ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิเน่หาราตรี [นิยายชุด ต้องมนตร์มาเฟีย]

    ลำดับตอนที่ #1 : Night of Love 🌺 00 Prologue...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.73K
      67
      22 ธ.ค. 64

    http://25.media.tumblr.com/375673ba71f3fe5ee693efbde6fa2240/tumblr_muvk8gJlrk1qbetfwo1_500.jpg

    สิเน่หาราตรี

    มิรา

     

                            คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ย                           มิได้เชยชมสบายมาหายสูญ

                ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูร                                 ยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน

                            ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บ เคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน

                เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทน                             ละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม

                            มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้อง               น้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม

                ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิม                                  ขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนิน

     

    จากวรรณคดี นิราศอิเหนา

     

    Prologue

    กรุงมอสโก[1] สหพันธรัฐรัสเซีย

                หลายครั้งเกินไปแล้วนะ… สาวน้อยบอกกับตัวเองในใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าอีกหน เป็นครั้งที่เจ็ดไม่ก็แปดของวันเข้าไปแล้ว

                ใครคนนั้นคือ ‘โอดอล์ฟ ครองภพ เกซีราฟ’ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สั้นที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-รัสเซีย

                หนังสั้นที่ว่านั้นเป็นการแปลงวรรณคดีไทยซึ่งคนไทยรู้จัก เป็นที่นิยมแพร่หลายกันในวงกว้างคือเรื่อง ‘อิเหนา’

                สาวน้อยไม่แน่ใจเรื่องเนื้อเรื่องของหนังเท่าไหร่ คงประมาณว่านางเอกของเรื่องสวมบทบาทซ้อนอีกทีเป็นนางบุษบากำลังเสี่ยงเทียน แต่พอเลิกกองกลับมาโผล่ที่มอสโกเมืองหลวงของรัสเซีย และได้เจอกับหนุ่มรัสเซียนรูปหล่อ จนกลายเป็นความรักแสนโรแมนติก คงประมาณนั้นแหละ

                และหน้าที่ของเธอก็คือนักจัดดอกไม้ซึ่งต้องจัดซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อความสมบูรณ์ของกองถ่ายที่ต้องเนี้ยบทุกอย่าง ไร้คำว่าที่ติให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

                เพราะอากาศที่เย็นจัดทำให้ดอกไม้บางชนิดเช่นดอกมะลิและกลีบกุหลาบช้ำง่ายกว่าปกติ จึงเป็นหน้าที่ของนักจัดดอกไม้ทุกคนที่ต้องพยายามซ่อมแซมและกรองมาลัยกันแทบไม่ได้พักมือ เพื่อให้งานลุล่วงไปด้วยดี

                แต่งานใหญ่แบบนี้มีหรือจะไม่มีคำว่าผิดพลาด ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้กำกับจัดการกับนางเอกของเรื่องที่ไม่รู้วีนแหลกอะไรขึ้นมา แล้วบินหนีไปปารีสดื้อ ๆ ทิ้งให้กองถ่ายชะงักกันเป็นนาน

                ทว่าดอกไม้ไม่สามารถหยุดเวลาของมันได้ ยิ่งเป็นพวงมาลัยยิ่งแล้วใหญ่ ทำให้สาวน้อยเสียใจทุกครั้งที่เห็นมันแห้งเหี่ยวบอบช้ำจนหมดความสวยไปโดยพลัน

                “มณ… มีคนมองแกรึเปล่าน่ะ” เสียงกระซิบและแรงศอกที่ถองเข้ามาต้นแขนเล็กเบา ๆ

                ทำให้เจ้าของชื่อขยับตัวพลางส่ายหน้าไปด้วย

                “ไม่ใช่มั้งพี่ปลา คิดมากไปแล้วรึเปล่า”

                ‘มณ’ หรือ ‘มณฑาเทวี ธัญยสูตร์’ ตอบเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันเสียงแผ่ว แล้วก็หลบสายตาของผู้ชายคนนั้นเสีย

                นัยน์ตาของเขาแปลกมาก เป็นสีเทาอมเขียวน้อย ๆ ที่ดูหม่นมัว แต่เวลาเขาทำท่าสนใจอะไรบางอย่าง มันวาบวับจนน่ากลัว

                ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างแปลก ๆ ที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จึงสั่งให้ตัวเองไม่มองไม่สนใจเขาอีก

                โอดอล์ฟคนนั้นเป็นลูกครึ่งรัสเซีย-ไทย จึงกลายมาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สั้น ๆ แต่ใช้ทุนมากมหาศาล เนื่องจากว่าเขาต้องการให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้เป็นมารดาที่เป็นคนไทยแท้ ๆ อีกด้วย

                “แต่เค้ามองเราตลอดเลยนะ คุณ เอ่อ อะไรแล้วนะ เห็นว่าเป็นผู้อำนวยการสร้างของหนังด้วยนี่ ก็แปลง่าย ๆ ว่าคนให้สปอนเซอร์หรือเปล่า” ปณาลียังพูดไม่หยุด ทำให้มณฑาเทวีต้องขยิบตาให้

                “ช่างเค้าเถอะค่ะ อย่าไปมองมากเลย เดี๋ยวเค้าจะโมโหเอาเปล่า ๆ…” มณฑาเทวีว่า แล้วก็หายใจอย่างอึดอัด

                เธอไม่ได้รู้สึกไปคนเดียวหรอก แต่คงมีใครหลายคนก็รู้สึกแบบเดียวกันกับที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้

                นั่นคือ ผู้ชายคนนั้นจ้องมองมาเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากตัวของเธอ

                “แต่เค้าเดินมาทางนี้แล้วนะ…”

                คำบอกของปณาลีทำให้มณฑาเทวีขยับตัวอย่างอึดอัด หายใจลำบากเมื่อเห็นว่าร่างสูงของบุรุษคนนั้นเดินตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเล

                ลมหายใจของคนตัวเล็กเริ่มติดขัดอ่อนแรงลง พยายามอย่างมากที่จะไม่มองสบตากับอีกฝ่ายด้วย

                และเช่นเดียวกัน ในสายตาของโอดอล์ฟที่มองมานั้นกำลังมองลูกกวางตัวน้อยที่ไร้ทางสู้ แลดูจัดการง่ายดายเหลือเกิน

                เพราะมารดาคคนางค์เป็นคนไทย ดังนั้นเลยชอบมองผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานบอบบางเหมือนผู้เป็นแม่

                คงเป็นเพราะสายเลือดกระมัง ผู้บิดาอย่าง รูดอล์ฟ เกซีราฟ[2] ชอบแบบไหนเขาก็เลยชอบแบบนั้นบาง มองดูเผิน ๆ ผู้หญิงที่หมายตาอยู่นั้นดูเหมือนมารดาของตนไม่ผิด และหมาป่าอย่างเขาไม่ยอมให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่าย ๆ แน่นอน

                รู้มาว่ากองถ่ายนั้นมีคนงานในกองเยอะเอาเรื่องเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง ช่างแต่งหน้า ผู้กำกับในกองถ่าย รวมถึงนักจัดดอกไม้ด้วยที่เพิ่งทราบก่อนหน้านี้ เขามองคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อแขนตุ๊กตาสีหวานอย่างหมายมาด

                คนอย่างโอดอล์ฟไม่มีสิ่งใดที่ต้องการแล้วไม่ได้มา

                “สวัสดี…” เสียงหนักพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ส่งยิ้มให้เพื่อผูกมิตร และลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมองมาบ้างแล้ว

                “สวัสดีค่ะ…” ทั้งมณฑาเทวีและปณาลีพูดเสียงแผ่วด้วยกันทั้งคู่ ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะพูดไทยได้ชัดเจนมากขนาดนี้

                “จัดดอกไม้อะไรอยู่เหรอครับ เอาดอกไม้มาจากเมืองไทยเลยเหรอ” น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนชวนคุยเรื่อยเปื่อย ทว่าแววตาของหมาป่าจับจ้องลูกแกะตาไม่กะพริบ

                มณฑาเทวีหลบสายตาแล้วก็พึมพำบอกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

                “ใช่ค่ะ… ต้องเอาดอกมะลิกับดอกรักมาเองค่ะ เพราะที่นี่ไม่มี” หญิงสาวพยายามสงบจิตใจแต่ก็ทำไม่ได้เลย

                สายตาของเธอมักจะมองตามนัยน์ตาสีสวยของเขาอยู่เรื่อย ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดไม่อาจละสายตาออกมาได้

                “งั้นเหรอ?” โอดอล์ฟพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็หยิบเอาดอกกุหลาบขึ้นมาดอกหนึ่ง ยกขึ้นมาแตะปลายจมูกของตนเอง

                “ยินดีต้อนรับเข้าสู่มอสโก มีอะไรก็บอก ฉันพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้มที่มณฑาเทวีอ่านไม่ออก

                สาวน้อยส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนมองร่างสูงสง่าในชุดสูทที่เนี้ยบไปทั้งเนื้อทั้งตัวเดินจากไป รู้สึกราวกับว่าเสื้อผ้าราคาแพงเหล่านั้นกำลังห่อหุ้มทองคำล้ำค่าอยู่ก็ไม่ปาน

                “หล่อเนาะ ดูใจดีด้วย” ปณาลีพูดตามหลังเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว

                แต่มณฑาเทวีไม่ว่าอะไรทั้งนั้นนอกจากหยิบเอาดอกมะลิและกลีบดอกกุหลาบมากรองมาลัยต่อเรื่อย ๆ บอกตัวเองว่าคงคิดมากไปฝ่ายเดียวที่รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้อง

                หยิ่งได้หยิ่งไปแม่คนสวย เดี๋ยวจะได้รู้ว่าคนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไรจะทำอะไรได้บ้าง… โอดอล์ฟคิดก่อนจะขยำดอกไม้ในมือทิ้งไปเมื่อเดินออกมาจากที่ตรงนั้นแล้ว

     

     

                มณฑาเทวีก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองถ่ายหรือเปล่า เพราะการถ่ายทำล่าช้ามากกว่าเดิมหลายเท่านัก คืนนี้ก็เหมือนกัน เป็นคืนที่เจ็ดแล้วที่เธอได้เดินทางมาถึงมอสโกแห่งนี้และพบว่าถูกเรียกให้ไปทำงานพิเศษที่ไม่ใช่การร้อยพวงมาลัยหรือจัดดอกไม้เพื่อจะนำไปเข้าฉาก

                สำหรับช่วงเย็นก่อนถึงค่ำนั้น เธอกับคนอื่น ๆ ในคณะนักจัดดอกไม้ได้มาจัดแจกัน ร้อยพวงมาลัยหลายพวงเพื่อจัดวางในงานเลี้ยงรับรองแขกตอนค่ำเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนพักเหมือนคืนที่ผ่านมา แต่ตันหยง หัวหน้าคณะนักจัดดอกไม้เดินมาบอกข่าวแปลก ๆ เสียก่อน

                “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกันนะ ทางผู้ใหญ่บอกให้แต่งชุดไทยมาด้วย” ตันหยงบอกด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ทว่าทำให้มณฑาเทวีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี

                “ชุดไทยเหรอคะ แต่พวกเราเป็นแค่นักจัดดอกไม้นะคะ…” เธอแย้ง เพราะไม่เข้าใจว่านักจัดดอกไม้จะเกี่ยวอะไรกับงานเลี้ยงหรูหราพวกนี้ด้วย

                “ทางผู้ใหญ่ท่านบอกว่าจะช่างไฟหรือนักจัดดอกไม้ทุกคนก็เป็นแขกทั้งนั้นจ้ะ คงอยากเลี้ยงอะไรพวกเราจริง ๆ นั่นแหละ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” สาวใหญ่บอก เมื่อเห็นลูกน้องทำหน้าแปลกใจและสงสัยอย่างชัดเจน

                “ท่านคงอยากเลี้ยงพวกเราน่ะ เห็นบอกว่าเพราะมีพวกเราเลยได้เห็นดอกไม้สวย ๆ”

                “ค่ะ…” มณฑาเทวีเออออไปตามเรื่องเพราะไม่อยากคิดให้มากความ จึงพยายามไม่คิดมากก่อนจะเดินตามหลังคนอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งทุกคนได้รับมาเป็นของตัวเองแล้ว

                ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ เลยคงความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยและรัสเซียไว้อย่างชัดเจน

                บรรยากาศในห้องอาหารนั้นอุ่นสบายแตกต่างจากอุณหภูมิภายนอก ทุกคนต่างดูรื่นเริงกับงานเลี้ยงที่จัดเพื่อทีมงามโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรีที่แสนไพเราะ นักแสดงที่มาร่ายรำเพื่อความผ่อนคลายเพลิดเพลิน รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสทำให้ทุกคนเริ่มสนิทกับมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ามณฑาเทวียังกันตัวเองให้อยู่ห่างจากคนอื่นอยู่ดี

                ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเธอนั้นพยายามคิดบอกตัวเองว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่สำคัญกว่า ทานอะไรได้นิดหน่อยก็ตื้อตันเพราะเห็นช่องว่างความแตกต่างทางสังคมชัดเจน เดินเข้าห้องน้ำตั้งใจจะแวบหนีกลับห้องพัก

                ไม่ทันคิดว่าพอเดินออกจากห้องน้ำแล้วจะได้เจอกับร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนดักอยู่ด้านนอกแล้ว

                เป็นโอดอล์ฟ ครองภพ จริง ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า…

                หน้าหวานหันซ้ายขวาเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าห้องน้ำผิดมาเข้าห้องน้ำชาย แต่แน่ใจว่าไม่ผิดแน่

                “ฉันตามเธอมาน่ะ…” ชายหนุ่มว่าเสียงทุ้มต่ำพอจะอ่านสายตาของเธอออก

                “ฉัน…” เสียงหวานของมณฑาเทวีทวนคำพูดของอีกฝ่าย กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ กระอักกระอ่วนใจจนพูดไม่ออก

                “ช่าย… เธอไม่มองฉันเลยในงาน เลยต้องตามมานี่ไง” โอดอล์ฟพูดเสียงยานคาง

                นี่เป็นความจริงที่ทำให้เจ็บใจไม่น้อย คนอย่างโอดอล์ฟน่ะหรือต้องมองตามผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็ต้องมาเดินตามหลังเธอแบบนี้ด้วย

                “แล้วคุณต้องการอะไรคะ…” น้ำเสียงของมณฑาเทวีติดจะสั่นพร่าเล็กน้อยเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาหาอย่างคุกคาม

                เรียวขาเล็กก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ มณฑาเทวีกะพริบตาถี่เมื่อชายหนุ่มกักตัวเองไว้ในห้องน้ำแคบ ๆ ด้วยท่อนแขนแข็งแรง

                “คุณ…” หญิงสาวว่าเสียงสั่น ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้กลัวจนเข่าอ่อน สมองดับจนนึกคิดอะไรไม่ออก

                “สวย…”

                จู่ ๆ เขาก็เอ่ยชม ยิ่งทำให้หน้าหวานร้อนผะผ่าว คำคำเดียวของเขาสร้างความสั่นสะเทือนอย่างคาดไม่คิด

                “ตอนนี้ฉันอยากได้บางอย่างจากเธอ และแน่นอนว่าเธอให้ฉันได้แน่…”

                มณฑาเทวีกลอกตาไปมาพยายามหามองทางหนีทีไล่ แต่รู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นจึงพยายามพูดดีด้วย

                “ออกไปคุยข้างนอกได้ไหมคะ ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก…”

                “ไม่ละ ตรงนี้ดีแล้ว เธอชื่ออะไร…” ปากถามปลายนิ้วก็สอดเข้าไปในเรือนผมนุ่มสลวย พันเล่นกับนิ้วแต่สายตาคาดคั้นเอาคำตอบ

                “มณ…มณฑาเทวีค่ะ…” เธอตอบเสียงพร่า อยากจะผลักอกเขาแล้ววิ่งหนี แต่จะทำอย่างนั้นได้เช่นไรเมื่ออีกฝ่ายปิดทางหนีไว้ทุกทางอย่างนี้

                ซ้ำไอร้อนจากมือของเขาที่คลอเคลียข้างแก้มก็ยิ่งทำให้แทบละลาย ความรู้สึกไม่คุ้นเคยเข้ามาจู่โจมจนเข่าอ่อนไปหมด

                นอกจากนั้น หัวใจยังแทบจะหยุดเต้นอยู่แล้วด้วย

                มันเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไงดี…

                ในหัวของมณฑาเทวีจะระเบิดอยู่รอมร่อ น้ำตาก็คลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

                “ชื่อเพราะมาก ตอนนี้ฉันอยากได้บางอย่างจากเธอ” นัยน์ตาสีเทาขุ่นจ้องหน้าหวานพยายามอย่างมากที่จะให้เธอสบตาด้วย และได้ผลเมื่อเธอเงยหน้ามองทำหน้าตื่นตระหนก

                “…” หญิงสาวอยากถาม แต่ก็กลัวคำถามที่จะได้ยินเหลือเกิน

                “ขอสไบเธอ ไม่ก็เข็มขัด…” โอดอล์ฟไม่อ้อมค้อม พูดอย่างตรงไปตรงมาจนคนฟังตีสีหน้าไม่ถูก

                หัวใจดวงน้อยของมณฑาเทวีแทบจะทะลุออกมาจากหน้าอก เมื่อครู่เขาว่ายังไงนะ

                “คุณ…” เสียงของมณฑาเทวีสั่นนัก ไม่แพ้กับตัวที่สั่นเทาไม่ต่างกัน

                “อืม… เร็วสิ ไม่งั้นฉันจะเอาไปทั้งสองชิ้นที่ขอเลยนะ” มุมปากหยักของโอดอล์ฟยกยิ้มแสนเจ้าเล่ห์

                มณฑาเทวีคิดหนัก เหงื่อซึมจนชุ่มแผ่นหลังและกรอบหน้าไปหมด ลมหายใจร้อนผ่าวและติดขัด มองตาเขาแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น ยิ่งตอนที่ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้เข็มขัดเงินโบราณของเธอเล่น ก็บอกชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายมากแค่ไหน

                สไบมีสองชั้น แต่เข็มขัดมีเส้นเดียว ถ้าถอดเข็มขัดก็ไม่เหลืออะไร… มณฑาเทวีคิดในใจแล้วอยากร้องไห้นัก ไม่เข้าใจว่าเขามาขู่บังคับเอาจากเธอทำไมกัน

                ชุดไทยประยุกต์ที่เธอสวมอยู่นี้เป็นผ้าถุงและสไบจับจีบ ซึ่งสไบด้านในเป็นผ้าไหมลื่น ๆ มีสไบจับจีบวางทับอีกชิ้นหนึ่ง ผ้าถุงที่นุ่งอยู่นั้นก็หลวมมากเพราะไม่ได้ตัดมาโดยเฉพาะ

                “หรือจะให้ฉันถอดให้เอง เลือกมาว่าจะถอดชิ้นบนหรือชิ้นล่าง…”

                แทบไม่มีทางให้เลือกเดิน มณฑาเทวีไม่รู้จะเลือกอย่างไรเลย

                “คำตอบล่ะ ว่ายังไง…”

     

     

                ‘รานอฟ ครองฤทธิ์เกซีราฟ’ เดินตามหาพี่ชายฝาแฝดที่เหมือนกันอย่างมากจนแทบไม่ออก เขาเบี่ยงตัวหลบร่างเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ สายตาสีเทาขุ่นมองตามสไบที่ปลิวตามแรงวิ่งนั้นแล้วก็ทำหน้างุนงง

                ดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้… บอกตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งใจจะเดินไปห้องน้ำชายเพื่อตามหาโอดอล์ฟ

                แต่คนที่กำลังคิดตามหาเดินออกมาพอดี คนเป็นพี่ที่เกิดก่อนไม่กี่นาทียิ้มที่มุมปาก สีหน้าท่าทางบอกชัดว่ากำลังสนุกกับเรื่องบางอย่าง เพียงแต่แฝดผู้น้องไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้โอดอล์ฟอารมณ์ดีจนแจกยิ้มเกลื่อนหน้าแบบนี้คืออะไร

                “หายไปไหนมา ฉันกำลังตามหานาย” รานอฟถาม หันไปเห็นบางอย่างในมือของพี่ชายเข้า

                ดูเหมือนจะเป็นสไบ คิดในใจอย่างสงสัย และเห็นว่าโอดอล์ฟยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

                คนเป็นพี่ยกสไบนั้นมาจูบหนัก ๆ แล้วก็ส่งยิ้มให้น้องชายที่ยังทำหน้างุนงงไม่เปลี่ยน

                “กำลังล่าเหยื่อน่ะ อยากกิน หิวท้องกิ่วจะแย่แล้ว…”


     


    [1] มอสโก (อังกฤษ: Moscow; รัสเซีย: Москва́) เป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และ การเดินทางของประเทศ เมื่อสมัยครั้งที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย กรุงมอสโกก็ยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตอีกด้วย

    [2] รูดอล์ฟ เกซีราฟ และ คคนางค์ จากนิยายเรื่อง ซาตานเอื้อมรัก เขียนโดย มิรา

     

    http://25.media.tumblr.com/087c3d94a90b044c5b93d8cfbc3fab44/tumblr_muvk8gJlrk1qbetfwo2_1280.jpg
    http://31.media.tumblr.com/922a34ccfad06cc3ffa6f4166b4a8ff7/tumblr_muvk8gJlrk1qbetfwo7_400.gifhttp://31.media.tumblr.com/45f247e2e7175c7b12c1dca422c5b0be/tumblr_muvk8gJlrk1qbetfwo8_400.gif

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


     

    หรือ >>Click!!<<

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×