปฏิเสธไปก็คงดูเสียมารยาท ในเมื่อหญิงสาวบอกว่าเธอได้นัดพ่อแม่ของเธอเอาไว้ด้วย ...เฮ้อออ ฮยอนจุง เข้าใจคุณด้วยนะ..
“คุณบอกว่า ฮยอนจุงไม่น่ารักแล้วว..ว ฮึก คุณไม่รักฮยอนจุงแล้วว.ว ฮึกๆ ตอนนี้ คุณก็กำลังจะทิ้งฮยอนจุงแล้วว..ว ฮึก..ฮึก” ร่างเล็กเอ่ยกับตัวเอง ดวงตากลมสวยกำลังเต็มเอ่อไปด้วยน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาเพราะความน้อยใจ ร่างเล็กยังคงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนค่ำ
ด้านคยูจงกับจุนซูก็อยากขึ้นไปดูแลเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ป่านนี้คงงอแงร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ในห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นบนของบ้าน แต่ด้วยงานในร้านก็ยังล้นมือเหตุพราะลูกค้าที่ทยอยมาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย
.
.
ด้านร่างสูงที่กำลังนั่งนิ่งให้เจสสิก้าพูดแนะนำเขาให้พ่อแม่ของเธอรู้จักอยู่นั้น เมื่อเห็นว่าด้านนอกของร้านนั้น ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยมองผ่านทางผนังกระจกของร้าน และดูเหมือนจะเป็นเพราะพายุเข้าเสียด้วย ก็ยิ่งนึกเป็นห่วงคนหน้าหวานขึ้นมา
“อุนมยอง เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มดูเหม่อๆ
“อ่ออ เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลินๆ” ร่างสูงตอบแบบเลี่ยงๆ
“งั้นกินข้าวกันเลยนะค่ะ”หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ด้านร่างเล็กที่อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ธรรมดาฝนตกหนักแบบนี้ เขาก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร ยิ่งเป็นพายุแบบนี้ด้วยแล้วรู้สึกไม่ดีเลยด้วยซ้ำ แล้วยังต้องอยู่คนเดียวอีก ..ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆพลางทอดมองไปยังท้องฟ้าทางด้านอกกระจกหน้าต่างอยู่นั้น .. จู่ๆไฟก็ดับพรึ่บลงด้วยเหตุเพราะพายุที่พัดแรงคงทำให้สายไฟขาด
“กริ๊ดดดดด” ร่างเล็กที่รู้สึกไม่ดีอยู่แล้วเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ตกใจสุดขีดกรีดร้องออกมา หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะด้วยเพราะความกลัว แต่เมื่อพอจะตั้งสติได้ก็รีบพยายามควานหาโทรศัพท์กดไปหาเบอร์ที่ตนคุ้นเคยทันที
“Rrrrrrrrr”
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วรีบกดรับในทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“ฮยอนจุง ..ฮยอนจุง ตอบคุณด้วย”
“อ่ออก คุณ..ไฟดับ ฮยอ.นจุง.กลั.ว..ฮึก”
“ฮยอนจุง ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวคุณจะไปหาเดี๋ยวนี้”
“ฮึก คุณ..รีบมา..เร็วๆนะฮะ อ่อกก”
“ฮยอนจุง ฮยอนจุง ..ฮยอนจุง..” ชายหนุ่มพยายามเรียกปลายสายเพียงหวังว่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้..
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบรุดวิ่งออกไปทางประตูหน้าร้าน กำลังเตรียมจะขึ้นรถและขับออกไป แต่ถูกหญิงสาวที่วิ่งตามหลังออกมารั้งไว้
“อุนมยอง คุณกำลังจะไปไหนค่ะ”
“ผมจะไปหาฮยอนจุง ปล่อยผมเถอะนะ เจส”
“ไม่ค่ะ เจสไม่ปล่อย!”
“เจส..”
“คุณต้องกลับเข้าไปข้างในกับเจสค่ะ อุนมยอง คุณเสียมารยาทกับคุณพ่อคุณแม่เจสอยู่นะค่ะ!”
“ไม่! เจส..ปล่อยผม!”
“เจส ยังย้ำประโยคเดิมค่ะ อุนมยอง คุณต้องกลับเข้าไปในร้าน! ..เด็กนั่นจะเป็นตายร้ายดียังไง.. หึเจสไม่สนหรอกค่ะ!!”หญิงสาวเอ่ยด้วยโทสะ
“หึ..ปล่อยผม!!” ชายหนุ่มกระชากแขนหญิงสาวออกจากต้นแขนแกร่งของตนอย่างแรงด้วยอารมณ์โมโห จนหญิงสาวเซล้มลงไปอยู่ที่พื้นแล้วจึงรีบก้าวขึ้นรถและขับกระชากฝ่าสายฝนออกไป...
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้เด็กบ้าฮยอนจุง! แกนี่มันมารมาขัดขวางฉันชัดๆ แกไม่ได้ตายดีแน่!!” หญิงสาวเอ่ยอย่างเคียดแค้น
.
.
ด้านชายหนุ่มนั้น เมื่อกลับถึงบ้านได้ ก็รีบวิ่งรุดขึ้นชั้นบนของบ้านทันที ด้วยความเป็นห่วง มือแกร่งพยายามเคาะประตูด้วยความหวังว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กภายในห้องยังสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร..แต่กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ชายหนุ่มยิ่งกลัวว่าสิ่งที่เขากลัวมันอาจจะเกิดขึ้น
“ฮยอนจุง ๆ ๆ ..ถ้าไม่เปิด คุณจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ” ชายหนุ่มเพียงไม่พูดเปล่า ไหล่หนากระแทกลงที่บานประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันเปิดออกได้ เมื่อร่างสูงรุดเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นคือ ร่างเล็กที่กำลังนอนขดอยู่บนเตียงนั้นเหมือนว่าจะหมดสติลงไปแล้ว ใบหน้าก็เริ่มซีดขาว หายใจรวยริน
ร่างสูงพยายามใช้ความรู้พื้นฐานที่เขาเรียนรู้มาปฐมพยาบาลอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ร่างเล็กให้ฟื้นสติขึ้นมาก่อน เพราะกลัวว่า ถ้าหากพาไปโรงพยาบาลแบบนั้น ร่างเล็กอาจจะไม่รอดก็ได้ ..เมื่อเห็นร่างเล็กฟื้นสติแล้วจึงรีบช้อนตัวร่างเล็กขึ้นอุ้มแล้ววิ่งลงบันไดลงไปที่รถ ก่อนรถคันหรูจะถูกขับกระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
.
.
ถ้าเกิดเขาไม่ได้เอะใจมาก่อน .. ถ้าเกิดเขาคิดแค่ว่าร่างเล็กน่ะคงแค่ล้อเล่นเท่านั้น.. แล้ว.. ถ้าเกิดเขาไปถึงช้ากว่านั้นล่ะ ...
“โว้ยยยย” ร่างสูงได้แต่โทษตัวเองพร้อมต่อยกำแพงซ้ำๆจนสันมือนั้นห้อเลือดจนน่ากลัว แต่ร่างสูงก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย น้ำตาที่ไม่เคยมี มันกลับไหลเอ่อออกมาไม่หยุด
เมื่อเห็นว่าประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก ร่างสูงจึงรีบสาวเท้าเข้าหาแพทย์ที่เพิ่งออกมาในทันที
“เขาเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยใช่มั้ยครับ?”
“คนไข้ปลอดภัยดีครับ แต่..ปล่อยไว้แบบนี้ ไม่ได้แล้วนะครับ”
“หมายความว่าไงครับ”
“อย่างที่หมอเคยบอกคุณ คนไข้ควรได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจนะครับ แล้วยิ่งอาการกำเริบหนักขนาดนี้ เราคงปล่อยไว้ไม่ได้แล้วครับ ส่วนเรื่องผล..คงต้องดูกันว่าร่างกายของคนไข้กับหัวใจเข้ากันได้หรือไม่ หมอจะเร่งหาผู้บริจาคให้ได้เร็วที่สุดนะครับ ขอตัวก่อนครับ” แพทย์วัยกลางคนอธิบายเหตุผล แต่ดูเหมือนคำพูดเหล่านั้นจะไม่ไปถึงร่างสูงเสียแล้ว..
เพียงได้ยินว่า ร่างเล็กต้องผ่าตัด หัวสมองของเขาก็ไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้นได้อีกแล้ว..
เมื่อเปิดประตูห้องพักคนไข้ ร่างสูงก็เห็นร่างเล็กที่นอนหลับนิ่งสนิทอยู่บนเตียงพร้อมสายของเครื่องมือทางการแพทย์ระโยงระยางเต็มไปหมด เขารู้สงสารร่างเล็กจับใจ แต่แล้ว..เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงจึงหันไปดูแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเพื่อนเก่าของเขา ‘คิมฮยองจุน’ แต่.. ที่น่าตกใจฮยองจุนได้นำพาใครบางคนมาด้วย ..ปาร์คจุนซา!
เมื่อเห็นดังนั้นแล้วยังสายตาของชายชราที่มองตรงไปยังร่างเล็กบนเตียง ร่างสูงขยับตัวใช้ตัวเองเข้าไปบังร่างเล็กทันที
“คุณมาทำไม?”
“ฉันแค่มาเยี่ยม ‘หลาน’ฉันน่ะ ไม่ได้เหรอ?”
“หลาน? คุณหมายความว่ายังไง”
“คิมฮยอนจุงเป็นหลานของฉัน เด็กนั่นเป็นลูกของไอ้ฮยอนอิน ลูกของเมียน้อยพ่อฉัน ส่วนเรื่องนั้น แกน่าจะรู้นิสัยฉันดีนะ จองมิน”
“คุณ..”
“ก็ไอ้ฮยอนอินมันมาขวางทางฉันเองนี่ แล้วฉันก็ไม่เคยปล่อยให้ใครหน้าไหนมาขวางทางเจริญฉันได้ หึ ฉันให้แกฆ่ามันยกครัว แต่..แกกลับเหลือเด็กนั่นไว้!”
“ผมทำงานให้คุณจบแล้ว คิมฮยอนอินกับภรรยาก็ถูกผมฆ่าตายไปแล้ว ที่สำคัญ คนชื่อปาร์คจองมินก็ได้ตายไปแล้ว!! ”
“แกเข้าใจอะไรผิดไปนะจองมิน จุ๊ๆๆ จองมิน แกน่ะ ยังทำงานให้ฉันไม่สำเร็จนะ” ชายชราเอ่ยพร้อมเพยิดหน้าชี้ไปทางร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียง
“มึง!!” ร่างสูงรุดเข้าไปกระชากคอชายชรา แต่..คนเป็นเพื่อนยื้อไว้ได้ทัน
“ไหนคุณบอกกับผมว่าจะมาดีไง” ฮยองจุนเอ่ยท้วง
“แกจะทำงานเสร็จ..ก็ต่อเมื่อ..ให้มันตายตามพ่อแม่ของมันไป .. ฆ่าไอ้เด็กนั่นซะ!” ชายชราเอ่ยเสียงเย็น
“ปาร์ค จุนซา ..ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ แต่..เราไปคุยกันระหว่างทาง ผมกับเพื่อนจะเดินไปส่งคุณ!”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมเดินนำออกจากห้องพักผู้ป่วย ก่อนที่ชายหนุ่มอีกอคนพร้อมกับชายชราที่เดินตามกันออกมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าในเงามืดมุมหนึ่ง มีหญิงสาวที่เห็นและรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เจสสิก้ารับรู้เรื่องทั้งหมด ที่สำคัญ..เธอบันทึกมันเอาไว้ด้วย…
“หึ ไอ้เด็กบ้าฮยอนจุง แกตายแน่ๆ” หญิงสาวมองเครื่องบันทึกเทปในมือพร้อมยิ้มกระหยิ่ม
เจสสิก้ารอจนแน่ใจว่าชายทั้งสามเดินไปไกลพอควรแล้ว จึงเดินออกจากมุมมืด เปิดประตูพร้อมก้าวเข้าไปในห้องพัก อาจถือว่าเป็นโชคดีของหญิงสาวที่ร่างเล็กได้สติตื่นขึ้นมาพอดี
“คุณเป็นใคร” ร่างเล็กเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
“ฉันเหรอ? ฉัน..เจสสิก้า แฟนของคุณอุนมยองของแกไงล่ะ”
“คุณมาทำไม?” ร่างเล็กเอ่ยพลางหันหน้าหนี
“อ๊ะๆ ทำแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ ฉันอุตส่าห์มาเยี่ยมเธอนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ เชิญ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมผายมือไปทางประตู
“โอ๊ะ ใจเย็นสิ ฉันมีอะไรมาให้เธอล่ะ คิมฮยอนจุง”
“ทำไมคุณถึงเรียกผม แบบนั้น?”
“ก็ลองฟังนี่ดูสิ” หญิงสาวพร้อมยัดเครื่องบันทึกเสียงใส่มือร่างเล็ก
“ไม่เอา!”
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอ?”
“ไม่!” ร่างเล็กปฏิเสธ ถึงแม้ว่ายังอยากรู้ แต่เขาไม่อยากจะสนทนากับหญิงสาวตรงหน้าอีกสักนาทีเดียว
“ฟังหน่อยเถอะน่า จะได้หายโง่ซะที” หญิงสาวเอ่ยพร้อมวางเครื่องบันทึกเสียงใส่มือร่างเล็ก แต่ไม่เพียงแค่วาง เธอกลับกดให้มันเริ่มเล่นเสียงที่มันได้บันทึกไว้
เสียงที่บันทึกไว้ค่อยๆทยอยดังออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นชื่อ แต่เสียงนั้นเป็นเสียงของคนที่ร่างเล็กคุ้นเคยเป็นอย่างดี ร่างเล็กค่อยๆตั้งใจฟังไปเรื่อยๆ หยดน้ำตาใสก็เอ่อไหลตามออกมาไม่หยุด.. เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด โดยทั้งหมดอยู่ในสายตาที่เต็มไปด้วยความสะใจของหญิงสาว
“ฟังนะ ฟังให้จบ แล้วก็..รีบๆตายตามพ่อแม่แกไปซะ!” หญิงสาวเอ่ยก่อนสาวเท้าออกจากห้องไป
“ไม่ ไม่จริง ไม่จริงงงงง ไม่!” ร่างเล็กกรีดร้องก่อนหมดสติไป
.
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ร่างสูงเอ่ยเพราะเมื่อเขากับฮยองจุนส่งปาร์คจุนซาเรียบร้อยแล้ว ระหว่างเดินกลับจู่ๆก็มีโทรศัพท์มาบอกว่าให้เขาเร่งขึ้นมาเซ็นใบอนุญาตให้ร่างเล็กได้ผ่าตัดโดยด่วน ..อะไรกัน.. ตอนออกไป.. ร่างเล็กก็ยังหลับสนิท อาการยังดีอยู่นี่นา
หลังจากที่เซ็นใบอนุญาตเสร็จ ก็มีนางพยาบาลคนหนึ่งยื่นบางสิ่งให้กับร่างสูง
“ของคนไข้น่ะค่ะ” นางพยาบาลเอ่ยพร้อมยื่นเครื่องบันทึกเสียงให้ร่างสูง
“เอ่ ไม่ใช่นะครับ” ร่างสูงเอ่ยปฏิเสธ แต่ก็รับมา
“อย่างนั้นเหรอค่ะ คือมันอยู่ในมือของคนไข้น่ะค่ะ”
“อ่อ ครับ ว่าแต่มันมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ ถ้าหมายถึง..ล่ะก็ ฉันเห็นว่ามีผู้หญิงหน้าตาดี ผมสีบลอนด์ยาวประบ่าเดินออกมาจากห้องของคนไข้ ก่อนที่คนไข้จะเป็นแบบนี้น่ะค่ะ”
“อ่อครับบบ ขอบคุณครับ” ร่างสูงเอ่ย
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะค่ะ” พยาบาลสาวเอ่ยพร้อมเดินจากไป
ร่างสูงกดปุ่มเล่น และทดลองฟังดู เสียงที่บันทึกไว้ทำให้ร่างสูงตกใจปนอารมณ์โทสะต่อหญิงสาว เมื่อฟังจบก็เดินดุ่มออกไป แต่คนเป็นเพื่อนตะโกนถามรั้งไว้ก่อน
“เห้ย นั่นมึงจะไปไหน?”
“กูจะไปจัดการอะไรบางอย่าง!” ร่างสูงเอ่ยพร้อมเดินจากไปพร้อมสายตาลุไปด้วยไฟแค้น
..เจสสิก้า!!!..
.
.
ร่างเล็กนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงคอยนั่งเฝ้าสังเกตอาการอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง มือหนาจับมือเรียวประสานไว้แน่น ร่างเล็กยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติแบบนี้ผ่านมา2วันแล้ว
“ฮยอนจุง ตื่นขึ้นมาสิ คุณรอไม่ไหวแล้วนะ” ร่างสูงพูดกับร่างบางที่นอนหลับสนิท
“ฮยอนจุงเกลียดคุณแล้วเหรอ ทำไมถึงไม่ลืมตาขึ้นมาซะที” ร่างสูงเอ่ยพร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา มือหนาเอื้อมเข้าไปปัดปอยผมให้พ้นจากดวงหน้าหวาน
“ตื่นเถอะ ตื่นขึ้นมาว่าคุณ ยังดีซะกว่าหลับอยู่แบบนี้ คุณขอร้องล่ะ..ถ้าฟื้นขึ้นมา ฮยอนจุงจะเอาแต่ใจแค่ไหนยังไง คุณก็จะไม่ว่าเลยซักคำ ” ร่างสูงเอ่ยทั้งน้ำตาพร้อมโน้มตัวลงจูบเบาๆที่หน้าผากมน
คราวนี้ดูเหมือนว่าคำพูดอาจจะได้ผลหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ร่างเล็กดูเหมือนว่าจะเริ่มมีปฏิกิริยา ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นแต่ก็พร่ามัวด้วยแสงจ้าอันไม่คุ้นเคยที่ทำให้แสบเคืองตาจนต้องรีบหลับตาลงอีกครั้งและลืมตาขึ้นใหม่อย่างช้าๆเพื่อให้สายตาปรับสภาพได้ทัน ภาพของคนตรงหน้าจากที่พร่ามัวก็ค่อยๆชัดเจนยิ่งขึ้น.. ยิ่งขึ้น..
“คุณ..” คนป่วยบนเตียงพยายามชักมือเรียวของตนออกจากการเกาะกุม เป็นปฏิกิริยาที่ร่างสูงเห็นแล้วรู้สึกปวดใจแต่ก็ยังฝืนยิ้ม
“ฮยอนจุงฟื้นแล้วเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“คุณ..เรียกใครเหรอครับ? ฮยอนจุง หรือ คิมฮยอนจุง ล่ะครับ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมหยดน้ำตาใสๆที่ไหลเอ่อออกมาไม่หยุด มือเรียวที่ได้รับอิสระแล้วถูกใช้ปาดน้ำตาออก เสหน้ามองไปอีกทาง
“ฮยอนจุง..” ร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างเล็กหันกลับมามองร่างสูงอีกครั้ง ใบหน้าหวานยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาและคราบน้ำตา
“คุณ..เป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมจริงๆเหรอ..ครับ” น้ำเสียงครานี้ทำให้คนฟังปวดใจจนเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น
“ฮยอนจุง คุณ..” ร่างสูงรู้สึกเจ็บปวดจนแทบพูดอะไรไม่ออก
“คุณฆ่าพ่อแม่ผม แต่เก็บผมเอาไว้ ..เก็บไว้ทำไม อยากให้ผมทรมานนักเหรอไงครับ?”
“ฮยอนจุง คุณขอโทษ..สำหรับเรื่องนั้น แต่..ตอนนี้ มันไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย!”
“ผม..เกลียดคุณ ได้ยินมั้ย..ว่า ผม..เกลียดคุณ! คุณออกไปจากชีวิตผมเดี๋ยวนี้นะ!” ร่างเล็กเอ่ยด้วยเสียงเฉียบขาดแต่หากดูสั่นเครือ มือเรียวก็ถูกใช้ปาดน้ำใสๆออกจากตาคู่สวยพร้อมหันหน้าหนีไป
“ฮยอนจุง ถ้าฮยอนจุงต้องการแบบนั้น.. ถ้าฮยอนจุงต้องการให้คุณไป คุณก็จะไป.. แต่สัญญากับคุณได้มั้ยว่า จะดูแลรักษาตัวเองให้ดีๆ กินข้าว กินยาให้ครบทุกมื้อ แล้วก็อย่าดื้อกับอาหมอฮยองจุนนะ” ร่างสูงเอ่ยอย่างปวดใจพร้อมค่อยๆหันหลังเดินจากไป..
.
ตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันที่ร่างเล็กไล่ให้ร่างสูงออกไปจากชีวิตของเขา ก็ไม่มีใครเห็นร่างสูงอีกแม้แต่เงา ไม่มีใครรู้ว่าร่างสูงไปอยู่ที่ไหน แม้ที่ร้านกาแฟ ร่างสูงก็ไม่ได้ไปอีกเลย..ร่างเล็กจึงได้รับการดูแลจากคุณอาคิมฮยองจุนแทน
“ฮยอนจุง มากินข้าวเถอะ” เสียงของคิมฮยองจุนที่ ณ ตอนนี้กลายเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าสีฟ้าครามอยู่ที่ริมระเบียง
“อาหมอฮะ อาหมอว่า ท้องฟ้าจะเป็นยังไงครับ ถ้าท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆอยู่ข้างๆ” เด็กหนุ่มเอ่ย
“ท้องฟ้าจะเป็นยังไงน่ะเหรอ? ก็คงจะเหงาน่าดูล่ะ คงไม่สดใสเหมือนเดิมอีก”
“ฮะ” เด็กหนุ่มรับคำ หน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“เราก็ไปกินข้าวเถอะ จะได้กินยา อาหมอว่าจะไปทำธุระนิดหน่อยด้วย” คนเป็นผู้ใหญ่จูงมือเด็กหนุ่มเดินกลับเข้าสู่ตัวบ้าน
“หลับซะแล้วเหรอเนี่ย?” ฮยองจุนเอ่ยอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาวพร้อมทั้งห่มผ้าให้ก่อนออกไปทำธุระนอกบ้าน
.
.
ร่างสูงของใครบางคนค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอย่พร้อมโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากมนอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าคนที่หลับอยู่อาจจะตื่นขึ้นมาได้ แล้วจึงค่อยๆย่อตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆโซฟามองร่างบางนั้นด้วยสายตารักใคร่
“เมื่อไรมึงจะเลิกทำแบบนี้วะ” เสียงของฮยองจุนที่ยืนอยู่หน้าปากประตูดังขึ้น
“มึงอย่าเสียงดังได้มั้ย? เดี๋ยวฮยอนจุงก็ตื่นขึ้นมาหรอก” ร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงกระซิบ
“มึงก็รู้ว่าฮยอนจุงเขาคิดถึงมึง ต้องการมึง ..มึงยังจะรออะไรอีก”คนเป็นเพื่อนยังคงซักไม่หยุด
“กูไม่เหมาะกับเขา กูยังไม่กล้าสู้หน้าเขาตอนนี้ มึงเข้าใจกูบ้าง”
“กู-ไม่-เข้า-ใจ!” คนเป็นเพื่อนเอ่ยเน้นทีละพยางค์
“นั่นก็เรื่องของมึง..กูไปล่ะ” ร่างสูงเอ่ยแล้วเตรียมเดินออกไป แต่กลับถูกใครบางคนกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง ..ร่างเล็กนั่นเอง ‘ฮยอนจุง’ ที่ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรกำลังกอดเขาจากด้านหลัง คนเป็นเพื่อนอย่างฮยองจุนเห็นดังนั้นจึงเอาตัวเองออกมาจากที่ตรงนั้น เพื่อให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันเพียงลำพัง
“ฮยอนจุง..”
“ถ้า..คราวนี้คุณหนีฮยอนจุงไปอีก ฮยอนจุงจะโกรธคุณไปตลอดชีวิตเลย..” เสียงเล็กเอ่ย
“ฮยอนจุง ฮยอนจุงหายโกรธคุณแล้วเหรอ? ไม่เกลียดคุณแล้วเหรอ?” ร่างสูงปลดอ้อมกอดของร่างเล็กแล้วจึงหันหลังไปกอดประคองร่างเล็กไว้เองแทน
“ฮยอนจุงก็ไม่รู้ว่าทำไม.. ฮยอนจุงอยากจะเกลียดคุณอยู่หรอก ฮยอนจุงอยากจะโกรธ ..โกรธคุณไปตลอดชีวิต..แต่ ฮยอนจุงก็ทำมันไม่ได้” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมน้ำตาใสที่ไหลเอ่อ
“ไม่เอา อย่าร้องสิ” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน
“ก้อนเมฆรู้ รู้ว่าท้องฟ้าคงจะอยู่..ไม่ได้ ถ้าไม่มีก้อนเมฆอยู่เคียงข้าง เพราะก้อนเมฆก็..จะเป็นแบบนั้น” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมสะอื้นเล็กๆ ร่างสูงจึงเข้ากอดร่างเล็กแน่น
“อืมมม คุณรักฮยอนจุงนะ แล้ว ฮยอนจุงรัก..คุณมั้ย?” ร่างสูงเอ่ยสารภาพพร้อมคลายอ้อมกอดกลายเป็นประคองกอดหลวมๆเช่นเดิมเพื่อรอฟังคำตอบ
“ฮยอนจุงไม่รู้ ว่าความรักคือยังไง แต่..ฮยอนจุงรู้แค่ว่า ฮยอนจุงอยากให้คุณอยู่ใกล้ๆฮยอนจุง ไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้คุณ ไม่อยากให้คุณไปไหนไกลๆ ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน เวลาไหน ฮยอนจุงก็นึกถึงแต่คุณ คิดถึงแต่คุณ แบบนี้..เรียกว่ารักได้มั้ยฮะ” ร่างเล็กเอ่ยตามจริงทำให้ร่างสูงที่เป็นคนฟังยิ้มกว้าง
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ^^” ร่างสูงเอ่ยก่อนโน้มหน้าลงจูบเบาๆที่หน้าผากแล้วกอดร่างเล็กไว้แน่น
.. ต่อไปนี้..ก้อนเมฆและท้องฟ้าจะอยู่ด้วยกัน เคียงข้างกันเสมอ เช่นเดียวกับเราสองคนที่จะไม่ปล่อยมือจากกัน ไม่ห่างจากกันไปไหน จะรักษาความสุขที่มีอยู่ จับมือเดินเคียงข้างกันไปข้างหน้าด้วยกัน.. ตลอดไป...
ผลงานอื่นๆ ของ KiM MuN A ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KiM MuN A
"อยากอ่านต่อ"
(แจ้งลบ)สนุกมากนะ อยากอ่านต่อทำไง เปิดตอนต่อไม่ได้ แค่ตอนแรกก็ชวนติดตามมาก ๆ เราพูดจริง ๆ นะ ช่วยตอบกลับเราหน่อยว่าทำไงบ้าง เราให้นายคะแนนเต็ม 10 คะแนนเลยนะ ไม่ได้โม้ เรายังชวนแม่เราอ่านเลยนะ แม่เรายังบอกว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจดี แม่เราก็อยากที่จะอ่านต่อเหมือนกัน เปิดตอนถัดไปยังไง ช่วยตอบเราด้วยนะ เราอยากรู้เรื่องต่อจริง ๆ อ่านเพิ่มเติม
สนุกมากนะ อยากอ่านต่อทำไง เปิดตอนต่อไม่ได้ แค่ตอนแรกก็ชวนติดตามมาก ๆ เราพูดจริง ๆ นะ ช่วยตอบกลับเราหน่อยว่าทำไงบ้าง เราให้นายคะแนนเต็ม 10 คะแนนเลยนะ ไม่ได้โม้ เรายังชวนแม่เราอ่านเลยนะ แม่เรายังบอกว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจดี แม่เราก็อยากที่จะอ่านต่อเหมือนกัน เปิดตอนถัดไปยังไง ช่วยตอบเราด้วยนะ เราอยากรู้เรื่องต่อจริง ๆ
alexkimhyunjoong | 8 มี.ค. 55
0
0
"อยากอ่านต่อ"
(แจ้งลบ)สนุกมากนะ อยากอ่านต่อทำไง เปิดตอนต่อไม่ได้ แค่ตอนแรกก็ชวนติดตามมาก ๆ เราพูดจริง ๆ นะ ช่วยตอบกลับเราหน่อยว่าทำไงบ้าง เราให้นายคะแนนเต็ม 10 คะแนนเลยนะ ไม่ได้โม้ เรายังชวนแม่เราอ่านเลยนะ แม่เรายังบอกว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจดี แม่เราก็อยากที่จะอ่านต่อเหมือนกัน เปิดตอนถัดไปยังไง ช่วยตอบเราด้วยนะ เราอยากรู้เรื่องต่อจริง ๆ อ่านเพิ่มเติม
สนุกมากนะ อยากอ่านต่อทำไง เปิดตอนต่อไม่ได้ แค่ตอนแรกก็ชวนติดตามมาก ๆ เราพูดจริง ๆ นะ ช่วยตอบกลับเราหน่อยว่าทำไงบ้าง เราให้นายคะแนนเต็ม 10 คะแนนเลยนะ ไม่ได้โม้ เรายังชวนแม่เราอ่านเลยนะ แม่เรายังบอกว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจดี แม่เราก็อยากที่จะอ่านต่อเหมือนกัน เปิดตอนถัดไปยังไง ช่วยตอบเราด้วยนะ เราอยากรู้เรื่องต่อจริง ๆ
alexkimhyunjoong | 8 มี.ค. 55
0
0
ความคิดเห็น