คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Anxious Love ♣️ 01 Circle Spins...50%
1
Circle Spins
(...50%)
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ควิเบก[1] แคนาดา
‘สิมันตรา ศิรินารักษ์’ เดินยิ้มเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของสำนักงานของโดโนแวนดีไซน์ ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเสื้อผ้าสำหรับสตรีที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มีผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ทั้งชุดออกงาน ชุดทำงาน ชุดลำลอง ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ รวมไปถึงรองเท้า น้ำหอม และเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งออกมาหลายสิบแบบซึ่งตอนนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ ทั่วโลก
ผู้ก่อตั้งคือ ‘เดวิโก โดโนแวน’ ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นเพลย์บอยตัวเอ้ของแคนาดา ซึ่งเพราะความเป็นคาสโนวานั่นเองเขาถึงได้สร้างแขนงงานของโดโนแวนได้อีกสาขาใหญ่สาขาหนึ่ง
แต่เนื่องจากว่าเดวิโกนั้นมีลูกสาวที่ต้องดูแลแล้ว ดังนั้นงานด้านนี้ที่ต้องพบปะพูดคุยกับเหล่าสาวสวยจึงลดบทบาทความน่าสนใจในความรู้สึกของผู้ก่อตั้ง ก่อนจะถูกส่งมือเปลี่ยนอำนาจผู้ที่ถือสิทธิ์ใหญ่ของบริษัททั้งหมดไปที่ ‘ริคคาโด โดโนแวน’ ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดแทน
นอกจากนั้น ทั้งเดวิโกและริคคาโดยังมีฝาแฝดอีกคนหนึ่งคือ ‘คริสเตียโน โดโนแวน[2]’ ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของแฝดสามของบ้านโดโนแวน ซึ่งทั้งสามคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน กระทั่งคนใกล้ชิดยังแยกออกได้ยากลำบาก
สิมันตรานั้นเป็นตัวแทนพนักงานจากเมืองไทยได้มาเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่ควิเบกแห่งนี้ และเนื่องจากควิเบกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ดังนั้นทางบริษัทลูกที่เมืองไทยจำต้องหาคนที่เก่งชำนาญเรื่องภาษาฝรั่งเศสเข้าร่วมการประชุม
ซึ่งแน่นอนว่าสิมันตราได้รับการคัดเลือกเนื่องจากว่าเธอเก่งภาษาฝรั่งเศสมากกว่าภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เพราะเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็ก มารดาของเธอนั้นทำงานเป็นแม่บ้านของนายจ้างซึ่งเป็นคนฝรั่งเศส จึงมีโอกาสได้เจอกันหลายหน ซึ่งคุณผู้หญิงก็รู้สึกรักเอ็นดูจึงเป็นคนส่งเสียให้เล่าเรียนและสอนให้รู้ภาษาฝรั่งเศสไปพร้อมกัน
หญิงสาวได้รับความรักความเอ็นดูจากคุณผู้หญิงจูลี่มากมาย นอกจากนั้นสิมันตรายังอ่อนหวานน่ารัก ไม่เคยทำตัวเหลวไหลยิ่งทำให้จูลี่รักเหมือนลูกหลานจริง ๆ ได้มีโอกาสมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องทำงาน เพราะความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณ
จูลี่คะ หนูจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ สิมันตรายิ้มและบอกตัวเองในใจ
หวนคิดไปถึงคุณผู้หญิงจูลี่ที่เสียไปเมื่อปีก่อนด้วยโรคหัวใจ ซึ่งไม่กี่เดือนต่อมาคุณผู้ชายก็เสียชีวิตจากไปด้วย ผู้มีพระคุณทั้งสองไม่มีทายาทสืบต่อสกุลจึงได้ยกมอบบ้านหลังใหญ่ให้หญิงสาวกับมารดาให้อยู่อาศัย แม้ไม่อยากได้แต่ก็ไม่อาจขัดใจอะไรได้เนื่องจากมีพินัยกรรมระบุชัด ดังนั้นเธอจึงมีบ้านหลังใหญ่และทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนคิดว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวย
มลฤดี มารดาของสิมันตราเองก็พักผ่อนใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในบ้านหลังใหญ่พร้อมกับสาวใช้ที่มาช่วยงานบ้านอีกคนหนึ่ง เพราะบ้านของจูลี่นั้นกว้างขวางโอ่อ่าเกินกว่าจะอยู่คนเดียวและทำความสะอาดได้ทั่วถึง
ยิ่งเป็นแบบนี้ใครหลายคนก็ยิ่งเข้าใจว่าสิมันตราคือคุณหนูคนหนึ่งที่ขยันขันแข็งสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อจึงปล่อยให้เรื่องเลยตามเลยไม่อยากพูดให้มากความเช่นกัน
“น่าสนุกดีนะ เพิ่งรู้ว่ากีฟแอนด์เทก (Give and Take) แบรนด์ที่เราทำอยู่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้” ชไมพร ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของแบรนด์กีฟแอนด์เทกประจำสาขาประเทศไทย คุยกับลูกน้องสาวคนสวยอย่างตื่นเต้น
ทั้งนี้เป็นเพราะว่าผู้คนที่มาร่วมประชุมนั้นมีมากกว่าที่คิดเอาไว้ มาจากหลากหลายจากทุกมุมโลก เพราะแบรนด์เป็นที่นิยมมากขึ้น กระทั่งว่าในเอเชียก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาว ๆ ทำให้กีฟแอนด์เทกนั้นติดอันดับแบรนด์เสื้อผ้าที่กำลังมาแรงแห่งยุคไปโดยปริยาย คนที่ทำงานด้วยก็อดทึ่งกับสิ่งที่เห็นไม่ได้
“นั่นสิคะ เพิ่งมาเห็นตอนนี้นี่เองว่าบริษัทของเราก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลย” สิมันตราทำตาโต เดินเข้าห้องประชุมด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอสายงานจากประเทศอื่นมาก่อน อีกทั้งทุกคนก็แต่งกายได้ตามแฟชั่นทั้งสวยทั้งโดดเด่นกันไปทุกคน อดที่จะตกประหม่าไม่ได้
“เจ้านายโดยตรงของเราก็ยังหนุ่มแน่นอยู่เลย ไม่อยากเชื่อว่าจะหล่อได้มากมายขนาดนั้น”
คำถามนี้สิมันตราไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจเช่นเดียวกัน
แวบแรกที่เห็นเดวิโก… เธอรู้สึกว่าเขาดูเป็นมิตรและมีความจริงใจให้กับทุกคน ถึงแม้ว่าท่าทางภายนอกจะดูเป็นคนเจ้าชู้อยู่หน่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเจ้านายที่เก่งกาจมากความสามารถพาให้บริษัทล้ำหน้าไปไกลแบบก้าวกระโดด
แต่เมื่อท่านประธานถูกเปลี่ยนเก้าอี้จากเดวิโกไปเป็นริคคาโด… ตอนนั้นหญิงสาวจำไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร จำได้แค่ว่าหัวใจของเธอเต้นแรงรัวจับจังหวะไม่ได้ เพียงมองเขาผ่านการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์สายตาก็ถูกตอกตรึงให้มองแต่ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกของเขาเท่านั้น
ทว่าคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะมาทำความรู้จักเธอ หนำซ้ำยังเป็นแค่เธอฝ่ายเดียวที่มองเขาจากที่ไกล ๆ ดังนั้นจังหวะชีพจรที่เต้นรัวบ้าคลั่งก็ค่อย ๆ ลดจังหวะลงจนปกติตามที่มันควรจะเป็น…
“ตอนนี้คุณริคเขาจะรุกตลาดชุดชั้นในแบบเซ็กซี่ แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเขาได้นะ ดูจากทางฝรั่งเศสสิ สวยเลิศออกขนาดนั้น ใครจะโค่นลงได้”
“แล้วนางแบบของเราละคะพี่พร เพิ่งรู้ว่าต้องพรีเซนต์ด้วย”
นี่เป็นปัญหาใหญ่ของชไมพรและสิมันตราที่เจอศึกหนักตั้งแต่วันแรกที่เข้าประชุม
ไม่รู้ว่าได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรืออย่างไร เพราะสาขาจากเมืองไทยนำแค่แบบชุดมาเท่านั้น ไม่ได้พาตัวนางแบบมาด้วย ขณะที่สาขาจากต่างประเทศอื่น ๆ ล้วนพานางแบบชื่อดังมาร่วมเสนอแบบชุดชั้นในกันอย่างละลานตา ประหนึ่งว่าการประชุมเป็นแคตวอล์กไปแล้วก็ไม่ปาน
“แบบนี้ต้องแย่แน่ ๆ เลย”
สิมันตรานั่งถอนหายใจ ขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่อเห็นสายตาของหัวหน้าจ้องมองมาตาไม่กะพริบ รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“แบบนี้ไม่ตลกนะคะพี่พร ยังไงหนูก็ไม่เอาด้วยแน่”
“อย่าว่าแบบนั้นสิมันตรา แกก็รู้ว่าพี่แก่ขนาดนี้แล้ว อีกอย่างเราไม่มีทางเลือกเลยนะ ถ้าไม่มีผลงานไปเสนอ เชื่อได้เลยว่าสาขาที่ไทยถูกยุบแน่!”
ได้ยินแล้วสิมันตราก็หนาวเยือก เธอเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ผ่านความลำบากมาหลายเรื่อง ไม่อยากทิ้งงานที่ตัวเองรักจะทำ แล้วยังเพื่อนร่วมงานที่ล้วนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีก
“หุ่นหนูมัน…”
“แกสวยนะมันตรา มั่นใจในตัวเองเข้าไว้เถอะ พรุ่งนี้จะเป็นการพรีเซนต์กับนางแบบทีมอื่น เพราะงั้นวันนี้เรากลับไปพักก่อนก็แล้วกัน ต้องกลับไปแก้ชุดที่ไม่รู้ว่ามันจะพอดีกับแกด้วยหรือเปล่าอีกต่างหาก” ชไมพรว่าพลางถอนหายใจ นึกหนักใจไม่แพ้กัน
“ถือซะว่าทำเพื่อคนส่วนมากก็แล้วกันนะ มันตรา…”
สิมันตราถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วจริง ๆ
เวลาที่ไม่อยากให้ถึงของสิมันตรามาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวกรอกชื่อและประวัติส่วนตัวลงในประวัตินางแบบอย่างจำใจ โดยที่ชไมพรคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา
“เอาน่ายิ้มหน่อย แค่เดินเข้าไปในห้องคณะผู้บริหาร เดิน ๆ หมุนตัวไม่ถึงห้านาทีก็ได้ออกมาแล้ว”
“ค่ะ…” สิมันตราพยายามยิ้ม แต่สีหน้ายังคงย่ำแย่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ยิ้มเข้าไว้คนสวย เดี๋ยวงานก็เสร็จแล้ว ทางบอร์ดเขาจะสรุปกันเอง เราก็กลับบ้านได้เลย แล้วอาทิตย์หน้าก็จะรู้ว่าทางบอร์ดจะว่ายังไงบ้าง แล้วเราจะได้ไปเที่ยวกันต่อยังไงล่ะ ไหนบอกว่าอยากไปฝรั่งเศสต่อไม่ใช่เหรอ” ชไมพรเอาเรื่องเที่ยวมาหลอกล่อให้สาวน้อยมีกำลังใจ ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยได้ สิมันตรายิ้มพยักหน้าอย่างแข็งขัน พยายามคิดว่านี่คืองานไม่มีใครมาจ้องอย่างหยาบโลนจาบจ้วงกับร่างกายของเธอแน่นอน
อีกอย่างเมื่อเทียบกับนางแบบคนอื่น ๆ แล้ว สิมันตราบอกตัวเองว่าไม่ต่างจากตุ๊กตาหมีน้อย ขณะที่สาวงามคนอื่นคือตุ๊กตาบาร์บี้ที่แสนมีเสน่ห์
“พยายามยิ้มแล้วก็ไม่ต้องประหม่านะ ทางบอร์ดแค่จะดูชุดที่เราดีไซน์กันเท่านั้นแหละ พอออกจากห้องมาเราก็กลับบ้านได้แล้ว ไม่สิ เราจะไปเที่ยวกันนี่นา นะ!”
“ค่ะ หนูจะพยายามนะคะ” สิมันตราพยายามยิ้มกว้างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
เมื่อถึงตอนที่ประกาศชื่อให้เดินเข้าไปในห้องประชุมมือเล็กก็ตบหน้าตัวเองเบา ๆ ปลุกใจให้เข้มแข็งก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกจากตัว เธอไม่ได้อายรอบข้างเพราะทุกคนต่างก็กำลังยุ่งกับการเตรียมตัวเช่นเดียวกัน จนไม่มีเวลาให้ความสนใจว่าใครเป็นใครหรือสวมชุดชั้นในแบบไหน เลยไม่คิดอะไรนอกจากประคองสติของตัวเองเท่านั้น
“ยิ้มสวย ๆ มันตรา เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเอง”
“ค่ะ!” หญิงสาวรับคำ จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าเข้าห้องประชุมใหญ่ซึ่งมีบอร์ดบริหารระดับสูงรออยู่แล้ว
เพียงก้าวเดียวที่เหยียบย่างเข้าไปในห้องประชุม สิมันตราก็หนาววูบ เมื่อเห็นนัยน์ตาสีมรกตสดใสโผล่พ้นจากปลายนิ้วเรียวซึ่งเจ้าของประสานกันไว้บังริมฝีปากและใบหน้าเอาไว้ส่วนหนึ่ง ท่าทางเขากำลังเบื่อหน่าย แต่กลับมามองมาด้วยสายตาแปลกประหลาดชนิดหนึ่งที่อ่านไม่ออก
หญิงสาวแทบไม่เห็นบอร์ดบริหารคนอื่นนอกจากชายหนุ่มนัยน์ตาสีแปลกคนนั้น นัยน์ตาของเขานั้นราวกับจะปลดเปลื้องอาภรณ์ผืนน้อยที่ปิดบังอะไรแทบไม่มิดออกจากร่างกายของเธออย่างหยาบกระด้าง และราวกับว่าสายตาคู่นั้นกำลังโลมเลียตั้งแต่หนึ่งเส้นผมของเธอไปจรดฝ่าเท้าขาวสะอาด
ร่างบางสั่นน้อย ๆ แทบลืมวิธีการหายใจ เหมือนเป็นแมลงตัวน้อยที่บินไปติดใยแมงมุมตัวใหญ่ ไร้ทางหลบหนี ไร้ทางสู้…
สิมันตราแทบฟังอะไรไม่รู้เรื่องว่าคณะบริหารระดับสูงบอกอะไรบ้าง หูมันอื้ออึงลั่นเปรี๊ยะราวกับยืนกลางสนามรบที่ร้อนระอุ เธอมึนงงไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองถูกบอกให้ออกมาจากห้องประชุมตอนไหน
ชไมพรรีบเอาเสื้อคลุมมาสวมทับให้รุ่นน้องเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าหน้าซีดเผือดเดินออกมาจากห้องประชุมตาลอย ๆ
“เป็นยังไงบ้างมันตรา” ถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าสาวน้อยดูตกใจกับเรื่องบางเรื่องจนถึงขีดสุด
“ก็…ก็ดีค่ะ” สิมันตราบอกเสียงตะกุกตะกัก ร่างกายยังร้อนผ่าวจำสายตาคู่นั้นได้ชัดเจนจนกลัวใจตัวเอง
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ ตื่นเต้นเหรอ”
“ค่ะ…”
“งั้นเรากลับกันเถอะ อยู่ตรงนี้คงเกะกะคนอื่นเปล่า ๆ แล้วไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันนะ” ชไมพรรู้ดีว่าสิมันตราไม่ได้เต็มใจจะเดินแบบในชุดวาบหวิวแบบนี้ก็อดเกรงใจไม่ได้ แต่เพื่องานที่เป็นส่วนรวมจึงต้องขอร้องกับสาวน้อยคนนี้
“ดีค่ะ หนูเองก็อึดอัดเหมือนกัน” เสียงหวานของสิมันตราว่าอย่างเหนื่อยอ่อน
จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บข้าวของโดยที่สิมันตราคว้าเอากางเกงยีนสกินนี่มาสวมตรงนั้นเลย หลังจากที่คว้าเสื้อโปโลสวมทับก่อนหน้านี้แล้ว ตอนที่สอดขาเรียวสีขาวดุจน้ำนมลงกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มก็มีความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง…
ดวงตาหวานซึ้งกลอกมองไปรอบห้อง แต่ก็เห็นเพียงแค่ความวุ่นวายของบรรดาพนักงานและเหล่านางแบบทั้งหลาย สะบัดหน้าไล่ความคิดแปลก ๆ ของตัวเองรีบสวมกางเกงทันที
ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องสะโพกงามงอนของเธอที่ตาไม่กะพริบ แม้ว่าเธอจะสวมกางเกงยีนเรียบร้อยแล้ว แต่สายตาคู่นั้นก็ยังมองตามตาไม่กะพริบจนกระทั่งร่างบางกลืนหายไปกับฝูงชนในที่สุด
“โรเจอร์…” ริมฝีปากหยักได้รูปขยับเปล่งเสียงเรียกชื่อคนสนิทหลังจากที่ไม่เห็นมวยผมสีเข้มกับแผ่นหลังเล็ก ๆ ของสิมันตราตาแล้ว
“ครับ…” เจ้าของชื่อขยับตัวรอข้างกายอย่างรู้หน้าที่
“เอาตัวเธอมา บอกว่าฉันมีงานให้ทำ ส่วนคู่หูของหล่อนก็จัดการส่งกลับบ้านให้เรียบร้อย” มือหนาส่งกระดาษที่รูปถ่ายหน้าตรงและประวัติที่บอกไว้คร่าว ๆ
“ครับ” โรเจอร์ค้อมศีรษะรับ และดึงเอากระดาษแผ่นนั้นออกจากมือของเจ้านาย
ด้วยรู้ดี ไม่ว่าสิ่งใดที่เจ้านายต้องการ ต่อให้ยากเย็นเข็ญใจต้องไปงมหาในมหาสมุทรก็ต้องไปหามาให้ได้
“แล้วเจอกันสิมันตรา…”
เสียงสุดเซ็กซี่พึมพำกับตัวเอง ไม่เคยเกิดความต้องการปรารถนาเช่นนี้มานานแล้ว หล่อนดูน่ารักบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
และอยากพร่าผลาญให้แปดเปื้อนด้วยสองมือ…
สิมันตราทำหน้างุนงงเมื่อมีพนักงานคนหนึ่งมาบอกว่าบอร์ดบริหารต้องการคุยกับเธอเรื่องแผนงาน ทั้งที่ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เพราะตั้งใจจะนอนพักผ่อนเพื่อจะเดินทางไปฝรั่งเศสในวันพรุ่งนี้แล้ว
เข้าใจว่าชไมพรคงไปด้วยจึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบสุภาพที่สุดเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ ซึ่งก็เป็นกางเกงยีนเสื้อยืดและสวมทับด้วยสูทสีเข้มเรียบ ๆ อีกตัวหนึ่ง
“สองทุ่มยังคุยงานไม่เสร็จอีกเหรอ” หญิงสาวพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า แต่ก็ยังเดินตามหลังคนที่มาเรียกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึก พานคิดไปว่าที่นี่คงเป็นชั้นที่พักของบอร์ดบริหารระดับสูงของบริษัท สองเท้าก็ยังก้าวไม่หยุดจนมาถึงกลางห้อง
“ช่วยเปลี่ยนเป็นชุดนี้ด้วยค่ะ” พนักงานคนเดิมบอก ซึ่งสิมันตราก็พยักหน้ายื่นมือรับมาโดยดี
มันเป็นชุดชั้นใน… ที่ดูวาบหวิว มีสายรัดน่องและสีดำลายลูกไม้ทั้งชุด
ดวงตากลมโตกะพริบถี่ คาดไม่ถึงว่าต้องสวมมัน ทั้งยังสงสัยว่าเป็นใครที่ออกแบบได้สวยขนาดนี้ แต่เมื่อตอนกลางวันก็สวมชุดชั้นในให้บอร์ดบริหารดูไปแล้วเลยไม่อิดออด คิดว่าคงเป็นงานจริง ๆ รีบเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำและกลับออกมาอีกครั้ง
“ทางนี้เลยค่ะ…” พนักงานสาวบอก พร้อมกับเปิดประตูบานใหญ่ที่ดูสูงตระหง่านงดงามตรงหน้าให้
ถึงตรงนี้สิมันตราเริ่มรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เพราะมองเห็นเตียงนอนหลังใหญ่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเบิกตากว้างมองดูผู้หญิงตรงหน้าเก็บเสื้อผ้า ชุดชั้นใน และรองเท้าของตัวเองออกไปด้วยความตกตะลึง
“เดี๋ยว! หยุดก่อน นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” สิมันตราร้องเสียงหลง พยายามจะวิ่งหนีตามแต่ประตูปิดลงอย่างรวดเร็ว
หัวใจดวงน้อยเหมือนจะหลุดออกจากอก ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวมาจากด้านหลัง
เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบุรุษคนนั้น คนที่ตรึงสายตาเอาไว้จนละไม่ได้ก่อนหน้านี้ ร่างสูงของใครคนนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ทั้งยังมองมาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
เขานั่งดื่มเหล้าเงียบ ๆ บนเก้าอี้ไม้อย่างดี พร้อมกับมองมาด้วยสายตาของสัตว์ร้ายที่กำลังอยากขย้ำเหยื่อใจแทบขาด
“คุณ…” พูดได้แค่นี้สิมันตราก็พยายามวิ่งหนี
แต่เธอวิ่งได้แค่สองสามก้าวเท่านั้น นาทีต่อมาร่างบางก็ถูกรั้งเอาไว้เสียแล้ว คนตัวเล็กตกใจอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงขนาดนี้
“คนเลว! อย่าแตะต้องฉันนะ” สิมันตราร้องครางด้วยความหวาดหวั่น พยายามกระเสือกระสนวิ่งหนีแต่สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมแขนกำยำใต้เสื้อเชิ้ตบางเบาราคาแพงลิ่วอย่างขืนตัวเองไม่ได้
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความต้องการของฉัน” เสียงทุ้มพูดอย่างเย่อหยิ่งจองหอง พาหัวใจคนฟังสั่นรัว
“อย่าทำแบบนี้เลย ฉันกลัว ได้โปรด”
เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ สิมันตราก็เปลี่ยนมาเป็นวอนขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หวังให้เขาเห็นใจและปล่อยไป
“ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ” เธอกลัวจนน้ำตาไหล คุกเข่ายกมือประนมไหว้ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมหยุดเต้นแรงเสียที
“ได้…” เสียงเรื่อยเอื่อยของคนตัวโตบอก พาให้สิมันตรามีความหวังว่าเขาจะปล่อยไป แต่วินาทีต่อมาก็ได้รู้ว่ามันไม่จริง…
เมื่อปลายนิ้วแกร่งประคองทั้งหน้าเธอด้วยมือเดียว รั้งเข้าไปหาจนชิดพร้อมกับเรียวลิ้นร้อนชื้นที่ไล้วาดขอบปากของเธอพลางขบเม้มอย่างรุนแรงหยอกเย้า
“แต่หลังจากที่เราสนุกสุดเหวี่ยงกันก่อนนะ สิมันตรา…”
สิมันตราสะบัดหน้าหนี น้ำตาที่ควรจะไหลมันเหือดแห้งไปอย่างไร้ร่องรอย พยายามบอกตัวเองให้ลุกสู้แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับจอมมารตัวร้ายที่มีสายตาน่ากลัว ราวกับว่าเขามองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งในหัวใจของเธอที่พยายามปิดบังซ่อนมันเอาไว้
“เธอชอบฉัน?”
“ไม่จริง!” หญิงสาวหวีดร้อง ถึงตอนนี้เลยได้รู้ว่าเขาคุยกับตัวเองเป็นภาษาไทย
ซึ่งความจริงแล้วครอบครัวโดนแวนนั้นสอนให้ลูกหลานใช้ภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาบ้านเกิดของนายแม่กันทุกคน แต่เธอไม่รู้เลยว่าเสียงพูดของริคคาโดจะเซ็กซี่เขย่าหัวใจอย่างรุนแรงถึงปานนี้
“สายตาเธอฟ้อง ร่างกายเธอฟ้อง…” ริคคาโดกวาดสายตามองร่างบางด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ที่สิมันตรารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
“ว่าเธอต้องการฉัน…”
[1] ควิเบก (อังกฤษ Quebec) หรือ เกแบ็ก (ฝรั่งเศส Québec) เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาอยู่ทางตะวันออกของประเทศ และเป็นรัฐเดียวที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการในระดับรัฐ แต่ใช้ภาษาฝรั่งเศสแทน รัฐควิเบกมีเมืองหลวงในชื่อเดียวกันคือควิเบก และเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือมอนทรีออล
Song :: Daniel Johns - Cool on Fire
ความคิดเห็น