ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFic: พิภพพญามังกร [龍王界]

    ลำดับตอนที่ #2 : [One short]Jiao Heng x Ao Li[เจี้ยวเหิงxอ๋าวหลี]+พูดคุย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 308
      0
      2 มี.ค. 54

     

    สวัสดีครับ-w-

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากๆเลยนะครับ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครอ่านซะแล้ว*หัวเราะ*
    ไม่มีอะไรตอบแทนครับ ฟิคใหม่ยังแต่งค้างอยู่เลยT^T(คู่ไหนอุบไว้ก่อน ฮา)
    นอกจาก.... ฟิคนี้ที่ตอนแรกว่าจะเอามาลง แต่โดยส่วนตัวอ่านแล้วสำนวนมันแปลกๆ แต่งได้ไม่ดี ไม่สนุกเท่าไหร่ ก็เลยไม่เอามาลง
    ต้องขอเอามาลงก่อนนะครับ ไม่มีอะไรแทนคำขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์จริงๆTwT(ซาบซึ้งมากครับ)


    เอาล่ะ ขอเตือนนะครับ ว่าความจริงเป็นฟิคที่ผมแต่งเสียไว้ อ่านแล้วาษาหรือเรื่องเน่าๆยังไงขออภัยนะครับ แล้วเจอกันฟิคหน้าแก้ตัวเน้อออ^^



    เมื่อข้าได้หวาดเมล็ดลงบนพื้นดินเม็ดหนึ่ง

    ยามเมื่อเมล็ดนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นมหาทรามพฤกษชาติ

    ข้าผู้ที่ปลูกมันขึ้นมา ย่อมต้องถอนรากของมันทิ้งใช่หรือไม่?

     

    "นี่ หลี"

    เสียงเรียกอันคุ้นเคย ทำให้นัยน์ตาเรียวรีล้อมด้วยแพขนตายาวนั้นละเลยจากตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ ก่อนเสียงนุ่มที่ทั้งฟังดูไพเราะและเรียบเฉยอยู่ในทีจะเอ่ยขานรับ

    "อะไรหรือ"

    "ถ้าหาก...ข้าขอให้เจ้าอยู่กับข้า เจ้าจะยอมมั้ย"

    เจี้ยวเหิงกล่าวถาม เรียกรอยยิ้มละไมให้ผุดพรายบนริมฝีปากแสนเย้ายวนเปี่ยมเสเน่ห์

    "ตอนนี้ข้าก็อยู่กับเจ้านี่ หรือมิใช่"ตอบพลางหันกลับไปอ่านหนังสือต่ออย่างเฉยเมย ราวกับไม่เข้าใจความหมายแฝงของประโยคนั้น

    คนถามที่เห็นอีกฝ่ายกลับไปสนใจเจ้าหนังสือในมือต่อก็ทำท่าอึกอักไปพักใหญ่ ก่อนจะรวบรวมความกล้าอย่างยิ่งยวดเพื่อเอ่ยวลีต่อมา

    "ข้าหมายถึง...ตลอดไปน่ะ"

    ดุจทุกสรรพสิ่งถูกกลืนกินอย่างเงียบเชียบ มีเพียงความเงียบงันที่โรยตัวลงระหว่างคนทั้งสอง

    เจี้ยวเหิงกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ มือขาวเผลอกำแน่นด้วยความลุ้นระทึก เหงื่อเย็นๆเริ่มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าคมคายหล่อเหล่า

    อ๋าวหลีปิดหนังสือในมือ ดวงหน้างามแฝงมนต์ขลังแห่งห้วงสนทยาเบือนมาหา นัยน์ตาสีฟ้าชวนลุ่มหลงสบลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงหัวเราะดุจมุกกระทบจานแก้วจะดังขึ้นแผ่วเบา

    รอยยิ้มจากการหัวเราะนั้น... เสริมให้เค้าหน้างดงามแลดูเปี่ยมเสเน่ห์จนคนมองแทบลืมหายใจ...

    "นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่า... เจ้าทำให้ข้าอยากอยู่ด้วยมากแค่ไหน"พูดจบ ร่างเพรียวระหงก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยมิลืมส่งเสียงกระซิบริมโสตของเจี้ยวเหิงยามเดินผ่าน

    "ม้วนกลอนสี่สิบม้วนที่โต๊ะนี่ ข้าให้เจ้าเอาไปคัดสี่สิบสี่จบ แล้วข้าจะรอดูพรุ่งนี้นะ"

    น้ำคำนั้น แม้ฟังดูทั้งหวานทั้งเพราะพริ้ง แต่กลับทำเอาคนโดนสั่งหนาวสะท้าน โดยเฉพาะกับเลขสี่ในประโยคนั่น

    เจี้ยวเหิงถอนหายใจยาว ก่อนหลับตาลง

    ณ เวลานั้น เขาก็ได้สาบาญกับตนเองไว้ว่า...

    เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าใครๆ

    จะต้องยิ่งใหญ่กว่าใคร เก่งกาจกว่าผู้ใด

    มีอำนาจที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองอ๋าวหลีได้

    เพื่อที่จะไม่สูญเสียผู้เป็นที่รักให้กับใครทั้งนั้น...

     

    และนั่น... ก็เป็นเรื่องราวก่อนที่เจี้ยวเหิงจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งปวงเทพ

     

    เรื่องราวมากมาย...

    ก่อเกิดเป็นความทรงจำ

    ภาพที่หมุนเวียนฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตอกย้ำให้จมอยู่ในห้วงคิด

    เพราะอะไรกันนะ...

    ท่ามกลางความว่างเปล่านั้น อ๋าวหลีลองถามตนเอง

    มันผิดพลาดตรงไหนกัน...

    ล่องลอยอยู่ภายในความมืดไร้จุดสิ้นสุด มืดสนิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด กระทั่งหัวใจของตนเอง

    จมดิ่งสู่ภาพแห่งวันวาน...คืนวันที่เขาสูญเสียไปอย่างไม่อาจได้คืนมา...

    เพราะเขาเป็นผู้ลงมือทำลายด้วยตนเอง

    เจี้ยวเหิง....

    นามเดียวที่ติดค้างอยู่บนริมฝีปาก คนเดียวที่จนบัดนี้ยังคงนึกถึง

    กับคำถามที่ว่ารักหรือไม่นั้น...

    คงตอบได้ว่า เคยรัก

    รักมาตลอด.... กระทั่งเมื่อรักของเจี้ยวเหิงเริ่มเปลี่ยนเป็นอื่น

    รัก....คือความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่าน่าพิศวงที่สุด

    มีหลายรูปแบบ รักบางรักอาจตื้นเขินผิวเผย หากบางรักกับลึกซึ้งยากลืมเลือน รักอาจเปลี่ยนพญามารให้กลายเป็นนักบุญ เช่นเดียวกับที่มันสามารถเปลี่ยนนักบุญให้เป็นพญามาร...

    อาจเพราะเจ้ารักข้าผู้มิควรเป็นที่ถูกรักของใครอย่างข้ากระมัง จึงทำให้เจ้าพบกับชะตาเช่นนี้

    รำพึงด้วยความรู้สึกขบขันเยาะเย้ยตน

    รักผู้ที่ควรรัก รักผู้ที่ไม่ควรรัก รักผู้ที่สามารถจะมีใจรัก รักผู้ที่ไม่สามารถจะถูกรัก

    รัก...รัก...รัก...

    ความรู้สึกที่แม้จะเคยอ่านตำรามาทุกเล่มบนโลกนี้ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าแท้จริงมันคืออะไร...

    เมื่อข้าได้หว่านเมล็ดพันธ์...

    เมื่อข้าเป็นผู้คอยดูแลต้นอ่อนนั้น

    และเมื่อยามที่พืชนั้นเติบโตขึ้นกลายเป็นมหาทรามพฤกษาชาติที่คิดหาญการใหญ่อันมิควรให้อภัย

    เมื่อนั้น ข้าจึงได้ถอนรากของมัน... ทิ้งให้โรยราอย่างเชื่องช้าและเดียวดาย เพื่อไม่ให้สิ่งที่ข้าคอยฟูมฟักต้องทำผิดไปมากกว่านี้

    และนั่น...คือความรักสุดท้าย... ที่ข้ามอบให้แก่เจ้า

     

    Fin.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×