ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Heven สงครามมหาเทพ

    ลำดับตอนที่ #3 : ขนนกเส้นที่2 มิคาเอลที่โบยบิน[20%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 77
      0
      20 ธ.ค. 51

    ขนนกเส้นที่2

    มิคาเอลที่โบยบิน

     

     

    ….แสงสีทองสว่างของยามรุ่งอรุณ ส่องสะท้อนน้ำค้างบนยอดหญ้าเกิดเป็นประกายระยับ ดูราวกับอัญมณีเลอค่า รูปปั้นเทวดามิคาเอลบนหลังคาโบสถ์ส่งยิ้มให้กับทุกสรรพสิ่งเช่นทุกเช้าส่งผลให้ยามอรุณรุ่งนี้ดูงดงามไม่ต่างจากภาพวาด

     ลาเนรฟีล.... ลาเนรฟีล เจ้าอยู่ข้างในรึเปล่าน่ะเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากภายนอกเรียกให้ดวงตาสีม่วงกระจ่างของคนถูกเรียกหันไปมองยังต้นเสียง ก่อนที่กลีบปากบางจะขยับยิ้มกว้าง

    ข้าอยู่นี่ค่ะซิสเตอร์มารีลเสียงหวานไพเราะราวกับเสียงฮาร์ปขานรับ มือเรียวบางของเด็กสาวบรรจงพลิกหน้ากระดาษสีเหลืองกรอบแผ่วเบา

    จริงๆเลยนะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามาในโบสถ์เก่า โครงสร้างมันไม่ค่อยแข็งแรงนักสตรีวัยกลางคนเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ดวงตาสีถ่านมองดูเด็กสาวเบื้องหน้าที่ส่งยิ้มให้นางดังเช่นทุกครั้งที่พบเจอ

         ...เส้นผมสีทองสว่างยาวลาดถึงเอว ล้อมดวงหน้ามลหวานได้รูป เครื่องหน้างดงามแลดูสูงศักดิ์มิต่างจากภาพวาดของเทพยาดา ทั้งคิ้วที่โค้งเหมือนคันศรซึ่งรับกับนัยน์ตาสีสวยเหมือนอเมทิสต์ดวงนั้น... ช่างน่าสงสัยนักว่าเหตุใดผู้ให้กำเนิดถึงได้ทอดทิ้งเด็กคนนี้ ทั้งๆที่เธอแสนสวยและน่ารักเพียงนี้

    ค่าๆ แต่ในนี้มันสงบดีนี่คะ ถึงในโบสถ์จะเงียบก็เถอะ แต่ก็มีคนเข้าออกบ่อยๆ ข้าเลยไม่ค่อยมีสมาธิอ่านหนังสือเด็กสาวนามลาเนรฟีลพูดขึ้น เธอไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กวัยเดียวกันทั่วไป จึงต้องหาความรู้จากหนังสือเอาเอง

    จ้ะ แต่ตอนนี้เจ้าต้องไปพบคุณแม่อธิการก่อนนะซิสเตอร์มารีลว่า ทำให้คิ้วเรียวของคนผมสีทองเลิกขึ้นน้อยๆ

    เอ๋... คุณแม่เรียกข้าหรอคะ เรียกไปทำไมกันนะ...

       ...ก็ร้อยวันพันปีคุณแม่อธิการเคยเรียกหาเธอซะที่ไหนกัน

    ซิสเตอร์มอรีลขยับน้อยๆด้วยความเอ็นดู เธอรักลาเนรฟีลเหมือนลูกแท้ๆ... ทำให้ยามนี้เธอ รู้สึกเหงาเหลือเกินเมื่อรู้ว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นหน้าของเด็กสาวคนนี้

    ไม่รู้สิจ๊ะ แต่ตอนนี้เจ้าต้องรีบแล้วล่ะ คุณแม่ท่านยิ่งไม่ชอบคนมาสายอยู่ด้วย

    ค่ะเธอขานรับเสียงใส สร้อยข้อมือเส้นบางที่คล้องจี้รูปพระจันครึ่งเสี้ยวและดวงดาวกระทบกันเล็กน้อยในยามที่มือบางปิดหนังสือ เกิดเสียงกังวานใสเหมือนกระพรวนอันน้อย

         ร่างเพรียวเดินห่างออกไปแล้ว แต่ซิสเตอร์มารีลยังคงยืนนิ่งงัน ดวงตาสีดำทอแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก

    ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเจ้า.... เด็กน้อย

    *****************************

         ก๊อกๆๆ

    เสียงเคาะประตูแผ่วเบาอย่างมีมารยาทดังขึ้น เรียกให้นัยน์ตาใต้กรอบแว่นของหญิงชราหันไปมองยังประตูไม้สีซีด นางถอนหายใจแผ่วเบาคล้ายเหน็ดเหนื่อยหนักใจกับบางสิ่งบางอย่าง

    มาแล้วสินะ.... จุดตัดของโชคชะตาเอ่ยรำพึงแผ่วเบากับตนเอง ก่อนจะอนุญาตให้ผู้มาเยือนเข้ามาในห้อง

         ซิสเตอร์มารีลบอกว่าคุณแม่ต้องการพบข้า.... มีธุระอะไรหรอกหรือคะเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีทองเฉกแสงอรุณเอ่ยถาม พลางยอบกายเคารพสตรีเบื้องหน้าอย่างนุ่มนวล เพราะคุณแม่อธิการเรเนซิสเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดที่ทำให้เด็กกำพร้าอย่างเธอได้อาศัยอยู่ในโบสถ์เซนต์มิคาเอลแห่งนี้อย่างสงบสุข

    ดวงตาสีหมอกควันของผู้ถูกถามสบกับดวงตาสีอะเมทีสต์ของลาเนรฟีลชั่วครู่ ก่อนที่มือขาวซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาจะส่งซองจดหมายประทับตาครั่งสีทองแดงให้เธอที่รับมาด้วยความสงสัย

        ...นี่มันซองอะไรกันหว่า....

    ความคิดที่อยู่ไม่ได้นาน เพราะผู้ส่งให้บอกเฉลยเสียก่อน

    จากนอร์ส ทางโรงเรียนสเคนน่ามีประสงค์เชิญเจ้าเข้ารับการศึกษาในปีนี้โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นตลอดหกปีการศึกษาสิ้นเสียง ดวงตาของคนได้รับจดหมายกเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ

        ...อะไรนะ! เรียนหนังสือฟรีหรอ? แถมยังเป็นโรงเรียนสเคนน่า โรงเรียนมนตราศาสตร์ที่ดีที่สุดเสียด้วย! พระเจ้า!! นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโบสถ์นะ เธอจะกระโดดๆๆๆ ให้พื้นสะเทือนไปเลย!!

    จริงหรอคะ! แล้วเริ่มเรียนวันไหนคะ ต้องไปรายงานตัวรึเปล่า!!"

    คำถามที่มาเป็นชุดทำให้คุณแม่เรเนซิสขยับยิ้มอ่อนจางที่แฝงความเศร้าโศก ก่อนที่นางจะพูดขึ้น

    เจ้าต้องไปรายงานตัวภายในสี่วันนี้ จากเทรัสไปนอร์สคงใช้เวลาราวสามวัน ข้าคิดว่าเจ้าคงไปถึงพอดี ส่วนรายละเอียดต่างๆเจ้าอ่านในจดหมายเอาเองดีกว่านะ

    เธอพยักหน้ารับด้วยความดีใจ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมก้าวออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมกล่าวลาหญิงชรา

    ขอตัวนะคะคุณแม่ แล้วก็.... ขอบคุณสำหรับตลอดสิบสี่ปีในโบสถ์เซนต์มิคาเอลที่แสนวิเศษค่ะกล่าวพร้อมรอยยิ้มสดใสคล้ายหยาดน้ำค้างยามเช้า ก่อนที่ร่างเพรียวระหงจะถูกเงาของประตูไม้บดบังไป ทิ้งให้คุณแม่อธิการเรเนซิสยืนก้มหน้านิ่ง ใบหน้านั้นฉายแววเหน็ดเหนื่อยและหมองเศร้าจนดูอายุมากขึ้นไปอีกสิบปี

    สถาบันสอนมนตราที่ดีที่สุดตลอดหลายพันปีน่ะหรือ... หึ เปลือกนอกมันก็สวยหรูแบบนี้ล่ะเด็กเอ๋ย เพราะหากเอ่ยในสายตาของหญิงชราผู้เคยศึกษาในสเคนน่าเมื่อยี่สิบหกปีที่แล้ว ที่นั่นก็เป็นสถาน กักกันสำหรับผู้เป็น ร่างจุติ เท่านั้น... สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยหยาดโลหิตและความโหดร้าย มันช่างไม่เหมาะกับเด็กสาวผู้มีใจบริสุทธิ์อย่างเจ้าเลย...

        สุดท้าย ชะตาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทั้งๆที่มารดาเจ้าพยายามไม่ให้เจ้าก้าวสู่ วังวนโลหิตแล้วแท้ๆ.... พระผู้เป็นเจ้า ท่านเห็นทุกอย่างใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดท่านถึงทอดทิ้งบุตรเช่น พวกเราล่ะ หรือเพราะพวกเราคือ ภาชนะอย่างนั้นหรือ หึ.... พระองค์ท่านจะเล่นตลกกับบุตรแห่งท่านไปถึงเมื่อไรกันนะ... ลาก่อนลาเนรเฟียล ไม่สิ... เฟยิลร่า

     

    ***************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×