ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR] Sakura no utai 1869 yaoi

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 ความทรงจำกลางสายฝน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 389
      1
      7 มิ.ย. 53

     อย่าได้บอกให้ลืมเลย...

    เพราะผมคงลืมเธอไม่ได้

    ทั้งความอ่อนโยน ความร้อน ความเปราะบางของเธอ...

    ...มันทำให้ผมลืมเธอไม่ลง...

     

    -3-

        "ตื่น..."

    แว่วเสียงนุ่มราบเรียบที่ริมโสต ทำให้ร่างงามขยับเล็กน้อย พร้อมดวงตาสองสีที่ปรือเปิดขึ้น

    สิ่งแรกที่เห็นคือร่างสูงของผู้จัดการหนุ่มในชุทสูทสีดำที่รับกับสีผม ต่อมาจึงเบือนไปมองนาฬิกาซึ่งชี้เวลาเจ็ดโมงห้าสิบสามนาที

    "วันนี้ไม่มีงานไม่ใช่หรอครับ"เสียงที่ติดจะงัวเงียเอ่ยถาม พร้อมร่างเพรียวที่พลิกตัวไปอีกทาง ดวงหน้าสวยซุกลงกับหมอน ตั้งท่าจะหลับต่อเต็มที่

    "แล้วแกไม่คิดจะไปเรียนหรอไง"คนปลุกพูดเสียงเข้มกับนายแบบหนุ่มในปกครอง พร้อมมือขาวที่กระตุกเส้นไหมสีน้ำเงินนั้นเบาๆ

    "ก็วันนี้ผมอยากอยู่กับเคียวยะมากกว่า"มุคุโร่พูดพร้อมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะย้ายศรีษะไปหนุนตักผู้จัดการของตนแทน

    "ถ้าไม่อยากไปเรียนก็รีบๆเรียนให้จบสิ"

    ประโยคเรียบๆที่พูดง่ายแต่ทำยาก มือเรียวเอื้อมไปแตะใบหน้าคมคายของคนฉลาดที่อายุเท่าเขาแท้ๆ แต่กลับเรียนจบ

    ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    "เคียวยะนี่...พูดจาแล้งน้ำใจจังนะครับ"   พูดจบ เขาก็โอบคอคนตัวสูงลงมา เสนอจุมพิตที่คนผมสีดำไม่ปฏิเสท ลิ้นร้อนทั้งสองจึงเกี่ยวกระหวัด แลกเปลี่ยนลมหายใจอย่างดุเดือดราวกับศึกที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้

    นิ้วเรียวขยุ้มเส้นผมสีนิลนุ่มนวลดุจขนแมวที่จัดทรงเรียบร้อยจนมันเริ่มยุ่ง ไม่สนใจสายตาดุๆที่มองมาอย่างไม่ชอบใจนัก หากแต่ดวงตาสีไม่เข้าคู่กลับทอประกายยั่วเย้า

    "เคียวยะ?!"นายแบบหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจน้อยๆ เมื่อร่างของเขาถูกช้อนขึ้นอุ้ม หากแต่เสียงทั้งหมดกลับกลืนหายไปในลำคออย่างรวดเร็วเมื่อริมฝีปากร้อนลุกล้ำลงมาอีกครั้งอย่างร้อนแรงจนราวกับเรี่ยวแรงของเขาถูกสูบไปจนหมด

    "ไปเรียนได้แล้ว"คนเข้มงวดว่า ก่อนจะวางร่างงามขาวโพลนลงในอ่างจากุชซี่หรู

    "เคียวยะใจร้ายเป็นบ้า"เสียงนุ่มพูดอย่างงอนๆ พร้อมเรียวปากสีชาดสดที่ขยับยิ้มขี้เล่น

    "ทำให้ผมมีอารมณ์แล้วยังไล่ไปเรียนอีกนะครับ"

    ประโยคทีเล่นทีจริงที่ทำให้รอยยิ้มเย็นปรากฏบนมุมปากของคนยิ้มยาก พร้อมดวงหน้าคมที่โน้มลงมาใกล้ ก่อนจะกระซิบเบาที่ริมหูขาว

    "เรื่องนั้นไว้คืนนี้ละกัน"

    สิ้นเสียง ร่างสูงก็เดินออกจากห้องน้ำไป

    "จะพูดแบบนั้นทำไมนะ..."ดวงตาสองสีปรือปิดลง เรียวปากงามแย้มยิ้มที่ปนเประหว่างเย้ายวนและขำขันอยู่ในที

    "คุณพูดแบบนั้น.... ผมก็ยิ่งมีอารมณ์น่ะสิครับ"

                            ********

       แฟร์เลดี้สีดำสนิทเคลื่อนมาจอดในที่จอดรถของมหาลัยเอกชนหรูค่าเทอมมหาโหด เรียกให้สายตาของนักศึกษาทั้งหลายให้มองมาเป็นตาเดียว ด้วยต่างรู้ว่าเจ้าของรถคือใคร

    ร่างสูงติดจะเพรียวบางใต้เสื้อเชิ้ตขาวซึ่งปลดกระดุมลงมาสองเม็ด เผยให้เห็นแผงอกขาวอยู่ร่ำไร เส้นผมสีน้ำเงินเข้มแสกซิกแซกซอยทรงสับประรด รับกับต่างหูเงินและจี้กางเขนคล้องโซ่ที่กลัดประดับอยู่บนปกเสื้อ ดูอย่างไรก็หาจุดเหมือนนักศึกษาไม่ได้ แต่เหมือนนายแบบหนุ่มมาถ่ายนิตยาสารแฟชั่นซะมากกว่า 

     "ไม่ได้มาเรียนซะนานเลยแหะ..."เสียงนุ่มๆดังขึ้น ในยามที่มือเรียวถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาสีผิดแผกไม่เข้าคู่ที่แลดูเปี่ยมเสน่ห์

    "อ้าว มุคุโร่"เสียงหนึ่งดังทักขึ้น เรียกให้นัยน์ตาคู่สวยเบือนไปมอง

    "ยามาโมโตะ..."นายแบบหนุ่มเอ่ยชื่อคนทักที่เป็นเพื่อนสนิท พร้อมเรียวปากที่แย้มยิ้มอ่อนจาง

    "ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลยว่าวันนี้จะมาเรียน"เสียงสบายๆของหนุ่มนักกีฬาถามขึ้น ในขณะที่ทั้งสองเดินไปยังตึกวิศวะ

    "ผมก็เพิ่งโดนไล่ให้มาเรียนเมื่อเช้านั่นแหละครับ"คำตอบที่เรียกเสียงหัวเราะจากยามาโมโตะ ดวงตาสีอำพันเหลือบมองเสี้ยวหน้าสวยราวอิสตรีของคนข้างกาย ก่อนพูดขึ้น

    "แต่นายเนี่ยหัวดีน่าดูเลยนะ ขนาดไม่ค่อยมาเรียนยังเกรทไม่ตกสักนิด"

    "เพราะมีคนช่วยติวให้น่ะสิครับ"พูดจบนัยน์ตาสีประหลาดก็ปรือลง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

    "ครอบครัวผม.... เป็นยังไงบ้าง"

    เขากับยามาโมโตะบ้านอยู่ใกล้กัน เลยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก จนถึงเมื่อหกปีก่อนที่เขาตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียว

    ย้ายออกมาจากบ้านที่มีแต่คนเกลียดชังเขา...

    "พวกท่านก็ยังสบายดีล่ะนะ"คนบ้าเบสบอลตอบสั้น เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้อ่อนไหวมากสำหรับเพื่อนคนนี้ ก่อนจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง

    "จริงสิ คราวก่อนนายบอกว่าย้ายไปอยู่กับคนรู้จักแล้วหรอ"

    และดูเหมือนว่ามุคุโร่จะรู้ว่าเขาจงใจเปลี่ยนเรื่อง รอยยิ้มแปลกๆจึงผุดขึ้นที่มุมปาก

    "ใช่... ตอนนี้ผมอยู่กับผู้จัดการส่วนตัวน่ะ

    เค้าว่ามันสะดวกเวลาทำงาน"

    ประโยคของนายแบบคนดัง ทำให้เขาอดแซวเพื่อนสนิทที่นานๆที่ดรอปไปนานไม่ได้

    "ฮ่ะๆๆ นายนี่ดังใหญ่แล้วนะ Sakura ouji(เจ้าชายซากุระ)"

    "ก็ไม่เท่านายมั้งครับ พ่อคนดาร์คเนียน"  คนถูกแซวหยอดกลับนิ่มๆพร้อมยิ้หวาน

    นานๆที... มาเรียนบ้างก็ดีเหมือนกัน...

    อย่างน้อย การได้อยู่กับเพื่อน มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ กว่าการอยู่ในวงการมายาที่หาความจริงใจได้ยากเหลือเกิน...

                             *******

      ทีกล่าวกันว่า... ยิ่งมีคนรักมาก ก็ย่อมมีคนเกลียดมาก...มันคงเป็นเรื่องจริง

    ดวงตาสองสีมองดูลูกสาวคนสวยอย่างแฟร์เลดี้ที่บัดนี้ยางทั้งสี่เส้นถูกปล่อยลมออกจนหมด

    "ให้ตายสิน่า..."นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาGucciที่แสดงเวลาสี่โมง

    เพราะโดนเรียกไปคุยเรื่องดรอปเรียนตอนนี้จึงเย็นมากแล้ว ไม่มีใครอยู่เลยสักคน...

    ยามาโมโตะก็กลับไปแล้วด้วย...

    ซ่าาา

    สายพิรุณสาดกระหน่ำเทลงมาอย่างโหดร้าย หยาดน้ำเย็นเฉียบที่ทำให้ร่างงามเปียกปอน

    "แล้วจะกลับยังไงล่ะเนี่ย..."เอ่ยกับตนเอง กระนั้นเรียวปากงามก็ยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบาง

    รอยยิ้มที่ราวกับจะเย้ยหยันตนเอง...

    สายฝนยังคงกระหน่ำเท ทำให้แขนเรียวโอบกอดตัวเอง แม้ว่ามันจะไม่ทำให้อุ่นขึ้นเลยสักนิด

    "แกมายืนทำอะไรตรงนี้"แว่วเสียงของคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้มากที่สุดดังขึ้น ทำให้ดวงหน้างามหันขวับ

    "คุณเคียว..."หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยชื่อจนจบ นัยน์ตาสองสีก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อร่างสูงรวบร่างของเขามากอด ร่มสีดำถูกปล่อยทิ้งลงพื้นอย่างไม่กลัวเปียก

    "ทำไมถึงไม่โทรเรียกฉัน"เสียงนุ่มฟังดูดุๆกระซิบถาม ทำให้เรียวปากสีสดขยับยิ้มดวงหน้างามซบลงกับไหล่กว้าง

    "ก็ผมไม่อยากรบกวนคุณ..."

    คำตอบที่เรียกคำสบถจากฮิบาริ พร้อมอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น

    "อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงนักได้มั้ย"

    ประโยคที่ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง

    ทำไม...กันนะ...

    ทั้งความอบอุ่นจากร่างที่โอบกอดเขาไว้ และเสียงเข้มๆแต่แฝงความอ่อนโยนนั้น มันทำให้น้ำตาใหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....

    "ขอโทษ... ที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ"

    หยาดพิรุณยังคงสาดซัด ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด...

    มันช่างเหมือนตอนนั้นเสียจริง

    เหมือนวันแรกที่เขาได้พบกับฮิบาริ เคียวยะ

                                      ******

    1ปีก่อน

    ซ่าาาา

    สายฝนห่าใหญ่จากผืนฟ้าสาดกระหน่ำลงมาราวกับไม่ปราณีมนุษย์ตัวเล็กๆบนพื้นโลกแม้แต่น้อย

    "ให้ตายสิ"เสียงสบถจากโรคุโด มุคุโร่ คุณชายตระกูลดังที่มองดูอีโวคันงามของเขาด้วยสีหน้าปั้นยาก

    หลังจากที่เขาโดนอาจารย์เรียกไปบ่นเรื่องต่างๆนาๆตามแบบฉบับคนถูกอาจารย์หมันไส้จนต้องกลับเย็นเป็นรอบที่สามของสัปดาห์ ก็ต้องมาเจอการแกล้งปัญญาอ่อนอย่างปล่อยลมล้ออย่างนี้อีกหรอ

    คิดอย่างกลุ้มๆแม้เรียวปากจะยังคงมีรอยยิ้มที่มักประดับอยู่บนดวงหน้างามเป็นนิจ

    "ยามาโมโตะก็ดันมีธุระด่วนวันนี้อีก"บ่นเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง

    จะโทรให้คนของพ่อมารับก็ใช่ที่ เพราะเขาก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียวนานแล้ว

    ครั้นพอนึกถึงเรื่องครอบครัว รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไป...

    ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาในตระกูลมั่งคั่งอย่างโรคุโด แต่กลับถูกพ่อแม่รังเกลียด

    เพียงเพราะเกิดมามีตาสองสี...

    สีแดงก่ำฉานที่เกินมาจากสีน้ำเงินที่ควรมี ตาสีไพลินแห่งโรคุโด

    ดังนั้น พออายุได้สิบห้า เขาก็ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียว....

    ที่เขานึกขอบคุณพ่อแม่ ก็มีแค่การยอมให้เขาใช้นามสกุลนี้ และเงินจำนวนมากที่ถูกส่งมาให้ใช้ทุกเดือนเท่านั้น...

    มือเรียวยื่นออกไปรองน้ำฝน ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยาดน้ำที่เกาะพราวบนแพขนตาสวย

    สงสัยคงต้องรอฝนหยุดตกก่อนล่ะมั้ง

    คิดอย่างปลงๆ ก่อนจะเสยเส้นผมสีน้ำเงินที่ตกลงมาปรกหน้าออก

    "มาทำอะไรตรงนี้"แว่วเสียงเย็นราบเรียบ ทำให้เขาหันไปมอง

    ภาพของชายหนุ่มผมสีดำในชุดนักศึกษาที่เจ้าตัวจะใส่เป็นวันสุดท้ายยืนมองมาทางเขาด้วยสายตาไร้ความรู้สึก

    อัจฉริยะคนดังของมหาลัยที่เรียนจบภายในครึ่งปีอย่างไม่คิดรอชาวบ้าน ฮิบาริ เคียวยะ

    "รู้มั้ยว่ามันเกะกะ"เสียงเรียบกล่าว ดวงตาสีนิลสบลงกับดวงตาสองสีแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

    "ขอโทษครับ"คนเกะกะพูดอย่างสุภาพ ซึ่งมันดูรกหูรกตาอย่างแรงในสายตาของคนมอง นัยน์ตาคู่คมกลับจ้องมองตาสีประหลาดอย่างสนใจ

    "ตาของแก..."

    คำถามที่ถูกถามอย่างกระทันหัน ทำให้นิ้วเรียวแตะลงบนเปลือกตาของตน พร้อมยิ้มออกมาจางๆ

    "น่าเกลียด... ใช่มั้ยละครับ"

    สีที่แสนจะโสมม...

    "สวยดี"หากแต่คำพูดตรงๆจากเสียงเรียบๆซึ่งไม่รู้ว่าจะเรียกว่าคมชมได้รึเปล่านั้น ทำให้คนผมสีน้ำเงินแทบจะขอให้พูดซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป

    ดวงตาสองคู่สบผ่านม่านของสายฝน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน

    "แกมันรกหูรกตาจริงๆ"

    ประโยคที่เรียกรอยยิ้มขำบนเรียวปากงามที่เริ่มซีดด้วยความหนาว

    "มันไม่ใช่ความผิดผมสักหน่อย"

    ซ่า...

    พิรุณยังคงซัดสาด ท่ามกลางความเงียบที่เริ่มโรยตัว

    หากแต่ ความเงียบนั้นกลับถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจของคนผมสีดำ

    "ฉันจะไปส่ง"

    เป็นอีกครั้งที่มุคุโร่นึกว่าตัวเองหูฝาดไป

    คนอย่างฮิบาริ เคียวยะ เนี่ยนะ จะออกปากช่วยคนอื่น!?

    แต่แล้ว ความสงสัยก็ได้รับคำตอบ เมื่อคนตรงหน้าพูดเสียงเรียบ

    "แต่แกต้องมาทำงานกับฉัน"

    นั่น... ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

    ก็นึกแล้วว่าคนๆนี้ไม่เคยคิดช่วยใครฟรีๆ

    งานหรอ...

    มันก็... น่าสนุกไม่เลวเหมือนกันนะ

    นัยน์ตาสองสีทอประกายระยับ พร้อมรอยยิ้มที่ผุดพรายบนเรียวปาก

    "ก็เป็น... ข้อตกลงที่น่าสนุกไม่เลวนะครับ"

    คุณน่ะ...

    มักจะปรากฏ ในตอนที่ไม่มีใครสักคนอยู่ข้างผมเสมอเลยนะครับ...เคียวยะ

     

    Chapter 3-fin-

    เลี่ยน...
    ไม่ชินกับฉากหวาน*ร้องไห้*
    พยายามเเต่งต่อไป~~~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×