เสียง...จากความภาคภูมิใจ
เชื่อผมสิ...เรื่องดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกๆที่แหละ...
ผู้เข้าชมรวม
280
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมเป็นคนหนึ่งที่เดินทางบ่อย ชอบการเดินทาง ชอบสถานที่ต่างๆ ชอบที่จะเห็นว่าผู้คนกำลังทำอะไรในขณะที่โลกของเรากำลังหมุน ด้วยเหตุนี้ความประทับใจในสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจึงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่มีโอกาสกลับไปทะเลที่จังหวัดสตูล..ครั้งที่ 2 ในรอบปี.....
ในบรรดาเกาะน้อยเกาะใหญ่ในท้องทะเลสตูล ที่ที่รู้จักกันดีว่าครั้งนึงเคยเป็นที่ใช้คุมขังนักโทษทางการเมืองของประเทศไทย นั่นคือ หมู่เกาะตะรุเตา ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของสยามประเทศเรา... ที่นี่ก็เหมือนกับทะเลทั่วไป น้ำใส หาดทรายสวย โลกใต้น้ำงดงาม จนเราแทบอยากจะเป็นปลาจะได้ตามเก็บความประทับใจเหล่านั้นเอาไว้ให้หมด...แต่ที่นี่ ที่หลีเป๊ะ มีชาวเลอาศัยอยู่กลุ่มใหญ่ คงแยกออกนะครับ ชาวเลคือคนตัวดำๆนั่นแหละ แต่ต่างจากชาวประมงตรงที่คนเหล่านี้ อาศัยอยู่กับทะเลทั้งชีวิต คนเหล่านี้ดำน้ำได้ลึกและนานมาก โดยมีเพียงตาเปล่าและอาวุธในการหาปลา.....ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปรวมทั้งชาวต่างชาติ กำลังพักผ่อนและดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติที่นี่ เครื่องดื่มเพียงสองกระป๋อง กลับทำให้ผมได้รู้จักกับผู้ชายชาวเลที่ชื่อ "อาโละ" คนที่เป็นที่มาของเรื่องนี้....
อาโละ อายุ 19 ปี แต่ถ้าทุกคนเห็น ต้องบอกว่าน่าจะ 39 มากกว่า อาโละบอกว่าที่ตัวดำนั้นเพิ่งจะมาดำตอนเป็นหนุ่ม เค้าบอกว่าชาวเลส่วนใหญ่ แรกเกิดมาตัวไม่ดำมากขนาดนี้หรอก แต่เป็นเพราะต้องทำตามวงจรชีวิตทั่วไปของชาวเล นั่นก็คือออกทะเลไปหาสิ่งของทางทะเล ที่ต้องบอกอย่างนี้ก็เพราะว่า เมื่อก่อนแม้แต่ปะการังเค้าก็เก็บกลับมา เพื่อทำเป็นเครื่องประดับที่อยู่บนร่างกายของวัยรุ่นแถวสยาม แต่ตอนนี้ เลิกแล้ว อาโละบอกว่า ตอนนี้ชาวเลรู้จักอนุรักษ์มากกว่านักท่องเที่ยวอีก (ยังกล้าคุย คราวหลังเราช่วยกันเที่ยวแบบบอนุรักษ์นะครับ จะได้ไม่แพ้อาโละ) ..... อาโละ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพนักงานทุกอย่าง นั่นก็คือ ทำทั้งหมดตั้งแต่ ไกด์ ยัน บาร์เทนเดอร์แบบเกาะๆ ในตอนกลางคืน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวเลบนหลีเป๊ะ เค้าชวนผมไปที่บ้าน พลางบอกเล่าก่อนจะถึงว่า "อู้ย...ชาวเลที่จริงนิสัยดีทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วง เป็นมิตรกับทุกคนนั่นแหละ" ถ้าเรามองเฉพาะภายนอก อย่างที่หนุ่มสาวยุคนี้นิยมใช้กัน เราคงไม่ไปกับอาโละแน่ๆ แต่ผมไป ... จะด้วยนิสัยอยากรู้มันไปหมดเสียทุกอย่าง หรืออะไรก็ช่าง... ผมก็ก้าวตามอาโละไป.....
หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เบียดเสียดกันอยู่ให้พออบอุ่น พอที่จะเดินแจกกับข้าวที่ทำเผื่อบ้านข้างได้ ความประทับใจเกิดขึ้นที่นี่ ที่เกาะสุดท้าย เกาะเล็กๆ ชาวบ้านยิ้มแย้มต้อนรับเราอย่างที่อาโละบอกไว้ไม่มีผิด อย่างกับเราเป็นเพื่อนสนิทของอาโละ หรือเป็นคนในหมู่บ้าน ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นพอดี แน่นอนล่ะ เค้าต้องชวนทานข้าว ผมก็ไม่อยากจะเดินกลับไปที่รีสอร์ท จึงล้อมวงลงอย่างกลมกลืนกับอาโละ....หลังอาหารเย็น ออกมานั่งคุยกับอาโละที่หน้าหาด ไม่มีเสียงกีตาร์ ไม่มีเสียงเพลงเหมือนพัทยา แต่มีเสียงคลื่นที่ช่วยกลบความเงียบ เวลาไม่มีอะไรคุยกัน...
หนึ่งในเรื่องคุย ที่สะกิดหัวใจผม...อาโละบอกว่า เค้าไม่มีบัตรประชาชน ทั้งๆ ที่เค้าเป็นคนไทย แม้ชาวเลจะพูดภาษาชาวเลเป็นส่วนใหญ่ แต่อาโละก็พูดไทยฟังรู้เรื่อง เค้าบอกว่า นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาที่ต้องพูดให้ชัดกว่าคือภาษาไทย จะได้ตอบคนอื่นว่า "เป็นคนไทย" อาโละเล่าว่า เคยขึ้นโรงพัก และถูกขัง เพียงเพื่อไปถามถึงการทำบัตรประชาชน เพียงแค่ถามถึงสิทธิความเป็นไทย !! ตำรวจที่โรงพัก ก็เคยมาบนเกาะ อาโละเคยหอบปลาให้เค้าเอากลับบ้าน เพื่อแสดงความมีน้ำใจของคนไทยชาวเล แต่.....................
อาโละเป็นแค่ชาวเลที่อยู่เกือบสุดขอบแผ่นดินไทย แต่ภาคภูมิใจในความเป็นไทย หวงแหนในท้องทะเลของไทย ไม่มีบัตรประชาชน แต่ถ้าใครถาม ก็บอกว่าเป็นคนไทย.... แล้วเราล่ะครับ อาศัยอยู่บนขวานทองแท้ๆ เราเคยคิดอย่างนี้หรือเปล่า...
### เรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อผู้ใด ปัจจุบันทุกอย่างอาจดีขึ้นแล้ว แต่แค่อยากเล่าสู่กันฟัง ###
ผลงานอื่นๆ ของ sweet prince ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sweet prince
ความคิดเห็น