มนุษย์หมาป่าผู้น่าสงสาร - มนุษย์หมาป่าผู้น่าสงสาร นิยาย มนุษย์หมาป่าผู้น่าสงสาร : Dek-D.com - Writer

    มนุษย์หมาป่าผู้น่าสงสาร

    ชะตากรรมของผู้ถูกสาป วิญญาณของมนุษย์หมาป่าครอบงำร่าง ถูกจองจำนานนับสิบปี ชะตากรรมนี้กำลังจะถูกปลดปล่อย กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่ง! (เรื่องเสริมของ LOCKHART\'S ADVENTURE)

    ผู้เข้าชมรวม

    1,281

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.28K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 46 / 21:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผมเป็นมนุษย์หมาป่า

          ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าธรรมดา แบบที่พ่อมดแม่มดคนอื่น ๆ หรือแม้แต่พวกมักเกิ้ลรู้จักหรอกนะครับ แบบที่ว่า ในยามปกติจะเป็นคนธรรมดา แต่เมื่อเห็นจันทร์เต็มดวงก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าออกอาละวาดฆ่ามนุษย์ อะไรแบบนั้น หากแต่ผมป่วยเป็นโรคหมาป่าเรื้อรัง

          คุณไม่รู้จักโรคหมาป่าเรื้อรังหรอกเหรอ?

          มันก็คือ ต้องเป็นหมาป่าตลอดเวลาน่ะสิครับ ผมรู้สึกตัว ผมมีสติ แต่สติของผมไม่สามารถควบคุมสัญชาติญาณแบบมนุษย์หมาป่าได้เลย จะมีก็แต่ในช่วงคริสต์มาสของทุกปีเท่านั้น ที่ผมจะพอมีสติ และเกือบจะได้กลับคืนเป็นมนุษย์(เกือบ)ธรรมดาเสียบ้าง แต่มันก็แค่วันเดียวในหนึ่งปี และพอวันรุ่งขึ้น ผมก็ต้องกลับไปเป็นหมาป่าอีก ถึงกระนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นวันคริสต์มาส

          เพราะอย่างนี้น่ะเอง ผมจึงต้องถูกแม่แท้ ๆ ของผม ล่ามโซ่เอาไว้ตลอดเวลาตั้งแต่ผมจำความได้มาแล้ว ซึ่งอันที่จริง มันก็คงจะเป็นตั้งแต่ผมเกิดนั่นแหละ

          คุณคงจะแปลกใจว่า ในเมื่อผมต้องเป็นมนุษย์หมาป่าที่ไม่สามารถใช้สติควบคุมสัญชาติญาณได้ตลอดเวลา ทำไมผมจึงมาอยู่ตรงนี้ เล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังได้

          นั่นก็เพราะตอนนี้ผมหายแล้วน่ะสิครับ (ไชโย!)

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
          ตอนนั้นผมอายุสิบแปดปี ถ้าหากว่าผมเป็นมนุษย์ธรรมดา ผมก็คงเป็นพ่อมดหนุ่มที่เพิ่งจบการศึกษาจากโบซ์บาตงมาหมาด ๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่เป็นเช่นนั้น แน่นอน ผมถูกล่ามโซ่อยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ตระกูลลักซิม โดยมีเอลฟ์ประจำบ้านชื่อดอลตันคอยนำอาหารมาส่งให้ผมเสมอ ๆ และบางครั้ง แม่ของผมก็จะนำอาหารมาให้ผมด้วยตัวเอง ทุกครั้งที่แม่มา แม่จะคอยพูดกับผม แน่นอนว่าแม่รู้ดีว่าผมยังมีสติ แม่จึงพยายามคุยกับผมเหมือนกับผมเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนนักว่าแม่ของผมน้ำตาไหล เพราะน้ำตาของผมก็ไหลเหมือนกันทุกครั้งที่เห็นแม่

          ผมไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวัน จะมีก็แต่แสงที่ลอดมาจากช่องระบายอากาศที่อยู่เหนือศีรษะของผมขึ้นไปสักสิบเมตรได้ หากแต่มันก็เลือนรางเหลือเกินจนมันไม่อาจช่วยให้ผมเห็นอะไรได้เลย นอกจากตอนที่มีใครเข้ามาใน...คุก...ใช่ เข้ามาในคุกนี้พร้อมกับคบไฟในมือเท่านั้นเอง

          ชีวิตของผมก็เป็นอย่างนั้นแหละ หากแต่ที่ผมต้องยกเอาตอนที่ผมอายุสิบแปดปีมาเล่าให้คุณฟัง ก็เป็นเพราะตอนนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมขึ้นยังไงล่ะครับ

          วันนั้นเป็นวันที่แสงที่ส่องเข้ามาจากช่องระบายดูสว่างสดใสเป็นพิเศษ ดอลตันวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่า “คุณหนูขอรับ! เป็นนายหญิงบอกว่าจะมีแขกมาพบคุณหนูขอรับ! เป็นดอลตันดีใจเป็นที่ยิ่งเลยขอรับ เป็นดอลตันดีใจเป็นที่ยิ่ง” พูดไว้แค่นั้นดอลตันก็วิ่งออกไป

          เป็นคุณจะงงเหมือนผมไหมล่ะครับ

          หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ผมมองเห็นแสงจากคบไฟ ตามด้วยเงาของคนสองคน กับเอลฟ์อีกหนึ่งตน กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากข้างบน เงาเอลฟ์ดูลุกลี้ลุกลนไม่ต่างจากเงาคนคนหนึ่ง ซึ่งผมเดาเอาเองว่าคงจะเป็นแม่ของผมนั่นแหละ เพราะเงาอีกเงาหนึ่งเดินเหินอย่างมั่นคง ดูไม่เหมือนแม่ของผมเอาเสียเลย

          ร่างแรกที่ผมมองเห็นเป็นตัวเป็นตนก่อนก็คือดอลตันนั่นแหละ เขา(เธอ? มัน?)ชูคบเพลิงอยู่สูงเหนือศีรษะด้วยมือขวา ใบหน้าคอยมองไปข้างหลังเกือบตลอดเวลา อึดใจต่อมาผมก็เห็นปลายเท้าหน้าตาประหลาดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากนั้นก็เป็นชุดคลุมที่ปกปิดร่างตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นไปจนถึงหัวไหล่ ผมคิดเอาเองว่าภายในผ้าคลุมนั้นคงมีอะไรอยู่หลายอย่างเป็นแน่ สูงขึ้นไปเป็นใบหน้าของคนคนนั้น ผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น หากแต่ดูมีราศีและเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างแปลกประหลาด ถัดจากชายคนนี้แล้ว จึงเป็นแม่ของผม ที่กำลังพูดคุยกับเขาด้วยสีหน้ายินดี

          “นี่หรือครับ เด็กคนที่คุณพูดถึง” ชายคนนั้นพูด ฟังดูมีพลังอะไรบางอย่างแทรกมากับเสียงนั้น มันทำให้ผมขนลุก

          “ใช่ค่ะ” แม่ของผมตอบ “อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ อิฉันต้องล่ามโซ่เขาเอาไว้”

          ผมคิดว่า... โอ๊ ไม่จริง ร่างกายของผมมันเริ่มไปเองอีกแล้ว ผมรู้สึกว่าผมคำรามดังลั่นห้อง เอ่อ... คุก แล้วยันร่างขึ้นยืน พยายามจะเดินตรงไปยังชายคนนั้น ผมรู้สึกได้ว่าร่างกายของผมต้องการจะทำร้ายชายคนนั้น ร่างของผมยกมือ(ขาหน้า)ทั้งสองข้างขึ้น หมายจะตะปบหน้าชายคนนั้นให้แหลกเหลวคามือ

          แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ มีเสียงดังกึงขึ้น อันเนื่องมาจากโซ่ที่ผูกมัดมือของผมอยู่ถูกตรึงไว้กับกำแพง ทำให้ร่างของผมไม่สามารถจะออกไปไกลกว่านี้ได้

          ถึงกระนั้นตอนนี้หน้าของผมกับชายคนนั้นก็อยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งศอก และผมรู้สึกได้ชัดเจนว่าใบหน้าของผมกำลังแยกเขี้ยวขู่ชายคนนั้นด้วยท่าทางนี่น่าสยดสยองเป็นที่ยิ่ง หากแต่ผมไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัวบนใบหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย

          ชายคนนั้นหันไปพูดกับดอลตันว่า “ช่วยพาคุณนายออกไปก่อนได้ไหม?”

          ดอลตันทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วพูดกับชายคนนั้นว่า “เป็นดอลตันต้องขออนุญาตนายหญิงก่อนขอรับ” แล้วเขา(เธอ? มัน?)ก็หันไปพูดกับแม่ของผมว่า “เป็นนายหญิงจะยอมทำตามที่ท่านชายท่านนี้เอ่ยหรือไม่ขอรับ?”

          ผมเห็นแม่ของผมพยักหน้า แล้วเดินออกจากห้องไป

          ดอลตันหันไปพูดกับชายคนนั้นว่า “เป็นท่านชายจะให้ดอลตันถือคบไฟให้หรือไม่ขอรับ?”

          ชายคนนั้นหันไปมองดอลตันแล้วยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณมาก”

          ดอลตันโค้งตัว แล้วจึงเดินตามแม่ของผมไป ห้องมืดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เกือบจะมืดสนิท คงมีแต่เพียงแสงที่ลอดเข้ามาจากช่องระบายอากาศเท่านั้น

          “ลูมอส!”

          ชายคนนั้นเอ่ยคาถา พลันห้องทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้น สว่างชนิดที่ผมไม่ได้สัมผัสมาตลอดสิบแปดปีนอกจากในวันคริสต์มาสที่ผมจะได้แอบออกไปยังโลกภายนอก ผมเดาเอาเองว่าชายคนนั้นคงจะใช้คาถาอะไรสักอย่าง แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์เอาไว้เลย

          ผมมองหน้าเขา

          เขามองหน้าผม

          “เธอคงจะทรมานมากสินะ”

          ผมพยายามพยักหน้า หากแต่ผมไม่อาจควบคุมร่างกายของผมได้เลย มันพยายามจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แล้วไปขย้ำชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่ให้เป็นซากเสียให้ได้ แต่ใจของผมพยายามจะบอกชายคนนี้เหลือเกินว่า

          ช่วยผมที

          “งั้นหรือ ฉันจะพยายามนะ”

          ผมเบิกตากว้าง เขารู้ความคิดของผมเหรอ?

          “ไม่ได้รู้หรอก แค่รู้สึกได้ เท่านั้นเอง” ชายคนที่อยู่ตรงหน้าผมพูด “ปกติแล้ว ฉันไม่ค่อยจะทำอะไรให้ใครฟรี ๆ หรอกนะ แต่ครั้งนี้ เป็นกรณีพิเศษ แลกกับอาหารและที่พักที่แม่ของเธอให้ฉัน”

          ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด

          “เดี๋ยวไว้ค่อยถามแม่ของเธอทีหลังก็ได้” ชายคนตรงหน้าของผมพูดพลางล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม ทำท่าเหมือนจะควานหาอะไรบางอย่าง

          ผมพยายามจะกลืนน้ำลาย แต่อย่างที่คุณรู้ ผมทำไม่ได้

          เสียเวลาหาอยู่พักหนึ่ง เขาก็รำพึงว่า “หายากจังเลยแฮะ ของเยอะชะมัด” อึดใจต่อมา เขาก็เปิดเสื้อคลุมออกทั้งหมด เผยให้เห็นสารพัดอุปกรณ์หน้าตาประหลาด ในวูบนั้น ผมเห็นอะไรบางอย่างรูปร่างคล้ายสามง่าม บางอันก็คล้ายกับพลอง และดูเหมือนจะมีสนับมืออยู่สองหรือสามอันเสียด้วย ก่อนที่เขาจะหาของที่หาอยู่เจอ และพับเสื้อคลุมเข้าสู่สภาพเดิม

          “ขอโทษทีนะที่ต้องเสียเวลา ของมันเยอะน่ะ กว่าจะหาเจอแต่ละชิ้นก็ยุ่งยากแบบนี้แหละ เอ้า อย่าเสียเวลาเลย เข้ามาใกล้ ๆ หน่อยซิ”

          ผมก็อยากเหมือนกันนะ แต่ผมควบคุมร่างกายไม่ได้ เอาแค่ว่าจะมองดูว่าในมือของเขาถืออะไรอยู่ยังยากเลย วูบหนึ่งผมพอจะเห็น อะไรบางอย่างที่คล้ายกับดาบ... ทว่ามันมีแต่ด้าม

          “ไม่ได้งั้นเหรอ... อืม... ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

          เขาถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง มือซ้ายยังคงถือด้ามดาบนั้นอยู่ เขายื่นมือขวาออกมาข้างหน้า มือนั้นดูมีรอยแผลเป็นทางยาว เหมือนกับเคยโดนผ่ามาก่อน

          “อาโลคาโทร่า”

          พลันผมรู้สึกได้ โซ่ที่พันธนาการผมอยู่หลุดออก เขาทำอะไรของเขาน่ะ?

          “ฉันรู้ตัวดีน่าว่ากำลังทำอะไรอยู่” ผมได้ยินเสียงเขาพูด ในขณะที่ร่างของผมสะบัดมือออกจากโซ่ คำรามใส่หน้าเขา แล้วจึงพุ่งตรงไปหมายทำร้ายให้ถึงฆาต

          ในพริบตานั้น ผมแทบลำดับไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเห็นชายคนนั้นใช้มือซ้ายยกด้าบดาบที่ดูไม่มีพิศสงอะไรตรงมายังตัวผม ในขณะที่มือขวาก็ชี้ตรงมายังใบหน้าของผม มีเสียงดังขึ้นว่า “สโตปิโอ!” แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าร่างของผมหยุดแข็งไป ขยับไม่ได้ พริบตาต่อมาเขาก็เอาด้าบดาบนั้นแทงเข้าที่ท้องของผม ในเสี้ยววินาทีนั้นผมรู้สึกราวกับว่ามันดูดเอาสิ่งที่ผมมีอยู่ออกไป มันดูดออก ดูดออก ดูดออก ผมก้มหน้าลงไปมองดู เห็นด้ามดาบนั้นค่อย ๆ มีตัวดาบโผล่ขึ้นมา

          เดี๋ยวก่อน

          ผมก้มหน้าลงไปมองด้วยตัวเองได้หรือนี่?

          จะอะไรก็ตามแต่ มันยังคงดูดอะไรบางอย่างออกไปจากร่างของผม ดูดออกไป ดูดออกไป ตอนนี้ผมแทบไม่หลงเหลือสติแล้ว ภาพข้างหน้าค่อย ๆ มืดลง มืดลง (ทั้ง ๆ ที่ยังมีแสงสว่างของลูมอสอยู่)

          ภาพสุดท้ายที่ผมมองเห็น คือ ชายคนนั้น ดึงดาบที่สมบูรณ์พร้อมออกจากตัวของผม

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
          ภาพตรงหน้าค่อย ๆ สว่างขึ้น

          มันสว่างจนแสบตา

          น่าแปลก... ผมควรจะอยู่ในห้องใต้ดินที่แทบจะมืดมิดนี่นา

          ผมพยายามยกมือขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางทำได้ หากแต่ในพริบตาที่ผมพยายามทำนั้น แขนของผมกลับพุ่งลอยขึ้นชี้ฟ้า ผมตกใจจนเผลอปล่อยแรง แขนก็กลับตกลงมากระแทกกับพื้น

          ผมร้อง “โอ๊ย” ด้วยความเจ็บ

          นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ร่างกายของผมที่ไม่น่าจะควบคุมได้ กลับว่าง่ายเช่นนี้เฉย ๆ น่ะหรือ?

          “เป็นคุณหนูรู้สึกตัวแล้วขอรับ! นายหญิง! ท่านชาย! เป็นคุณหนูรู้สึกตัวแล้ว!”

          เสียงดอลตันนี่นา ผมเอี้ยวคอไปทางต้นเสียง ... ร่างกายยอมทำตามคำสั่งของผมอีกแล้ว! ผมเห็นดอลตันอยู่ข้าง ๆ ผม

          ผมสะดุ้ง ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง มีเสียงคนกำลังวิ่งมาทางผม มีเสียงแม่ของผมร้องว่า “ลูกแม่! ลูกแม่!” และเสียงคนอีกคนหนึ่งกำลังวิ่งมาพร้อมกัน คงจะไม่พ้นเป็นชายคนนั้นแน่นอน

          “คุณแม่...” ผมพูด ผมพูดได้หรือนี่? “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

          “เธอหายเป็นปกติแล้ว” เสียงชายคนนั้นตอบผม ผมเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าชายคนนั้นร่างสูงกว่าแม่ของผมเกือบสองศอก “คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนที่แม่ของเธออุปการะฉันเมื่อวานนี้ก็แล้วกัน”

          “ผม...หายเป็นปกติ?” ผมอดสงสัยไม่ได้

          “ใช่แล้ว” เขายิ้ม “ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูร่างกายของเธอสิ”

          ผมก้มลง ยกมือทั้งสองขึ้นมาดู มันเป็นมือของมนุษย์ ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมยกมือทั้งสองขึ้นมาสัมผัสใบหน้า มันเป็นใบหน้าของมนุษย์! ผมดีใจจนบอกไม่ถูก

          “คุณ...คุณทำได้อย่างไรครับ?” ผมถามออกไปด้วยสงสัยยิ่งนัก

          “ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาตอบยิ้ม ๆ แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม “ที่ฉันทำก็แค่ เอาหมาป่าในตัวเธอมาเก็บไว้ในดาบเล่มนี้เท่านั้นเอง”

          เขาชูดาบขึ้น มันเป็นเล่มเดียวกันกับด้ามดาบที่ผมเห็นเมื่อตอนนั้น หากแต่ตอนนี้มันดูสมบูรณ์แบบ ตัวดาบเป็นสีเงินมันวาว ดูคบกริบ

          “เธอต้องเก็บไว้กับตัวเธอ” เขาพูด แล้วยื่นดาบให้ผม

          ผมยังไม่กล้ารับ

          “เก็บไว้...กับตัวผมหรือครับ?”

          “ใช่สิ” เขาตอบยิ้ม ๆ “ในดาบเล่มนี้มีหมาป่าของเธอสถิตอยู่ มันจะไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของใครนอกจากเธอ”

          ผมทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

          เขายิ้มแล้วพูด “ไม่เชื่อคอยดูนะ”

          พูดจบ เขาก็ขว้างดาบออกมา ราวกับว่าหมายจะให้โดนคอผม ผมตกใจมาก ยกมือขึ้นปัดป้องสุดชีวิต หากแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ดาบหยุดลงตรงหน้าผม แล้วหล่นลงบนพื้นดังแคร้ง

          ผมเหงื่อแตกพลั่ก แม่ของผมก็แทบจะร้องกรี๊ด ดอลตันเอามือปิดตา

          “เห็นไหม” เขายักไหล่

          ผมเงยหน้าขึ้น แล้วเอื้อมมือไปหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาจากพื้น เหมือนกับมีอะไรบางอย่างตอบรับ ความอบอุ่นไหลวาบไปทั่วมือของผม

          มันเป็นดาบของผมจริง ๆ

          “นี่...ตกลงว่า...ผมต้องเก็บดาบเล่มนี้ไว้กับตัวตลอดเวลาอย่างนั้นหรือครับ?”

          “ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรให้ห่างตัวเป็นดีที่สุดนั่นแหละนะ” เขาขยิบตา แล้วจึงพูดต่อ “โอเคครับ ท่าทางว่าทุกคนจะมีความสุขกันดีแล้ว ผมก็คงต้องไปสักที” เขาพูดพลางเก็บของ เพียงแค่เขาชี้มือขวาที่มีแผลเป็นไปยังสิ่งของแต่ละชิ้นเท่านั้น ของก็ลอยมาอยู่ในมือเขาทันที ในตอนสุดท้าย หมวกของเขาลอยมาอยู่ในมือ แล้วเขาก็เอาหมวกสวมหัว หลังจากนั้นก็พูดว่า “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ”

          “เดี๋ยวก่อนครับ” ผมร้อง “ผมยังไม่ทราบเลยว่าคุณชื่ออะไร”

          เขายกมือขึ้น ยิ้มให้ผมครั้งหนึ่ง พูดว่า “เรียกผมว่าลูเป้เถอะ” แล้วก็ดีดนิ้ว มีเสียงดัง ป๊อบ พริบตาต่อมาเขาก็หายตัวไป

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
          แล้วผมก็หายเป็นปกตินับแต่นั้นมา

          จริง ๆ แล้ว จะบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยเหลือมนุษย์หมาป่าตนหนึ่งเท่านั้นเองก็ว่าได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมลูกเด็กเล็กแดงแถวบ้านผมชอบเอาเรื่องนี้ไปคุย ไปเล่าต่อ ๆ กัน ไป ๆ มา ๆ เรื่องนี้ก็กลายเป็นตำนานผู้กล้าลูเป้ที่ปลดปล่อยมนุษย์หมาป่าผู้ถูกกักขังให้เป็นอิสระไปเสียได้

          มิหนำซ้ำ พอผมเสียชีวิตไปแล้วเผลอทำดาบหล่นไว้ที่โคลน สักแปดร้อยปีต่อมาก็ดันมีคนมาพบ แล้วเอาไปตีความกันว่าเป็นดาบในตำนานที่ชื่อว่าดาบของลูเป้เสียอีก

          ว่ายังไงนะครับ? คุณสงสัยว่าผมเสียชีวิตไปตั้งแปดร้อยปีแล้ว ทำไมถึงมาเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังได้น่ะเหรอ?

          ก็ผมขึ้นมาจากหลุมเพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะยังไงล่ะ ไม่เชื่อลองหันหลังกลับไปดูสิ ผมนั่งมองคุณอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
          เอ้อ ผมบอกหรือยังว่า ผมชื่อพาร์ซูล ลักซิม




      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
          *เรื่องสั้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่อง LOCKHART\'S ADVENTURE เกี่ยวกับที่มาของตำนานดาบของลูเป้ สามารถติดตามอ่านได้ที่ http://www.dekdee.com/entertain/viewlong.php?id=381 ตอนใหม่คงอีกนานครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×