ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิเน่หาราตรี [นิยายชุด ต้องมนตร์มาเฟีย]

    ลำดับตอนที่ #2 : Night of Love 🌺 01 Can’t Pretend...50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.3K
      115
      24 ธ.ค. 64

    http://25.media.tumblr.com/c88df1016f6a903ba0793feb87a42004/tumblr_mv6re60SZU1qbetfwo1_500.png

    1

    Can’t Pretend

    (…50%)

     

                มณฑาเทวีวิ่งเข้าห้องพักได้ก็ล็อกประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา หัวใจเต้นแรงเหมือนมันไม่เคยเต้น อกสั่นขวัญแขวน ยกมือกอดตัวเองเอาไว้แน่น ทั้งอายทั้งกลัวจนลนลานหนีเข้าไปซ่อนอยู่ในห้องน้ำ และนาทีนั้นก็ได้เห็นว่าใบหน้าของตัวเองแดงก่ำมากแค่ไหน

                มือเล็กยกวางทาบที่อกข้างซ้าย สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่ทำให้ทรมานเหลือเกิน

                โอดอล์ฟ คนนั้น…

                เขาช่างหยาบช้าและสารเลวมากเหลือเกินที่ข่มขู่คนที่ไม่มีทางสู้อย่างเธอได้ลงคอ

                หมาป่า… ราวกับว่าคนคนนั้นคือหมาป่าที่หิวกระหาย เมื่อเห็นเหยื่อก็ติดตามไล่ล่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และเฝ้ารอจนกระทั่งเหยื่อที่หมายตาอ่อนแรงจากนั้นก็จัดการกลืนกินไม่เหลือเศษซาก

                ทำไมจะไม่รู้ไม่แน่ใจ ยังไงก็มองสายตาของเขาออก มันบอกว่าเขากำลังเห็นเธอเป็นเหยื่อที่ไร้ทางสู้ จะหลบหนีไปทางไหนก็ไม่ได้

                แต่เขามองมา… หัวใจก็เหมือนจะหลุดปลิวหายไปกับสายลมเสียแล้ว

                เขาสั่ง มองมา คุกคาม ไม่ว่าจะทางแววตาหรือว่าคำพูดของเขาเอง

                ชายหนุ่มบอกให้ถอดสไบให้ ไม่อย่างนั้นเขาจะถอดเข็มขัดเงินของเธอ ผู้ชายคนนั้นเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ถึงได้มาหื่นใส่คนที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกแบบนี้น่ะ

                คิดแล้วก็ทั้งกลัวทั้งอายจนน้ำตาไหล… สุดท้ายด้วยความที่กลัวมากกว่าอะไรทั้งนั้นทำให้เธอต้องค่อย ๆ ถอดสไบออกและหันหลังให้ ดึงเอาสไบผ้าไหมที่เป็นชั้นล่างส่งให้เขาไป จากนั้นก็พันสไบจับจีบลวก ๆ ก่อนจะวิ่งหนีมาแบบนี้

                ไม่รู้หรอกนะว่าเขามองมาด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่รู้เธออายมากเหลือเกิน อายจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจำต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องน้ำแล้วก็ยกมือปิดหน้าปิดตาของตัวเองเอาไว้

                นัยน์ตาสีแปลกคู่นั้นคงจ้องมองแผ่นหลังของเธอ และคงเห็นหน้าอกของเธอด้วย แล้วเขาเอาสไบไปทำไมกัน

                คำถามมากมายพาให้หัวใจของมณฑาเทวีแทบจะระเบิด เธอยกมือทึ้งผมที่เกล้าขึ้นไว้อย่างประณีตจนมันหลุดลุ่ยไปหมด เหงื่อเม็ดเล็กละเอียดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหลผุดซึมตามผิวกายขาวใสจนรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อย

                ทั้งที่อากาศเย็นขนาดนี้แต่ยังเหงื่อออกได้… คิดแล้วก็เหมือนจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอดไป

                “มณ! มณอยู่ที่นี่หรือเปล่า”

                เสียงเรียกจากข้างนอกช่วยรั้งสติของมณฑาเทวีกลับคืนมา หลังจากที่มันปลิวหายกระจัดกระจายไปกับความคิดที่มีแต่โอดอล์ฟคนเดียวเท่านั้น

                “มณ!”

                “อยู่ค่ะ” มณฑาเทวีตอบ แล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง เห็นเสื้อคลุมในห้องน้ำก็คิดได้ว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อไปดี

                “มณรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะเลยขอกลับออกมาก่อน ตอนนี้กำลังจะอาบน้ำ” เสียงหวานตะโกนตอบ

                ปณาลีที่เดินตามหาก็สบายใจขึ้น จากที่สงสัยกังวลว่าสาวน้อยหายไปไหนกันแน่

                “พี่ไม่เห็นเราน่ะเลยมาตาม”

                “ไม่มีอะไรค่ะ… พี่ปลาไม่ต้องห่วงนะคะ มณรู้สึกเหมือนจะมีไข้หน่อย ๆ น่ะค่ะเลยว่าจะนอนพัก พี่จะกลับไปที่งานเลี้ยงก็ไม่เป็นไรนะคะ” ว่าแล้วก็ปลดสไบออกจากตัว ผิวกายขาวเนียนเหมือนกระเบื้องเคลือบบัดนี้แดงเรื่อด้วยเลือดสาว

                มณฑาเทวีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านัยน์ตาของตนเองจะหยาดเยิ้มได้มากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าและแววตาล้วนฉ่ำหวานด้วยฤทธิ์อารมณ์บางอย่างที่เพิ่งรู้ว่ามันซุกซ่อนอยู่ในหัวใจและร่างกาย

                “มณจะนอนพักแล้วใช่ไหม”

                “ค่ะ… มณรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะ” เธอตอบ จากนั้นก็ปลดเข็มขัดเงินออก เผยร่างบางที่เย้ายวนของอิสตรีตรงหน้า

                หากว่าโอดอล์ฟเห็น เขาจะรู้สึกยังไงนะ…

                ถามตัวเองและสะดุ้งเอง รีบยกมือตบแก้มเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา หลังจากที่มันเอาแต่วนเวียนคิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นอยู่ร่ำไป

                “งั้นพี่แวะไปที่งานต่อนะ”

                “ค่ะ…” มณฑาเทวีตอบอย่างเหม่อลอย รอจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวห่างออกไปและตามด้วยเสียงปิดประตูจึงหลับตาลง

                ขนาดว่าปิดตาแน่นก็ยังมองเห็นแววตาของหมาป่าตัวร้ายคนนั้นไม่หยุด จนคนตัวเล็กร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ

                “ไปซะ และอย่ากลับเข้ามาในหัวของฉันอีกโอดอล์ฟ!”

     

     

                “เขาว่ากันว่าแฝดมักจะเหมือนกัน แต่ไม่คิดนะว่าจะเหมือนกันขนาดนี้…”

                ช่างจัดดอกไม้หยิบยกเรื่องของโอดอล์ฟขึ้นมาพูดคุยอีกครั้งระหว่างที่อยู่ในเวลาทำงาน

                และหนึ่งในช่างจัดดอกไม้อย่างมณฑาเทวีก็สะดุ้ง เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้อยพวงมาลัยเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น จึงได้เห็นร่างสูงใหญ่ของโอดอล์ฟและรานอฟยืนเคียงข้างกัน คุยกับทีมผู้กำกับหนังอย่างเคร่งเครียด มองดูเผิน ๆ ทั้งสองคนเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

                สายตาของมณฑาเทวีพยายามมองสองคนนั้นแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใครเป็นใคร อดใจสั่นไหวกับเหตุการณ์เมื่อวานตอนค่ำที่โอดอล์ฟปล้นชิงเอาสไบของตัวเองไปหน้าตาเฉย

                “คนพี่คุณโอดอล์ฟนะ คนน้องรานอฟ ชื่อแปลว่าหมาป่าทั้งคู่เลย เป็นลูกครึ่งที่แทบไม่เหมือนลูกครึ่งเลยว่าไหม” สาว ๆ ต่างพูดคุยกันอย่างออกรส มีเพียงมณฑาเทวีที่ก้มหน้าตามเดิมเงียบกริบไม่พูดจา

                “แต่เห็นว่าหน้าหวาน ๆ ได้มาจากแม่ที่เป็นคนไทยน่ะ พูดไทยก็ชัดมากด้วย”

                ใช่… ขนาดคำว่าสไบกับเข็มขัดเงินเขายังรู้จักเลย มณฑาเทวีตอบกลุ่มเพื่อนอยู่ในใจ อดชำเลืองมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นอีกครั้งไม่ได้

                พวกเขาเป็นคนที่มีอิทธิพล ไม่เหมือนกับเธอที่เป็นฝุ่นผง ไม่เข้าใจว่าโอดอล์ฟจะมาวอแววุ่นวายกับเธอทำไม ในเมื่อรูปร่างหน้าตาฐานะอย่างเขาหาผู้หญิงได้ง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้วอยู่แล้ว

                ในพลันนั้นร่างบางก็สะดุ้งเมื่อเห็นสายตาของใครคนหนึ่งจ้องมองมา ต้องก้มหน้างุดอีกครั้ง หัวใจเจ้ากรรมมันเต้นแรง นึกอยากกลับบ้านแต่งานยังไม่เสร็จ และไม่รู้เลยว่าจะถูกกลั่นแกล้งรังแกมากกว่านี้ด้วยหรือเปล่า

                “สาว ๆ ไม่ต้องจัดดอกไม้แล้วนะ เดี๋ยวเอาที่ทำเสร็จแล้วเข้าตู้แช่ไว้แล้วก็แยกย้ายกันไปพักได้เลย…” สาวสวยที่เป็นผู้ประสานงานเดิมมาบอกกับกลุ่มนักจัดดอกไม้ที่ทำงานกันเงียบ ๆ

                ฉุดให้หน้าหวานของมณฑาเทวีเงยมองคนพูดและส่งยิ้มให้อย่างบางเบา

                คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นมณฑาเทวีที่ไม่ต้องทนกับความอึดอัดพวกนี้อีก เธอร้อยพวงมาลัยเสร็จพอดี ช่วยคนอื่นเก็บกวาดเศษดอกไม้ใบตองทิ้ง อดเสียดายดอกไม้บางส่วนที่ทำพานและกรองมาลัยแล้วแต่ไม่ได้ใช้เลย

                เพราะนางเอกคนสวยเกิดวีนแหลกเรื่องเยอะหนีไปดื้อ ๆ ทั้งกองถ่ายเลยเหมือนใบ้กินเป็นนาน กว่าจะจัดการทุกอย่างลงตัวก็กินเวลาอยู่นาน และต้องสั่งเอาดอกไม้จากเมืองไทยขึ้นเครื่องมาจำนวนมาก คนที่รักดอกไม้อย่างมณฑาเทวีก็อดเสียใจไม่ได้ที่มันเหี่ยวเฉาอย่างไร้ความหมายโดยที่ไม่ทันได้ทำอะไรเลย

                มณฑาเทวีเดินตามหลังคนอื่น จัดการเก็บดอกไม้เข้าตู้แช่ขนาดใหญ่ก่อนจะเดินตามหลังกลุ่มคณะอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดคุยสุงสิงกับใครเช่นเคย อยากกลับบ้านแต่งานต้องมาล่าช้าเอาแบบนี้ก็ห่อเหี่ยวไม่ร่าเริง

                ซึ่งท่าทางของคนตัวเล็กนั้นก็อยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา

                “นายมองอะไร…” รานอฟเอ่ยถามพี่ชาย เมื่อเห็นว่าโอดอล์ฟยิ้มเกลื่อนผิดวิสัยคนเจ้าอารมณ์เหลือเกิน

                ผู้เป็นพี่สบตากับน้องชายแล้วก็ยกยิ้มที่มุมปาก ไม่ตอบอะไร สร้างความหงุดหงิดสงสัยให้กับรานอฟเป็นอย่างมาก

                “อย่ามายิ้มแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนนายกำลังท้าชน ไหนบอกว่างานที่นี่น่าเบื่อ แต่ฉันเห็นนายเอาแต่ยิ้มหลอน ๆ แบบนี้มาหลายวันแล้วนะ แถมเมื่อวานเอาสไบมากอด ๆ จูบ ๆ อยู่ได้ ของสาวคนไหนวะ…”

                จำได้ว่าเมื่อวานมีผู้หญิงวิ่งออกมาจากห้องน้ำดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้ด้วย แต่เห็นหน้าไม่ชัดเพราะคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีหายไปได้ในพริบตาเดียว และไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก มาถึงตอนนี้ชักอยากเห็นคนที่ทำให้หมาป่าวายร้ายอย่างโอดอล์ฟยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยซะแล้วสิ

                “บอกไปแล้วอย่ามายุ่งแล้วกัน คนนี้ฉันจอง…” คนเป็นพี่ชายหันไปบอก พร้อมกับทำหน้าจริงจังขึ้นมาแวบหนึ่ง

                “นายก็อย่ายุ่งกับของของฉันแล้วกัน ฉันเองก็มีคนที่จองแล้วเหมือนกัน” รานอฟตอบ พลางสบตากับโอดอล์ฟด้วยท่าทางแคลงใจ

                “อย่าบอกว่ามาชอบคนเดียวกันนะ ฉันไม่ยอมนะขอบอก” โอดอล์ฟพูดเสียงเข้ม ไม่ไว้ใจขึ้นมาซะเฉย ๆ

                มันเป็นอย่างที่ใครหลายคนพูดเอาไว้ ว่าพี่น้องมักจะชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน หรือคล้ายคลึงกัน

                ยิ่งเขาและรานอฟเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันขนาดนี้ยิ่งน่ากลัว แม่นางฟ้าตัวน้อยมณฑาเทวีนั่นถึงไม่โดดเด่นสะดุดตาใคร แต่ก็ดึงดูดความสนใจจากตนเองไปได้จนน่าเหลือเชื่อ

                “ของนายใคร ของฉันน่ะแม่นางเอกคนสวยนะ…” รานอฟตอบพลางหรี่ตาลง ขณะที่อีกคนพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

                “งั้นก็ไม่ใช่คนเดียวกัน ของฉันน่ะนางฟ้าที่มากับสไบ”

                “อ้อเหรอ” คนเป็นน้องชายว่า จากนั้นก็ส่งยิ้มให้กันแบบที่รู้กันแค่สองคน

                “แล้วคนนี้เอาจริงเหรอ ไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนี่หว่า…”

                “ยังไม่แน่ใจ” โอดอล์ฟว่า คิดถึงกลิ่นน้ำปรุงหอมละมุนและกลิ่นดอกไม้จาง ๆ จากร่างนุ่มนิ่มเจ้าของสไบสีอ่อนนั่นแล้วก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว

                ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม แต่สายตามันมองเห็นหล่อนเป็นเหยื่อเข้าแล้ว จับไม่ได้มันก็ไม่ใช่สัญชาตญาณของหมาป่า เรื่องไล่ล่าจนเหยื่อหมดแรงไร้ทางขัดขืนน่ะเป็นของถนัดที่หอมหวานเชียวล่ะ

                “เอาสไบเค้ามาดม โรคจิตว่ะ” รานอฟวิจารณ์ เมื่อเห็นสีหน้าเคลิ้มฝันของพี่ชาย

                “ของแกเหอะ ได้เอาอะไรมาดอมมาดมบ้างรึยังล่ะ” พี่ชายค่อนขอด ส่งผลให้อีกคนแค่นหัวเราะแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองอย่างหมายมาด

                “ฉันน่ะไม่ต้องดมสไบเหมือนนายหรอก จะได้ดมทั้งตัวก็คืนสองคืนนี้แหละ”

                “ไงก็ยั้งมือเบา ๆ หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวนางเอกจะช้ำจนถ่ายทำหนังไม่ไหว งานไม่เสร็จจะยุ่งเอา”

                “ไม่ดีเหรอ จะได้รั้งแม่นางฟ้าที่โปรยดอกไม้ของนายให้อยู่ที่นี่นานขึ้นยังไงล่ะ” พูดจบรานอฟก็เลิกคิ้วสูงถามอย่างหยั่งเชิง

                “ฉันไม่ต้องพึ่งนายหรอก เรื่องแค่นี้จัดการเองได้…”

                “แล้วจะจัดการยังไง” ถามด้วยความอยากรู้ แต่โอดอล์ฟไม่ตอบนอกจากยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แฝง

                “สายตาของแกเนี่ยซาดิสม์[1]ชัด ๆ เลยว่ะ ชอบแกล้งคนรึไง” รานอฟพูดเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายบอกชัด

                “ก็มันน่าสนุกนี่นา ว่าไหม”

     

     

                เพราะการทำงานล่าช้ากว่าที่คิดเอาไว้มาก ดังนั้นมณฑาเทวีจึงต้องโทรไปบอกที่บ้านว่าคงจะอยู่ที่มอสโกสักพัก

                “ค่ะแม่… พอดีว่าคุณนางเอกเค้าจู่ ๆ ก็บินหนีไปเลย งานก็เลยไม่ได้ถ่าย ต้องหานางเอกใหม่กันหมด พวกหนูก็เลยยังกลับไม่ได้” เสียงหวานของมณฑาเทวีบอกผู้เป็นมารดาทางโทรศัพท์ แล้วก็เดินเตร่ไปตามชอปปิงมอลล์ของทางเกซีราฟกรุ๊ปไปด้วย

                เนื่องจากการทำงานล่าช้าส่งผลกระทบไปกับทุกคนที่มาทำงานที่นี่ ดังนั้นทุกคนเลยได้บัตรกำนัลของทางห้างหรูซึ่งอยู่ชั้นหนึ่งและชั้นสองของโรงแรมใหญ่ที่พักกันอยู่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสตูดิโอที่ทำงานด้วย

                หลายคนก็เริ่มออกไปชอปปิงกันบ้างแล้วเพราะวงเงินของบัตรกำนัลนั้นสูงลิ่วจนน่าตกใจ ยิ่งไม่มีงานให้ทำทุกคนเลยสนุกกันใหญ่ เว้นแค่มณฑาเทวีที่อยากกลับบ้านอยู่คนเดียว

                “หนูว่าจะมาซื้อชุดชั้นในน่ะค่ะแม่ คือหนูไม่ได้พกมาเยอะ ไม่คิดว่าจะอยู่นาน แล้วมันก็เก่ามากด้วย หนูอายพี่ปลาที่เป็นรูมเมทน่ะค่ะ…” พูดจบก็หัวเราะแผ่วเบา พาให้มารดาที่อยู่เมืองไทยหัวเราะตามไปด้วย

                “ได้บัตรกำนัลของห้างมาค่ะแม่ไม่ต้องห่วง เขาบอกว่าเป็นของชดเชยที่ต้องทำงานต่อน่ะค่ะ หนูว่าจะวางแล้ว ค่าโทรมันแพงค่ะ แล้วหนูจะพยายามโทรไปให้บ่อยขึ้นนะคะ” มณฑาเทวีบอกมารดาทางโทรศัพท์ เมื่อเดินมาถึงแผนกชุดชั้นในที่หมายตาเอาไว้แล้ว

                หลังจากที่ล่ำลากับมารดาจบเธอก็กดตัดสายทิ้งแล้วก็เดินเข้าไป เพราะอายไม่กล้าชวนคนอื่นมาด้วย มณฑาเทวีจึงตัดสินใจที่จะมาหาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยตัวเอง นึกอายพนักงานที่มองมาอย่างเอ็นดูเหมือนกัน ไม่มีใครทำท่ารังเกียจดูถูกที่เธอเป็นสาวเอเชียตัวเล็กเลยสักคน ตรงกันข้ามหลายคนเข้ามาช่วยดูแลอย่างเต็มใจ คุยกันเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซีย

                ไม่นานนักร่างเล็กก็หมุนตัวในห้องลองชุด รู้สึกพอใจไม่น้อยกับความสบายของชุดชั้นในราคาแพงที่มีคุณภาพสมราคา จังหวะที่จะถอดมันออกจากตัวเธอก็ต้องสยองสุดขีด เมื่อร่างสูงของโอดอล์ฟปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้ง…

                ถ้าในสถานการณ์ปกติคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่นี่เป็นห้องลองชุด แถมเธอยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าด้วยแบบนี้แทบจะทำให้เป็นลมล้มตึงได้เลย

                “คุณ… โอดอล์ฟ…” เธอพูดชื่อเขาได้หลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบครึ่งนาที รีบคว้าเสื้อมาสวมทับบราเซียร์ตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ถอดออกจากตัว

                หน้าแดงพร่างร้อนวูบวาบเหมือนเดินอยู่กลางทะเลทราย เมื่อชายหนุ่มคว้าเอาบราเซียร์ตัวเดิมที่ถอดออกติดมือไป

                นัยน์ตาคู่สวยไหวระริกน้ำตาเอ่อคลอ อยากหนีแต่ไปไหนไม่พ้น มองดูตอนที่จอมอสูรดึงเสื้อชั้นในของเธอจรดจมูกแล้วจะเป็นลมซะให้ได้

                “ไม่เอาตัวนี้แล้วใช่ไหม งั้นขอนะ…”

                “ไม่ อย่าเอาไปนะ!” มณฑาเทวีร้องเสียงหลง พยายามจะเข้าไปแย่งคืนมา

                แต่โอดอล์ฟไวกว่า ยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงไว้กับผนังก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะโน้มเข้าไปใกล้จนหน้าหวานต้องเบี่ยงหนี น้ำตาหลายหยดร่วงหล่นเมื่อความกลัวแล่นมาจับหัวใจ

                “ขอแล้วกันนะ…”

                ลมหายใจอุ่นจัดจนกลายเป็นร้อนผ่าวเป่ารดหน้าหวานจนฉีดสีเลือดระเรื่อ หญิงสาวหลับตาแน่นกลั้นหายใจสุดความสามารถ เกร็งทั้งตัวจนเจ็บตึงไปหมด ชั่ววินาทีแต่รู้สึกว่ามันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างกายก็เหมือนจะปริร้าวออกเป็นเสี่ยง ๆ ซะให้ได้

                “เธอใส่คัพดีเชียวเหรอแม่ดอกมณฑา”

                มณฑาเทวีบังคับตัวเองไม่ยอมลืมตาเป็นอันขาด ถูกเสียงทุ้มและลมหายใจร้อนเป่าผิวกายคุกคามแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเกร็งตัวบอกว่าเธอรังเกียจการกระทำของเขามากแค่ไหน

                “ชุดชั้นในน่ะ ต้องใส่แบบนี้ต่างหาก ต้องโกยเนื้อจากตรงนี้มาด้วย ไม่แน่นะว่าเธออาจจะได้ใส่อีกคัพเลยก็ได้” ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้ใต้ฐานอกของคนตัวเล็กอย่างหยอกเย้า ส่งผลให้มณฑาเทวีลืมตาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตื่นตะลึง

                “ออกไปนะ คุณอย่าทำแบบนี้กับฉันนะ”

                ถูกคุกคามเย้าแหย่จนน้ำตาร่วง มณฑาเทวีเริ่มแค้นจัดคว้าเอาของแถวนั้นขว้างปาเขาใส่ แต่โอดอล์ฟก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย ขยับข้อมือไม่กี่ทีก็ตรึงมือเล็กเอาไว้ได้แล้ว

                “เฮ้ ฉันเป็นคนให้บัตรกำนัลกับเธอไปเชียวนะ ห้างนี้ก็ห้างของฉันด้วย ทำแบบนี้ได้ไง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ฉันเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังที่จ้างเธอมาทำงานที่นี่ด้วย เคารพกันหน่อยได้ไหม…” พ่อหมาป่าตัวร้ายว่าอย่างสนุก ที่ได้เห็นลูกแมวขู่ฟ่อขนชี้ฟูทุกทิศทางเอาแบบนี้

                “ฉันไม่เอาก็ได้!” คนตัวเล็กเอาเสียงเข้าขู่ แต่มีหรือสุนัขป่าตัวโตจะกลัว

                ร่างสูงของโอดอล์ฟถอยหลังพร้อมกับยัดบราเซียร์ของเธอลงกับกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ทำให้เจ้าของชุดชั้นในตัวเล็กหน้าแดงจัดแทบจะดิ้นเร่า ๆ ด้วยความแค้นใจ ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน

                “แล้วจะใส่ตัวไหนออกไปล่ะ จะโนบราออกไปเหรอ โอ้ ว้าว… วิวดีเหมือนกันนะถ้าอย่างนั้น”

                “คุณมัน…” เกลียดนักกับสีหน้าแววตาล้อเลียนของเขา หัวอกคนตัวเล็กจะเป็นลมให้ได้ ไม่รู้ว่านี่เป็นการล้อเล่นประเภทไหนกัน แต่มันทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้ว

                “เอาเสื้อฉันคืนมานะ แล้วฉันจะคืนทุกอย่างให้คุณทั้งหมด คิดว่าคนอื่นอยากได้นักเหรอ” คนตัวเล็กพูดพลางจับคอเสื้อไว้มั่น กลัวจับใจว่าเขาจะทำอะไรบ้า ๆ อีก

                “แล้วเธอจะถอดบราเซียร์ที่สวมอยู่ไปคืนพนักงานขายเหรอ เอ แบบนั้นฉันซื้อต่อดีไหมนะ มันน่าจะมีกลิ่นดอกมณฑาหอม ๆ ติดไปบ้างละน่า…”

                มณฑาเทวีกัดปากแน่นกลั้นเสียงร้องกรี๊ดของตัวเองเอาไว้สุดความสามารถ น้ำตาคลอทั้งโกรธทั้งอาย เห็นร่างสูงใหญ่ของสุนัขป่าเจ้าเล่ห์เดินเลี่ยงออกไปด้วยรอยยิ้มยียวนก็ทำอะไรไม่ถูก เธอไม่กล้าถอดบราเซียร์ที่สวมอยู่ออก เพราะบราเซียร์ตัวเดิมถูกช่วงชิงไปเสียแล้ว

                “ไอ้คน…”

                ไม่อยากจะว่าเขาเป็นโรคจิตหรอกนะ แต่การกระทำแบบนี้มันเกินไปแล้วจริง ๆ มือเล็กยกขึ้นมาลูบไล้เนื้อตัวของตนเองเพื่อระงับความตื่นกลัวทั้งหมดเอาไว้ มองซ้ายมองขวาเห็นหน้าตัวเองหวานเชื่อมในกระจกแล้วก็ยิ่งกระวนกระวาย สุดท้ายก็จำต้องเดินออกมาจากห้องลองชุดเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

                แล้วนาทีนั้นเอง เรียวขาเล็กก็พลันอ่อนแรงแทบพยุงน้ำหนักตัวไม่ไหว เมื่อเห็นโอดอล์ฟยืนคุยกับพนักงานขายอยู่ด้านนอก พอเธอก้าวเดินออกมานัยน์ตาสีขุ่นนั่นก็มองมาราวกับจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมอยู่อย่างไรอย่างนั้น

                “ฉันจ่ายเงินให้เธอแล้วนะ รวมทั้งไอ้ตัวที่เธอกำลังสวมอยู่นั่นด้วย” ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกาย แถมยังส่งยิ้มหวานเยิ้มพานให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่ร่ำไป

                หญิงสาวโกรธจนพูดไม่ออก พนักงานขายก็มองมาด้วยความเอ็นดูและปลื้มใจแทนที่มีคนซื้อชุดชั้นในให้ แต่เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่ควรจะดีใจเสียที่ไหนกัน เธอกับโอดอล์ฟไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ยิ่งคิดยิ่งอายยืนนิ่งกับที่เมื่อร่างสูงเคลื่อนกายเข้ามาหาอย่างคุกคาม พร้อมกับยัดถุงกระดาษขนาดกลางใส่ลงในมือมือของเธอ

                “ฉันเลือกให้แล้ว… ถ้ามันอยู่บนตัวของเธอคงสวยไม่น้อยเลย” ชายหนุ่มจงใจกระซิบคำหวามข้างหูคนตัวเล็ก

                มณฑาเทวีอายจนแทบทำอะไรไม่ได้ อยากจะปาถุงนั้นคืนใส่เขา แต่นัยน์ตาวิบวับบอกเตือนว่าอย่าได้ทำเช่นนั้น และดูเอาเรื่องจนไม่กล้าหือด้วย

                ดังนั้นคนตัวเล็กจึงเลือกที่จะวิ่งหนีไม่เหลียวหลัง ไม่ฟังเสียงหัวเราะชั่วร้ายของจอมปีศาจที่ชอบกลั่นแกล้งอยู่ร่ำไป

                “ไอ้คนโรคจิต ไอ้คนบ้า!”

     

     

                มณฑาเทวีอยากจะโยนของที่ได้มาจากโอดอล์ฟทิ้งเหลือเกิน แต่เมื่อเห็นราคาแล้วก็สยองไม่กล้าจะทำแบบนั้น รวมถึงแบบของชุดชั้นในก็ดูน่ารักจนไม่กล้าทิ้งมัน อยากจะเอาไปให้คนอื่นแต่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนที่มาด้วยกันมีขนาดรอบอกเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าจะเป็นการเสียมารยาทมากแค่ไหนถ้าเอามันไปให้คนอื่นโดยที่ไม่ได้สนิทกันเท่าที่ควร สุดท้ายก็ยัดมันลงในกระเป๋าตั้งใจว่าจะไม่สวมใส่มันอย่างเด็ดขาด

                “แล้วที่สวมอยู่ตอนนี้มันอะไรกันล่ะมณฑา” คนตัวเล็กพึมพำ เพราะชุดชั้นในตัวใหม่ยังอยู่บนตัว

                “โอ๊ย… อยากร้องไห้” เธอร่ำร้อง เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าโอดอล์ฟเอาบราเซียร์ตัวเดิมของเธอติดมือไปด้วย

                ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่การกระทำแบบนี้มันเข้าข่ายอาชญากรรมชัด ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ามันผิดกฎหมายน่ะ

                ตอนที่กำลังฟุ้งซ่าน ก็พลันได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก ทำให้มณฑาเทวีดึงสติกลับมาได้

                “ค่ะ เข้ามาได้เลยค่ะ…” มณฑาเทวีตะโกนบอกใครบางคนที่มาเคาะประตูห้อง หลังจากที่เอาแต่สับสนวุ่นวายใจกับเรื่องของโอดอล์ฟไม่หยุด ส่งยิ้มให้คนที่เข้ามาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นปณาลีเพื่อนร่วมห้องนั่นเอง

                หมาป่าบ้านั่น คงไม่กล้าบุกเข้ามาถึงที่นี่หรอกมั้ง…

                เธอคิด แต่ทำไมถึงได้สังหรณ์ใจบางอย่างบอกไม่ถูกกันหนอ

                เหมือนกับว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเธอ โดยมีโอดอล์ฟคนนั้นเป็นต้นเหตุอย่างไรอย่างนั้น

                “นี่มณ เก็บของด้วยนะ เราจะไปกันแล้ว” เพื่อนรุ่นพี่บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอเพิ่งกลับมาจากที่ประชุมเมื่อครู่นี้เอง และเจอกับมณฑาเทวีพอดีเลยบอกข่าวที่ได้รู้มาให้สาวน้อยฟัง

                “เก็บของ เราจะได้กลับเมืองไทยแล้วเหรอคะ” มณฑาเทวีอุทานด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องฝันสลายเมื่อปณาลีส่ายหน้าพลางยิ้มขำ

                “เปล่าจ้ะ… แต่เราจะย้ายกองกันน่ะ จะไปถ่ายแถบชานเมืองกันน่ะจ้ะ อากาศหนาวด้วยนะ นี่เราเอาเสื้อกันหนาวมาด้วยหรือเปล่า”

                “อ้อ ค่ะ เอามาค่ะ” เสียงหวานของมณฑาเทวีตอบไปด้วยความผิดหวัง

                แต่ก็คิดว่ามีความโชคดีแฝงอยู่ด้วย เพราะจะได้ห่างจากผู้อำนวยการชีกอโรคจิตหื่นห่ามเสียที เขาเป็นคนดังเป็นนักธุรกิจที่มีงานรัดตัวคงต้องทำงานไม่มีเวลาตามไปวอแวแน่ ดังนั้นจึงยิ้มหวานสบายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

                “ยิ้มกว้างเชียว สงสัยว่าอยากเห็นหิมะละสิ…” ปณาลีคาดเดาเมื่อเห็นท่าทางของรุ่นน้องที่เดี๋ยวทำหน้าตกใจเดี๋ยวยิ้มแป้นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

                “ค่ะ อยากเห็นมากค่ะ” มณฑาเทวียิ้มบางเบา คิดว่าให้ทานพวกโรคจิตด้วยการให้บราเซียร์กับสไบไปผืนหนึ่ง และคงไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจอะไรอีก

                ทว่าเธอคิดผิด…

                เพราะหลายชั่วโมงต่อมาเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของโอดอล์ฟหมาป่าที่แสนสง่างามเสียแล้ว

                คนตัวเล็กอยากจะร้องกรี๊ดจนสุดเสียง แต่เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอหรอก เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังฝ่าพายุหิมะเพื่อไปยังบ้านพักหลังใหญ่ของครอบครัวเกซีราฟเพื่อถ่ายทำหนังกันต่อ

                พ่อสุนัขป่าดุดันเอาแต่ตามประกบติดเธอจนไม่สามารถหนีไปรวมกลุ่มกับคนอื่นได้ ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ในความดูแลของผู้ชายตัวใหญ่ ที่มีความชำนาญพื้นที่ซึ่งไต่ระดับความสูงจากพื้นดินขึ้นเขาที่เต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมทั้งปี

                ผู้หญิงตัวเล็กหลายคนถูกแยกออกจากกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มณฑาเทวีตามไม่ทัน ถูกมือหนาของพ่อหมาป่าตัวร้ายรวบเอวตัวติดกับเขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

                ฮือ ๆ หนาวจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องมาอยู่กับโรคจิตด้วย… อยากจะร้องไห้ร้องขอความช่วยเหลือนัก แต่เสียงลมที่ตีพัดหวีดหวิวข้างหูกลบเสียงทุกอย่างไปโดยปริยาย

                “ไหวไหมแม่ดอกมณฑา…” โอดอล์ฟก้มหน้ากระซิบถาม ลากดึงร่างเล็กที่แทบก้าวขาไม่ไหวไปตามทางที่รั้งท้ายคนอื่นไกลพอสมควร

                อันที่จริงเขาจงใจทำอย่างนี้เองเพราะอยากให้เธอหมดแรง ทีนี้จะได้เลิกพยศเสียที

                มีอย่างที่ไหน ผู้หญิงอื่นคอยแต่วิ่งตามหลังเขาต้อย ๆ แต่มาถึงแม่นักจัดดอกไม้คนนี้ เธอกลับเชิดหน้าชูคอดูเย่อหยิ่งจองหองไม่หยุด ขนาดบอกกลาย ๆ ว่าสนใจในตัวเธอแต่แม่ตัวเล็กคนนี้ก็ไม่สนองตอบ แล้วแบบนี้จะไม่ให้แกล้งได้อย่างไรกัน

                ซึ่งแผนการนี้รานอฟเป็นคนคิดมันขึ้นมา เพราะแม่นักแสดงสาวหน้าหวานที่เล่นเป็นบุษบาเสี่ยงเทียนคนนั้นจะได้หนีไปไหนไม่รอด เขาเลยได้โอกาสพาตัวแม่ดอกมณฑาเทวีคนงามตามมาด้วย

                “มณฑา ไหวไหม!” เสียงทุ้มหนักตะโกนแข่งกับเสียงลมหิมะ แต่คนตัวเล็กไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินมันเลย

                สุดท้ายเขาก็พาเธอไปนั่งพิงที่ต้นไม้ สั่งความกับคนสนิทผ่านวิทยุติดตามตัวให้ขับรถมารับ ชินแล้วกับการตะลุยทะเลหิมะที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แต่แม่ดอกมณฑาเทวีนี่ไม่เคยอย่างแน่นอน

                ยิ้มขำเมื่อเธอหนาวจนตัวแข็งก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดอย่างถือสิทธิ์ นาทีนี้มณฑาเทวีไม่ขัดขืนใด ๆ ทั้งนั้นด้วยหนาวสั่นจับใจคิดว่าจะกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ริมฝีปากอุ่นจัดของโอดอล์ฟแนบลงกับแก้มใสที่แดงจัดเหมือนลูกแอปเปิล จูบไล่เรื่อยไปตามเปลือกตา พาเอาเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ ละลายหายไปได้อย่างง่ายดาย หน้าหวานซุกลงกับอกกว้างหนาวจนแทบจะผล็อยหลับได้ทุกวินาที

                “เฮ้! อย่าหลับตอนนี้นะ” ชายหนุ่มร้องเมื่อเห็นท่าทางคนตัวเล็กแย่กว่าที่คิดเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่สโนว์โมบิลหลายคันแล่นมาถึงพอดี

                สโนว์โมบิลเป็นยานพาหนะที่ใช้วิ่งบนพื้นหิมะ มีลักษณะคล้ายกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ น่ากลัวว่าเธอจะซ้อนไม่ไหวแล้วเป็นอันตรายกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็มาถึงบ้านพักได้อย่างปลอดภัย

                โอดอล์ฟประคองร่างเล็กให้เดินมาด้วยกัน โดยที่หญิงสาวสะลึมสะลือตลอดเวลา ซ้ำเมื่อมาถึงบ้านพักหลังใหญ่แล้วยังแยกตัวไปที่ปีกขวาซึ่งเป็นที่พักของตนเองและคนในครอบครัวไม่ให้คนอื่นมาพัก ส่วนทางด้านคณะกองถ่ายให้อยู่ปีกซ้ายคนละส่วนโดยสิ้นเชิง

                หมาป่าหนุ่มพาคนตัวเล็กเข้าห้องพักของตนเองทันที จัดการถอดเสื้อโค้ทตัวหนาที่ถูกน้ำแข็งจับตัวเกาะจนเปียกชื้นหนักอึ้งออกจากร่างบาง เห็นผิวเนียนถูกหิมะกัดจนเป็นรอยแดงหลายที่แล้วนึกไม่สบายใจ

                “ทำไมบอบบางอ่อนแอขนาดนี้นะ…” หมาป่าหนุ่มพึมพำด้วยความไม่ชอบใจ ไม่เคยนึกเลยว่าผู้หญิงจะเป็นสิ่งที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา

                อืม… แต่มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่เคยคิดไว้เท่าไหร่นะ

     

     

                มณฑาเทวีรู้สึกตัวเลือน ๆ ก็ตอนที่พบกับความอุ่นละมุนที่แทรกซึมไปทั้งตัว ขับไล่ความหนาวเย็นออกไปได้อย่างชะงักงัน เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้น เห็นไอละอองของน้ำลอยล้อมรอบตัวเอง เมื่อกะพริบตาถี่จนปรับภาพได้ชัดเจนก็สะดุ้งสุดตัวจะลุกจากอ่างน้ำอุ่นที่แช่ตัวอยู่จนน้ำกระเพื่อมกระฉอกออกนอกอ่างน้ำ

                จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร ในเมื่อสบสายตากับนักล่าที่มองมาอยู่แล้วน่ะ

                ก่อนจะล้มหัวฟาดลงกับพื้น อุ้งมือใหญ่ก็รั้งให้เธอปะทะเข้าหาอ้อมอกแข็งแรงในวินาทีต่อหน้า หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีระเบิดร้อน ๆ พร่างพราวในร่างกายจนชายิบเมื่อรู้ว่าคนที่กอดอยู่นั้นคือใคร

                จะมีใครอีกเล่าที่กล้าทำเรื่องอุกอาจขนาดนี้ถ้าไม่ใช่โอดอล์ฟ เกซีราฟ…

     


     


    [1] ซาดิสม์ (Sadism) คือความสุขหรือความพึงพอใจในความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่น คำนี้มีที่มาจากชื่อของมาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade) นักเขียนและนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อในการเขียนนิยายแนวนี้

    - มาโซคิสม์ (Masochism) หมายถึงความสุขหรือความพึงพอใจเมื่อได้รับความเจ็บปวดกับตัวเอง

    http://24.media.tumblr.com/1a912ab68932e9d0f2da44f8e0ef9de9/tumblr_mv6re60SZU1qbetfwo2_1280.jpg
    http://24.media.tumblr.com/93ed1e36849e0c9dbdb60218e232fabc/tumblr_mv6re60SZU1qbetfwo4_400.gifhttp://25.media.tumblr.com/4b6895c7887ae87d1f28ff68b22b0f50/tumblr_mv6re60SZU1qbetfwo3_400.gif

    หน้าผมนิ่งแต่ที่จริงผมไม่หยิ่งแต่หื่นนะครับ ♥

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


     

    หรือ >>Click!!<<

    Song :: Circadian Eyes - Goodbye

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×