คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Night of Love 🌺 00 Prologue...
สิเน่หาราตรี
มิรา
คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ย มิได้เชยชมสบายมาหายสูญ
ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูร ยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน
ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บ เคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน
เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทน ละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม
มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้อง น้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม
ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิม ขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนิน
จากวรรณคดี นิราศอิเหนา
Prologue
กรุงมอสโก[1] สหพันธรัฐรัสเซีย
หลายครั้งเกินไปแล้วนะ… สาวน้อยบอกกับตัวเองในใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าอีกหน เป็นครั้งที่เจ็ดไม่ก็แปดของวันเข้าไปแล้ว
ใครคนนั้นคือ ‘โอดอล์ฟ ครองภพ เกซีราฟ’ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สั้นที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-รัสเซีย
หนังสั้นที่ว่านั้นเป็นการแปลงวรรณคดีไทยซึ่งคนไทยรู้จัก เป็นที่นิยมแพร่หลายกันในวงกว้างคือเรื่อง ‘อิเหนา’
สาวน้อยไม่แน่ใจเรื่องเนื้อเรื่องของหนังเท่าไหร่ คงประมาณว่านางเอกของเรื่องสวมบทบาทซ้อนอีกทีเป็นนางบุษบากำลังเสี่ยงเทียน แต่พอเลิกกองกลับมาโผล่ที่มอสโกเมืองหลวงของรัสเซีย และได้เจอกับหนุ่มรัสเซียนรูปหล่อ จนกลายเป็นความรักแสนโรแมนติก คงประมาณนั้นแหละ
และหน้าที่ของเธอก็คือนักจัดดอกไม้ซึ่งต้องจัดซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อความสมบูรณ์ของกองถ่ายที่ต้องเนี้ยบทุกอย่าง ไร้คำว่าที่ติให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะอากาศที่เย็นจัดทำให้ดอกไม้บางชนิดเช่นดอกมะลิและกลีบกุหลาบช้ำง่ายกว่าปกติ จึงเป็นหน้าที่ของนักจัดดอกไม้ทุกคนที่ต้องพยายามซ่อมแซมและกรองมาลัยกันแทบไม่ได้พักมือ เพื่อให้งานลุล่วงไปด้วยดี
แต่งานใหญ่แบบนี้มีหรือจะไม่มีคำว่าผิดพลาด ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้กำกับจัดการกับนางเอกของเรื่องที่ไม่รู้วีนแหลกอะไรขึ้นมา แล้วบินหนีไปปารีสดื้อ ๆ ทิ้งให้กองถ่ายชะงักกันเป็นนาน
ทว่าดอกไม้ไม่สามารถหยุดเวลาของมันได้ ยิ่งเป็นพวงมาลัยยิ่งแล้วใหญ่ ทำให้สาวน้อยเสียใจทุกครั้งที่เห็นมันแห้งเหี่ยวบอบช้ำจนหมดความสวยไปโดยพลัน
“มณ… มีคนมองแกรึเปล่าน่ะ” เสียงกระซิบและแรงศอกที่ถองเข้ามาต้นแขนเล็กเบา ๆ
ทำให้เจ้าของชื่อขยับตัวพลางส่ายหน้าไปด้วย
“ไม่ใช่มั้งพี่ปลา คิดมากไปแล้วรึเปล่า”
‘มณ’ หรือ ‘มณฑาเทวี ธัญยสูตร์’ ตอบเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันเสียงแผ่ว แล้วก็หลบสายตาของผู้ชายคนนั้นเสีย
นัยน์ตาของเขาแปลกมาก เป็นสีเทาอมเขียวน้อย ๆ ที่ดูหม่นมัว แต่เวลาเขาทำท่าสนใจอะไรบางอย่าง มันวาบวับจนน่ากลัว
ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างแปลก ๆ ที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จึงสั่งให้ตัวเองไม่มองไม่สนใจเขาอีก
โอดอล์ฟคนนั้นเป็นลูกครึ่งรัสเซีย-ไทย จึงกลายมาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สั้น ๆ แต่ใช้ทุนมากมหาศาล เนื่องจากว่าเขาต้องการให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้เป็นมารดาที่เป็นคนไทยแท้ ๆ อีกด้วย
“แต่เค้ามองเราตลอดเลยนะ คุณ เอ่อ อะไรแล้วนะ เห็นว่าเป็นผู้อำนวยการสร้างของหนังด้วยนี่ ก็แปลง่าย ๆ ว่าคนให้สปอนเซอร์หรือเปล่า” ปณาลียังพูดไม่หยุด ทำให้มณฑาเทวีต้องขยิบตาให้
“ช่างเค้าเถอะค่ะ อย่าไปมองมากเลย เดี๋ยวเค้าจะโมโหเอาเปล่า ๆ…” มณฑาเทวีว่า แล้วก็หายใจอย่างอึดอัด
เธอไม่ได้รู้สึกไปคนเดียวหรอก แต่คงมีใครหลายคนก็รู้สึกแบบเดียวกันกับที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้
นั่นคือ ผู้ชายคนนั้นจ้องมองมาเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากตัวของเธอ
“แต่เค้าเดินมาทางนี้แล้วนะ…”
คำบอกของปณาลีทำให้มณฑาเทวีขยับตัวอย่างอึดอัด หายใจลำบากเมื่อเห็นว่าร่างสูงของบุรุษคนนั้นเดินตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเล
ลมหายใจของคนตัวเล็กเริ่มติดขัดอ่อนแรงลง พยายามอย่างมากที่จะไม่มองสบตากับอีกฝ่ายด้วย
และเช่นเดียวกัน ในสายตาของโอดอล์ฟที่มองมานั้นกำลังมองลูกกวางตัวน้อยที่ไร้ทางสู้ แลดูจัดการง่ายดายเหลือเกิน
เพราะมารดาคคนางค์เป็นคนไทย ดังนั้นเลยชอบมองผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานบอบบางเหมือนผู้เป็นแม่
คงเป็นเพราะสายเลือดกระมัง ผู้บิดาอย่าง รูดอล์ฟ เกซีราฟ[2] ชอบแบบไหนเขาก็เลยชอบแบบนั้นบาง มองดูเผิน ๆ ผู้หญิงที่หมายตาอยู่นั้นดูเหมือนมารดาของตนไม่ผิด และหมาป่าอย่างเขาไม่ยอมให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่าย ๆ แน่นอน
รู้มาว่ากองถ่ายนั้นมีคนงานในกองเยอะเอาเรื่องเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง ช่างแต่งหน้า ผู้กำกับในกองถ่าย รวมถึงนักจัดดอกไม้ด้วยที่เพิ่งทราบก่อนหน้านี้ เขามองคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อแขนตุ๊กตาสีหวานอย่างหมายมาด
คนอย่างโอดอล์ฟไม่มีสิ่งใดที่ต้องการแล้วไม่ได้มา
“สวัสดี…” เสียงหนักพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ส่งยิ้มให้เพื่อผูกมิตร และลอบยิ้มสมใจเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมองมาบ้างแล้ว
“สวัสดีค่ะ…” ทั้งมณฑาเทวีและปณาลีพูดเสียงแผ่วด้วยกันทั้งคู่ ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะพูดไทยได้ชัดเจนมากขนาดนี้
“จัดดอกไม้อะไรอยู่เหรอครับ เอาดอกไม้มาจากเมืองไทยเลยเหรอ” น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนชวนคุยเรื่อยเปื่อย ทว่าแววตาของหมาป่าจับจ้องลูกแกะตาไม่กะพริบ
มณฑาเทวีหลบสายตาแล้วก็พึมพำบอกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ใช่ค่ะ… ต้องเอาดอกมะลิกับดอกรักมาเองค่ะ เพราะที่นี่ไม่มี” หญิงสาวพยายามสงบจิตใจแต่ก็ทำไม่ได้เลย
สายตาของเธอมักจะมองตามนัยน์ตาสีสวยของเขาอยู่เรื่อย ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดไม่อาจละสายตาออกมาได้
“งั้นเหรอ?” โอดอล์ฟพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็หยิบเอาดอกกุหลาบขึ้นมาดอกหนึ่ง ยกขึ้นมาแตะปลายจมูกของตนเอง
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่มอสโก มีอะไรก็บอก ฉันพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้มที่มณฑาเทวีอ่านไม่ออก
สาวน้อยส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนมองร่างสูงสง่าในชุดสูทที่เนี้ยบไปทั้งเนื้อทั้งตัวเดินจากไป รู้สึกราวกับว่าเสื้อผ้าราคาแพงเหล่านั้นกำลังห่อหุ้มทองคำล้ำค่าอยู่ก็ไม่ปาน
“หล่อเนาะ ดูใจดีด้วย” ปณาลีพูดตามหลังเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว
แต่มณฑาเทวีไม่ว่าอะไรทั้งนั้นนอกจากหยิบเอาดอกมะลิและกลีบดอกกุหลาบมากรองมาลัยต่อเรื่อย ๆ บอกตัวเองว่าคงคิดมากไปฝ่ายเดียวที่รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้อง
หยิ่งได้หยิ่งไปแม่คนสวย เดี๋ยวจะได้รู้ว่าคนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไรจะทำอะไรได้บ้าง… โอดอล์ฟคิดก่อนจะขยำดอกไม้ในมือทิ้งไปเมื่อเดินออกมาจากที่ตรงนั้นแล้ว
มณฑาเทวีก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองถ่ายหรือเปล่า เพราะการถ่ายทำล่าช้ามากกว่าเดิมหลายเท่านัก คืนนี้ก็เหมือนกัน เป็นคืนที่เจ็ดแล้วที่เธอได้เดินทางมาถึงมอสโกแห่งนี้และพบว่าถูกเรียกให้ไปทำงานพิเศษที่ไม่ใช่การร้อยพวงมาลัยหรือจัดดอกไม้เพื่อจะนำไปเข้าฉาก
สำหรับช่วงเย็นก่อนถึงค่ำนั้น เธอกับคนอื่น ๆ ในคณะนักจัดดอกไม้ได้มาจัดแจกัน ร้อยพวงมาลัยหลายพวงเพื่อจัดวางในงานเลี้ยงรับรองแขกตอนค่ำเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนพักเหมือนคืนที่ผ่านมา แต่ตันหยง หัวหน้าคณะนักจัดดอกไม้เดินมาบอกข่าวแปลก ๆ เสียก่อน
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกันนะ ทางผู้ใหญ่บอกให้แต่งชุดไทยมาด้วย” ตันหยงบอกด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ทว่าทำให้มณฑาเทวีรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
“ชุดไทยเหรอคะ แต่พวกเราเป็นแค่นักจัดดอกไม้นะคะ…” เธอแย้ง เพราะไม่เข้าใจว่านักจัดดอกไม้จะเกี่ยวอะไรกับงานเลี้ยงหรูหราพวกนี้ด้วย
“ทางผู้ใหญ่ท่านบอกว่าจะช่างไฟหรือนักจัดดอกไม้ทุกคนก็เป็นแขกทั้งนั้นจ้ะ คงอยากเลี้ยงอะไรพวกเราจริง ๆ นั่นแหละ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” สาวใหญ่บอก เมื่อเห็นลูกน้องทำหน้าแปลกใจและสงสัยอย่างชัดเจน
“ท่านคงอยากเลี้ยงพวกเราน่ะ เห็นบอกว่าเพราะมีพวกเราเลยได้เห็นดอกไม้สวย ๆ”
“ค่ะ…” มณฑาเทวีเออออไปตามเรื่องเพราะไม่อยากคิดให้มากความ จึงพยายามไม่คิดมากก่อนจะเดินตามหลังคนอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งทุกคนได้รับมาเป็นของตัวเองแล้ว
ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ เลยคงความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยและรัสเซียไว้อย่างชัดเจน
บรรยากาศในห้องอาหารนั้นอุ่นสบายแตกต่างจากอุณหภูมิภายนอก ทุกคนต่างดูรื่นเริงกับงานเลี้ยงที่จัดเพื่อทีมงามโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรีที่แสนไพเราะ นักแสดงที่มาร่ายรำเพื่อความผ่อนคลายเพลิดเพลิน รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสทำให้ทุกคนเริ่มสนิทกับมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ามณฑาเทวียังกันตัวเองให้อยู่ห่างจากคนอื่นอยู่ดี
ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเธอนั้นพยายามคิดบอกตัวเองว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่สำคัญกว่า ทานอะไรได้นิดหน่อยก็ตื้อตันเพราะเห็นช่องว่างความแตกต่างทางสังคมชัดเจน เดินเข้าห้องน้ำตั้งใจจะแวบหนีกลับห้องพัก
ไม่ทันคิดว่าพอเดินออกจากห้องน้ำแล้วจะได้เจอกับร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนดักอยู่ด้านนอกแล้ว
เป็นโอดอล์ฟ ครองภพ จริง ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า…
หน้าหวานหันซ้ายขวาเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าห้องน้ำผิดมาเข้าห้องน้ำชาย แต่แน่ใจว่าไม่ผิดแน่
“ฉันตามเธอมาน่ะ…” ชายหนุ่มว่าเสียงทุ้มต่ำพอจะอ่านสายตาของเธอออก
“ฉัน…” เสียงหวานของมณฑาเทวีทวนคำพูดของอีกฝ่าย กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ กระอักกระอ่วนใจจนพูดไม่ออก
“ช่าย… เธอไม่มองฉันเลยในงาน เลยต้องตามมานี่ไง” โอดอล์ฟพูดเสียงยานคาง
นี่เป็นความจริงที่ทำให้เจ็บใจไม่น้อย คนอย่างโอดอล์ฟน่ะหรือต้องมองตามผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็ต้องมาเดินตามหลังเธอแบบนี้ด้วย
“แล้วคุณต้องการอะไรคะ…” น้ำเสียงของมณฑาเทวีติดจะสั่นพร่าเล็กน้อยเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาหาอย่างคุกคาม
เรียวขาเล็กก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ มณฑาเทวีกะพริบตาถี่เมื่อชายหนุ่มกักตัวเองไว้ในห้องน้ำแคบ ๆ ด้วยท่อนแขนแข็งแรง
“คุณ…” หญิงสาวว่าเสียงสั่น ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้กลัวจนเข่าอ่อน สมองดับจนนึกคิดอะไรไม่ออก
“สวย…”
จู่ ๆ เขาก็เอ่ยชม ยิ่งทำให้หน้าหวานร้อนผะผ่าว คำคำเดียวของเขาสร้างความสั่นสะเทือนอย่างคาดไม่คิด
“ตอนนี้ฉันอยากได้บางอย่างจากเธอ และแน่นอนว่าเธอให้ฉันได้แน่…”
มณฑาเทวีกลอกตาไปมาพยายามหามองทางหนีทีไล่ แต่รู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นจึงพยายามพูดดีด้วย
“ออกไปคุยข้างนอกได้ไหมคะ ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก…”
“ไม่ละ ตรงนี้ดีแล้ว เธอชื่ออะไร…” ปากถามปลายนิ้วก็สอดเข้าไปในเรือนผมนุ่มสลวย พันเล่นกับนิ้วแต่สายตาคาดคั้นเอาคำตอบ
“มณ…มณฑาเทวีค่ะ…” เธอตอบเสียงพร่า อยากจะผลักอกเขาแล้ววิ่งหนี แต่จะทำอย่างนั้นได้เช่นไรเมื่ออีกฝ่ายปิดทางหนีไว้ทุกทางอย่างนี้
ซ้ำไอร้อนจากมือของเขาที่คลอเคลียข้างแก้มก็ยิ่งทำให้แทบละลาย ความรู้สึกไม่คุ้นเคยเข้ามาจู่โจมจนเข่าอ่อนไปหมด
นอกจากนั้น หัวใจยังแทบจะหยุดเต้นอยู่แล้วด้วย
มันเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไงดี…
ในหัวของมณฑาเทวีจะระเบิดอยู่รอมร่อ น้ำตาก็คลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ชื่อเพราะมาก ตอนนี้ฉันอยากได้บางอย่างจากเธอ” นัยน์ตาสีเทาขุ่นจ้องหน้าหวานพยายามอย่างมากที่จะให้เธอสบตาด้วย และได้ผลเมื่อเธอเงยหน้ามองทำหน้าตื่นตระหนก
“…” หญิงสาวอยากถาม แต่ก็กลัวคำถามที่จะได้ยินเหลือเกิน
“ขอสไบเธอ ไม่ก็เข็มขัด…” โอดอล์ฟไม่อ้อมค้อม พูดอย่างตรงไปตรงมาจนคนฟังตีสีหน้าไม่ถูก
หัวใจดวงน้อยของมณฑาเทวีแทบจะทะลุออกมาจากหน้าอก เมื่อครู่เขาว่ายังไงนะ
“คุณ…” เสียงของมณฑาเทวีสั่นนัก ไม่แพ้กับตัวที่สั่นเทาไม่ต่างกัน
“อืม… เร็วสิ ไม่งั้นฉันจะเอาไปทั้งสองชิ้นที่ขอเลยนะ” มุมปากหยักของโอดอล์ฟยกยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
มณฑาเทวีคิดหนัก เหงื่อซึมจนชุ่มแผ่นหลังและกรอบหน้าไปหมด ลมหายใจร้อนผ่าวและติดขัด มองตาเขาแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น ยิ่งตอนที่ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้เข็มขัดเงินโบราณของเธอเล่น ก็บอกชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายมากแค่ไหน
สไบมีสองชั้น แต่เข็มขัดมีเส้นเดียว ถ้าถอดเข็มขัดก็ไม่เหลืออะไร… มณฑาเทวีคิดในใจแล้วอยากร้องไห้นัก ไม่เข้าใจว่าเขามาขู่บังคับเอาจากเธอทำไมกัน
ชุดไทยประยุกต์ที่เธอสวมอยู่นี้เป็นผ้าถุงและสไบจับจีบ ซึ่งสไบด้านในเป็นผ้าไหมลื่น ๆ มีสไบจับจีบวางทับอีกชิ้นหนึ่ง ผ้าถุงที่นุ่งอยู่นั้นก็หลวมมากเพราะไม่ได้ตัดมาโดยเฉพาะ
“หรือจะให้ฉันถอดให้เอง เลือกมาว่าจะถอดชิ้นบนหรือชิ้นล่าง…”
แทบไม่มีทางให้เลือกเดิน มณฑาเทวีไม่รู้จะเลือกอย่างไรเลย
“คำตอบล่ะ ว่ายังไง…”
‘รานอฟ ครองฤทธิ์เกซีราฟ’ เดินตามหาพี่ชายฝาแฝดที่เหมือนกันอย่างมากจนแทบไม่ออก เขาเบี่ยงตัวหลบร่างเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ สายตาสีเทาขุ่นมองตามสไบที่ปลิวตามแรงวิ่งนั้นแล้วก็ทำหน้างุนงง
ดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้… บอกตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งใจจะเดินไปห้องน้ำชายเพื่อตามหาโอดอล์ฟ
แต่คนที่กำลังคิดตามหาเดินออกมาพอดี คนเป็นพี่ที่เกิดก่อนไม่กี่นาทียิ้มที่มุมปาก สีหน้าท่าทางบอกชัดว่ากำลังสนุกกับเรื่องบางอย่าง เพียงแต่แฝดผู้น้องไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้โอดอล์ฟอารมณ์ดีจนแจกยิ้มเกลื่อนหน้าแบบนี้คืออะไร
“หายไปไหนมา ฉันกำลังตามหานาย” รานอฟถาม หันไปเห็นบางอย่างในมือของพี่ชายเข้า
ดูเหมือนจะเป็นสไบ คิดในใจอย่างสงสัย และเห็นว่าโอดอล์ฟยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
คนเป็นพี่ยกสไบนั้นมาจูบหนัก ๆ แล้วก็ส่งยิ้มให้น้องชายที่ยังทำหน้างุนงงไม่เปลี่ยน
“กำลังล่าเหยื่อน่ะ อยากกิน หิวท้องกิ่วจะแย่แล้ว…”
[1] มอสโก (อังกฤษ: Moscow; รัสเซีย: Москва́) เป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และ การเดินทางของประเทศ เมื่อสมัยครั้งที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย กรุงมอสโกก็ยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตอีกด้วย
[2] รูดอล์ฟ เกซีราฟ และ คคนางค์ จากนิยายเรื่อง ซาตานเอื้อมรัก เขียนโดย มิรา
นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว
มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ
สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ
กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ
ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ
หรือ >>Click!!<<
ความคิดเห็น