คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [One short]Jiao Heng x Ao Li[เจี้ยวเหิงxอ๋าวหลี]+พูดคุย
สวัสดีครับ-w-
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากๆเลยนะครับ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครอ่านซะแล้ว*หัวเราะ*
ไม่มีอะไรตอบแทนครับ ฟิคใหม่ยังแต่งค้างอยู่เลยT^T(คู่ไหนอุบไว้ก่อน ฮา)
นอกจาก.... ฟิคนี้ที่ตอนแรกว่าจะเอามาลง แต่โดยส่วนตัวอ่านแล้วสำนวนมันแปลกๆ แต่งได้ไม่ดี ไม่สนุกเท่าไหร่ ก็เลยไม่เอามาลง
ต้องขอเอามาลงก่อนนะครับ ไม่มีอะไรแทนคำขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์จริงๆTwT(ซาบซึ้งมากครับ)
เอาล่ะ ขอเตือนนะครับ ว่าความจริงเป็นฟิคที่ผมแต่งเสียไว้ อ่านแล้วาษาหรือเรื่องเน่าๆยังไงขออภัยนะครับ แล้วเจอกันฟิคหน้าแก้ตัวเน้อออ^^
เมื่อข้าได้หวาดเมล็ดลงบนพื้นดินเม็ดหนึ่ง
ยามเมื่อเมล็ดนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นมหาทรามพฤกษชาติ
ข้าผู้ที่ปลูกมันขึ้นมา ย่อมต้องถอนรากของมันทิ้งใช่หรือไม่?
"นี่ หลี"
เสียงเรียกอันคุ้นเคย ทำให้นัยน์ตาเรียวรีล้อมด้วยแพขนตายาวนั้นละเลยจากตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ ก่อนเสียงนุ่มที่ทั้งฟังดูไพเราะและเรียบเฉยอยู่ในทีจะเอ่ยขานรับ
"อะไรหรือ"
"ถ้าหาก...ข้าขอให้เจ้าอยู่กับข้า เจ้าจะยอมมั้ย"
เจี้ยวเหิงกล่าวถาม เรียกรอยยิ้มละไมให้ผุดพรายบนริมฝีปากแสนเย้ายวนเปี่ยมเสเน่ห์
"ตอนนี้ข้าก็อยู่กับเจ้านี่ หรือมิใช่"ตอบพลางหันกลับไปอ่านหนังสือต่ออย่างเฉยเมย ราวกับไม่เข้าใจความหมายแฝงของประโยคนั้น
คนถามที่เห็นอีกฝ่ายกลับไปสนใจเจ้าหนังสือในมือต่อก็ทำท่าอึกอักไปพักใหญ่ ก่อนจะรวบรวมความกล้าอย่างยิ่งยวดเพื่อเอ่ยวลีต่อมา
"ข้าหมายถึง...ตลอดไปน่ะ"
ดุจทุกสรรพสิ่งถูกกลืนกินอย่างเงียบเชียบ มีเพียงความเงียบงันที่โรยตัวลงระหว่างคนทั้งสอง
เจี้ยวเหิงกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ มือขาวเผลอกำแน่นด้วยความลุ้นระทึก เหงื่อเย็นๆเริ่มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าคมคายหล่อเหล่า
อ๋าวหลีปิดหนังสือในมือ ดวงหน้างามแฝงมนต์ขลังแห่งห้วงสนทยาเบือนมาหา นัยน์ตาสีฟ้าชวนลุ่มหลงสบลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงหัวเราะดุจมุกกระทบจานแก้วจะดังขึ้นแผ่วเบา
รอยยิ้มจากการหัวเราะนั้น... เสริมให้เค้าหน้างดงามแลดูเปี่ยมเสเน่ห์จนคนมองแทบลืมหายใจ...
"นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่า... เจ้าทำให้ข้าอยากอยู่ด้วยมากแค่ไหน"พูดจบ ร่างเพรียวระหงก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยมิลืมส่งเสียงกระซิบริมโสตของเจี้ยวเหิงยามเดินผ่าน
"ม้วนกลอนสี่สิบม้วนที่โต๊ะนี่ ข้าให้เจ้าเอาไปคัดสี่สิบสี่จบ แล้วข้าจะรอดูพรุ่งนี้นะ"
น้ำคำนั้น แม้ฟังดูทั้งหวานทั้งเพราะพริ้ง แต่กลับทำเอาคนโดนสั่งหนาวสะท้าน โดยเฉพาะกับเลขสี่ในประโยคนั่น
เจี้ยวเหิงถอนหายใจยาว ก่อนหลับตาลง
ณ เวลานั้น เขาก็ได้สาบาญกับตนเองไว้ว่า...
เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าใครๆ
จะต้องยิ่งใหญ่กว่าใคร เก่งกาจกว่าผู้ใด
มีอำนาจที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองอ๋าวหลีได้
เพื่อที่จะไม่สูญเสียผู้เป็นที่รักให้กับใครทั้งนั้น...
และนั่น... ก็เป็นเรื่องราวก่อนที่เจี้ยวเหิงจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งปวงเทพ
เรื่องราวมากมาย...
ก่อเกิดเป็นความทรงจำ
ภาพที่หมุนเวียนฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตอกย้ำให้จมอยู่ในห้วงคิด
เพราะอะไรกันนะ...
ท่ามกลางความว่างเปล่านั้น อ๋าวหลีลองถามตนเอง
มันผิดพลาดตรงไหนกัน...
ล่องลอยอยู่ภายในความมืดไร้จุดสิ้นสุด มืดสนิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด กระทั่งหัวใจของตนเอง
จมดิ่งสู่ภาพแห่งวันวาน...คืนวันที่เขาสูญเสียไปอย่างไม่อาจได้คืนมา...
เพราะเขาเป็นผู้ลงมือทำลายด้วยตนเอง
เจี้ยวเหิง....
นามเดียวที่ติดค้างอยู่บนริมฝีปาก คนเดียวที่จนบัดนี้ยังคงนึกถึง
กับคำถามที่ว่ารักหรือไม่นั้น...
คงตอบได้ว่า เคยรัก
รักมาตลอด.... กระทั่งเมื่อรักของเจี้ยวเหิงเริ่มเปลี่ยนเป็นอื่น
รัก....คือความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่าน่าพิศวงที่สุด
มีหลายรูปแบบ รักบางรักอาจตื้นเขินผิวเผย หากบางรักกับลึกซึ้งยากลืมเลือน รักอาจเปลี่ยนพญามารให้กลายเป็นนักบุญ เช่นเดียวกับที่มันสามารถเปลี่ยนนักบุญให้เป็นพญามาร...
อาจเพราะเจ้ารักข้าผู้มิควรเป็นที่ถูกรักของใครอย่างข้ากระมัง จึงทำให้เจ้าพบกับชะตาเช่นนี้
รำพึงด้วยความรู้สึกขบขันเยาะเย้ยตน
รักผู้ที่ควรรัก รักผู้ที่ไม่ควรรัก รักผู้ที่สามารถจะมีใจรัก รักผู้ที่ไม่สามารถจะถูกรัก
รัก...รัก...รัก...
ความรู้สึกที่แม้จะเคยอ่านตำรามาทุกเล่มบนโลกนี้ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าแท้จริงมันคืออะไร...
เมื่อข้าได้หว่านเมล็ดพันธ์...
เมื่อข้าเป็นผู้คอยดูแลต้นอ่อนนั้น
และเมื่อยามที่พืชนั้นเติบโตขึ้นกลายเป็นมหาทรามพฤกษาชาติที่คิดหาญการใหญ่อันมิควรให้อภัย
เมื่อนั้น ข้าจึงได้ถอนรากของมัน... ทิ้งให้โรยราอย่างเชื่องช้าและเดียวดาย เพื่อไม่ให้สิ่งที่ข้าคอยฟูมฟักต้องทำผิดไปมากกว่านี้
และนั่น...คือความรักสุดท้าย... ที่ข้ามอบให้แก่เจ้า
Fin.
ความคิดเห็น